หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 891 เหตุผลของการจู่โจม!

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ด้วยสถานะปัจจุบันนั้นชายหนุ่มไม่ควรปะทะกับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ เพราะฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ที่เป็นไพ่ตายของเขาถูกทำลายไปแล้ว แถมเกราะมหาจักรพรรดิตอนนี้ก็ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ เขารีบถอยอย่างรวดเร็วเมื่อผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้ามาใส่ ทิ้งภาพติดตาเอาไว้เบื้องหลัง

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายขณะที่ล่าถอย และผู้อาวุโสฝ่ายขวาไล่ตามมา ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ ตัวอักขระจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นมาบนพื้นในรัศมีร่วมร้อยเมตร ก่อนที่พวกมันจะระเบิดแปรสภาพเป็นใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโส

ใบมีดเหล่านี้พุ่งเข้าใส่ชายชราราวกับเป็นห่าฝนจากพายุคลั่ง แม้จะไม่สามารถทำให้ผู้อาวุโสบาดเจ็บได้ แต่ก็ยังเป็นอุปสรรคซึ่งทำให้เขาเคลื่อนที่ได้ช้าลง!

ท้องฟ้าส่งเสียงคำรามดังลั่นจนผู้อาวุโสฝ่ายขวามีสีหน้าเครียดขึง ชายชราขยับมือทั้งสองเข้าหากันเป็นผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ลำแสงสีรุ้งปะทะออกมาจากกาย การปะทุออกมาแต่ละครั้งทำเอาท้องฟ้าสั่นไหว ก่อนจะทำลายใบมีดที่พุ่งเข้ามาหาเขาจนกลายเป็นผงไปในพริบตา

ระหว่างนี้ หวังเป่าเล่อก็ฉวยโอกาสเร่งความเร็วเต็มฝีเท้า เขาถอยห่างออกไปไกลร่วม 15 กิโลเมตร มีประกายเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่ในแววตาเมื่อชายหนุ่มใช้ผนึกฝ่ามืออีกครั้งก่อนจะชี้ลงดิน

แผ่นดินในรัศมี 15 กิโลเมตรจากกายของชายหนุ่มเริ่มสั่นไหวรุนแรง มีลำแสงพวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน แปรสภาพให้บริเวณนั้นกลายเป็นทะเลแห่งแสง เป็นอีกครั้งที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาถูกวงแหวนปราณเข้ามาชะลอความเร็ว

วงแหวนปราณเหล่านี้…หวังเป่าเล่อหลอมขึ้นมาในระยะเวลาสองสัปดาห์ที่เขาทำสมาธิอยู่ ในช่วงระยะเวลานั้น ชายหนุ่มอาจดูเหมือนนิ่งดูดาย แต่ด้วยความเป็นตัวเขา หวังเป่าเล่อจึงไม่อาจฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเหรียญตราของเซี่ยไห่หยางได้ ชายหนุ่มเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสฝ่ายขวา

อันที่จริงแล้ว หากผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่ได้ทำลายทุกสิ่งในระยะสามกิโลเมตรรอบกายด้วยพลังเทพตั้งแต่แรกที่มาถึง วงแหวนปราณของหวังเป่าเล่อคงปลดปล่อยพลังออกมาได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่สลักสำคัญอะไรนัก เพราะชายหนุ่มมีเวลามากพอที่จะวางกับดักเอาไว้!

วงแหวนปราณจำนวนมากนั้นมาจากเจ้าเยี่ยเหมิง เมื่อนำมารวมกับพลังปราณของหวังเป่าเล่อ พลังของวงแหวนปราณเหล่านี้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนถึงขีดสุด

ขณะที่ชายหนุ่มล่าถอยไปนั้น เขาก็สร้างผนึกฝ่ามือจำนวนมากก่อนชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า หมู่เมฆแปรเปลี่ยนไปในทันใด เมฆดำครึ้มมารวมตัวกัน สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาราวกับมีตัวล่ออยู่บนดิน แผ่นดินบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นทะเลสายฟ้าในทันใด

หวังเป่าเล่อไม่ได้หยุดดูผลลัพธ์ของการเรียกลมฟ้าในครั้งนี้ ไม่ได้หยุดล่าถอยเช่นกัน ชายหนุ่มถอยออกมาอีกร่วมร้อยเมตร จากนั้นจึงสร้างผนึกฝ่ามืออีกครั้งก่อนจะชี้ลงไปบนแผ่นดิน เปิดเรียกใช้วงแหวนปราณอีกชุดหนึ่ง พร้อมส่งดวงจิตเทพเข้าไปยังเหรียญตราสันติ เขาตรวจสอบเหรียญตราไปก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไม่อาจเข้าใจวิธีการทำงานของมัน แต่ก็พอจะสรุปได้ว่าเหรียญตราหยกนี้สามารถใช้สื่อสารได้เช่นกัน

“เซี่ยไห่หยาง นี่มันเหรียญตราสันติบ้าบออะไรกัน ไร้ประโยชน์สิ้นดี ตอนนี้ข้าถูกศัตรูไล่ตามอยู่ เขาบอกว่าไม่รู้จักเหรียญตรานี้แม้แต่น้อย!” สีหน้าของหวังเป่าเล่อเรียบเฉยแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะฟังดูเอะอะและเปี่ยมโทสะ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามมาไกลๆ มีแสงสีรุ้งกระจายออกมาจากกายขณะที่ชายชราพุ่งผ่านทะเลสายฟ้า ลำแสง และพายุใบมีดมาหาหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มสร้างผนึกฝ่ามืออีกชุดหนึ่งเพื่อเรียกภูเขาให้พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินจนตั้งตระหง่านสูงล้ำราวกับเป็นบันไดสู่สรวงสวรรค์ เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาเข้าถึงตัวหวังเป่าเล่อได้อีกครั้ง

“หลงหนานจื่อ!” ประกายอาฆาตสะท้อนอยู่ในดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ชายชรารู้สึกกดดันขึ้นมากหลังจากที่หวังเป่าเล่อหยิบเหรียญตราสันติออกมา เขาร้องโหยหวนเพราะจิตสังหารที่เข้มข้นเต็มล้นอยู่ในใจ ดวงอาทิตย์จู่ๆ ก็ส่องแสงเจิดจ้าขึ้น ลำแสงหนึ่งพวยพุ่งลงมาจากฟ้าตรงไปหาหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาทันที ชายหนุ่มถอยหนีอย่างรวดเร็วและหลบการโจมตีไปได้อย่างฉิวเฉียด ผู้อาวุโสฝ่ายขวาถึงยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นตบหน้าผาก ทันใดนั้นก็มีเสียงหอนกราดเกรี้ยวที่ราวกับว่าดังมาจากยมโลกพวยพุ่งไปถึงสรวงสวรรค์ สุนัขป่าสีชาดตัวเขื่องปรากฏขึ้นมาด้านหลังชายชรา มันเข้าผสานรวมกับกายผู้อาวุโสฝ่ายขวาก่อนพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อทันที

ร่างของผู้อาวุโสฝ่ายขวาดูเหมือนเสาแสงสีแดงฉานจากที่ไกลๆ ซึ่งพุ่งเข้ามาใส่อย่างเกรี้ยวโกรธและคั่งแค้น

กำแพงขุนเขาที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินแทบจะหยุดการเคลื่อนที่ของผู้อาวุโสร่างสุนัขป่าไม่ไหว ศิลาแข็งแกร่งก้อนเขื่องแตกสลายกลายเป็นผุยผง หวังเป่าเล่อยังคงหนีเต็มความเร็ว พลางใช้ผนึกฝ่ามือระเบิดวงแหวนปราณที่สร้างขึ้นมา แต่ก็ไร้ผล ผู้อาวุโสฝ่ายขวาไล่ตามเขาทันในอีกอึดใจต่อมา ก่อนจะอ้าขากรรไกรออกกว้าง พร้อมจะกลืนกินหวังเป่าเล่อเข้าไปทั้งตัว

“ตาย!”

“เซี่ยไห่หยาง!” หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตกใจสุดขีดตอนที่ตะโกนเรียกชื่อนี้เข้าไปในเหรียญตราสันติ เหมือนว่าการตะโกนนั้นจะได้ผล หรืออาจเป็นเพราะกลไกบางอย่างในเหรียญตราสันติถูกเปิดขึ้นมา มีแสงสว่างส่องประกายเจิดจ้าออกมาจากเหรียญตรานั้นก่อนที่ผู้อาวุโสจะกลืนกินหวังเป่าเล่อเข้าไป แสงนั้นกระจายออกมา คลุมร่างหวังเป่าเล่อเอาไว้และแปรสภาพชายหนุ่มให้เป็นดวงไฟขนาดใหญ่!

กรามสุนัขป่าสีชาดของผู้อาวุโสฝ่ายขวาปิดลงในวินาทีที่ดวงไฟนั้นปรากฏขึ้น มีเสียงเปรียะดังสะท้อนในอากาศ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

ผู้ที่สลายกลายเป็นผงไม่ใช่หวังเป่าเล่อ… แต่เป็นสุนัขป่าสีชาดที่ผู้อาวุโสรวมร่างด้วยเมื่อครู่ กรามของมันแตกสลาย ราวกับว่ากัดถูกก้อนหินแข็งที่ไม่อาจกัดเข้าได้ เขี้ยวก็แตกหัก ส่วนกรามล่างเปิดออก ร่างสุนัขป่าของผู้อาวุโสเลือนหายไปกลับมาเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง ผู้อาวุโสในขณะนี้มีสีหน้าตกตะลึงก่อนจะล่าถอยอย่างเร่งรีบ

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาหยุดเมื่อถอยออกไปราวสามกิโลเมตรจากบริเวณที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่ สีหน้าของชายชราซีดขาว มีเลือดไหลออกมาจากปาก เปลวไฟเผาไหม้อยู่ในแววตาขณะที่เขาจ้องมองไปยังดวงไฟและหวังเป่าเล่อที่อยู่ภายในตาไม่กะพริบ

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง มุ่งตรงไปยังลูกไฟก่อนจะใช้ไพ่ตาย แสงสีรุ้งกระจายขึ้นส่องสว่างทั่วท้องฟ้าและส่งเสียงคำรามดังสะท้อนลั่นไปทั่ว ดวงไฟสุกสว่างนั้นไม่สะทกสะท้านแม้สักนิด กลับกัน ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตัวสั่นไม่หยุดเพราะแรงสะท้อนกลับจากการโจมตีของตนเอง ก่อนจะบ้วนเอาเลือดออกมากองใหญ่ ท้ายที่สุด ชายชราก็ตัดสินใจทุ่มเททุกสิ่งที่มี เขาใช้พลังของดวงอาทิตย์อีกครั้ง มีลำแสงพุ่งลงมาจากฟากฟ้า แต่การโจมตีนั้นก็ไร้ผลต่อหน้าดวงไฟสุกสว่าง

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาใกล้จะเสียสติเต็มทน ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงฉานขึ้นมาทันตา

ภายในดวงไฟสุกสว่างนั้น หวังเป่าเล่อเหมือนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายหนุ่มมองออกจากกำแพงของดวงไฟนั้นไปยังผู้อาวุโสฝ่ายขวา ก่อนจะหยิบเหรียญตราสันติขึ้นมาตะโกนเข้าไปทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังจ้องมองอยู่

“เซี่ยไห่หยาง!”

ครั้งนี้ มีเสียงของเซี่ยไห่หยางดังขึ้นจากเหรียญตรา สะท้อนก้องอยู่ในศีรษะของหวังเป่าเล่อ

“ศิษย์พี่เป่าเล่อ ข้าจะรีบจัดการเรื่องนี้และให้คำตอบเจ้าโดยเร็ว ฮืม…การเมินเหรียญตราสันติของตระกูลเซี่ยก็เท่ากับเป็นการท้าทายอำนาจของพวกเรา!” คำพูดของเซี่ยไห่หยางแฝงความเหี้ยมเกรียมเอาไว้ ประกายแสงสะท้อนขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ชายหนุ่มจบบทสนทนาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกดวงไฟ ผู้อาวุโสฝ่ายขวามีสีหน้าโกรธเกรี้ยว หวังเป่าเล่อแสยะยิ้มใส่เขา

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาโมโหเป็นอย่างยิ่ง ชายชราไม่รู้เลยว่าเหตุใดถึงได้เกิดอะไรเช่นนี้ขึ้นกับเขา ทำไมการจะฆ่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะสักคนถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ ผู้อาวุโสอาจอธิบายได้ว่า ความผิดพลาดคราวก่อนของเขาเป็นเพราะพวกเขายังอยู่ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แต่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในอาณาเขตของอารยธรรมครามทองทำ ถึงกระนั้น อุปสรรคขวากหนามก็ยังแน่นหนา การปรากฏขึ้นของเหรียญตราสันติในตำนานทำให้ผู้อาวุโสกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ชายชรายิ่งกระวนกระวายขึ้นอีกหลังจากที่เห็นหวังเป่าเล่อส่งข้อความเสียงผ่านเหรียญตราหยกออกไปขณะที่อยู่ในดวงไฟ

ความวิตกกังวลและหงุดหงิดพุ่งสูงขึ้นในใจผู้อาวุโสจนอดรนทนไม่ได้ ชายชราคำรามออกมา ก่อนจะหันไปมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาอาฆาต และหันหลังกระโดดหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย มุ่งหน้ากลับไปยังดารานิรันดร์ประดิษฐ์

ชายชราตัดสินใจแล้ว เขาจะกลับไปยังดารานิรันดร์ประดิษฐ์และใช้พลังของมันติดต่อไปยังปรมาจารย์ระดับดารานิรันดร์ของอารยธรรมตัวเอง แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และแสดงความอ่อนแอของตัวเขาเองออกไป แต่ชายชราไม่อาจรับมือกับความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่ได้อีกแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือน และความรู้สึกนั้นก็ทำให้ท้องไส้ของผู้อาวุโสฝ่ายขวาปั่นป่วน

ข้าจะเลิกเล่นเกมบ้าบอนี่แล้วกลับไปยังอารยธรรมครามทองคำ ใครอยากจะสังหารหลงหนานจื่อก็มาทำเอาเองเถอะ! ผู้อาวุโสฝ่ายขวาคิดอย่างโกรธเกรี้ยวขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วหายไปจากคลองจักษุของหวังเป่าเล่อ

ภายในดวงไฟที่สุกสว่าง หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไป ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าเซี่ยไห่หยางกำลังพยายามจะทำลายชีวิตใครสักคน แต่ไม่ใช่ข้า เขากำลังพยายามทำลายผู้อาวุโสฝ่ายขวา…หากเจ้านั่นยอมแพ้แก่อำนาจของเหรียญตราสันติตั้งแต่แรก ข้าก็คงไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้ แต่ความจริงที่ว่าเรื่องคลี่คลายได้ง่ายถึงเพียงนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงอำนาจของเซี่ยไห่หยาง หมอนั่นพยายามโอ้อวดอยู่หรืออย่างไรกัน สีหน้าของชายหนุ่มดูเหมือนกำลังครุ่นคิด

แต่ถึงอย่างนั้น หากผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่ยอมก้มศีรษะให้อำนาจของเหรียญตรา เซี่ยไห่หยางก็มีเหตุผลที่จะก้าวเข้ามา เขายังสามารถอวดเบ่งได้อยู่! ความคิดเหล่านี้ไหลผ่านศีรษะของหวังเป่าเล่อไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นโบก มีหมอกกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากเรือบินรบเวทภายในกระเป๋าคลังเก็บ ก่อนจะรวมตัวและควบแน่นกันกลายเป็น…หวังเป่าเล่ออีกคนหนึ่ง!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset