หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 759 อย่าได้บังอาจดูหมิ่นนักหลอมอาวุธเวท!

ในกลุ่มคนที่บรรลุขั้นการฝึกตนระดับสูง ก็พอจะมีบางคนที่ทำความเข้าใจอะไรได้ช้า แต่ไม่มีทางมีคนโง่อยู่ในหมู่คนกลุ่มนี้แน่ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในกองทหารเกราะดำตระหนักดีว่าคำสัญญาของหวังเป่าเล่อนั้นแง่หนึ่งก็เพื่อปกป้องตนเอง ส่วนอีกแง่ก็เพื่อสานสัมพันธ์กับกองทหารเกราะดำ

วิธีที่รวดเร็ว สะดวก และได้ผลดีที่สุด นอกจากสร้างความเกลียดชังคือการสร้างผลประโยชน์ อย่างการให้กู้ยืมก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างผู้คนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์เช่นนี้แล้ว ก็มักจะสานต่อไปได้อย่างยั่งยืนจนกระทั่งจ่ายหนี้หมด

หวังเป่าเล่อตระหนักเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ยังเด็ก และเขาก็เคยใช้วิธีนี้อยู่หลายหนจึงหยิบขึ้นมาใช้อีกครั้งอย่างไม่ลังเลใจ ขณะเดียวกัน ลึกๆ ในใจ มันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มกล้าเสี่ยงสังหารศิษย์ของผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก

แน่นอนว่าเขาโกรธ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ทนไม่ได้ ในแง่หนึ่ง การสังหารศิษย์ผู้นั้นถือเป็นการทดสอบ ส่วนอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นการวางตำแหน่งให้กับตัวเองอย่างพิถีพิถัน

ชายหนุ่มไตร่ตรองมาอย่างละเอียด แต่พอเจอเรื่องกองทหารมังกรหยดหมึกจึงกลายเป็นว่าไม่สามารถทำตามแผนเดิมทีละขั้นได้อีก ขณะเดียวกันโอกาสใหม่ก็เผยโฉมขึ้นตรงหน้า แต่การจะไต่เต้าเอาตำแหน่งในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ เขาจะต้องแสดงความสามารถให้ทุกคนได้ประจักษ์

ปัจจัยทั้งหมดนี้มารวมอยู่ในฉากการสังหารศิษย์ด้วยความเกรี้ยวกราดของเขา!

ฝูงชนรอบๆ ที่พากันตื่นตกใจเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าหวังเป่าเล่อคิดถูก แต่เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนทั่วไปของกองทหารเกราะดำแล้ว ชายหนุ่มสนใจท่าทีของผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำมากกว่า

และท่าทีที่ว่านั่น…ก็เผยให้ได้เห็นอย่างรวดเร็ว!

ขณะที่หวังเป่าเล่อล่าถอยออกมา ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่เพิ่งเสียศิษย์รักไปก็ร้องคำรามลั่น ตั้งท่าเตรียมออกไล่ล่าด้วยจิตสังหารที่อัดแน่นอยู่ในดวงตา แสงผิดแปลกฉายวาบในดวงตาของผู้อาวุโสที่นอนอยู่บนหลังด้วงดำในฟองอากาศสีรุ้งเป็นครั้งแรก เขามองหวังเป่าเล่ออย่างลุ่มลึกก่อนจะหัวเราะออกมา

“น่าสนใจ” ผู้อาวุโสพูดพร้อมยกมือขวาจิ้มมั่วๆ บนหลังด้วง ทันใดนั้น ด้วงยักษ์สีดำก็เงยหน้าอ้าปาก ร้องคำรามเสียงดังออกมา เสียงคำรามของมันทะลุผ่านฟองอากาศสีรุ้งและระเบิด แรงปะทะพัดกระจายออกไปด้านนอกเขตเส้นแสง ก่อนจะก่อตัวเป็นพายุเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ พัดไปยังผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่กำลังไล่ล่าชายหนุ่มอยู่

เสียงดังสนั่นทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม เขากัดฟันแน่นและถอยเข้าไปในเขตเส้นแสง ถึงผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจะแข็งแกร่ง แต่นางก็อยู่เพียงขั้นแสร้งอมตะ ไม่ใช่ขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริง สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเมื่อพายุส่งผลต่อความเร็วของนาง ส่งผลให้ทำได้แค่ยืนมองหวังเป่าเล่อหนีเข้าไปในเขตเส้นแสง ความคลุ้มคลั่งในใจทำให้นางต้องร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมา

แต่ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกนั้นเป็นคนดุดัน แม้นางจะเดือดจัดจนถึงขีดสุด แต่ก็ก้าวไปบนห้วงอวกาศเบื้องล่างอย่างเกรี้ยวกราดและหายวับไป ไม่แม้แต่จะหันมองหวังเป่าเล่อ

การที่หญิงสาวกลับออกไปเช่นนั้นทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกหงุดหงิดกว่าการได้ยินนางโต้ตอบกลับ นั่นเพราะเขารู้ดีว่าคนเช่นนี้คือคนที่โหดร้ายอย่างจริงแท้

ต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด! หวังเป่าเล่อหรี่ตา ละสายตาจากผู้บัญชาการกองทัพมังกรหยดหมึกและหันกลับมากุมมือคำนับให้กองทหารเกราะดำและฟองอากาศสีรุ้ง

“ศิษย์พี่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!”

เหมือนว่าผู้อาวุโสในฟองอากาศจะไม่ได้ยินที่หวังเป่าเล่อพูด เขาเอนตัวนอนและหลับตาลง

สีหน้าของชายหนุ่มยังคงไม่แปรเปลี่ยน หลังจากคำนับผู้อาวุโสอีกครั้ง เขาก็ถอยหลังกลับด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นนั้นไปประมาณสามพันเมตรจึงหันกลับและเตรียมจากไป

ในตอนนั้นเอง สวีเฟยจื่อเหมือนจะพอใจการกระทำของหวังเป่าเล่อ จึงพูดขึ้น

“หลงหนานจื่อ เจ้าให้คำมั่นไว้ว่าจะหาปลามังกรหยดหมึกมาให้สามร้อยตัวภายในสามปี ข้าจะจำคำมั่นนั้นไว้”

ได้ยินเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็กุมหมัดคำนับสวีเฟยจื่ออีกรอบพร้อมพูดขึ้นอย่างนอบน้อมโดยไม่คิดแอบซ่อนความเจ็บปวดที่มี

“ศิษย์น้องรับทราบ” เขาตอบอย่างไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ชายหนุ่มกุมหน้าอกแน่นขณะจากออกไปอย่างเชื่องช้าเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บรุนแรง หลังจากเดินออกไปนอกเขตที่ปกคลุมด้วยสัมผัสสวรรค์ขั้นจิตวิญญาณอมตะ หวังเป่าเล่อก็หรี่ตา มองกลับไปทางกองทหารเกราะดำ

เพิ่มจำนวนเป็นสามเท่า ผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำช่างร้ายกาจเสียจริง เขาตั้งใจทำให้ข้าตกที่นั่งลำบาก… หวังเป่าเล่อหรี่ตา เดิมทีเขาก็ไม่ได้วางแผนจะบอกปัดหนี้ ถ้าสถานการณ์เป็นใจ ชายหนุ่มก็คิดจะมอบปลามังกรหยดหมึกไปเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับกองทหารเกราะดำให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

แต่คำพูดของสวีเฟยจื่อเมื่อครู่ทำให้เขาปัดความคิดนั้นทิ้งไป ชายหนุ่มตระหนักถึงความตั้งใจของผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำดี อีกฝ่ายต้องการจะเพิ่มมูลค่าของหวังเป่าเล่อ ทำให้การตายของชายหนุ่มมีคุณค่ามากขึ้น

“ไม่ต้องถึงสามปี มากสุดหนึ่งปี…ถ้าข้ายังหาทางมอบปลามังกรหยดหมึกไม่ได้ ผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำจะสร้างสถานการณ์ว่าข้าโดนกองทหารมังกรหยดหมึกสังหาร จากนั้นก็เรียกร้องค่าชดเชยจากกองทหารมังกรหยดหมึก” เขาพึมพำ ความเร็วไม่ได้ตกลง จุดหมายของชายหนุ่มไม่ใช่ดาวเอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แต่เขาต้องการหาสถานที่ที่ใช้ในการฝึกวิชาภายในห้วงจักรวาลซึ่งควบคุมโดยสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์

สถานที่เช่นนั้นไม่ได้หายากอะไร ดาวเคราะห์เล็กๆ หรือสะเก็ดดาวสักดวงก็ถือว่าเหมาะสมมากแล้ว แต่เทียบกันดูแล้วอย่างหลังน่าจะหาพอได้ง่ายกว่า

ผ่านไปครึ่งเดือน หวังเป่าเล่อก็พบสะเก็ดดาวที่เหมาะใช้ฝึกวิชา เขานั่งขัดสมาธิ ปรับสมดุลพลังปราณ กล้ำกลืนฝืนรับความเจ็บปวดจากการฉีกกระชากร่าง ในที่สุดก็สามารถคลายคำสาปของแมลงปอสีเลือดออกจากทรวงอกได้สำเร็จ จากนั้นก็เริ่มจัดแจงความคิดและแผนการใหม่

จะความอาฆาตจากกองทหารมังกรหยดหมึกก็ดี หรือคำขู่จากกองทหารเกราะดำก็ดี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน…ก็ชี้ให้เห็นว่าตัวตนและระดับพลังปราณของข้าก็ยังอ่อนแอกว่าพวกเขาอยู่ดี! หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนสะเก็ดดาวเงยหน้ามองห้วงอวกาศเบื้องบน เขายื่นมือขวาลงไปยังผืนดินรอบตัว จากนั้นก็ขุดชิ้นส่วนสะเก็ดดาวขึ้นมาไว้ในมือ

เปลี่ยนตัวตนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีความเสี่ยงในอนาคต จะให้บรรลุขั้นการฝึกตนก็ไม่สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ แต่..มีอย่างหนึ่งที่ข้าทำได้เพื่อจะเปลี่ยนสถานการณ์นี้!

ชื่อเสียง! หวังเป่าเล่อออกแรงบีบสะเก็ดดาวในมือ เสียงปริแตกดังขึ้นตามแรงบีบ ดวงตาของเขาฉายแสงวาบขึ้น

ถ้าข้าเป็นคนมีชื่อเสียงที่ทุกคนในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์รู้จัก ถึงจะเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด แต่ข้าก็จะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้หลังได้รับความสนใจจากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!

ความยากอยู่ตรงที่จะได้รับความสนใจในระดับที่ข้าต้องการหรือเปล่า…ทางเดียวที่จะทำได้สำเร็จก็คือลงมือทำอะไรบางอย่างที่สร้างความตื่นตกใจได้ หวังเป่าเล่อครุ่นคิดจนถึงจุดนี้ จากนั้นความคิดในหัวก็เริ่มชัดเจนขึ้น

ไม่มีเรื่องไหนจะยิ่งใหญ่และน่าตื่นตกใจไปกว่าการที่คนคนเดียวสามารถโค่นกองทัพทั้งกองลงได้ แสงเย็นเยียบฉายวาบขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม พอคิดถึงตอนที่ต้องทำลายเรือบินรบที่ลำบากสร้างมากับมือ ตอนที่โดนผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกไล่ล่า และตอนที่ทนทุกข์ทรมานจากคำสาปของแมลงปอสีเลือด ดวงตาของเขาก็ฉายแววแน่วแน่เด็ดเดี่ยว

ด้วยระดับการฝึกตนของข้า ต้องมีเรือบินรบจำนวนมากพอจึงจะทำเช่นนั้นได้!

เรือบินรบพวกนี้ไม่ต้องมีระดับสูงมาก แค่ระเบิดตัวเองได้ก็พอ ข้าต้องปรับตัวอักขราจารึกเพื่อให้เกิดการทำลายตัวเองอย่างต่อเนื่อง…ต้องมีกำลังคนเพียงพอที่จะคุมเรือบินรบพวกนี้ หวังเป่าเล่อหลับตา หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ

ได้เวลาใช้งานเหล่าหุ่นเชิดของข้า! ตัดสินใจได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่มัวเสียเวลา เขาเริ่มจากการเพิ่มพลังวงแหวนปราณที่ตั้งขึ้นรอบๆ เพื่อใช้ระหว่างการฟื้นฟูตนเอง จากนั้นก็เปิดกำไลคลังเวทและหยิบกระเป๋าคลังเก็บสิบกว่าใบออกมา ในกระเป๋าเต็มไปด้วยของมากมายที่ได้มาตอนร่วมมือกับสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ออกปล้น

ยังไม่พอ… ชายหนุ่มตรวจดูข้าวของอีกครั้ง พอคิดวางแผนในหัวเสร็จ ก็เปิดใช้แผ่นหยกสื่อสารในทันที เขาส่งข้อความเสียงไปหาเต๋อคุนจื่อเพื่อขอให้อีกฝ่ายรวบรวมวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้องการและส่งมาให้เป็นชุดๆ ขณะเดียวกันก็ส่งรายชื่อสิ่งของให้เต๋อคุนจื่อและสั่งให้อีกฝ่ายไปหาซื้อมาจากที่อื่น

เต๋อคุนจื่อหนีกลับมาดาวเอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แล้ว ตอนแรกก็ระแวดระวังตัว ประกอบกับไปได้ยินข่าวลือต่างๆ มา พอได้ทราบข่าวลือเรื่องข้อพิพาทระหว่างหลงหนานจื่อกับผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกและการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกองทหารเกราะดำ เขาก็ยิ่งวางใจไม่ได้ เป็นกังวลหนักขึ้นกว่าเดิม สำหรับเต๋อคุนจื่อแล้ว ทั้งสองกองทหารนั้นเป็นกลุ่มคนที่เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย

หลังจากได้รับข้อความเสียงจากหวังเป่าเล่อ เขาก็ไตร่ตรองอยู่ในใจ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจ กัดฟันแน่น และทำตามที่หวังเป่าเล่อสั่งมา

สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว สะเก็ดดาวที่หวังเป่าเล่อพำนักอยู่นั้นภายนอกดูปกติ แต่ภายในเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง พื้นที่ด้านในสะเก็ดดาวกลวงโบ๋ มีทะเลเพลิงไหลหลากอยู่ภายใน นอกจากหวังเป่าเล่อที่ตอนนี้อยู่ในสภาพหัวฟูจากการหลอมอาวุธเวทอย่างบ้าคลั่ง ยังมีหุ่นเชิดหลากหลายขนาดจำนวนนับพันตัวอยู่ในพื้นที่ด้านในสะเก็ดดาวด้วย

เหล่าหุ่นเชิดกำลังวิ่งวุ่นเข้าออกสะเก็ดดาวซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ผลิตเรือบินรบจำนวนมากซึ่งมีหน้าที่ระเบิดตัวเอง!

แค่นี้ยังไม่พอ คอยดูเถอะ ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก! หวังเป่าเล่อโบกมือขวา สร้างหุ่นเชิดขึ้นอีกสามตัว หลังจากส่งพวกมันไปช่วยงานก่อสร้างรอบๆ เขาก็ลงมือหลอมเรือบินรบเพิ่มอีก!

………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset