ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อเตรียมใจสู้โดยเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน เขาตั้งใจจะใช้ไพ่ตายสุดท้ายที่เหลืออยู่โดยการเปลี่ยนนครให้เป็นปราการนิรันดร์เพื่อตอบโต้งูเหลือมยักษ์
การจะทำเช่นนั้นต้องอาศัยเวลา นครใหม่มีขนาดใหญ่เกินไป และการแปลงรูปนั้นต้องเป็นไปทีละขั้น หลังจากเปลี่ยนเป็นปราการนิรันดร์โดยสมบูรณ์แล้วพลังของมันจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ แต่การแปลงรูปนั้นจะทำให้ตัวนครได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ตอนนี้เขารอให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อชายหนุ่มเริ่มกระบวนการแล้ว ตัวนครจะถูกทำลายทั้งหมด แต่ก็ยังดีกว่ายืนรอความตายโง่ๆ ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจจะสู้จนตัวตาย!
ทว่า…เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของงูเหลือมยักษ์ เขาก็ยั้งมือไม่ทำตามแผน ยิ่งพอเห็นงูเหลือมแลบลิ้นออกมาแล้ว…แม้จะดูเป็นพฤติกรรมของสัตว์ตามปกติ แต่หวังเป่าเล่อกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
ชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนเดียวที่นิ่งอึ้งไป ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน แม้แต่ชายในชุดคลุมสีดำที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นก็ผงะไปเช่นกัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและดูจะงงงวยเล็กน้อย
ขณะที่ฝูงชนกำลังนิ่งอึ้งเมื่อได้เห็นท่าทางประหลาดของงูเหลือมยักษ์ แววตาดิ้นรนของงูเหลือมก็หายวับไป และแทนที่ด้วยแสงสว่างเป็นประกาย มันอ้าปากขึ้นก่อนจะร้องดังลั่น!
“ลูกข้า!”
เสียงนั้นดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศเสียดแทงเข้าแก้วหูทุกคนในบริเวณ งูเหลือมยักษ์หันหัวไปอีกทาง เลิกสนใจหวังเป่าเล่อ มันเคลื่อนตัวไปทางฟากฟ้าไกลออกไปเบื้องหน้า ที่ในสายตาทุกคนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดอยู่เลย แต่มันกลับมุ่งหน้าไปทางนั้นไม่หยุดหย่อน!
เจ้างูยักษ์เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าก่อนเสียอีก ความเร็วของมันทวีคูณเพิ่มมากขึ้นจากปกติ ฝูงชนสัมผัสได้ว่าก่อนหน้านี้งูเหลือมถูกใครบางคนควบคุมอยู่ แต่บัดนี้สติของมันได้ตื่นขึ้นมาแล้ว!
ชายในชุดคลุมสีดำไม่สามารถทำใจให้เชื่อสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าได้ ทั้งความเร็ว ทั้งเสียงคำราม ไม่มีเวลาให้เขาได้หลบหนีเลยแม้แต่น้อย พริบตาเดียว งูเหลือมยักษ์ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมอ้าปากกว้าง!
เขาตื่นตะลึง พยายามจะถอยหนี แต่ก็ช้าเกินไป งูเหลือมยักษ์อ้าปากเขมือบชายในชุดคลุมสีดำเข้าไปทั้งเป็น!
ขณะนั้นเอง ลึกเข้าไปในสุสานอาวุธเทพใต้ดิน เบื้องหลังกำแพงน้ำแข็ง ในบริเวณที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่ามีอาวุธเวทหลับใหลอยู่เสียงร้องคำรามมีอายุเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังก้องออกมา
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมหุ่นเชิดถึงหลุดการควบคุมไป บ้าจริง มันเห็นข้าได้อย่างไร ทำไมถึงทำร้ายกายวิญญาณของข้าได้”
“ต้องไม่ใช่เช่นนี้ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
เสียงร้องคำรามโหยหวนดังมาจากส่วนลึกสุดของสุสานอาวุธเทพใต้ดินไม่หยุดหย่อน หากหวังเป่าเล่ออยู่บริเวณนั้นเขาคงได้ยินเสียงนั้นแน่ เสียงนั้นแฝงไปด้วยความคลุ้มคลั่ง เหมือนจะไม่สามารถทำใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ร่างจริงของชายในชุดคลุมสีดำไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าเหตุใดร่างแยกของตนจึงโดนเขมือบไปได้
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นตามแผนที่วางไว้ ขณะที่กำลังจะได้รางวัลแห่งความสำเร็จมาไว้ในมือ…ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น!
อาจจะเป็นเพียงความบังเอิญก็เป็นได้ ทว่าชายในชุดคลุมสีดำไม่รู้ว่าเจ้าลาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของเขาได้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในนครใหม่ และคอยตามติดมาตั้งแต่นั้น…
ด้านนครใหม่ งูเหลือมยักษ์เพิ่งจะเขมือบชายในชุดคลุมสีดำที่ไม่มีใครมองเห็นเข้าไป จากนั้นมันก็สะบัดหางไปมาในอากาศขณะหันขวับกลับมา ดวงตาของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ เมื่อหันมาเห็นหวังเป่าเล่อ มันก็รีบหดคอมองอีกฝ่ายตาใสในทันใด ดูหวาดระแวงว่าชายหนุ่มจะจับได้ว่าตนเพิ่งเขมือบของอร่อยลงท้องไป
หวังเป่าเล่องุนงงอย่างหนัก เสียงร้องเมื่อสักครู่ยังดังก้องอยู่ในหัว ขณะกำลังงุนงงเขาก็สังเกตุเห็นสีหน้าของงูเหลือมยักษ์ ชายหนุ่มไม่สามารถทำใจเชื่อกับภาพตรงหน้าไม่ต่างกับชายในชุดคลุมสีดำ
เขาคุ้นเคยกับสีหน้าและเสียงร้องนั้นเป็นอย่างดี จึงหลุดพูดออกไปในทันใด
“เจ้าไสหัวไปหรือ”
เมื่อได้ยินหวังเป่าเล่อพูดเช่นนั้น เฉินมู่ที่เก็บตัวอยู่ในห้องลับก็มีสีหน้าเหยเก เส้นเลือดปูดโปนไปทั่วใบหน้า เขาร้องคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาฉายแววคลุ้มคลั่ง ชายหนุ่มรีบตั้งผนึกฝ่ามือพยายามควบคุมหุ่นเชิดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่จู่ๆ เขาก็ไม่สามารถควบคุมหุ่นเชิดได้ ราวกับว่ามีใครบางคนแย่งชิงอำนาจในการควบคุมไป!
เฉินมู่โกรธจัด ไม่สามารถทนรับสถานการณ์นี้ได้จึงพยายามสู้กลับ แต่จิตที่เข้าควบคุมหุ่นเชิดอยู่ตอนนี้แข็งแกร่งเกินไปทำให้ไม่สามารถเรียกการควบคุมกลับมาได้ เขาร้องคำรามขึ้นอีกครั้ง
“หุ่นเชิดของข้า! ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งมันไปทั้งนั้น!” ชายหนุ่มหยิบกลองใบน้อยที่ใช้ควบคุมหุ่นเชิดออกมา จากนั้นก็กัดปลายลิ้นถ่มเลือดที่ผสมพลังปราณและพลังชีวิตของตนลงบนกลอง เลือดที่หยดเปื้อนลงบนกลองใบน้อยเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการควบคุมขึ้นอย่างยิ่งยวด
เฉินมู่เห็นว่าการกระทำของตนได้ผลจึงตั้งใจจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง เขาถ่มเลือดที่เต็มไปด้วยพลังกายออกมาอีกสามกอง รอยย่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าทุกครั้งที่ชายหนุ่มถ่มเลือดออกมา ทันทีที่ถ่มเลือดกองที่สี่ เฉินมู่ก็ไม่ใช่ชายหนุ่มอีกต่อไป เขากลายสภาพเป็นชายผมขาวอายุราวห้าสิบปี!
ผลลัพธ์เป็นที่ประจักษ์ เมื่อเลือดหยดลงเปรอะบนกลองใบน้อย งูเหลือมบนสนามรบที่กำลังจะตอบสนองต่อหวังเป่าเล่อก็หยุดชะงักไป ประกายในดวงตาที่เป็นของเจ้าลาน้อยเริ่มหรี่แสง มีแววบ้าคลั่งของเฉินมู่เข้ามาแทน!
เจ้าลาไม่ยอมจำนน พยายามสู้กลับ งูเหลือมยักษ์ตัวสั่นเทิ้ม เริ่มเสียสติ ดวงตาฉายแววดิ้นรน
ฝูงชนรอบๆ มองเห็นโลกภายในร่างกายของงูเหลือมยักษ์ ภายในนั้นมีวิญญาณสีเลือดหลายหมื่นดวงอยู่ เหล่าวิญญาณว่ายวนอยู่รอบๆ พยายามต้านและกลืนกินเจ้าลาที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว!
เจ้าลาตัวใหญ่และแข็งแกร่งกว่า แต่เหล่าวิญญาณสีเลือดก็มีจำนวนมากกว่า เจ้าลากำลังจะถูกกลืนกินไป…
เหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้ทุกคนพรั่นพรึง ไม่ต้องให้ใครอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนใช้วิธีการบางอย่างในการรวบรวมเหล่าวิญญาณมาสร้างเป็นหุ่นเชิด และเจ้าลาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อเหล่านั้น
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ใช้วิญญาณที่รวบรวมมาทั้งหมดเข้าควบคุมหุ่นเชิด สังหารหมู่และทำลายล้างนครใหม่ แต่ตอนนั้นเองเจ้าลาก็ได้สติและเริ่มสู้กลับ
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าตอนนี้…พวกเขาจะต้องขัดขวางไม่ให้ผู้บงการอยู่เบื้องหลังเข้าควบคุมหุ่นเชิดได้อีก มิเช่นนั้นด้วยระดับความสามารถของหุ่นเชิด พวกเขาจะไม่สามารถสู้กลับและทำลายมันลงได้ และจะถูกฆ่าตายกันทั้งหมด!
ขณะที่คิดเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็หายใจถี่รัว รีบพูดออกไปโดยไม่ลังเลใจ
“เจ้าไสหัวไป ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะไม่ได้กินอะไรอีกเลยชั่วชีวิตนี้!”
เมื่อได้ยินหวังเป่าเล่อพูดเช่นนั้น เจ้าลาก็ตัวสั่นเทิ้ม พยายามดิ้นรนหนีเหล่าวิญญาณสีเลือดอย่างบ้าคลั่ง มันพยายามหาทางเข้าควบคุมหุ่นเชิดอีกครั้ง ชายหนุ่มตื่นเต้นเมื่อได้เห็นผลลัพธ์จากสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป
“เจ้าไสหัวไป ทุ่มพลังทั้งหมดเสีย! ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะเตรียมอาหารสุดเลิศหรูให้เจ้าได้กินตลอดทั้งเดือน! เจ้าจะได้กินอะไรก็ได้ตามที่นึกอยากตลอดหนึ่งเดือน เอาให้อิ่มหนำสำราญไปเลย!”
เจ้าลาได้รับการกระตุ้นหนักขึ้น มันตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น พยายามดิ้นรนสุดแรง จนเกือบจะชนะศึกครั้งนี้ได้ แต่เฉินมู่ก็ไม่ยอมแพ้ ถมเลือดใส่อีกกองเพื่อพลิกสถานการณ์กลับ
ไม่มีใครรู้ว่าเฉินมู่กำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาเห็นเพียงว่าเจ้าลากำลังเพลี่ยงพล้ำ กงเต๋ากัดฟันแน่น ความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวฉายวาบในดวงตา เขาลูบกระเป๋าคลังอสูร ทันใดนั้น…ปักษาเพลิงขาวก็พลันปรากฏกาย!
“เจ้าลา ถ้าเจ้าชนะ ต่อจากนี้…ตั้งแต่นี้ต่อไป…เรื่องระหว่างเจ้ากับปักษาเพลิงขาว…ข้า…ข้าจะไม่เข้าไปขัดขวางเรื่องของพวกเจ้าทั้งสองอีกต่อไป!”
คำพูดของเขาเป็นดังท่าไม้ตายพิฆาต ดวงตาของเจ้าลาแดงก่ำ พลังพวยพุ่งออกมาจากร่าง มันร้องคำรามลั่น ปลดปลอยพลังทั้งหมดที่มี จากนั้นก็ยกเท้าเหยียบขยี้วิญญาณสีเลือดซึ่งเป็นจิตของเฉินมู่จนสิ้นซาก มันเอาชนะเหล่าวิญญาณและเข้าควบคุมหุ่นเชิดได้อีกครั้ง
เมื่อเจ้าลาเข้าควบคุมหุ่นเชิดได้ กลองสีเลือดใบน้อยเบื้องหน้าเฉินมู่ก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดจึงร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เขากระอักเลือดกองใหญ่ ตัวสั่นระริก แต่ดวงตายังลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้น
“ไม่!”
ชายหนุ่มเจ็บแค้นยิ่งนักที่ต้องพ่ายแพ้ให้เจ้าลา แค้นเคืองตนเองที่คิดผิดพลาดพลั้งไปข้องแวะกับเจ้าสัตว์นี่ เขาไม่คิดว่าเจ้าลาที่กลืนกินละอองปีศาจไปนับหมื่นจะรอดชีวิตและเข้าควบคุมหุ่นเชิดได้!
“ยอมรับไม่ได้!”