หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 917 ชิงเอามาได้!

“เรือดาวตก!” ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในค่ายสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลืมตาโพลง เขาจ้องมองไปยังเรือวิญญาณก่อนจะหายตัวไปทันที เมื่อมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายชราก็ยืนอยู่ข้างซิงหลิง มหาศิษย์เต๋าของอารยธรรมของเขาแล้ว

ซิงหลิงเองก็นั่งสมาธิอยู่เช่นกัน แต่ฐานะและระดับปราณปัจจุบันนั้นยังไม่สูงพอที่จะได้ยินเสียงเรียกของเรือวิญญาณ ทว่าชายหนุ่มเองก็พร้อมแล้ว นัยน์ตาของเขาฉายแววดีใจอย่างเกินจะปิดบังเมื่อมองเห็นผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ปรมาจารย์…”

“โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว!” ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่พูดอย่างเย็นชา เขาสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้งก่อนจะพาตัวซิงหลิงไป ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็มาด้วย เขามีสีหน้าสงบสุข ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนใดๆ

เขารู้ดีว่าถึงเวลาที่จะต้องทำตามสัญญาแล้ว ชายวัยกลางคนรู้ถึงมูลค่าของสัญลักษณ์ดาวตกนี้ดี หากเขาไม่ได้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ เขาก็อาจไม่ยอมมาด้วยอย่างง่ายดายเพียงนี้และลองเสี่ยงดวงดู แต่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์แล้ว แม้ว่าดาวเคราะห์ของเขาจะเป็นดาวเคราะห์วิญญาณธรรมดา แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือการได้รับโอกาสบรรลุระดับดาวพระเคราะห์ชั้นปลาย!

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่บรรลุข้อตกลงกันไปแล้วก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ตกลงเรื่องรายละเอียดส่วนตัวไว้แล้ว ปรมาจารย์จะยอมช่วยอารยธรรมครามทองคำยึดอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ และเขาก็จะเข้าร่วมอารยธรรมครามทองคำ เป็นร่างพาหนะให้ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่เป็นเวลาห้าร้อยปี โดยอีกฝ่ายจะยอมช่วยให้เขาบรรลุขั้นระดับดาวพระเคราะห์ชั้นปลายเป็นการตอบแทน

ในที่สุดแล้ว ข้าก็เป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์! ปรมาจารย์มหาทัณฑ์มีความสุขยิ่งกับข้อตกลงที่ได้ทำและแผนที่เขาคิดขึ้นมาด้วยตนเอง ทุกสิ่งที่เขาได้รับมานั้นสมกับความพยายามแล้ว

ทว่าชายวัยกลางคนก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่พาเขาข้ามจักรวาลมายังเส้นเขตแดนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเรือวิญญาณเก่าแก่ลำหนึ่ง

เรือไม่ได้ใหญ่เท่าใดเลย แต่รัศมีความเก่าแก่ที่มันแผ่ออกมารุนแรงนัก ดูเหมือนว่าเรือลำนี้ดำรงอยู่มานานแสนนาน เป็นพาหนะแห่งโอกาสอันเงียบงัน มีบุรุษและสตรีหลายสิบคนโดยสารอยู่ ทุกคนต่างก็ถูกเลือกมาจากอารยธรรมของตนเอง นี่เป็นโอกาสอันดีของเขาที่จะได้มีพันธมิตรเพิ่ม มีกระดาษรูปมนุษย์ท่าทางน่ากลัวอยู่บนเรือ รัศมีอันแปลกประหลาดของมันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเรือลำนี้…กำลังมุ่งหน้าไปสู่อนาคต!

หากข้าทำลายดาวเคราะห์ของตนเอง ร่วงหล่นกลับไปสู่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ แล้วพยายามจะขอขึ้นเรือด้วยสัญลักษณ์บนกายข้า…มันจะคุ้มค่าไหมนะ ความคิดนั้นพาดผ่านหัวใจปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก่อนจะถูกลบทิ้งไปแทบจะทันที ปรมาจารย์มหาทัณฑ์หันกลับมาโค้งคำนับศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ต่ำ

“ปรมาจารย์ ข้าพร้อมแล้วขอรับ”

ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ดูนิ่งสงบ แต่ดวงจิตเทพของเขาจับจ้องอยู่ที่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ตลอดเวลา เวลานี้คือช่วงเวลาสำคัญของข้อตกลง หลินไห่อาจต้องใช้กำลังหากคนตรงหน้าคิดจะบิดพลิ้ว เขาจ้องมองท่าทีนอบน้อมที่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์แสดงออกมา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

มหาศิษย์แห่งเต๋าจากอารยธรรมครามทองคำ ซิงหลิน ยืนอยู่ข้างกายพวกเขาทั้งคู่ แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มมองเห็นมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เขามองไม่เห็นเรือวิญญาณแต่อย่างใด ทว่าความตื่นเต้นในใจก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย เด็กหนุ่มหันไปหาปรมาจารย์มหาทัณฑ์ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่รอช้า ขณะที่ผู้ฝึกตนอีกสองคนจับจ้องมองเขาอยู่ ชายวัยกลางคนก็ยกมือขวาขึ้นก่อนจะทุบหน้าผากของตนอย่างแรง สัญลักษณ์สีขาวผ่องบนหน้าผากส่องแสงแรงกล้าออกมาทันที มันขาวราวกับกระดาษ แสงนั้นกระจายออกมาด้านนอกก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นเส้นยาวที่เชื่อมต่อกับเรือวิญญาณ เหมือนว่าจะนำทางเขาไปยังเรือวิญญาณกระนั้น

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์พูดออกมาทันที

“ท่านทูตผู้ทรงเกียรติ โปรดเป็นพยานให้คำพูดของข้า ข้าขอมอบที่ของข้าบนเรือลำนี้ให้ชายผู้นี้ด้วยความตั้งใจของข้าเอง!” ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ชี้ไปที่ซิงหลิงขณะพูด

ด้วยความช่วยเหลือของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ หวังเป่าเล่อจึงมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มเห็นชายหญิงที่อยู่บนเรือ บางคนก็ลืมตาและไม่ได้ดูแปลกใจกับการประกาศของปรมาจารย์มหาทัณฑ์เลย บางคนมีสายตาดูหมิ่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล่วงรู้ถึงข้อตกลงที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า และข้อตกลงนี้กำลังจะบรรลุ!

แล้วก็เป็นจริงเช่นนั้น เมื่อได้ยินคำประกาศของปรมาจารย์มหาทัณฑ์ คนเรือก็พยักหน้าน้อยๆ จากนั้นแสงสีขาวที่ห้อมล้อมกายชายวัยกลางคนอยู่ก็พุ่งเข้าไปหาซิงหลิงทันทีและเคลือบตัวเขาไว้ด้วยแสงเจิดจ้า หลังจากนั้นกระดาษแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเด็กหนุ่ม!

ตอนนี้ซิงหลิงมองเห็นเรือวิญญาณแล้ว เขาเห็นบรรดาอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่นั่งเรียงรายอยู่บนเรือและกระดาษรูปมนุษย์ด้วย หัวใจของเด็กหนุ่มเต็มล้นไปด้วยอารมณ์ เขาหันหลังไปประสานมือคารวะศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ ก่อนจะกระโดดรับสัญลักษณ์แล้วกระโจนขึ้นเรือไปในอึดใจ เมื่อขึ้นไปบนเรือก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดจะควบคุมตนเองได้

ผู้โดยสารคนอื่นๆ ดูจะไม่สบอารมณ์กับเสียงหัวเราะของเขานัก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เรือวิญญาณเริ่มออกตัวไป ไม้พายของกระดาษรูปมนุษย์ไหลผ่านจักรวาล เรือเริ่มหันเหไปยังจักรวาลห่างไกลที่อยู่เหนืออารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ออกไป ก่อนจากไปอย่างเงียบเชียบ

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์จ้องมองเรือที่ค่อยๆ ไกลออกไป เขาไม่อาจอธิบายความรู้สึกสูญเสียที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ได้ เขายังคงยืนยันการตัดสินใจของตนเอง พลางพยายามไล่ความรู้สึกสูญเสียออกไปจากใจ เขารู้ดีว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวที่เลือกได้ โชคชะตาของเขาในตอนนี้ผูกติดกับโชคชะตาของศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่

“ปรมาจารย์ ข้า…” เมื่อคิดได้เช่นนั้นปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็หันไปยกมือประสานพยายามจะพูดแสดงความภักดี แต่ก่อนที่จะได้พูดสิ่งใดออกไป ประกายบางอย่างก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่

“กล้าดีอย่างไร!” คลื่นแสงแรงกล้าปะทุออกมาจากกายศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ขณะที่เขาตะโกนก้อง พลังระดับดารานิรันดร์ทะลักออกมาทันที ร่างของเขาเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ พลังของเขาเป็นดั่งน้ำหนักกดดันรุนแรงที่กดทับทุกสิ่งโดยรอบเอาไว้จนหมด ขณะที่เขายกมือขวาขึ้นแล้วคว้าออกไปที่บางสิ่งซึ่งลอยอยู่เหนือเรือวิญญาณ!

“ตาย!” เสียงของชายชราดังกึกก้องขณะที่หัตถ์เพลิงร้อนแรงซึ่งแผดเผาเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นด้านบน พลังอันยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากหัตถ์นั้นแล้วร่วงหล่นลงสู่จักรวาล สร้างเงาขนาดใหญ่ยักษ์แผ่ปกคลุมไปทั่ว น้ำหนักของมันนั้นหนักหนาราวกับว่าสามารถจะทุบทำลายดวงดาวได้ทั้งดวง

ขณะที่ปราณของชายชรากวาดไปทั่วจักรวาล ก็มีร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นเหนือเรือวิญญาณที่กำลังลอยออกไปในอวกาศ!

หวังเป่าเล่อนั่นเอง!

ชายหนุ่มไม่ได้วางแผนจะขึ้นเรือต่อหน้าต่อตาผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ แต่กะจะขึ้นหลังจากที่มันออกไปแล้ว ทว่าขณะที่เขามองดูเรือลอยล่องออกไปในจักรวาล กระดาษรูปมนุษย์ในกระเป๋าก็พูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก!

“ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ!”

หวังเป่าเล่อไม่รอช้า เขาเปิดใช้ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวเองทันที เขาไปปรากฏอยู่เหนือเรือวิญญาณที่กำลังจะหายไป ทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้น ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนอันรุนแรงรอบกายและหัตถ์เพลิงไฟลุกท่วมที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่!

ไม่มีที่ให้หลบซ่อนและไม่มีสิ่งใดให้ใช้หลบการโจมตีได้ พลังปราณของชายหนุ่มถูกกดทับเอาไว้จนสิ้น หวังเป่าเล่อไม่เหลือพลังที่จะใช้ป้องกันตนเองได้เลย เมื่อความตายคืบคลานเข้ามา เขาก็ทำใจแข็งก่อนจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มพนันว่ากระดาษรูปมนุษย์ในแหวนคลังเก็บจะต้องออกมาช่วยอย่างแน่นอน!

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง กระดาษรูปมนุษย์ในแหวนก็ส่งเสียงหัวเราะน่าขนหัวลุกออกมา

เป็นเสียงหัวเราะที่มีเพียงหวังเป่าเล่อที่ได้ยิน มันก้องกังวานอยู่ในศีรษะของชายหนุ่ม ก่อนที่ใครบางคนจะโจมตีออกมา ไม่ใช่กระดาษรูปมนุษย์ในแหวนคลังเก็บ หากแต่เป็น…กระดาษรูปมนุษย์บนเรือวิญญาณที่กำลังเริ่มจางหายไป คนเรือเงยหน้าขึ้นก่อนจะขยับใบพายในมือขวาเล็กน้อย

มีคลื่นสีขาวปรากฏออกมาจากอากาศธาตุ ปกคลุมตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้อย่างฉับพลัน สร้างปราการป้องกันตรงหน้าเขา ก่อนจะปะทะเข้ากับหัตถ์เพลิง

เกิดเสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นจักรวาล ก่อนที่หัตถ์เพลิงจะสลายหายไป ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ทั้งทึ่งทั้งโกรธ ขณะจ้องมองคลื่นสีขาวที่กระดาษรูปมนุษย์ปล่อยออกมากวาดหวังเป่าเล่อขึ้นไปบนเรืออย่างปลอดภัย

“เป็นไปไม่ได้!”

“หลงหนานจื่อ!”

“เกิดอะไรขึ้น”

“เจ้า!”

เสียงตะโกนเสียงแรกมาจากศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ ความตกตะลึงที่เขารู้สึกอยู่นั้นเกินจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด ชายชราไม่เคยคิดฝันว่าทูตแห่งดาวตกจะยื่นมือเข้ามาช่วย มันเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน

เสียงตะโกนเสียงที่สองมาจากปรมาจารย์มหาทัณฑ์ เขาตื่นตะลึงกับความกล้าหาญและบ้าดีเดือดของหวังเป่าเล่อ

เสียงตะโกนเสียงที่สามมาจากบรรดาอัจฉริยะผู้ถูกเลือกบนเรือ ไม่ใช่ทุกคนที่ตะโกนด้วยความตกตะลึง มีเพียงผู้มาใหม่สิบกว่าคนที่แสดงอาการตกใจออกมา สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าทำเอาพวกเขาตื่นตะลึง ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงสีหน้าแปลกประหลาดของผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเรือ สีหน้าของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยอ่อนและเกลียดชัง ปราศจากซึ่งความตื่นตกใจ

และเสียงตะโกนเสียงที่สี่ก็มาจากผู้โดยสารอีกคนที่อยู่บนเรือเช่นกัน เป็นซิงหลิงนั่นเอง ความตื่นเต้นที่เขามีอยู่ก่อนหน้ามลายหายไปสิ้นเมื่อได้เห็นหวังเป่าเล่อเดินขึ้นมาบนเรือ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งเข้าใส่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เกราะมหาจักรพรรดิปรากฏขึ้นทันที แสงสะท้อนจากคมของอาวุธเทพส่องสว่าง เมื่อใบมีดในมือขวาฟันใส่ซิงหลิงอย่างไร้ปรานี!

“เรือดาวตก!” ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในค่ายสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลืมตาโพลง เขาจ้องมองไปยังเรือวิญญาณก่อนจะหายตัวไปทันที เมื่อมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายชราก็ยืนอยู่ข้างซิงหลิง มหาศิษย์เต๋าของอารยธรรมของเขาแล้ว

ซิงหลิงเองก็นั่งสมาธิอยู่เช่นกัน แต่ฐานะและระดับปราณปัจจุบันนั้นยังไม่สูงพอที่จะได้ยินเสียงเรียกของเรือวิญญาณ ทว่าชายหนุ่มเองก็พร้อมแล้ว นัยน์ตาของเขาฉายแววดีใจอย่างเกินจะปิดบังเมื่อมองเห็นผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ปรมาจารย์…”

“โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว!” ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่พูดอย่างเย็นชา เขาสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้งก่อนจะพาตัวซิงหลิงไป ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็มาด้วย เขามีสีหน้าสงบสุข ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนใดๆ

เขารู้ดีว่าถึงเวลาที่จะต้องทำตามสัญญาแล้ว ชายวัยกลางคนรู้ถึงมูลค่าของสัญลักษณ์ดาวตกนี้ดี หากเขาไม่ได้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ เขาก็อาจไม่ยอมมาด้วยอย่างง่ายดายเพียงนี้และลองเสี่ยงดวงดู แต่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์แล้ว แม้ว่าดาวเคราะห์ของเขาจะเป็นดาวเคราะห์วิญญาณธรรมดา แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือการได้รับโอกาสบรรลุระดับดาวพระเคราะห์ชั้นปลาย!

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่บรรลุข้อตกลงกันไปแล้วก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ตกลงเรื่องรายละเอียดส่วนตัวไว้แล้ว ปรมาจารย์จะยอมช่วยอารยธรรมครามทองคำยึดอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ และเขาก็จะเข้าร่วมอารยธรรมครามทองคำ เป็นร่างพาหนะให้ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่เป็นเวลาห้าร้อยปี โดยอีกฝ่ายจะยอมช่วยให้เขาบรรลุขั้นระดับดาวพระเคราะห์ชั้นปลายเป็นการตอบแทน

ในที่สุดแล้ว ข้าก็เป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์! ปรมาจารย์มหาทัณฑ์มีความสุขยิ่งกับข้อตกลงที่ได้ทำและแผนที่เขาคิดขึ้นมาด้วยตนเอง ทุกสิ่งที่เขาได้รับมานั้นสมกับความพยายามแล้ว

ทว่าชายวัยกลางคนก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่พาเขาข้ามจักรวาลมายังเส้นเขตแดนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเรือวิญญาณเก่าแก่ลำหนึ่ง

เรือไม่ได้ใหญ่เท่าใดเลย แต่รัศมีความเก่าแก่ที่มันแผ่ออกมารุนแรงนัก ดูเหมือนว่าเรือลำนี้ดำรงอยู่มานานแสนนาน เป็นพาหนะแห่งโอกาสอันเงียบงัน มีบุรุษและสตรีหลายสิบคนโดยสารอยู่ ทุกคนต่างก็ถูกเลือกมาจากอารยธรรมของตนเอง นี่เป็นโอกาสอันดีของเขาที่จะได้มีพันธมิตรเพิ่ม มีกระดาษรูปมนุษย์ท่าทางน่ากลัวอยู่บนเรือ รัศมีอันแปลกประหลาดของมันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเรือลำนี้…กำลังมุ่งหน้าไปสู่อนาคต!

หากข้าทำลายดาวเคราะห์ของตนเอง ร่วงหล่นกลับไปสู่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ แล้วพยายามจะขอขึ้นเรือด้วยสัญลักษณ์บนกายข้า…มันจะคุ้มค่าไหมนะ ความคิดนั้นพาดผ่านหัวใจปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก่อนจะถูกลบทิ้งไปแทบจะทันที ปรมาจารย์มหาทัณฑ์หันกลับมาโค้งคำนับศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ต่ำ

“ปรมาจารย์ ข้าพร้อมแล้วขอรับ”

ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ดูนิ่งสงบ แต่ดวงจิตเทพของเขาจับจ้องอยู่ที่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ตลอดเวลา เวลานี้คือช่วงเวลาสำคัญของข้อตกลง หลินไห่อาจต้องใช้กำลังหากคนตรงหน้าคิดจะบิดพลิ้ว เขาจ้องมองท่าทีนอบน้อมที่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์แสดงออกมา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

มหาศิษย์แห่งเต๋าจากอารยธรรมครามทองคำ ซิงหลิน ยืนอยู่ข้างกายพวกเขาทั้งคู่ แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มมองเห็นมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เขามองไม่เห็นเรือวิญญาณแต่อย่างใด ทว่าความตื่นเต้นในใจก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย เด็กหนุ่มหันไปหาปรมาจารย์มหาทัณฑ์ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่รอช้า ขณะที่ผู้ฝึกตนอีกสองคนจับจ้องมองเขาอยู่ ชายวัยกลางคนก็ยกมือขวาขึ้นก่อนจะทุบหน้าผากของตนอย่างแรง สัญลักษณ์สีขาวผ่องบนหน้าผากส่องแสงแรงกล้าออกมาทันที มันขาวราวกับกระดาษ แสงนั้นกระจายออกมาด้านนอกก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นเส้นยาวที่เชื่อมต่อกับเรือวิญญาณ เหมือนว่าจะนำทางเขาไปยังเรือวิญญาณกระนั้น

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์พูดออกมาทันที

“ท่านทูตผู้ทรงเกียรติ โปรดเป็นพยานให้คำพูดของข้า ข้าขอมอบที่ของข้าบนเรือลำนี้ให้ชายผู้นี้ด้วยความตั้งใจของข้าเอง!” ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ชี้ไปที่ซิงหลิงขณะพูด

ด้วยความช่วยเหลือของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ หวังเป่าเล่อจึงมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มเห็นชายหญิงที่อยู่บนเรือ บางคนก็ลืมตาและไม่ได้ดูแปลกใจกับการประกาศของปรมาจารย์มหาทัณฑ์เลย บางคนมีสายตาดูหมิ่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล่วงรู้ถึงข้อตกลงที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า และข้อตกลงนี้กำลังจะบรรลุ!

แล้วก็เป็นจริงเช่นนั้น เมื่อได้ยินคำประกาศของปรมาจารย์มหาทัณฑ์ คนเรือก็พยักหน้าน้อยๆ จากนั้นแสงสีขาวที่ห้อมล้อมกายชายวัยกลางคนอยู่ก็พุ่งเข้าไปหาซิงหลิงทันทีและเคลือบตัวเขาไว้ด้วยแสงเจิดจ้า หลังจากนั้นกระดาษแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเด็กหนุ่ม!

ตอนนี้ซิงหลิงมองเห็นเรือวิญญาณแล้ว เขาเห็นบรรดาอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่นั่งเรียงรายอยู่บนเรือและกระดาษรูปมนุษย์ด้วย หัวใจของเด็กหนุ่มเต็มล้นไปด้วยอารมณ์ เขาหันหลังไปประสานมือคารวะศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ ก่อนจะกระโดดรับสัญลักษณ์แล้วกระโจนขึ้นเรือไปในอึดใจ เมื่อขึ้นไปบนเรือก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดจะควบคุมตนเองได้

ผู้โดยสารคนอื่นๆ ดูจะไม่สบอารมณ์กับเสียงหัวเราะของเขานัก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร เรือวิญญาณเริ่มออกตัวไป ไม้พายของกระดาษรูปมนุษย์ไหลผ่านจักรวาล เรือเริ่มหันเหไปยังจักรวาลห่างไกลที่อยู่เหนืออารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ออกไป ก่อนจากไปอย่างเงียบเชียบ

ปรมาจารย์มหาทัณฑ์จ้องมองเรือที่ค่อยๆ ไกลออกไป เขาไม่อาจอธิบายความรู้สึกสูญเสียที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ได้ เขายังคงยืนยันการตัดสินใจของตนเอง พลางพยายามไล่ความรู้สึกสูญเสียออกไปจากใจ เขารู้ดีว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวที่เลือกได้ โชคชะตาของเขาในตอนนี้ผูกติดกับโชคชะตาของศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่

“ปรมาจารย์ ข้า…” เมื่อคิดได้เช่นนั้นปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็หันไปยกมือประสานพยายามจะพูดแสดงความภักดี แต่ก่อนที่จะได้พูดสิ่งใดออกไป ประกายบางอย่างก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่

“กล้าดีอย่างไร!” คลื่นแสงแรงกล้าปะทุออกมาจากกายศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ขณะที่เขาตะโกนก้อง พลังระดับดารานิรันดร์ทะลักออกมาทันที ร่างของเขาเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ พลังของเขาเป็นดั่งน้ำหนักกดดันรุนแรงที่กดทับทุกสิ่งโดยรอบเอาไว้จนหมด ขณะที่เขายกมือขวาขึ้นแล้วคว้าออกไปที่บางสิ่งซึ่งลอยอยู่เหนือเรือวิญญาณ!

“ตาย!” เสียงของชายชราดังกึกก้องขณะที่หัตถ์เพลิงร้อนแรงซึ่งแผดเผาเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นด้านบน พลังอันยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากหัตถ์นั้นแล้วร่วงหล่นลงสู่จักรวาล สร้างเงาขนาดใหญ่ยักษ์แผ่ปกคลุมไปทั่ว น้ำหนักของมันนั้นหนักหนาราวกับว่าสามารถจะทุบทำลายดวงดาวได้ทั้งดวง

ขณะที่ปราณของชายชรากวาดไปทั่วจักรวาล ก็มีร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นเหนือเรือวิญญาณที่กำลังลอยออกไปในอวกาศ!

หวังเป่าเล่อนั่นเอง!

ชายหนุ่มไม่ได้วางแผนจะขึ้นเรือต่อหน้าต่อตาผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ แต่กะจะขึ้นหลังจากที่มันออกไปแล้ว ทว่าขณะที่เขามองดูเรือลอยล่องออกไปในจักรวาล กระดาษรูปมนุษย์ในกระเป๋าก็พูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก!

“ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ!”

หวังเป่าเล่อไม่รอช้า เขาเปิดใช้ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวเองทันที เขาไปปรากฏอยู่เหนือเรือวิญญาณที่กำลังจะหายไป ทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้น ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนอันรุนแรงรอบกายและหัตถ์เพลิงไฟลุกท่วมที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่!

ไม่มีที่ให้หลบซ่อนและไม่มีสิ่งใดให้ใช้หลบการโจมตีได้ พลังปราณของชายหนุ่มถูกกดทับเอาไว้จนสิ้น หวังเป่าเล่อไม่เหลือพลังที่จะใช้ป้องกันตนเองได้เลย เมื่อความตายคืบคลานเข้ามา เขาก็ทำใจแข็งก่อนจะเดิมพันครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มพนันว่ากระดาษรูปมนุษย์ในแหวนคลังเก็บจะต้องออกมาช่วยอย่างแน่นอน!

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง กระดาษรูปมนุษย์ในแหวนก็ส่งเสียงหัวเราะน่าขนหัวลุกออกมา

เป็นเสียงหัวเราะที่มีเพียงหวังเป่าเล่อที่ได้ยิน มันก้องกังวานอยู่ในศีรษะของชายหนุ่ม ก่อนที่ใครบางคนจะโจมตีออกมา ไม่ใช่กระดาษรูปมนุษย์ในแหวนคลังเก็บ หากแต่เป็น…กระดาษรูปมนุษย์บนเรือวิญญาณที่กำลังเริ่มจางหายไป คนเรือเงยหน้าขึ้นก่อนจะขยับใบพายในมือขวาเล็กน้อย

มีคลื่นสีขาวปรากฏออกมาจากอากาศธาตุ ปกคลุมตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้อย่างฉับพลัน สร้างปราการป้องกันตรงหน้าเขา ก่อนจะปะทะเข้ากับหัตถ์เพลิง

เกิดเสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นจักรวาล ก่อนที่หัตถ์เพลิงจะสลายหายไป ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ทั้งทึ่งทั้งโกรธ ขณะจ้องมองคลื่นสีขาวที่กระดาษรูปมนุษย์ปล่อยออกมากวาดหวังเป่าเล่อขึ้นไปบนเรืออย่างปลอดภัย

“เป็นไปไม่ได้!”

“หลงหนานจื่อ!”

“เกิดอะไรขึ้น”

“เจ้า!”

เสียงตะโกนเสียงแรกมาจากศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ ความตกตะลึงที่เขารู้สึกอยู่นั้นเกินจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด ชายชราไม่เคยคิดฝันว่าทูตแห่งดาวตกจะยื่นมือเข้ามาช่วย มันเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ศิษย์แห่งเต๋าหลินไห่ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน

เสียงตะโกนเสียงที่สองมาจากปรมาจารย์มหาทัณฑ์ เขาตื่นตะลึงกับความกล้าหาญและบ้าดีเดือดของหวังเป่าเล่อ

เสียงตะโกนเสียงที่สามมาจากบรรดาอัจฉริยะผู้ถูกเลือกบนเรือ ไม่ใช่ทุกคนที่ตะโกนด้วยความตกตะลึง มีเพียงผู้มาใหม่สิบกว่าคนที่แสดงอาการตกใจออกมา สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าทำเอาพวกเขาตื่นตะลึง ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงสีหน้าแปลกประหลาดของผู้โดยสารคนอื่นๆ บนเรือ สีหน้าของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยอ่อนและเกลียดชัง ปราศจากซึ่งความตื่นตกใจ

และเสียงตะโกนเสียงที่สี่ก็มาจากผู้โดยสารอีกคนที่อยู่บนเรือเช่นกัน เป็นซิงหลิงนั่นเอง ความตื่นเต้นที่เขามีอยู่ก่อนหน้ามลายหายไปสิ้นเมื่อได้เห็นหวังเป่าเล่อเดินขึ้นมาบนเรือ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งเข้าใส่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เกราะมหาจักรพรรดิปรากฏขึ้นทันที แสงสะท้อนจากคมของอาวุธเทพส่องสว่าง เมื่อใบมีดในมือขวาฟันใส่ซิงหลิงอย่างไร้ปรานี!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา
Status: Ongoing
นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset