หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 937 ไล่ตามข้า?

“ทำไมบนร่างแม่นางน้อยผู้มืดมนคนนั้นถึงมีความผันผวนจากศาสตร์มืด…” ขณะหวังเป่าเล่อรีบหนีออกไปจากสนามรบ ในหัวก็ปรากฏภาพของแม่นางน้อยคนนั้น ในใจเกิดความสงสัยขึ้น แต่ความคิดนั้นก็ผุดขึ้นมาเพียงแวบเดียวก็ถูกเขาสลัดทิ้งไป

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ ที่ด้านหลังเขาแม่นางกระพรวนมหาศิษย์แห่งสำนักเก้าวิหคเพลิง มหาอำนาจจากจักรพิภพสำนักเสริม พุ่งตามมาอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยแสงหลากสีราวกับรุ้งกินน้ำพาดผ่านท้องฟ้า

ขณะไล่ตามมา เสียงกระพรวนที่ข้อมือก็ส่งเสียงดังสะท้อนเป็นวงระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองจากที่ไกลๆ ราวกับหญิงสาวเหาะไปบนเกลียวคลื่นได้ ดูสง่างามแต่ในขณะเดียวกันก็มีความเร็วที่น่าทึ่ง

โดยเฉพาะชุดคลุมยาวหลากสีที่พลิ้วไหว และรูปลักษณ์ที่งามหยดย้อยทำให้ราวกับเห็นนางฟ้าในภาพวาดกำลังเหยียบลงมายังโลก

“นี่ตกหลุมรักข้าหรือ” หวังเป่าเล่อปวดหัว เมื่อเห็นแม่นางกระพรวนไล่ตามเขาออกมาจากสนามรบพร้อมเสียงกระพรวนสั่นเร็วจี๋ หลังจากเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจึงหยิบแผ่นหยกออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บและหันไปทางแม่นางกระพรวนแล้วขว้างมันออกไป ปากก็ตะโกนเสียงดัง

“อย่าตามมาเลย นี่คือของต่างหน้าของข้า รอให้การทดสอบสิ้นสุดแล้วข้าแซ่เซี่ยจะลองให้โอกาสเจ้ามาขอแต่งงาน!”

แม่นางกระพรวนที่พุ่งตามมาข้างหลังได้ยินแล้วกลับยกยิ้ม

“ข้าขอแต่งงาน?” แม้คำพูดจาไพเราะน่าฟัง ทว่าดวงตากลับฉายแววประปลาด สาเหตุที่นางไล่ตามมาเป็นเพราะสนใจในตัวหวังเป่าเล่อจริงๆ แต่ไม่ใช่เชิงชู้สาวพวกนั้น แต่ต้องการใช้โอกาสนี้ทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนและดูว่าเขาสามารถมาเป็นทาสศึกได้หรือไม่ ส่วนเรื่องที่เขาสังหารดารานิรันดร์มันไร้สาระเกินไป นางเชื่อว่าต้องเกิดเพราะความบังเอิญแน่ ไม่สามารถนำมาใช้ตัดสินพลังต่อสู้ของเขาได้

ตามที่นางเข้าใจคือสิทธิ์ของอีกฝ่ายได้มาโดยการช่วงชิง อีกทั้งยังยั่วยุอารยธรรมครามทองคำโดยที่ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง แต่หากเขามาเป็นทาสศึกของตน ถึงแม้จะสูญเสียอิสรภาพ แต่ก็จะได้ประโยชน์ไม่น้อย

แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนความคิดเล็กน้อยโดยตั้งใจจะจับเขาทั้งเป็นเพื่อให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติของความตายเป็นการลงโทษ จากนั้นค่อยคิดดูอีกครั้งว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัติที่จะเป็นทาสศึกของตนหรือไม่

คิดได้ดังนี้สายตาแม่นางกระพรวนก็เย็นยะเยือกขึ้นมา นางโบกมือขวาเบาๆ ฉับพลับคลื่นเสียงรอบตัวนางก็บิดเบี้ยวและกระจายออก มันพุ่งตรงไปยังแผ่นหยกที่หวังเป่าเล่อขว้างมา ทันทีที่ปะทะกันแผ่นหยกก็แตกกระจาย

และในตอนที่มันแตกกระจายนั้นเองก็มีหมอกสีดำพวยพุ่งออกมาจากแผ่นหยกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อตัวเป็นกำปั้นและพุ่งเข้าใส่แม่นางกระพรวน!

หยกแผ่นนี้ดูเหมือนธรรมดาทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมีสารัตถะของหวังเป่าเล่อประกอบอยู่ด้วย ดังนั้นที่เขาพูดจาอวดดีไปเมื่อครู่ก็เพื่อให้อีกฝ่ายทำลายแผ่นหยกและสร้างโอกาสขัดขวางการโจมตีนั่นเอง

แน่นอนว่า…หากอีกฝ่ายเมินแผ่นหยกจะดีต่อหวังเป่าเล่อมากกว่า

แต่ความคิดที่สองของหวังเป่าเล่อก็ยากที่จะสำเร็จ ในฐานะมหาศิษย์แห่งเต๋าของสำนักเก้าวิหคเพลิง แม่นางกระพรวนย่อมไม่ธรรมดา อีกทั้งสติปัญญาสูงส่ง เพียงแวบเดียวก็มองออกว่าแผ่นหยกนั้นมีอะไรแปลกๆ วินาทีนั้นถึงมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และพลังงานสีดำภายในกลายเป็นกำปั้นพุ่งมา ทว่ามันกลับพุ่งผ่านร่างแม่นางกระพรวนไป

นางไม่เป็นอันตราเลยแม้แต่น้อย ราวกับร่างของนางเป็นเพียงภาพหลวงตา ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น วินาทีต่อมาร่างของแม่นางกระบวนก็ก้าวออกมาจากทางขวาของหวังเป่าเล่อ

“กลอุบายหรือ” ระหว่างที่พูดแม่นางกระพรวนก็ยกมือขวาขึ้นมาอีกครั้งแล้วโบกเบาๆ ฉับพลันคลื่นเสียงรอบตัวก็ระเบิดออกมาราวกับเส้นไหมที่มองไม่เห็น แล้วตรงเข้าพันธนาการหวังเป่าเล่อ

ความแหลมคมของมันก็น่าทึ่งเช่นกัน ยามที่แหวกไปในอากาศก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากการเคลื่อนที่เร็วเหนือเสียง ทั้งเร็วฉับไวและความว่างเปล่าที่มันแหวกไปก็ปรากฏร่องรอยเหมือนถูกตัดออก

หากเป็นจิตวิญญาณอมตะทั่วไปเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย และต่อให้เป็นดาวพระเคราะห์ก็ต้องระเบิดพลังแห่งดาวพระเคราะห์ของตนถึงจะต้านทานได้ เป็นเรื่องจริงทีเดียวที่ฐานการฝึกฝนของแม่นางกระพรวนไม่ธรรมดา ขณะเดียวกันกระพรวนบนข้อมือนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า

“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา อีกฝ่ายพบอุบายของเขาแล้วนั่นไม่เท่าไหร่ แต่การโต้กลับนั้นรวดเร็วและรุนแรงมาก อีกทั้งเส้นไหมคลื่นเสียงนั้นก็ทำให้เขารู้สึกอันตรายมาก ขณะเดียวกันความผันผวนของรากฐานการฝึกฝนในร่างกายอีกฝ่ายก็ทำให้หวังเป่าเล่อตระหนักถึงความยากลำบากแล้ว นางคือศัตรูที่แข็งแกร่ง หากต้องการเอาชนะในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาคงทำไม่ได้

เว้นแต่จะเป็นการสู้จนตัวตายก็พอจะทำได้ แต่ไม่คุ้ม

“พนันว่านางก็ไม่ได้อยากสู้จนตัวตายหรอกมั้ง?” หลังจากความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว หวังเป่าเล่อก็ยอมแพ้ทันทีเพราะเขาคิดวิธีที่ดีกว่าได้แล้ว ขณะนั้นดวงตาก็ส่องประกายวาบ คลื่นเสียงรอบตัวส่งเสียงหวีดหวิวและปิดกั้นเขาทุกทาง ทว่าทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้ ร่างของหวังเป่าเล่อก็เกิดเสียงดังสนั่นและระเบิดตัวเองกลายเป็นกลุ่มพลังงานสีดำจำนวนมาก

เส้นไหมพวกนี้ปิดกั้นเส้นทางทุกทางได้ แต่ไม่สามารถปิดกั้นช่องว่างทั้งหมดได้ วินาทีที่เส้นไหมเข้ามาใกล้ หวังเป่าเล่อก็กลายร่างเป็นหมอกแทรกผ่านช่องว่างไป ไม่ใช่เพื่อหนี แต่เพื่อพุ่งตรงไปยังแม่นางกระพรวนที่หรี่ตาลงเล็กน้อยอยู่ในตอนนั้น

ขณะแทรกออกไปได้แล้ว ร่างของหวังเป่าเล่อก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เกราะจักรพรรดิบนร่างเปลี่ยนไปในทันใดและฝันร้ายก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง เขายกมือขวาทุบระเบิดกำเนิดดวงดาวจนระเบิดในทันที!

ระเบิดกำเนิดดวงดาวถึงแม้จะไม่ดีในด้านเพิ่มตบะการฝึกฝนรวมถึงด้านทักษะ แต่ในฐานะเคล็ดวิชาที่ระเบิดตบะออกมาจึงยังพอเห็นอานุภาพอยู่ ถึงอย่างไรข้อดีของมันก็อยู่ที่สามารถระเบิดพลังของตบะในระดับสูงสุดในคราเดียว

ควบคู่ไปกับพรสวรรค์วิญญาณจุติดวงดาราของหวังเป่าเล่อ การยืนอยู่บนดาวมายาดวงนี้จึงมีพลังเสริมอยู่แล้วทำให้การทุบระเบิดกำเนิดดวงดาวครั้งนี้จึงดูราวกับสามารถทำลายดวงดาวได้จริงๆ ในพริบตาที่มันระเบิดออกก็เกิดกระแสน้ำวนที่ดูคล้ายหลุมดำขึ้น มันฉีกผ่านความว่างเปล่าและกวาดทุกสิ่งทุกอย่างไปที่แม่นางกระพรวนราวกับลูกบอลสีดำ

“พลังเทพโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถึงแม้อานุภาพจะไม่แย่ แต่กลับไม่มีวิถีแห่งเต๋าเลยสักนิด!” แม่นางกระพรวนหรี่ตาลง ขณะเปิดปากพูดพร้อมกับร่ายมือขวาชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นบริเวณเหนือจุดที่นางอยู่ก็เกิดเสียงท้องฟ้าคำราม หลังคาสวรรค์เหมือนจะเกิดความปั่นป่วน เสียงวิหคเพลิงดังลอยมาราวกับมีวิหคเพลิงยักษ์ซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่า

ในชั่วพริบตากรงเล็บวิหคเพลิงลวงตาก็ปรากฏด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ ฉับพลันก็ตกลงมาและขนาดของมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหลายร้อยจั้งในชั่วพริบตา มันจุติพร้อมปะทะเข้ากับระเบิดกำเนิดดวงดาวของหวังเป่าเล่อ

ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนฟ้า หลุมดำที่เกิดจากระเบิดกำเนิดดวงดาวพังก็ทลายลง กรงเล็บวิหคเพลิงเองก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทว่าในวินาทีต่อมา เสียงวิหคเพลิงคำรามก็อีกครั้งพร้อมกับกรงเล็บวิหคเพลิงอันที่สองตกลงมาจากท้องฟ้า

เห็นเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาและไม่อยากสู้อีกต่อไป ร่างของเขาถอยร่นไปทันที ขณะเดียวกันก็หยิบแผ่นหยกแผ่นที่สองออกมาแล้วขว้างใส่แม่นางกระพรวน

“หนึ่งแผ่นยังจริงใจไม่พออีกหรือ ไม่เป็นไร ใครใช้ให้ข้าโดดเด่นจนเจ้าไม่เชื่อข้ากันล่ะ เช่นนั้นข้าให้เจ้าอีกแผ่นแล้วกัน จำไว้นะ นำแผ่นหยกนี้มาขอข้าแต่งงาน!” หวังเป่าเล่อขว้างแผ่นหยกออกไปพร้อมกระแอมไอ และรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าเป็นคนกะล่อนรึ!” สายตาแม่นางกระพรวนฉายแววผิดหวัง แต่ในใจกลับระแวงยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงพลังเทพของหวังเป่าเล่อเมื่อครู่ถึงจะดูหยาบ แต่อานุภาพของมันก็ทำให้นางเกร็ง ขณะนี้นางไม่สนใจหยกแผ่นนั้น นางขึ้นไปยืนอยู่บนกรงเล็บวิหคเพลิงที่จุติขึ้นมาและไล่ล่าหวังเป่าเล่ออีกครั้ง

ทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลัง ไล่ตามกันไปอย่างนั้นไม่หยุดหย่อน แม่นางกระพรวนงัดเคล็ดวิชาออกมามากมาย วิหคเพลิงสวรรค์ปรากฏหัวออกมาสองหัว นั่นยังดี หลังจากเกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อแปลงสภาพไป เขาก็สามารถใช้ความเร็วค่อยๆ ออกห่างหรือหลบหนีพลังเทพของอีกฝ่ายได้

แต่ว่า…สิ่งที่เขาปวดหัวที่สุดคือกระพรวนบนข้อมือของแม่นางกระพรวน มันสั่นพร้อมกับคลื่นเสียงที่ก่อตัวขึ้น ความอ่อนแอและการรบกวนที่เกิดขึ้นทำให้ความเร็วของหวังเป่าเล่อค่อยๆ ช้าลงราวกับอยู่ในหลุมที่ล้อมรอบด้วยคลื่นเสียง

จนกระทั่งเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป หวังเป่าเล่อก็เหมือนจะถูกไล่ตามทันอีกครั้ง สีหน้าเขาเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ในใจกลับหัวเราะเย็นชา เวลาของเส้นทางลับใกล้จะหมดลงแล้ว เขาจึงหันไปยกโทรโข่งยักษ์ที่มีรอยแตกขึ้นด้วยมือขวา

“ข้าก็มีวัตถุเวทคลื่นเสียงเหมือนกัน!” หวังเป่าเล่อเอาโทรโข่งที่ซ่อมไว้ออกมา ก่อนที่เขาจะใช้กำลังทั้งหมดตะโกนเสียงดังลั่น

………………………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset