หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 447 หลบหนี!

บทที่ 447 หลบหนี!

ใบไม้ดำนั้นไม่ใช่ใบไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เเส้นใบของมันก็เช่นกัน หากดูใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่าเส้นใบนั้นดูคล้าย…ผิวหนังมนุษย์!

ความจริงแล้วมันคือใบไม้ที่สร้างขึ้นมาจากผิวหนังมนุษย์เป็นๆ!

ใบไม้ส่งเสียงกรอบแกรบที่ฟังดูคล้ายเสียงความเจ็บปวดและบ้าคลั่ง เมื่อถูกซัดออกไปก็พัดกระจายดั่งลมพายุที่ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ เป็นพายุที่หวังจะพัดพาทุกสิ่งในพังพินาศลงไปจนสิ้น จนทำให้เหล่าวิญญาณแค้นที่รายล้อมอยู่สั่นเทิ้มราวกับจะสิ้นสติ

เมื่อได้แรงกดดันจากใบไม้ดำช่วยแก้สถานการณ์ ผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสามก็หลุดออกจากวงล้อมของวิญญาณแค้นได้สำเร็จและก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวน ทว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไปนั่นเอง ใบหน้าของชายหน้าตะขาบก็ซีดเผือด ใบไม้สีดำที่เขาถืออยู่เมื่อครู่ขณะนี้ขึ้นมาติดอยู่บนหน้าผาก แถมยังขยับตัวไปมาราวกับกำลังดูดกลืนโลหิตจากหว่างคิ้วของเขาอยู่

ชัดเจนว่าสมบัติเวทนี้ไม่ใช่จะนำมาใช้ส่งเดชได้ เพราะมีราคาใหญ่หลวงที่เขาต้องจ่าย ดังนั้นตอนที่เขาไล่ล่าหวังเป่าเล่ออยู่ก่อนหน้านี้ เขาจึงเลือกใช้สมบัติที่ประคมประหงมมาเป็นเวลากว่าสามสิบปีแทนสมบัติเวทชิ้นนี้

ทว่าในวินาทีนั้น แม้ว่าจะยังไม่ใช่สถานการณ์จวนตัว เขาก็ยังมีความรู้สึกแรงกล้าว่า หากไม่สามารถจะก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนและคว้าหวังเป่าเล่อไว้ ก็เป็นไปว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่นี่ ชายหน้าตะขาบคิดว่าหากเป็นเช่นนั้น ไม่ช้าเขาก็คงได้แต่นั่งรอความตายเป็นแน่

โลกใบนี้ช่างทารุณกับพวกเขาแต่ใจดีกับหวังเป่าเล่อเสียจนพวกเขาอดขนลุกไม่ได้!

วินาทีเดียวกับที่ทั้งสามพุ่งเข้าไปในกระแสน้ำวน มันก็ปิดและอันตรธานหายไป ทางเดินกลางมหาสมุทรวิญญาณพลันหายไปเช่นกัน ความสงบสุขหวนคืนสู่มหาสมุทรวิญญาณอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนกระนั้น คลื่นพัดกระทบฝั่งได้ยินชัดเจน กระทั่งเสียงร่ำไห้ของวิญญาณแค้นก็ยังดังแว่วมาจากไกลๆ

หวังเป่าเล่อเองรู้สึกถึงความใจดีที่โลกนี้มีต่อเขามาได้สักพักแล้ว หากจะพูดให้ชัดก็คือเสียงเพรียกที่เรียกหาเขาอยู่มีอิทธิพลต่อโลกนี้อย่างยิ่ง ทำให้อุปสรรคนานัปการที่กั้นขวางชายหนุ่มไว้หายไปทั้งสิ้น

โลกนี้ช่วยกระทั่งขัดขวางผู้ที่ตามล่าเขาอย่างแข็งขัน แต่กระนั้นหวังเป่าก็ยังไม่แน่ใจกับเรื่องนี้นัก แถมเริ่มรู้สึกเคลือบแคลงกับคำพูดของแม่นางน้อย ชายหนุ่มคิดว่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปเมื่อแม่นางน้อยจะเข้าไปจำศีลวินาทีที่เขาเข้ามาในโลกนี้พอดิบพอดี

หากข้าไม่ได้คิดมากเกินไปและแม่นางน้อยพูดถูกแล้วละก็…วิชาแห่งศาสตร์มืดที่ข้าเฝ้าฝึกฝนมานั้นส่งผลต่อวัตถุเวทแห่งความมืด! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสิ่งรอบกาย แสงสะท้อนวาบขึ้นภายในดวงตาของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มขณะนี้ไม่ได้ยืนอยู่บนมหาสมุทรวิญญาณอีกต่อไป แต่อยู่ที่ชั้นสองของโลกใต้ดินในมหาสมุทรวิญญาณ!

แม้ท้องฟ้าในชั้นสองของโลกใต้ดินนี้จะเต็มไปด้วยโคลนตมสีแดงตุ่นๆ มันก็ไม่ได้สว่างไสวเพราะหมู่ดาว แต่กลับส่องแสงได้ด้วยตนเอง และแม้จะไม่สว่างไสวมากนัก แต่โลกทั้งใบก็ถูกฉาบเคลือบด้วยสีแดงตุ่นๆ

ราวกับว่า…เป็นเลือดจากร่างคนตายกระนั้น!

เมื่อมองที่พื้นก็เห็นหินหลุมศพเรียงรายอยู่มากมาย!

หินหลุมศพเหล่านั้นมีหลากหลายขนาดต่างๆ กันไป บ้างก็แตกร้าวบ้างก็สมบูรณ์ ทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ดูน่าสะพรึงกลัว และในจุดที่ห่างออกไปตรงบริเวณที่ไม่มีหินหลุมศพอยู่ ก็จะมีเนินฝังศพใหญ่น้อยเรียงรายเต็มไปหมด!

บรรยากาศของที่นี่อวลด้วยกลิ่นอายความตายมาเป็นระยะเวลานาน บรรยากาศของที่นี่เต็มไปด้วยความเปื่อยเน่าและเก่าแก่

หวังเป่าเล่อกลั้นลมหายใจ ชายหนุ่มมองกวาดไปยังสิ่งรอบข้างและยังรู้สึกถึงเสียงเพรียกที่ดังมาถึงเขา เสียงนั้นดังขึ้นกว่าเดิม ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังมองดูบรรยากาศโดยรอบอยู่นั้นเอง เนินฝังศพที่อยู่ห่างออกไประยะหนึ่งก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมาอย่างปุบปับ มือที่เปื่อยเน่าเอื้อมทะลุขึ้นมาจากภายใต้ดินโคลน!

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อหรี่ลง ชายหนุ่มกำลังจะวิ่งหนีแต่ก็พลันมองเห็นว่ามือที่ยื่นออกมานั้นราวกับกำลังส่งสัญญาณ ทันใดนั้นเอง มือที่เปื่อยเน่าจำนวนมากก็โผล่ขึ้นมาจากเนินฝังศพเหล่านั้น บางหลุมมีหัวกะโหลกที่กำลังเน่าเปื่อยโผล่ขึ้นมาด้วย!

ภายในพริบตาเดียว พื้นที่โดยรอบก็เหมือนเคลื่อนไหวได้เพราะมีศพจำนวนมหาศาลโผล่ขึ้นมาจากหลุมฝังศพด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นทุกที

วินาทีที่พวกมันปรากฏขึ้นมา มันก็พากันอ้าปากราวกับกำลังส่งเสียงหวีดร้อง แม้จะไม่มีเสียงออกมา แต่ผู้ฝึกตนก็รับรู้เสียงกรีดร้องได้จากดวงจิต พาให้ร่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัว

ราวกับว่าเหล่าศพตายซากนี้ไม่ได้กลิ่นเนื้อและเลือดสดๆ มาเป็นเวลานาน ซากศพที่ลุกขึ้นมาจากหลุมพากันจ้องมองหวังเป่าเล่อ ก่อนจะอ้าปากอีกครั้งและเริ่มคืบคลานเข้าใส่

แต่กระนั้นเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ หวังเป่าเล่อก็เรียกเปลวไฟสีดำภายในกายออกมา เปลวไฟสีดำสนิทปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา รัศมีอันเย็นเยียบแผ่ซ่านเต็มที่ ซากศพที่มุ่งหน้าเข้ามาพากันตกตะลึงก่อนจะล่าถอยไป ฝ่ายหวังเป่าเล่อนั้นได้ยินเสียงเพรียกหาตัวเขาดังขึ้นอีก

ขณะเดียวกัน เมื่อเสียงเพรียกดังขึ้นกว่าเดิม แผ่นดินที่เต็มไปด้วยหลุมฝังศพตรงหน้าหวังเป่าเล่อก็ทรุดตัวลงพลันเกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่น เผยให้เห็นถ้ำขนาดใหญ่ ทันทีที่ถ้ำนั้นปรากฏ ก็พลันมีเสียงเพรียกก้องกังวานดังลั่นอยู่ภายในหัวของหวังเป่าเล่อ

“บุตรแห่งความมืด…จงมา…มาทางนี้…”

หวังเป่าเล่อไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ชายหนุ่มคาดการณ์ไว้นานแล้ว เหตุการณ์นี้คล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเขาอยู่บนชั้นแรกของโลกใต้ดิน ขณะนี้สายตาของเขาฉายแววมุ่งมั่น ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องไปดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เป็นต้นตอของทุกอย่างคืออะไร ยิ่งไปกว่านั้นหวังเป่าเล่อก็ไม่มีทางออกอื่น ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและมุ่งหน้าไปที่ถ้ำ

ตอนนั้นเองพื้นที่ว่างเปล่าข้างๆ หลุมศพก็ปรากฏเป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์ ผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสามและตุ๊กตาโลหิตม่วงก้าวเท้าออกมา

ทว่าทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว เหล่าซากศพที่เพิ่งจะขึ้นมาจากหลุมก็ส่งเสียงคำรามและพุ่งตรงเข้าใส่ ก่อนที่พวกเขาจะได้กวาดตามองดูโดยรอบเสียด้วยซ้ำ

หากมองลงมาจากมุมสูงก็จะเห็นได้ว่าจำนวนซากศพนั้นมีมากมายเสียจนเกินจะนับ พวกมันรวมตัวกันหนาแน่นและกำลังถาโถมเข้าใส่คณะผู้ฝึกตนทั้งสามจากทุกทิศทางพร้อมๆ กัน ห่างออกไป ซากศพอื่นๆ ต่างพากันคลานออกมาจากหลุมและผนึกกำลังกับซากศพด้านบนเพื่อเข้าโจมตีอีกระลอก

เมื่อผู้ฝึกตนทั้งสามมองเห็นสถานการณ์ พวกเขาก็ต่างพากันเดือดดาล ทั้งสามมองเห็นหวังเป่าเล่อกำลังวิ่งเข้าไปในถ้ำที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวของที่นี่

ทั้งสามต้องทนเห็นหวังเป่าเล่อหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ทั้งจิตสังหารและความเกรี้ยวกราดในใจพุ่งสูงจนควบคุมไม่อยู่ โดยเฉพาะกับชายหน้าตะขาบ เขาเป็นคนที่มีสัญชาตญาณเฉียบคมมาโดยตลอด และขณะนี้เขามีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าพวกเขาไม่อาจยอมให้จั่วอี้เซียนหลุดมือไปได้ มิเช่นนั้นสถานการณ์จะต้องกลับตาลปัตรแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงปลดปล่อยจิตสังหารทั้งหมดออกมา ความกราดเกรี้ยวปรากฏขึ้นในแววตา เขาใช้ผนึกฝ่ามือเรียกใบไม้สีดำออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มโบกมือ ใบไม้ก็พุ่งแหวกอากาศตรงไปยังหวังเป่าเล่อทันที

แม้ว่าจะมีซากศพจำนวนมหาศาลขวางทางไว้ แต่ใบไม้ก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วซ้ำยังมีพลังมหาศาล ทำให้ตัดทะลุผ่านศพเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ภายในไม่กี่อึดใจ ใบไม้นั้นก็อยู่ห่างจากหวังเป่าเล่อไม่ไปถึงสามร้อยเมตร!

ถ้าดูจากความเร็วของใบไม้ ไม่มีทางเลยที่หวังเป่าเล่อจะเข้าถ้ำไปได้ก่อนที่ใบไม้จะถึงตัวและสังหารเขา หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงที่กำลังจะมาเยือน

หากไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันใบไม้ได้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!

ทว่าหวังเป่าเล่อไม่อาจยอมตายไปเฉยๆ ได้ เส้นเลือดสีเข้มปูดโปนบนหน้าผาก ชายหนุ่มคำรามออกมาเสียงต่ำ ตอนนั้นเองอัสนีสวรรค์สี่เส้นก็ปรากฏออกมาจากกาย และตอนที่เขาพยายามจะปัดป้องใบไม้ออกไป เปลวไฟสีดำก็ปรากฏขึ้นด้วย!

ทันทีที่เปลวไฟสีดำปรากฏขึ้น ทั้งสวรรค์และพื้นพิภพก็สั่นสะเทือน พื้นที่ทั้งหมดของโลกใต้ดินชั้นที่สองดูราวกับว่าจะเคลื่อนไหวได้ด้วยดวงจิตของตน เป็นดวงจิตที่เปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราด วิตกกังวล และเสียงกรีดร้องอันเงียบงัน ทั้งหมดนั้นกลายมาเป็นพลังของดวงจิตที่แพร่กระจายไปจนทั่ว

พลังแห่งดวงจิตทำให้หินหลุมศพทั้งหมดปลิวกระเด็นออกจากพื้นในพริบตา พร้อมทั้งส่งเสียงกัมปนาทดังสนั่น ราวกับว่ามีพลังลึกลับที่ดึงหินหลุมศพเหล่านั้นมาเป็นกำแพงกั้นขวางระหว่างใบไม้สีดำและหวังเป่าเล่อเอาไว้!

เสียงกระแทกกระทั้นดังสนั่นอยู่อย่างต่อเนื่อง หินหลุมศพถูกใบไม้ดำทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและทะลุผ่านไป ทว่าหินหลุมศพก็มีมากมาย แถมยังปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทำให้ระยะทางเพียงสามร้อยเมตรนั้นดูห่างไกลกว่าความเป็นจริงมาก หินหลุมศพจำนวนนับไม่ถ้วนยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่เป็นประหนึ่งเกราะป้องกันที่ช่วยลดพลังของใบไม้ลง

ในที่สุดใบไม้ดำก็ผ่านทะลุหินหลุมศพชิ้นสุดท้าย ก่อนจะปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังเป่าเล่อ มันทำลายกระทั่งอัสนีสวรรค์ของเขาพร้อมทะลุผ่านเปลวไฟสีดำมาปักอกชายหนุ่มอย่างแรง!

หวังเป่าเล่อตัวสั่น โลหิตสาดกระเซ็นออกจาปาก ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่กระแทกเข้าที่หน้าอก กระดูกแทบทั้งหมดหักทันที ทว่าเขาก็ยังไม่ตาย!

ใบไม้นั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ทว่าพลังแห่งดวงจิตของโลกใบได้ลดความแข็งแกร่งของใบไม้ลงไปมากเช่นกัน หวังเป่าเล่อเองก็มีร่างกายแข็งแรงและพลังการฟื้นตัวก็รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงยังรอดมาได้แม้จะบาดเจ็บสาหัส!

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังขยับไปอย่างทุลักทุเลนั้น เขาก็อาศัยพลังเฮือกสุดท้ายลากร่างของตนเข้าไปในถ้ำ ถ้ำหายวับไปทันทีที่หวังเป่าเล่อก้าวเข้าไป ส่งผลให้อาณาบริเวณนี้กลายเป็นพื้นที่ไร้ทางออกไปโดยปริยาย!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset