หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 446 ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเขาเช่นกัน!

บทที่ 446 ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเขาเช่นกัน!

โทรโข่งอาวุธเวทนั้นมีสีแดงสดและดูแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง ภายนอกของมันปกคลุมไปด้วยแผนภาพที่ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์สีเข้มอ่อนแตกต่างกัน หากพิจารณาดูดีๆ แล้ว จะเห็นว่าแผนภาพเหล่านี้ประกอบกันเป็นรูปพยัคฆ์ที่มีเปลวไฟลุกท่วมกาย

ในวินาทีที่หวังเป่าเล่อหยิบโทรโข่งออกมานั้น ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเปิดใช้งานมันทันที หลังจากที่เร่งเสียงขึ้นจนสุด และตะโกนเข้าไป โทรโข่งก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงของหวังเป่าเล่อถูกขยายขึ้นหลายต่อหลายเท่า กลายเป็นพายุหมุนของคลื่นเสียงที่ระเบิดเข้าใส่ฝูงกิ้งก่าอย่างรุนแรง

ความสั่นสะเทือนรุนแรงแผ่กระจายไปทั่ว คลื่นพลังหลายชั้นไหลบ่าทะลักทลายจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นนั้นพวยพุ่งและระเบิดออกไปทั่วทุกสารทิศราวกับเป็นกระแสน้ำและคลื่นกระทบฝั่ง ก่อให้เกิดเป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้!

ท่ามกลางคลื่นพลังนั้นทะเลเพลิงถือกำเนิดขึ้น เป็นการยากที่จะบอกว่ามันเกิดขึ้นจากร่างของพยัคฆ์หรือว่ามาจากคลื่นเสียงอันดังเสียจนแปรเปลี่ยนสถานะของสรรพสิ่งไปกันแน่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น ทะเลเพลิงก็ไหลบ่าท่วมไปทุกสารทิศ พยัคฆ์อัคคีพุ่งทะยานออกมาจากโทรโข่ง ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคับพื้นที่ พยัคฆ์ส่งเสียงคำรามอย่างดุร้ายขณะที่จ้องมองไปยังฝูงกิ้งก่าที่คลานหนีกันราวกับหนอน!

เสียงคำรามของพยัคฆ์บวกกับเสียงของหวังเป่าเล่อผนวกกันกลายเป็นคลื่นพลังรุนแรง จนอาจเปรียบได้กับการเอาเหล็กกล้าไปตีหิน คลื่นเสียงระเบิดจนกระทั่งมหาสมุทรวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าโทรโข่งถูกทำลายล้างไป สิ่งรอบข้างถล่มทลายราวกับถูกฉีกทึ้งด้วยมือขนาดมหึมาจำนวนนับไม่ถ้วน ขณะที่กระแสเสียงนั้นแพร่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง วิญญาณจำนวนมากก็สั่นเทาและล่าถอย พวกมันไม่กล้าจะขยับเข้ามาใกล้อีกแม้เพียงก้าวเดียว หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นได้ว่ามหาสมุทรวิญญาณนั้นแหวกออกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่!

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด นั่นเพราะมหาสมุทรวิญญาณได้รับผลกระทบจากคลื่นเสียงของโทรโข่งเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของการโจมตีจากหวังเป่าเล่อในครั้งนี้คือกิ้งก่าที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นต่างหาก

พวกมันได้รับความเสียหายอย่างมาก ดูแล้วช่างน่าเวทนา อสูรกิ้งก่าขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์สามตัวที่กระโจนไปบนอากาศก่อนที่จะกระทบกับคลื่นเสียงนั้นไม่ทันได้แตะพื้นเสียด้วยซ้ำ พวกมันต่างถูกกวาดกระเด็นไป ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีโลหิตกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง

ยังมีอสูรกิ้งก่าอีกสี่ตัวอยู่ด้านหลัง แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้อยู่หน้าสุด แต่พลังของคลื่นเสียงก็ฉีกร่างของพวกมันออก กะโหลกแตกร้าว แขนขาขาดวิ่น ด้วยสภาพยับเยินนี้ อสูรกิ้งก่าที่เหลือต่างจึงพากันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะสำรอกโลหิตออกมาเต็มปาก

แม้ว่าจะเคยทดสอบพลังของโทรโข่งมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ทดลองพลังเต็มขั้นของมัน มาบัดนี้ เมื่อโทรโข่งสำแดงพลังที่แท้จริงออกมา แม้แต่หวังเป่าเล่อเองก็ยังอดตกใจไม่ได้ พลังนั้นรุนแรงจนแทบจะพัดโทรโข่งหลุดจากมือเขาไปด้วย

ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงสัญญาณการต่อต้านซึ่งเกือบจะกลายเป็นการสะท้อนกลับ หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าอาวุธเวทหลอมใหม่ทุกชิ้นย่อมมีแรงพยศ ต้องใช้เวลากว่าจะทำให้มันเชื่องและสงบลงอย่างสิ้นเชิง

ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีเวลาดูแลหรือปราบพยศมัน เขามองตรงไปข้างหน้า ปล่อยเปลวไฟสีดำในกายให้ไหลวนอยู่รอบๆ โทรโข่ง ดวงจิตของโทรโข่งสั่นไหวและหยุดนิ่งไปในทันที ครั้งนี้แทนที่จะสร้างแรงสะท้อนกลับ แต่โทรโข่งกลับส่งพลังเสียงออกมารุนแรงขึ้น

ทว่าตอนนั้นเอง ไอน้ำสีม่วงคล้ำก็ปรากฏขึ้นจากหมอกเลือดซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของอสูรกิ้งก่าที่ถูกสังหาร ไอน้ำเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วแถมยังงดูไม่รู้สึกรู้สากับพลังของคลื่นเสียง มันก่อตัวขึ้นไม่ห่างออกไปนักและกลายมาเป็นเงาร่างของตุ๊กตาขนาดเท่าฝ่ามือ

คลื่นพลังชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมาจากตุ๊กตาโลหิตม่วงแทบจะในทันที แสงอันเยือกเย็นส่องประกายออกมาจากตำแหน่งที่ควรจะเป็นดวงตา มันหมุนตัวและพุ่งทะยานออกไป ไม่ใช่ทางหวังเป่าเล่อ แต่ตรงไปยังฝูงอสูรกิ้งก่าที่บาดเจ็บ

อสูรกิ้งก่าเหล่านั้นแม้จะเจ็บหนัก แต่ก็ยังมีปราณอยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่น ร่างกายของพวกมันแข็งแรงยิ่ง ทว่าตุ๊กตาโลหิตสีม่วงกลับพุ่งทะลวงผ่านร่างของพวกมันไปอย่างง่ายดาย เมื่อตุ๊กตาโผล่ทะลุออกมาจากร่างของอสูรเหล่านั้น มันได้ดึงเส้นด้ายโลหิตสีม่วงออกมาด้วย และทำให้เหล่าอสูรกิ้งก่าสิ้นใจ

ภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อถึงกับตัวสั่นด้วยความตกใจ ชายหนุ่มหรี่ตาลง ไม่ได้โจมตีต่อแต่อย่างใด เขาเก็บโทรโข่งและรีบถอยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังปลายเส้นทางที่มหาสมุทรวิญญาณได้สร้างขึ้นมาเพื่อเขาด้วยความเร็วสูง

วินาทีที่ชายหนุ่มหนีมานั้นเอง ก็บังเกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่นมาจากอีกด้านหนึ่งในมหาสมุทรวิญญาณ ตอนนี้ผู้ฝึกตนต่างดาวทั้งสามสลัดเหล่าวิญญาณที่สกัดกั้นพวกเขาได้สำเร็จ ความจริงแล้วทั้งสามนั้นทั้งแข็งแกร่งและสามารถต่อสู้ร่วมกันได้อย่างเข้าขา หาไม่แล้ว ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ หากมาที่นี่เพียงคนเดียวและถูกล้อมด้วยเหล่าวิญญาณ อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่จะหนีไปได้ แถมยังอาจเสียชีวิตด้วยซ้ำหากไม่ระวังตัว!

ที่นี่มีวิญญาณอยู่มากมายเกินไป!

“เจ้าจั่วอี้เซียนมีค่ามาก เราต้องจับเขาให้ได้!” วินาทีที่พวกเขาออกตัวไปนั้น ความเกรี้ยวกราดที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ฝึกตนทั้งสามชัดเจนยิ่ง ทว่าหลังจากเผชิญหน้ากันหลายครั้ง และยิ่งเมื่อพวกเขารู้สึกว่าโลกนี้เข้าข้างจั่วอี้เซียนมากเสียจนน่าขัน ทั้งสามก็ออกจะเกรงๆ อยู่เล็กน้อย

ดังนั้นทั้งสามจึงรีบมุ่งหน้าไปเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ พวกเขามาปรากฏตัวที่ทางเดินและพุ่งตรงไปยังทิศที่หวังเป่าเล่อไป ถึงกระนั้นพื้นที่บริเวณนี้ก็พิลึกพิลั่นเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งทั้งสามยังรู้สึกว่าไม่อาจใช้วิชาเคลื่อนย้ายได้ จึงต้องลดความเร็วลง แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังว่องไวกว่าหวังเป่าเล่อ แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะล่วงหน้าไปก่อน แต่ภายในไม่กี่ลมหายใจ ผู้ฝึกตนทั้งสามก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงบริเวณที่ตุ๊กตาโลหิตสีม่วงอยู่

ทันทีที่พวกเขาเห็นตุ๊กตา ชายหน้าตะขาบก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ อันที่จริงแล้ว เหตุที่อสูรกิ้งก่ากลายมาเป็นตัวแทนของเขาเป็นเพราะสายเลือดของพวกมันมีสายเลือดโบราณปะปนอยู่ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงดูอสูรกิ้งก่าจึงเท่ากับเป็นการเลี้ยงดูสายเลือดโบราณไปในตัว

ขณะนี้เมื่อสายเลือดโบราณได้ถูกปลดปล่อยออกมา สายเลือดโบราณที่รวบรวมมาจึงไม่อาจย้อนกลับได้ และเพราะไม่มีทรัพยากรมากพอ เขาจึงไม่อาจสร้างร่างตัวแทนที่ต้องการได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือใช้มันเป็นหุ่นเชิดต่อไป

ทว่าชายหนุ่มไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้น เขาใช้ผนึกฝ่ามือก่อนจะชี้ตรงไป ตุ๊กตาโลหิตม่วงเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวน มันเกรี้ยวกราดขึ้นกว่าเดิมขณะที่วิ่งผ่านทางเดิน ร่วมการไล่ล่าไปกับผู้ฝึกตนทั้งสามด้วย

แต่ก่อนที่ทั้งสามจะพุ่งไปถึงสุดทางเดิน หวังเป่าเล่อก็หันกลับมาและตะโกนเข้าไปในโทรโข่งด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี

คลื่นเสียงขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากโทรโข่ง ก่อนจะก่อให้เกิดคลื่นเสียงเป็นทอดๆ ที่ส่งเสียงดังสนั่นอยู่เบื้องหลังชายหนุ่ม

หากว่าคลื่นเสียงเหล่านั้นพุ่งตรงไปหาผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสาม พวกเขาคงจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้โดยไม่จำเป็นต้องลดความเร็ว เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าอสูรกิ้งก่ามากนัก ทว่าหวังเป่าเล่อกลับเล็งไปที่มหาสมุทรวิญญาณที่รายล้อมอยู่ ส่งผลให้คลื่นในมหาสมุทรวิญญาณหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง อาจเป็นเพราะคลื่นเสียงของหวังเป่าเล่อหรือเพราะเหตุผลแปลกประหลาดบางประการ แต่มหาสมุทรวิญญาณก็เกิดระเบิดตัวขึ้น ทำให้วิญญาณแค้นจำนวนมหาศาลปรากฏกาย ขวางหน้าผู้ฝึกตนทั้งสามเอาไว้อีกครั้ง

“บัดซบ!” ผู้ฝึกตนทั้งสามเดือดดาลจนแทนสิ้นสติ พวกเขาอยู่ในขั้นจุติวิญญาณ และไม่เคยคิดเลยว่าการไล่ล่าสังหารผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นนั้นจะวุ่นวายถึงเพียงนี้!

ตอนนั้นเองพวกเขาก็มองผ่านฝูงวิญญาณแค้นไปยังสุดทางเดิน ที่สุดทางเดินในห้วงลึกของมหาสมุทรวิญญาณ มีกระแสน้ำวนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูราวกับว่ากำลังรอต้อนรับหวังเป่าเล่ออยู่กระนั้น!

“ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเขาอย่างนั้นหรือ” ภาพตรงหน้าทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสามโมโหจนแทบคลั่ง ลมหายใจของหวังเป่าเล่อรัวเร็วขึ้นขณะก้าวเข้าไปยังความพร่ามัวนั้น แต่เพราะอันตรายที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือก แรงดึงดูดของกระแสน้ำวนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ

หวังเป่าเล่อกัดฟัน พุ่งตรงเข้าไปในกระแสน้ำวนอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมเสียเวลาไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว!

ชายหนุ่มพุ่งหายเข้าไปทันที!

เมื่อหวังเป่าเล่อก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวน มันก็หดเล็ดลงอย่างรวดเร็วราวกับกำลังจะปิด แต่ ตุ๊กตาโลหิตม่วงผู้ซึ่งแหกด่านวิญญาณแค้นมาได้ด้วยความสามารถในการสยบวิญญาณก็มาปรากฏอยู่ใกล้ๆ กระแสน้ำวน มันไม่ได้เข้าไป แต่รีบส่งเส้นด้ายโลหิตสีม่วงมาถ่างเปิดกระแสน้ำวนไว้ราวกับจะซื้อเวลา!

แม้จะง้างกระแสน้ำวนไว้ได้เพียงสามลมหายใจ แต่เท่านั้นก็เพียงพอ ตอนนั้นเองชายหน้าตะขาบจากต่างดาวก็หยิบสมบัติเวทรูปร่างเหมือนใบไม้ดำออกมา!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset