หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 760 กลับสู่ดารานิรันดร์!

ด้วยความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดจำนวนมาก และการที่เขายอมลดความคงทน ความเร็ว และพลังโจมตีของเรือบินรบลง ทำให้หวังเป่าเล่อสร้างเรือบินรบได้เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะเรียกพวกมันว่าเรือบินรบไม่ได้อีกต่อไปแล้วก็เถอะ

ให้เรียกว่าวัตถุเวทขนาดใหญ่อาจจะดูเหมาะกว่า เพราะเหตุนี้กระบวนการหลอมจึงลดทอนลงไปมาก ทำให้จำนวนเรือบินรบพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน หวังเป่าเล่อก็หลอมเรือบินรบขึ้นได้เกือบพันลำ ชายหนุ่มไม่ได้ใส่แก่นวิญญาณที่ช่วยให้ควบคุมเรือบินรบผ่านความคิดเพื่อเป็นการลดต้นทุน

ดังนั้นในมุมหนึ่งเรือบินรบเหล่านี้จึงไม่ต่างจากขยะเลย แต่นี้ก็เป็นแค่สภาพก่อนการระเบิด หากสั่งระเบิดแล้ว พลังที่ผสานรวมกันของพวกมันสามารถปลดปล่อยพายุรุนแรงขนาดเขย่าฟ้าดินได้

นั่นเพราะหวังเป่าเล่อทุ่มเทพลังไปกับการจัดวัตถุดิบให้ได้พลังระเบิดสูงที่สุดเมื่อทำลายตนเอง ทำให้แทนที่จะเรียกว่าเรือบินรบ เรียกว่าเป็นลูกระเบิดที่พร้อมระเบิดทุกเมื่อน่าจะเหมาะสมกว่า!

ชายหนุ่มยังเป็นกังวลว่าแรงระเบิดที่ได้จากการทำลายตัวเองนั้นจะไม่เพียงพอ จึงใช้วิธีหลอมอาวุธเวทของสหพันธรัฐเสริมเข้าไปอีก ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี หลังจากคิดสักพัก หวังเป่าเล่อก็ชั่งใจว่าจะเสริมดวงตาปีศาจเข้าไปอีกดีหรือไม่ เพราะถึงมันจะช่วยเสริมแรงระเบิดได้ แต่ก็เสี่ยงกับการเปิดเผยตัวตนอยู่ไม่น้อย

เอาแค่นี้แล้วกัน ข้าเสริมพลังได้มากสุดเพียงเท่านี้ หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในสะเด็ดดาวหันมองเรือบินรบจำนวนเกือบพันลำรอบตัวและถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย จากนั้นก็ก้มมองกำไลคลังเวท เมื่อเห็นวัตถุดิบที่เหลืออยู่ก็ค่อยๆ หรี่ตาลง

ถึงจะไม่ได้ใส่แก่นวิญญาณเพื่อเชื่อมกับสัมผัสสวรรค์ ทำให้ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไปควบคุมเรือบินรบได้อย่างแม่นยำไม่ได้…แต่ข้าไม่จำเป็นต้องควบคุมเรือบินรบ แค่คุมหุ่นเชิดก็พอแล้ว! แสงผิดแปลกฉายวาบในดวงตาของหวังเป่าเล่อ นี่คือแผนที่ชายหนุ่มวางเอาไว้ เขาจะควบคุมหุ่นเชิดจำนวนมากเพื่อให้ควบคุมกองเรือบินรบต่ออีกที

ดังนั้น เมื่อเรือบินรบระเบิดทำลายตัวเอง เหล่าหุ่นเชิดก็จะระเบิดทำลายตัวเองด้วยเช่นกัน ถึงพลังระเบิดของพวกมันจะไม่สู้กองเรือบินรบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้พลังเลย

กองทหารมังกรหยดหมึก พวกเจ้ากล้าปล้นข้า เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ข้าจะเป่าพวกเจ้าให้เป็นจุณ! หวังเป่าเล่อพ่นลมทางจมูก หยุดคิดเรื่องเรือบินรบ แค่เริ่มครุ่นคิดวิธีรับมือผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่มีระดับการฝึกตนอยู่ในขั้นแสร้งอมตะ

ชายหนุ่มทราบดีว่าถ้าหาทางรับมือนางไม่ได้ แผนทั้งหมดที่วางไว้ก็จะสูญเปล่า ที่โจมตีไปก็เหมือนกับเป็นการฆ่าตัวตาย

ระดับการฝึกตนแตกต่างกันเกินไป ถ้าร่างจริงออกมาสู้ด้วย ข้าก็เทียบชั้นนางไม่ได้…แต่ก็อาจขังไว้แล้วเลือกไม่สู้ก็ได้… หวังเป่าเล่อลูบคาง ดวงตาฉายแสงวาบขณะครุ่นคิด

เรื่องวางกับดัก ข้าเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี… ขณะคิดเช่นนั้น อาวุธเวทต่างๆ อย่าง เกราะระฆังทองคำ เชือก วงแหวนปราณ และอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัว แต่สุดท้ายเขาก็ปัดความคิดนั้นไป

“ตอนนี้ข้ามีทรัพยากรจำกัด ถึงจะสร้างได้ ก็คงไม่ได้จำนวนที่มากพอจะเป็นประโยชน์ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเหล่าหุ่นเชิดที่ง่วนอยู่กับการทำงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ชายหนุ่มหลอมหุ่นเชิดขึ้นหลายพันตัวเพื่อให้กระบวนการสร้างเรือบินรบเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

เรือบินรบแต่ละลำต้องใช้หุ่นเชิดสามตัวในการควบคุม ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะมีหุ่นเชิดเหลือประมาณเจ็ดพันตัว… ดวงตาของหวังเป่าเล่อค่อยๆ ฉายแสงวาบขึ้นขณะกำลังคิดคำนวณความเป็นไปได้ในหัว

หากผนวกระบบหลอมอาวุธเวทของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เข้าและเสริมพลังพวกมันอย่างไร้ขอบเขต ข้าจะรวมพวกมันเป็นกลุ่มละพันตัวเพื่อสร้างวงผนึกได้…เป้าหมายไม่ใช่เพื่อขังนางผู้อยู่ในขั้นแสร้งอมตะให้ได้นานๆ ขอแค่ขังให้ได้สิบชั่วลมหายใจในทุกรอบก็พอแล้ว!

ด้วยวิธีนี้ ข้าจะขังนางได้เจ็ดรอบ รอบละสิบชั่วลมหายใจ! หวังเป่าเล่อตัดสินใจได้เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ นี่คือวิธีที่จะสูญเสียทรัพยากรและวัตถุดิบน้อยที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่มัวเสียเวลา เข้าสู่การถือสันโดษต่อทันที และคอยเสริมพลังให้กับหุ่นเชิดอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะใช้ขังผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะได้

เวลาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นนั้นและอีกสามเดือนก็ผ่านไป!

หวังเป่าเล่อใช้ข้าวของในกระเป๋าคลังเก็บไปกว่าร้อยละเก้าสิบเพื่อเสริมพลังหุ่นเชิดเจ็ดพันตัวและประกอบเรือบินรบหนึ่งพันลำขึ้น ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากเต๋อคุนจื่อ แผนการกองทัพฉายเดี่ยวของเขาก็เสร็จสมบูรณ์

 ยังไม่พอ ยังขาดกระบวนท่าช่วยเหลือ! หลังจากเก็บหุ่นเชิดและเรือบินรบเสร็จ หวังเป่าเล่อก็ยืนมองห้วงอวกาศเบื้องหน้าอยู่บนสะเก็ดดาว เขาพูดพึมพำพร้อมก้าวย่างหายวับไปในห้วงอากาศ ทิ้งสะเก็ดดาวที่พำนักมาครึ่งปีไว้และมุ่งหน้าจากไป

ระหว่างการเดินทาง รูปลักษณ์ของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พอออกจากเขตพื้นที่ที่ควบคุมโดยสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ ชายหนุ่มก็แปลงโฉมเป็นจั่วอี้เซียน ในด้านหนึ่งก็เพื่อกลบร่องรอยของตัวเอง ส่วนอีกด้านหนึ่ง เต๋อคุนจื่อได้บอกเขาว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา กองทหารมังกรหยดหมึกออกประกาศจับตนไปทั่วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์

กระบวนท่าช่วยชีวิตของข้าคือการใช้การเคลื่อนย้ายของดวงเนตรหมื่นปีศาจ ทำให้ข้าสามารถใช้ไอพลังของมันจากที่ใดก็ได้เพื่อเคลื่อนย้ายจากที่โล่งไปปรากฏข้างดารานิรันดร์!

ดังนั้น ข้าต้องซื้อสิทธิ์ใช้ดวงเนตรหมื่นปีศาจของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์หนึ่งหน!

หวังเป่าเล่อพึมพำในใจพร้อมเร่งความเร็วขึ้น จุดหมายที่เขามุ่งหน้าไป…คือจุดที่ดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ตั้งอยู่

นี่ไม่ใช่ความคิดที่ผุดขึ้นมาชั่วขณะ แต่เป็นสิ่งที่คิดมากก่อนหน้านี้ตอนวางแผนการครั้งใหญ่บนสะเก็ดดาว เขาจึงถามเต๋อคุนจื่ออ้อมๆ ถึงวิธีเปิดใช้ดวงเนตรหมื่นปีศาจ

หวังเป่าเล่อถามอีกฝ่ายอย่างชาญฉลาด จนเต๋อคุนจื่อไม่กล้าไม่ตอบคำถามแม้จะนึกสงสัย ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็เพิ่งเข้าใจกระจ่างในวันนี้

ถ้าไม่มีอำนาจพิเศษก็ไม่สามารถให้ของบูชาดวงเนตรหมื่นปีศาจเพื่อเปิดใช้งานได้ มีเพียงกองทหารเท่านั้นที่มีสิทธิ์!

หวังเป่าเล่อมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงสามวันก็ไปถึงเขตดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เมื่อเห็นดารานิรันดร์ขนาดใหญ่จากที่ไกลๆ เขาก็หยุดชั่วขณะและสัมผัสแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวของมันอยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มกัดฟันแน่นและมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ดารานิรันดร์เรื่อยๆ

ขณะที่เข้าไปใกล้ดารานิรันดร์ ไอร้อนรุนแรงก็พวยพุ่งออกมา พลังทำลายล้างที่แผ่ออกมาจากดารานิรันดร์ทำให้แม้แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มยังสั่นเทิ้ม เมื่อเข้าไปใกล้จนถึงขีดจำกัดที่สามารถทนได้ไหว เขาก็หยิบตราประจำตัวออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ!

ตรานี้เป็นสัญลักษณ์แทนกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ พอหยิบตราออกมา หวังเป่าเล่อก็ทำตามวิธีที่เต๋อคุนจื่อบอกมา เขาสร้างผนึกฝ่ามือขึ้นเพื่อเปิดใช้งานตราประจำกองทหาร จากนั้นก็ตะโกนไปทางดารานิรันดร์

“รองผู้บัญชาการกองทหารเกลียวคลื่นสวรรค์หลงหนานจื่อขออนุญาตเปิดใช้งานดวงเนตรหมื่นปีศาจ!”

ทันทีที่หวังเป่าเล่อเปิดใช้งานตราสัญลักษณ์และพูดขึ้นด้วยเสียงดังก้อง ดารานิรันดร์ก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ดูเหมือนว่าไอร้อนจัดที่แผ่ออกมาจะปั่นป่วนไป หวังเป่าเล่อไม่ได้ใจร้อนจึงรออยู่เงียบๆ ประมาณสิบห้านาที ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นจุดสีดำปรากฏขึ้นบนดารานิรันดร์ช้าๆ!

จุดสีดำขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยดวงจิตแรงกล้าที่ไม่สามารถบรรยายได้ซึ่งค่อยๆ ตื่นขึ้น ราวกับว่าได้ตื่นจากการหลับใหลภายในดารานิรันดร์ ในที่สุด จุดสีดำก็ขยายไปได้ในระดับหนึ่ง ดวงตาขนาดใหญ่ปรากฏแทนที่ดารานิรันดร์ในห้วงอวกาศ!

สิ่งนี้คือดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์!

มันคือดวงเนตรหมื่นปีศาจ!

ตอนนั้นเองกายของหวังเป่าเล่อก็สั่นเทิ้ม วิชาดวงเนตรปีศาจในร่างตื่นขึ้น ความหิวกระหายที่เคยปรากฏขึ้นก่อนหน้าปะทุรุนแรงกว่าเดิมอีกครั้ง

ต่อไป ข้าต้องใช้สัมผัสสวรรค์เชื่อมกับดวงเนตรหมื่นปีศาจเพื่อทำสัญญา! หวังเป่าเล่อตื่นเต้นสุดขีด แม้จะตรวจสอบให้มั่นใจแล้วว่าเต๋อคุนจื่อไม่ได้ปิดบังข้อมูลอะไรไว้และบอกทุกอย่างที่รู้ให้ฟังหมดแล้ว เขาก็ต้องหยุดไปชั่วขณะเพราะความหิวกระหายจากวิชาดวงเนตรปีศาจในร่างกาย

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดนาน ความแน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว เขาเลิกลังเล จากนั้นก็ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไปใกล้ดวงจิตกล้าแกร่งที่เพิ่งตื่นขึ้นในดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์เบื้องหน้า

เขาไม่ได้เชื่อมกับดวงจิตอย่างสมบูรณ์ เพียงแค่สร้างการเชื่อมโยงอ่อนๆ กับดวงจิตของดวงเนตรหมื่นปีศาจเท่านั้น ถึงกระนั้น ในหัวหวังเป่าเล่อก็เกิดเสียงดังขึ้น และเหมือนว่าการทำสัญญาจะสำเร็จลุล่วง ไอสีดำพวยพุ่งออกมาจากดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์และเข้าห้อมล้อมหวังเป่าเล่อ มอบสิทธิ์ในการเคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งให้เขา

ตามที่เต๋อคุนจื่อบอก เมื่อถึงจุดนี้แสดงว่าทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว ชายหนุ่มสามารถดึงสัมผัสสวรรค์กลับมาได้ ตอนนั้นเอง ดวงจิตในดวงเนตรหมื่นปีศาจก็ค่อยๆ หายไป ดวงเนตรเลือนหายจากดารานิรันดร์ ราวกับกำลังกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง หวังเป่าเล่อกลับพยายามดิ้นรน เขารู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไปหากปล่อยให้ทุกสิ่งสิ้นสุดไปเช่นนี้ โดยเฉพาะความหิวกระหายที่วิชาดวงเนตรปีศาจในกายปล่อยออกมา ชายหนุ่มพูดพึมพำอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะกัดฟันแน่นเมื่อดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์กำลังจะปิดลง พร้อมดวงจิตที่หายวับไปจนเกือบสมบูรณ์

มีอะไรให้กลัวกัน อย่างมากก็แค่สร้างร่างอวตารขึ้นใหม่! เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เลิกต้านความหิวกระหายของวิชาดวงเนตรปีศาจภายในกายและปลดปล่อยมันออกมาทั้งหมด

ขณะที่ชายหนุ่มปลดปล่อยวิชาดวงเนตรปีศาจ ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่กำลังจะปิดลง…ก็พลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง!

ขณะเดียวกัน ดวงจิตที่กำลังจะหายวับไปก็ตื่นขึ้นมาใหม่!

……………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset