หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 718 ข้าจะไม่ซ่อมอีกต่อไปแล้ว!

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันลอยอยู่กลางอากาศ กำลังจะเปิดฉากโจมตี เขาเงยหน้าขึ้นในตอนที่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อพุ่งตัวออกมาจากถ้ำ โยวหรันมองไปยังทิศที่นครอาวุธเทพใหม่ตั้งอยู่ ด้วยพลังปราณที่มี ทำให้ชายชราสัมผัสได้ในทันทีว่ามีพลังงานที่คุ้ยเคยพวยพุ่งออกมาจากใต้ดิน

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” โยวหรันหรี่ตา ก่อนหน้านี้เขาหาร่องรอยของหวังเป่าเล่อไม่เจอ ไม่ว่าจะตั้งใจหาเพียงใด จึงสรุปได้ว่ามีสิ่งลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้ที่ตัวเขาเองก็ไม่ทราบว่าคือสิ่งใด

“แล้วจะอย่างไรเล่า…ไม่เห็นจะต้องสนใจ!” ประกายเย็นเยียบฉายวาบเข้ามาในดวงตาของโยวหรัน ภาพที่จื่อเยว่ปลูกต้นไม้มากมายบนดาวศุกร์เพียงแค่โบกมือ และปลุกกองทัพหุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้นกว่าแสนตนผุดขึ้นมาในใจของเขา ภาพนี้ติดแน่นอยู่ในสมองของโยวหรัน เขาสรุปได้ว่าจื่อเยว่ต้องมีปราณระดับดาวพระเคราะห์เป็นอย่างน้อย เมื่อตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้ โยวหรันก็ยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะหันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังนครอาวุธเทพใหม่ทันที!

ขณะที่โยวหรันพุ่งเข้าหานครใหม่นั้น ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้นบนอากาศเหนือนคร แต่ด้วยความที่พลังปราณยังไม่แก่กล้าพอ เขาจึงไม่สามารถเรียกเรือสำปั้น ชุดคลุม และไม้พายตะเกียงแห่งความมืดออกมาได้เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากนี้ร่างอวตารของเขายังดูโปร่งแสงอีกด้วย

พลังการต่อสู้ของร่างอวตารเทียบกับของตัวจริงไม่ได้ จึงทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องการเปิดฉากต่อสู้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ทันทีที่ร่างอวตารของเขาปรากฏขึ้นเหนือนคร ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงพลังหนึ่งที่รุนแรงมาก พลังนั้นกำลังพุ่งมาหาเขาจากนครดาวอังคารหลัก ประกายเย็นเยียบฉายวาบเข้ามาในดวงตาของหวังเป่าเล่อ

ชายหนุ่มไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขายกคันธนูสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ในมือซ้ายขึ้นมา มือขวาดึงสายคันธนูมาด้านหลัง เปลี่ยนสภาพคันธนูให้กลมกลึงเหมือนดวงจันทร์เต็มดวง เขาเล็งไปยังร่างที่กำลังพุ่งมาหาตน ก่อนจะปล่อยสายในทันที

อากาศรอบตัวชายหนุ่มสั่นไหวก่อนจะเริ่มแตกออกเป็นชิ้นๆ ในหลายๆ จุด แสงสว่างเจิดจ้ารวมตัวกันรอบคันธนู ก่อนพุ่งออกไปตามแรงของสายชัก แสงเจิดจ้าเปลี่ยนสภาพเป็นหอกที่พุ่งตัดอากาศไปในระยะไกล ปลายหอกคมกริบจนดูเหมือนจะเสียบทะลุทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้!

พลังที่สะสมอยู่ในหอกรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ จนทำให้ทั้งผืนฟ้าและพื้นดินสั่นไหว ราวกับทุกสิ่งที่ขวางหน้าจะถูกทำลายให้ราบคาบเป็นหน้ากลองไม่มีแม้แต่โอกาสจะสู้!

เหล่าผู้ฝึกตนจากนครอาวุธเทพใหม่พากันชะงักงัน แต่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อไม่หยุดเพียงเท่านั้น!

ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาบ เขาง้างคันธนูอีกครั้งเพื่อปล่อยหอกออกมาครบสิบเอ็ดเล่มในครั้งเดียว!

แรงระเบิดราวสายฟ้าฟาดซัดกระหน่ำลงมาไม่หยุดยั้ง อากาศรอบกายเริ่มปริแตก ท้องฟ้าโดยรอบทำท่าเหมือนจะถล่มลงมา พลังอำนาจของคันธนูสีดำยิ่งใหญ่มากเสียจนแม้กระทั่งสวรรค์ก็ยังทานทนไม่ไหว!

นั่นไม่ใช่การกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด คันธนูสีดำเป็นถึงอาวุธเทพระดับเก้า แม้ตอนที่หวังเป่าเล่อไปพบเข้า คันธนูนี้จะอยู่ในสภาพเสียหาย แต่พลังของมันก็ฟื้นฟูกลับมาเต็มที่เหมือนเดิมเมื่อชายหนุ่มซ่อมแซมมันจนเสร็จ ทั้งยังยังใส่ชิ้นส่วนต้นกำเนิดดวงดาวและแร่อัคคีชั้นสูงสุดเข้าไปในนั้นเพื่อเพิ่มพลังการโจมตีด้วย นอกจากนี้ชายหนุ่มยังใช้อาวุธเวทแห่งความมืดเข้ามาผสมรวมในการซ่อมแซมครั้งนี้ ส่งผลให้คันธนูสีดำทรงพลังกว่าที่เคยเป็นมา!

ด้วยความสามารถในการหลอมอาวุธของหวังเป่าเล่อ พลังของคันธนูในตอนนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าตอนก่อนซ่อมเสียอีก… นอกจากนี้ตัวเขาก็ไม่ได้ใช้คันธนูโจมตีในวิถีปกติ แต่มุ่งหน้าปล่อยพลังที่รุนแรงที่สุดออกมาโดยไม่สนใจว่าตัวอาวุธเวทจะได้รับความเสียหาย พลังที่ส่งออกมานั้นเกินหน้าสิ่งที่คันธนูทำได้ในยามปกติไปมาก และหอกสิบเอ็ดเล่ม…ก็ถือเป็นขีดจำกัดของมันแล้ว!

ทันทีที่หอกสิบเอ็ดเล่มพุ่งออกจากคันธนู อาวุธเวทระดับเก้าก็สลายกลายเป็นผุยผงอยู่ในมือของหวังเป่าเล่อ

เส้นรุ้งสิบเอ็ดสายพุ่งไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้า และเข้าหลอมรวมกันกลายเป็นทะเลแสงที่ส่องสว่างเจิดจ้าผ่าอากาศไป ลำแสงนั้นดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังพิกัดที่เล็งเอาไว้และอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างรุนแรง เป้าหมายของมันก็คือ…ผู้ที่กำลังพุ่งเข้าหามันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันนั่นเอง!

หอกทั้งสิบเอ็ดเล่มปรากฏขึ้นต่อหน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันในทันที ชายชราหรี่ตา ยกมือขวาของตนขึ้นฟาดไปข้างหน้า ผนึกอักขระโบราณปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา ก่อนขยายขนาดจนกว้างใหญ่ถึงสามร้อยเมตร ผนึกอักขระโบราณพุ่งไปข้างหน้าเข้าปะทะกับหอกทั้งสิบเอ็ดเล่ม

เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ การโจมตีของลำแสงเหมือนจะถูกหยุดลง แต่กลับมีหมอกสีดำพวยพุ่งออกมาจากหอกแทน หมอกนั้นเข้ากลืนกินผนึกหมายจะทำลายเสียให้สิ้นซากก่อนจางหายไป

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันนิ่วหน้าเล็กน้อย รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายใต้ฉากหน้าของหอกทั้งสิบเอ็ดเล่ม พลังของมันปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่พุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจเขาโดยไม่รู้ตัว

แต่ชายชราก็ระบุไม่ได้ว่าพลังนี้คือสิ่งใด และไม่มีเวลาพอที่จะมานั่งวิเคราะห์ เขารีบเคลื่อนย้ายหนีวิถีโจมตีของหอกในทันที และพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อ!

“นี่ร่างอวตารมิใช่รึ แปลว่าตัวจริงของเจ้าก็ต้องอยู่แถวนี้!” เสียงของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอาบเคลือบไปความเย็นเยียบและความชิงชัง คำพูดของเขาสะท้อนก้องในอากาศ ชายชราทะยานไปข้างหน้า ร่างกลายเป็นเพียงภาพพร่าเลือน ขณะพุ่งเข้าไปใกล้หวังเป่าเล่อ!

ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อล่าถอยและรีบสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ อย่างรวดเร็ว ศพอสูรร้ายปรากฏขึ้นขนาบข้างชายหนุ่มในทันที ดวงตาของสัตว์ร้ายทั้งสองโชนแสงสีแดงแรงกล้า มันอ้าปากส่งเสียงกู่ร้องทำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนกระโจนเข้าหาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!

เพลิงสีเขียวรายล้อมหุ่นเชิดอสูรเขี้ยวดาราขณะที่พวกมันพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพลิงที่สัตว์ร้ายปล่อยออกมานี้แตกต่างจากตอนที่มันมีชีวิตอยู่และไม่ใช่เปลวไฟสีดำ เปลวไฟนี้เกิดจากการรวมตัวกันของเปลวไฟทั้งสองชนิด ผสานอำนาจของทั้งสองเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่ชนิดใดชนิดหนึ่งเช่นกัน กระนั้นพลังของมันก็ไม่มีข้อกังขา อสูรทั้งสองกลายร่างเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้าหาเป้าหมาย!

ลูกไฟอสูรทั้งสองพุ่งเข้าหาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันในทันที และโอบล้อมเขาจากทั้งสองด้าน การปะทะที่เกิดขึ้นแทบจะในพริบตาส่งเสียงระเบิดดังกึกก้องไปในอากาศเหมือนฟ้าผ่า การผนึกกำลังกันโจมตีของอสูรทั้งสองทำให้แม้แต่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็ยังตกที่นั่งลำบาก เขาขมวดคิ้ว อสูรเขี้ยวดาราเหล่านี้มีปราณอยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณอมตะก่อนจะสิ้นชีพ แปลว่าร่างกายของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจนไม่อาจเอาชนะได้ง่ายๆ

สิ่งที่โยวหรันต้องระวังไม่ได้มีเพียงอสูรทั้งสองเท่านั้น เขาอาจหลบการโจมตีนี้ไปได้โดยการเคลื่อนย้ายหนี เพื่อเริ่มไล่ล่าหวังเป่าเล่ออีกครั้ง แต่ขณะที่เขากำลังยกมือขวาขึ้นโบกเพื่อปลุกพลังเคลื่อนย้าย หวังเป่าเล่อก็สร้างผนึกฝ่ามืออีกครั้ง หุ่นเชิดอสูรทั้งสองคำรามก้อง เปลวไฟสีเขียวพวยพุ่งออกจากร่างกายของพวกมัน อสูรทั้งสองเริ่มใช้ร่างกายของตนเองเป็นเชื้อเพลิง เปลวไฟเริ่มพัดโหมขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นทะเลเพลิงที่ลามไปทั่วพื้นที่!

ลูกไฟทั้งสองรวมตัวเข้าด้วยกัน สร้างทะเลเพลิงให้อุบัติขึ้นทั่วบริเวณ ปิดตายพื้นที่เอาไว้เพื่อกันไม่ให้ศัตรูเคลื่อนย้ายออกไปได้!

ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา เมื่อเปลวเพลิงระเบิดออกจากร่างของอสูรร้าย ประกายแสงก็สว่างวาบขึ้นในแววตาของร่างอวตารขณะที่สร้างผนึกฝ่ามืออีกครั้ง เปลวไฟสีดำพุ่งออกจากร่าง กระจายตัวออกไปข้างนอกและรวมตัวกับทะเลเพลิงสีเขียว กักขังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้ภายใน!

แต่ไม่จบเพียงเท่านั้น ขณะที่เพลิงกำลังโอบล้อมศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอยู่นั้นเอง เสียงระเบิดดังต่ำก็สนั่นขึ้น ส่งให้ทะเลเพลิงเปลี่ยนสภาพไปอีกครั้ง!

 “กักขัง!”

เมื่อสิ้นสุดคำสั่ง หอกทั้งสิบเอ็ดเล่มที่ถูกผนึกอักขระหยุดไว้ก่อนหน้านี้ก็ปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าออกมา พวกมันแหวกทำลายผนึกและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยความเร็วกะทันหัน จนมาปรากฏอยู่ต่อหน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันในฉับพลัน หอกทั้งสิบเอ็ดเล่มลอยอยู่เหนือทะเลเพลิงกระจายตัวเป็นวงกลมล้อมรอบศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้ จากนั้นฝูงหอกก็พุ่งเข้าเสียบ ไม่ต่างจากดาบคมที่แทงทะลุกรงขังเหล็ก การโจมตีแต่ละครั้งมาพร้อมเสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นปะทุจากทะเลไฟ!

ทั้งหมดนี้คือแผนการที่หวังเป่าเล่อวางไว้ เขารู้ว่าร่างอวตารของตนต่อกรกับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่ได้แน่ๆ การเริ่มเปิดฉากโจมตีครั้งนี้จึงมีเพียงเป้าหมายเดียว คือการสละร่างอวตารของเขาเพื่อกักขังโยวหรันเอาไว้ และซื้อเวลาให้ตนเองเพิ่มขึ้น!

หอกทั้งสิบเอ็ดพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย เริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พวกมันปลดปล่อยพลังถึงขีดสุดออกมา เพื่อแปรเปลี่ยนพลังนั้นให้เป็นพลังกดดันที่ส่งให้ทะเลเพลิงเดือดพล่าน เมื่ออุณหภูมิพุ่งขึ้นถึงจุดที่สูงจนวัดไม่ได้ อากาศโดยรอบก็เริ่มบิดเบี้ยวตามความร้อนมหาศาล ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังดิ้นทุรนทุรายทรมานด้วยความเจ็บปวดจากทะเลไฟประลัยกัลป์!

หวังเป่าเล่อวางหมากไว้อย่างแยบยล และแผนการนั้นก็เดินหน้าไปอย่างราบรื่น ราบรื่นจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มรู้สึกตกใจที่ทุกอย่างเข้าทางตนเองถึงขนาดนี้ สัญชาตญาณบอกเขาว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

ตอนนั้นเองที่แขนขนาดมหึมาพุ่งออกจากทะเลเพลิง และคว้าหอกด้ามหนึ่งเอาไว้ แขนยักษ์นั้นเต็มไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์มากมาย เป็นภาพที่น่าขนลุกยิ่ง แขนยักษ์กระชากอย่างรุนแรงจนหอกสะบั้นลง!

หอกที่โดนทำลายส่งเสียงกึกก้องสะท้อนไปในอากาศ เสียงหัวเราะน่าสยดสยองดังออกมาจากทะเลเพลิง แขนอีกข้างพร้อมศีรษะยักษ์ผุดขึ้นมาจากเปลวไฟทำลายล้าง!

ศีรษะนั้นทั้งดูเหมือนศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน แต่ก็ไม่ใช่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันด้วยเช่นกัน ศีรษะทั้งสองและแขนทั้งสี่ที่ถูกราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทำลายสิ้นกลับมาสภาพดีดังเดิมแล้ว และดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วย ใบหน้านับไม่ถ้วนปกคลุมทั้งแขนและศีรษะที่โผล่พ้นไฟออกมา เป็นภาพที่น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง!

“ข้ารู้ว่าคนร้อยเล่ห์อย่างเจ้ามีกลลวงมากมายซ่อนอยู่ ข้าจึงจัดการสังเวยหุ่นเชิดตระกูลไม่รู้สิ้นไปเสียหมื่นตนก่อนจะมาถึงที่นี่ เพื่อรักษาร่างกายของตัวเองให้กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดดังเดิม แถมยังดูเหมือนจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ บัดนี้ข้ามีพลังชีวิตของวิญญาณหมื่นตนอยู่ในกาย แล้วเจ้า…จะล้มข้าลงได้อย่างไรหรือ” เสียงของโยวหรันเต็มไปด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมของชัยชนะ ความย่ามใจนี้สะท้อนก้องไปทั่วผืนฟ้า เขากระโจนออกจากทะเลเพลิงในทันที หอกทั้งหมดที่เหลือแตกสลายกลายเป็นผุยผง ทะเลเพลิงถูกพัดกระจาย เผยให้เห็นรูปลักษณ์อันน่าพรั่นพรึงของชายชรา!

ในวินาทีนั้นเอง หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งนั่งอยู่ในวัตถุเวทแห่งความมืดก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของชายหนุ่มโชติช่วงด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า

 “ดูเหมือนจะไม่มีเวลาซ่อมให้เสร็จเสียแล้ว…เริ่มเลยก็แล้วกัน!”

……………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset