หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 845 การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม!

ขณะที่หวังเป่าเล่อล่าถอย จื่อหลัวก็เข้าถึงตัว ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตะเกียงในมือของเหออวิ๋นจื่อส่งเสียงเย้ยหยันออกมา

เปลวไฟภายในตะเกียงทองแดงพวยพุ่งขึ้นมาในทันใด ด้วยวิธีใดไม่ทราบได้ ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ส่งแรงกดดันของเขาออกมาจากตะเกียง แรงกดดันเข้าปกคลุมทั้งบริเวณทันที ก่อกำเนิดเป็นผนึกที่ขังหวังเป่าเล่อเอาไว้ด้านใน!

ผนึกนั้นดูจากที่ไกลๆ นั้นคล้ายครอบสีใสที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และพื้นดิน จำกัดการเคลื่อนที่ของหวังเป่าเล่อเอาไว้ในอาณาเขตที่กว้างราวๆ สามร้อยเมตร!

ผนึกไม่เพียงจำกัดการเคลื่อนที่ของชายหนุ่มเท่านั้น แต่ยังกั้นขวางระหว่างตัวเขาและประตูเข้าสุสานบรรพชนอีกด้วย!

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตกตะลึง หากว่ามีใครได้ยินเสียงในใจของเขาตอนนี้ก็คงจะต้องหูหนวกเพราะเสียงก่นด่าดังสนั่นแน่นอน

ไอ้เซี่ยไห่หยางคนบัดซบ คอยก่อนเถิด เจ้าสุนัข…การที่เขาลงทุนกับทุกฝ่ายเช่นนี้แปลว่าเขาต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าข้าฝึกวิชาดวงเนตรปีศาจ เขารู้ว่าข้าไม่ต้องรับพลังต่อต้านใดๆ ที่นี่ สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เจ้าจิ้งจอกร้าย เขาต้องรู้ด้วยว่าข้าเหลือผลึกสีชาดอีกกี่ชิ้น จึงพยายามสร้างสถานการณ์ให้ข้าขอความช่วยเหลือ เพื่อจะได้เรียกเก็บราคาแพงๆ!

ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่กำลังล่าถอย แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนั้น เขาไม่ได้วางแผนที่จะติดกับเซี่ยไห่หยางและต้องเสียเงินให้อีกฝ่ายเป็นจำนวนมาก หวังเป่าเล่อเร่งฝีเท้าหนีเต็มที่ขณะที่คิดหนักไปพร้อมๆ กัน พลางหลบการโจมตีของจื่อหลัวไปมาอยู่ภายในพื้นที่สามร้อยเมตรใต้ผนึกนั้น

หวังเป่าเล่อเพิ่งจะเดาได้ว่าพ่อค้าเจ้าเล่ห์เซี่ยไห่หยางได้ขายข้อมูลให้เขาด้วยราคาแพงระยับ ช่วยให้ความหวังของจักรพรรดิแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แถมยังทำตามคำขอของอารยธรรมครามทองคำในคราวเดียวกัน ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังติดอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ในจักรพิภพที่ห่างไกลออกไปจากระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ เซี่ยไห่หยางนั่งอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่งของตระกูลเซี่ยใจกลางตลาด เขากำลังฟังลูกน้องรายงานเรื่องธุรกิจแล้วจู่ๆ ก็เกิดจามขึ้นมา

“มีคนกำลังสาปแช่งข้า!” เซี่ยไห่หยางไอ จากนั้นจึงยกมือขวาขึ้นวาดเป็นผนึกฝ่ามือ ก่อนจะมีแววตาเข้าใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกไม่กี่อึดใจต่อมา

“ต้องเป็นเจ้าอ้วนหวังเป่าเล่อแน่ๆ!”

“นายน้อยขอรับ…ท่านเห็นกับตาว่าเขาเป็นคนทำ ทำไมท่านต้องแสร้งทำเป็นอ่านอนาคตเพื่อจะทราบด้วยเล่าขอรับ” บุรุษผู้ที่กำลังอ่านรายงานให้เซี่ยไห่หยางฟังอยู่ตอนนี้เป็นชายชราสวมเสื้อคลุมจีนแบบดั้งเดิม เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลที่มีฐานะและยศถาสูงยิ่ง เขาก็นั่งอยู่เช่นกัน มีแววตาเหย้าแหย่ปรากฏอยู่บนดวงตาของชายชราขณะที่อมยิ้มแล้วพูดกับอีกฝ่าย

เซี่ยไห่หยางกะพริบตา จากนั้นจึงก้มหน้าลงมองโต๊ะตรงหน้า มีแผ่นหยกวางอยู่แผ่นหนึ่ง เหนือแผ่นหยกนั้นมีภาพสถานการณ์ฉายอยู่…

ภาพที่ฉายอยู่นั้นแสดงให้เห็นเหตุการณ์ล่าสุดในสุสานหลวงแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พวกเขาไม่ได้ดูผ่านดวงตาของหวังเป่าเล่อแต่อย่างใด แต่…ผ่านดวงตาของจักรพรรดิชรา!

ภาพนั้นชัดเจนยิ่ง และเสียงที่เข้ามาก็ชัดเจนไม่มีการแตกพร่า คำพูดของชายชราทำเอาเซี่ยไห่หยางเขินอายไปเล็กน้อย แม้จะเป็นเรื่องจริงว่าชายหนุ่มไม่รู้วิธีการอ่านดวงชะตา แต่จะขอแสร้งทำเป็นรู้สักหน่อยไม่ได้เลยหรือ แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

ชายชราสัมผัสได้ว่าเซี่ยไห่หยางรู้สึกเสียหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจึงเลือนหายไป หลังจากที่ใคร่ครวญอยู่หนึ่งอึดใจจึงเอ่ยถามออกมา “นายน้อย พวกเราควรช่วยหวังเป่าเล่อหรือไม่”

“แม้ว่าเจ้าอ้วนนั่นจะดื้อดานนัก แต่เดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เขาอาจมีไพ่ตายที่ช่วยทำลายผนึกนั้นแอบซ่อนเอาไว้ แต่ก็คงต้องเสียอะไรไปมากมายทีเดียว อีกประเดี๋ยว เขาจะส่งข้อความเสียงมาด่าข้า จากนั้นเขาก็จะยอมจ่ายเงินเพื่อขอให้ข้าช่วยเหลือ เขาคงไม่ต้องการแผ่นหยกของข้าเพื่อจะเปิดประตูสู่สุสานหลวงหรอก แผ่นหยกที่ข้ามอบให้เขาไปนั้นไม่ใช่เพื่อการนี้ แต่เอาไว้ใช้ขอความช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาเข้าไปในสุสานแล้ว…ข้าก็จะมีโอกาสได้รีดเงินจากเขาอีกครั้ง หากไม่มีการช่วยเหลือจากข้า ด้วยระดับปราณของเขาในปัจจุบัน เขาไม่มีทางได้พบโอกาสเปลี่ยนชีวิตอย่างที่เขาตามหาหรอก” เซี่ยไห่หยางยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบแผ่นหยกสื่อสารมาวางไว้ข้างกาย

“สิ่งที่เรากำลังรออยู่คือให้หมอนั่นขอให้ข้าช่วยพังผนึกระดับดาวพระเคราะห์และช่วยเขาหนี!”

ในวินาทีนั้น ภายในสุสานหลวงแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ หวังเป่าเล่อกำลังถอยหนีอย่างสิ้นหวัง ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของชายหนุ่ม เขาพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ไร้ทางออกนี้

ทว่า…วิธีการแต่ละอย่างนั้นก็ล้วนทิ้งให้หวังเป่าเล่อต้องผิดหวังไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกเสียดายราคาที่ต้องจ่ายเป็นอย่างยิ่ง การใช้แผ่นหยกต้องสาปของปรมาจารย์แห่งไฟหรือฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ภายในกายก็แพงเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ไม่คุ้มกันเลยสักนิด

ชายหนุ่มสามารถใช้แผ่นหยกต้องสาปได้เพียงครั้งเดียว ส่วนฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์นั้นอาจทนการใช้งานได้ราวครั้งสองครั้ง แต่เขาเพิ่งจะเริ่มหล่อเลี้ยงมันไม่นาน หวังเป่าเล่อกังวลว่าพลังจากฝ่ามือจะรุนแรงไม่พอหากใช้ในตอนนี้ ชายหนุ่มอาจต้องเสียหายหนักขึ้นกว่าจะโจมตีได้รุนแรงตามต้องการ

รวมไปถึงการระเบิดเปลวเพลิงดารานิรันดร์ในกายด้วย หากทำเช่นนั้นก็คงคล้ายกับการระเบิดตัวเองไปพร้อมศัตรู อาการบาดเจ็บของเขาจะต้องรุนแรงไม่น้อย

ไอ้บัดซบเซี่ยไห่หยางบีบบังคับให้ข้าขอความช่วยเหลือ! ความยากลำบากที่หวังเป่าเล่อกำลังประสบอยู่ในตอนนี้สะท้อนออกมาชัดเจนทางแววตาของชายหนุ่ม เขาหลบการโจมตีจากจื่อหลัวไปได้อย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง จื่อหลัวเองก็ใกล้จะหมดความอดทนเพราะอีกฝ่ายหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าระดับพลังปราณจะต่ำกว่าและขนาดของสนามรบจะเล็ก แต่หวังเป่าเล่อก็ยังหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักของเรื่องนี้เป็นเพราะพวกเขาต้องการจับเป็นชายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้น ทุกครั้งที่โจมตีพลาด จื่อหลัวก็ยิ่งดูไม่ดีในสายตาของผู้บังคับบัญชา

“ไม่มีความจำเป็นต้องจับเป็น ฆ่าเขาเสีย เราใช้ศพเขาในการสังเวยได้!” ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ที่ซ่อนอยู่ในตะเกียงทองแดงเพิ่งจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงตะคอกสั่งการออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไร้ปรานีทันที

“ขอรับนายท่าน!” รอยยิ้มแสยะอย่างน่าสะพรึงปรากฏบนใบหน้าของจื่อหลัวทันทีที่ได้ยิน เขายกมือขวาขึ้น พลังวิญญาณสีดำสนิทพวยพุ่งออกมาจากกายแล้วมารวมอยู่รอบๆ มือขวา ก่อนแปรสภาพเป็นกะโหลกจระเข้ในฝ่ามือ กะโหลกนั้นขยายขึ้นครอบกายจื่อหลัวเอาไว้ รวมทั้งตัวมันและตัวเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน!

พลังวิญญาณสีดำสนิทล้อมรอบกะโหลกที่กำลังเน่าเปื่อยเอาไว้ ส่งเอาคลื่นพลังแห่งความตายและความเน่าเปื่อยออกมา มีความรู้สึกอันอธิบายไม่ได้ของบางสิ่งที่เลวร้ายแผ่มาจากกะโหลกนั้น เมื่อมันปรากฏขึ้น ก็พารอยฉีกขาดของอวกาศให้มาปรากฏภายในบริเวณอันจำกัดดังกล่าว พลังน่าสะพรึงระเบิดออกมาจากกะโหลก และสัมผัสอันตรายใหญ่หลวงก็ระเบิดขึ้นภายในศีรษะหวังเป่าเล่อแทบจะพร้อมๆ กัน

ทว่า…ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ขณะที่ความตื่นตระหนกเพิ่งจะปรากฏในศีรษะของหวังเป่าเล่อ ประกายประหลาดก็สะท้อนขึ้นในดวงตาของเขา ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เพิ่งจะพูดไป

พวกเขาจะใช้ศพข้าเป็นเครื่องสังเวย ศพ…สังเวย…นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อทอประกาย ความคิดสุดบ้าคลั่งผุดขึ้นมาในหัว

ลองดูก็แล้วกัน หากว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล ข้าคงต้องยอมให้เจ้าสุนัขสกปรกเซี่ยไห่หยางได้โอกาสทำเงิน!

ประกายความบ้าคลั่งสะท้อนอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อเมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น ชายหนุ่มหันกลับมาร้องตะโกนแล้วหยุดวิ่ง จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าใส่จื่อหลัวโดยไม่ได้เรียกเกราะป้องกันใดๆ ขึ้นมาทั้งสิ้น ราวกับกำลังวิ่งเข้าไปหาความตายก็ไม่ปาน

การพุ่งเข้าใส่ที่ไม่คาดฝันของหวังเป่าเล่อทำให้จื่อหลัวชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นประกายสังหารก็ส่องสว่างขึ้นในแววตา ก่อนที่เขาเองจะเร่งความเร็วพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มเช่นกัน จื่อหลัวมาปรากฏตัวตรงหน้าหวังเป่าเล่อในพริบตา เขาแสยะยิ้มกว้างขณะที่จระเข้เปิดปากและพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ พร้อมที่จะกลืนกินชายหนุ่มเข้าไปทั้งตัว

หวังเป่าเล่อไม่ได้ป้องกันตนเองแต่อย่างใดเมื่อเห็นกรามใหญ่ยักษ์ของจระเข้พุ่งเข้ามาใส่ ชายหนุ่มดูเหมือนทำใจที่จะตายไปพร้อมศัตรู จักรพรรดิชรายืนอยู่ด้านนอกพื้นที่ที่ถูกผนึกและกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า จู่ๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป ความกลัวอย่างแท้จริงปรากฏขึ้นบนแววตาของชายชราเป็นครั้งแรก

สีหน้าคล้ายกันนี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยไห่หยาง ผู้ที่กำลังเฝ้าดูผ่านสายตาของจักรพรรดิชรา เขานั่งดูด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจมาตลอด แต่จู่ๆ กลับต้องผุดลุกขึ้นยืน

“ไม่นะ!”

เสียงคำรามระเบิดออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อทันทีที่เซี่ยไห่หยางพูด วิชาดวงเนตรปีศาจเริ่มทำงานแม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไม่ได้เรียก ดวงตาขนาดมหึมาปรากฏขึ้นเบื้องหลังชายหนุ่ม มีใบหน้าของชายชราฉายอยู่ข้างในดวงตานั้น

ชายชราคนดังกล่าว คือเจตจำนงที่ซ่อนอยู่ภายในวิชาดวงเนตรปีศาจ!

ความคิดที่หวังเป่าเล่อนึกขึ้นได้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตอนนี้เขาอยู่ในร่างอวตารซึ่งหลอมขึ้นมาจากกระบวนท่าสารัตถะแม้แต่น้อย แต่เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์พูดเรื่องศพและการสังเวย!

เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า…มีใครสักคนที่ต้องการตัวเขาแบบเป็นๆ และใครคนนั้นก็คือจักรพรรดิชรา และ…เจตจำนงที่อาศัยอยู่ภายในกายของเขา เจตจำนงที่เคยเป็นของปรมาจารย์แห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์!

หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าปรมาจารย์ผู้นี้ต้องการอะไร ชายหนุ่มรู้ดีว่า แม้เจ้าแก่นั่นจะต้องการให้เขาเหนื่อยอ่อนและบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ต้องการให้เขาถูกจับได้ และแน่นอนว่าไม่ต้องการให้เขาตายที่นี่

ด้วยเหตุนี้…ข้าจึงยังสามารถใช้แผนอันชาญฉลาดของเซี่ยไห่หยางที่วางเดิมพันไว้กับทุกผลลัพธ์ในการต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อหลุดออกจากความยากลำบากนี้ได้ และข้าจะหลุดออกไปด้วยวิธีการแบบของข้าเอง!

อัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงพูดเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว อย่าได้ดูถูกผู้ใดเป็นอันขาด เซี่ยไห่หยาง…เจ้าทำพลาดครั้งใหญ่แล้ว…ที่บังอาจมาสบประมาทข้า!

ความคิดเหล่านี้วิ่งผ่านศีรษะของหวังเป่าเล่อขณะที่ดวงตาขนาดยักษ์มาปรากฏอยู่ด้านหลังเขา ภายในดวงตานั้นสะท้อนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังของชายชรา เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดขวางการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เมื่อถูกต้อนจนมุม เขาจึงตะโกนออกมาสองคำ

“ดวงเนตร! สวรรค์!”

จื่อหลัวตัวสั่นอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินสองคำนั้น ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนจระเข้ที่เขาเรียกออกมาแล้วระเบิดทันที เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมาจากริมฝีปากของจื่อหลัว ดูเหมือนว่าเขาจะติดอยู่ในภาพมายาและไม่อาจสัมผัสถึงตำแหน่งของหวังเป่าเล่อได้อีกต่อไป เมื่อเขาออกตัววิ่งเต็มฝีเท้าไปในทิศทางตรงกันข้าม

ภายนอกบริเวณที่ถูกผนึก นัยน์ตาของจักรพรรดิชราบัดนี้แดงก่ำ เขากระโจนขึ้นไปบนฟ้าด้วยแววตาบ้าระห่ำ ก่อนจะตะโกน “ดวงเนตร! สวรรค์!”

ดวงตาจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นปกคลุมกายเขาเอาไว้ก่อนจะระเบิด ฉีกร่างของชายชราเป็นชิ้นๆ เลือดของเขารวมตัวกันเป็นดวงตาโลหิตขนาดมหึมาที่พุ่งเข้าชนผนึกอย่างรุนแรง ส่งเสียงดังสนั่นสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ ไม่มีใครรู้ว่าจักพรรดิชราทำสิ่งใด แต่เขาก็สามารถทำให้ผนึกที่หลอมขึ้นมาจากสัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เป็นรอยร้าวได้ ผนึกนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่จักรพรรดิชราจางหายไป รอยร้าวปรากฏขึ้นบนกำแพง

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายเมื่อรอยร้าวปรากฏขึ้น ชายหนุ่มรีบฉวยโอกาสนั้นทันที เขาถอยหลังอย่างรวดเร็วก่อนจะเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าไปทางรอยร้าวนั้น ขณะที่ชายหนุ่มเหยียบรอยร้าวออกไป เขาก็กวาดสายตาไปมองกองเลือดเนื้อ มีประกายความหยามเหยียดสะท้อนอยู่ภายใน!

หวังเป่าเล่อ…

ที่สักที่ในตลาด เซี่ยไห่หยางผุดลุกขึ้นยืน เขามองเห็นแววตาเย้ยหยันบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อจากเครื่องฉายภาพที่ลอยอยู่ตรงหน้า ลมหายใจของเซี่ยไห่หยางถี่เร็วขึ้น เขานิ่งงันไปชั่วอึดใจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง

เจ้านี่มันร้ายกาจจริงๆ!

………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset