หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 979 ล้างบาง!

ขณะที่หวังเป่าเล่อเดินออกมาก็มีดาวสีส้มปรากฏอยู่ด้านหลังเขา และเวลาเดียวกันกับที่ดาวดวงนี้ปรากฏขึ้น คำพูดของหวังเป่าเล่อก็ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งจักรวาลอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์!

ดาวพระเคราะห์ทุกคนรวมถึงผู้นำสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งปรมาจารย์มหาทัณฑ์ที่ถอยร่นไปไกลต่างก็ตัวสั่นเทิ้มในทันใด

ไม่ใช่เพราะความหมายของคำพูดประโยคนั้นที่น่าตกใจ แต่ทันที่คำพูดนั้นลอยเข้าหูก็ราวกับก่อตัวขึ้นเป็นพลังงานประหลาดบางอย่าง ราวกับมีกฎบางอย่างกลายเป็นเสียงคำรามที่ยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าระเบิดอยู่ในจิตใต้สำนึกของพวกเขา!

ไม่ใช่แค่พวกเขาที่เป็นเช่นนี้ ผู้ฝึกตนอารยธรรมครามทองคำหลายแสนคนโดยรอบทุกคนต่างก็มีเสียงคำรามระเบิดอยู่ในใจ ราวกับประโยคนั้นของหวังเป่าได้กลายเป็นใบมีดคมที่มองไม่เห็นหลายแสนเล่ม แทงทะลุร่างพวกเขาเข้าไปในดวงวิญญาณเทพ!

นี่ก็คือ…เต๋าดนตรีส้ม!

นำกฎนี้ผนึกเข้ากับเสียงของตนเพื่อให้คำพูดของตนมีพลังแห่งกฎที่บังคับใช้ได้ทันทีที่พูดออกไป ถึงจะไม่ได้อัจฉริยะขนาดใช้เสียงสังหารได้อย่างแม่นยำ แต่ใช้เต๋าดนตรีส้มของตนกระจายเสียงออกไป การเขย่าขวัญศัตรูเช่นนี้จะทำให้จิตใจของทุกคนที่นี่ฟุ้งซ่านอยู่ในภวังค์ก็ยังได้!

จนกระทั่งผู้ฝึกตนครามทองคำหลายแสนคนโดยรอบ บางคนที่ฐานการฝึกฝนอ่อนแอหรือได้รับบาดเจ็บ ในวินาทีที่เสียงคำรามในสัมผัสสวรรค์มาพร้อมกับการบาดเจ็บของดวงวิญญาณเทพนั้น พวกเขาต่างตัวสั่นกระอักเลือด ดวงตาหม่นแสงลง ก่อนที่ดวงวิญญาณเทพจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหลือไว้เพียงร่างไร้วิญญาณที่ลอยไปรอบๆ !

มีเพียงดาวพระเคราะห์รวมถึงผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่ถึงแม้พวกเขาจะได้รับผลกระทบจากเต๋าดนตรี แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ทำให้พวกเขาฟื้นตัวกลับมาได้ในไม่ช้า แต่ละคนมีดวงตาบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้ายและการต่อสู้อันดุเดือดก็ได้เริ่มปะทุขึ้น

“จะอย่างไรก็ถือว่าตายในหน้าที่ เช่นนั้น…ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าพวกข้าจะไม่สามารถทำอะไรเจ้า คนที่เพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นต้นได้!!”

“ถึงพวกเราจะมีมากสุดแค่ดาวเคราะห์อมตะ แต่ดาวเคราะห์เต๋า…แล้วอย่างไรล่ะ!”

“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ครั้งนี้เราสู้เพื่อโชคชะตา ถึงแม้วันนี้จะล้มเหลว แต่ผลร้ายแรงสุดก็คือร่างตายเต๋าสลาย ฆ่า!!” ต้องบอกว่าในเรื่องการสู้ยิบตา ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ของอารยธรรมครามทองคำนั้นมีมากกว่าอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มากนัก ดังนั้นถึงแม้มหาทัณฑ์จะหนีไปและปรมาจารย์เต๋าใหม่จะยังลังเล แต่ดาวพระเคราะห์ครามทองคำคนอื่นกลับตาแดงฉาน ท่ามกลางเสียงคำรามของผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ฐานการฝึกฝนของแต่ละคนก็ปะทุขึ้น ก่อนที่ดาวพระเคราะห์จะเปลี่ยนรูปและพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ

และผู้นำของพวกเขายังทำให้ผู้ฝึกตนครามทองคำหลายแสนคนฮึกเหิมเหมือนกับต้องการโจมตีอีกครั้ง!

เมื่อเห็นภาพทุกอย่าง หวังเป่าเล่อก็เผยแสงแปลกๆ ในดวงตา

สิ่งที่เขาต้องการก็คือการตอบโต้เช่นนี้แหละ! เหตุผลที่เขาไม่ให้ปรมาจารย์แห่งไฟลงมือ ด้านหนึ่งคือเขาต้องการระบายความโกรธของตนเอง ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ทั้งคิดบัญชีต่อหน้าและข่มขู่ลับหลัง ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะปรมาจารย์แห่งไฟ แม้แต่ระบบสุริยะก็คงถูกเผาเป็นจุณ ดังนั้นความโกรธของเขาคงไม่ลดลงเพราะอีกฝ่ายมีมากเกินไปและเข่นฆ่ามากเกินไป

สิ่งที่เขาต้องการคือล้างบาง!

อีกด้านหนึ่งคือต้องการใช้โอกาสนี้…ทำให้กฎแห่งเต๋าทั้งเก้าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น!

ดังนั้นหลังจากเต๋าดนตรีส้มเปิดออกและฐานการฝึกฝนพวกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้น หวังเป่าเล่อก็เดินออกมาเป็นก้าวที่สองด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนที่มือขวาจะยกขึ้นโบกไปรอบตัวเบา

“เลือด!”

หนึ่งคำที่เอ่ยออกไปเรียกเสียงกรีดร้องระงมจากผู้ฝึกตนหลายแสนที่กำลังจะขยับตัวภายใต้การนำของเหล่าดาวพระเคราะห์ พวกเขาทุกคนต่างมีเลือดไหลออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ดในทันที!

เลือดที่ไหลออกมาไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บ แต่ขณะนี้เหมือนกับว่าเลือดในร่างกายพวกเขาขับไล่ตัวเองออกมาและไม่ยินยอมที่จะอยู่ข้างในร่างกายเหมือนกับว่าเสียงเรียกอันทรงพลังด้านนอกทำให้มันต้องรีบพุ่งออกมา!

ทันใดนั้นผู้ฝึกตนหลายหมื่นคนก็เสียการควบคุมไป ร่างกายแตกสลายซึ่งเกิดจากการช็อกเพราะเลือดพุ่งออกมา เมื่อร่างกายแตกสลาย ดวงวิญญาณเทพก็สูญสิ้น มีเพียงเลือดที่ไหลมารวมตัวกันที่หวังเป่าเล่อ และในพริบตาเดียวมันก็ก่อตัวขึ้นเป็นทะเลเลือด!

ส่วนผู้ที่ยังกัดฟันยืนหยัด เพราะกฎของหวังเป่าเล่อจะกระจัดกระจาย จึงทำให้แต่ละคนประคองร่างกายไว้ได้อย่างยากลำบาก แต่ ณ เวลานี้จิตใจสั่นไหวถึงขีดสุดแล้ว ความมุ่งมั่นอันสิ้นหวังที่เพิ่งเกิดขึ้นพังทลายลงทันที แต่ละคนต่างถอยร่นออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มและพวกเขายังกระจัดกระจายไปทั่วอย่างบ้าคลั่งราวกับลืมไปแล้วว่าต่อให้หนีได้ก็ไม่มีทางหนีออกไปจากผนึกนี้ได้

ส่วนพวกผู้นำมหาทัณฑ์ในตอนนี้ ถึงแม้ฐานการฝึกฝนของตนจะต่อต้านกฎเต๋าเลือดของหวังเป่าเล่อได้ และยังคงพุ่งเข้าหาเขา แต่สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือทะเลเลือดที่หวังเป่าเล่อเรียกให้ไหลมารวมกันด้วยกฎเต๋าเลือด

ทะเลเลือดผืนนั้นราวกับมีความว่องไวในตัวมันเอง มันม้วนตัวขึ้นกลายเป็นปากขนาดใหญ่และกลืนกินพวกผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไป

และทันทีที่พวกเขาถูกกลืนกิน หวังเป่าเล่อก็เอ่ยออกมาเบาๆ เพื่อใช้กฎเต๋าที่สาม!

“เต๋าเมฆา!”

เมฆเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายและใช้การแปลงเป็นกฎ ทันทีที่หวังเป่าเล่อเอ่ยปาก ด้านหลังของเขาก็ปรากฏดาวสีฟ้าและเมื่อดวงดาวหมุนวน กฎ ณ ที่แห่งนี้ก็ได้รับอิทธิพลทันที ทันใดนั้น…ฉากแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น!

ผู้ฝึกตนหลายแสนคนที่สูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้และกำลังแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง พวกเขาส่วนใหญ่ตัวสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะหันไปโจมตีอย่างบ้าคลั่งและสิ้นหวังใส่สหายที่อยู่รอบตัว!

และไม่ใช่แค่คนสองคน แต่ผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดต่างก็ได้รับอิทธิพล อย่างเช่นเกิดภาพหลอนจนทำให้ในการรับรู้ของพวกเขาคิดว่าผู้คนรอบกายเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลต่อการอยู่รอดของตน หากฆ่าสหายทิ้งซะพวกเขาก็จะมีชีวิตรอดต่อไป

ภายใต้กฎภาพหลอน เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วบริเวณรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้จนดูเหมือนว่าสนามรบเกิดความโกลาหลไปทั่ว ผู้ฝึกตนนับแสนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด อีกทั้งเต๋าเลือดยังทำให้เลือดรอบตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และที่ชัดเจนขึ้นอีกอย่าง…ณ ใจกลางสนามรบ หวังเป่าเล่อที่สีหน้าสงบนิ่ง

“หวังเป่าเล่อ!!” เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้นำสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งเสียงคำราม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ถึงแม้จะถูกกดขี่ไว้ แต่เพราะฐานการฝึกฝนแข็งแกร่ง เขาจึงยังไม่ได้รับอิทธิพลมากนัก เขายังมีสติ แต่ทุกสิ่งรอบตัวทำให้ทั้งจิตใจของเขาเจ็บปวดถึงขีดสุด

เพราะ… ผู้ฝึกตนนับแสนเหล่านี้เกือบทั้งหมดคือศิษย์ของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา!

“เจ้าเต๋าปีศาจ!!”

“คนมากมายเช่นนี้…ล้วนเป็นคนอ่อนแอ เจ้าไม่มีจิตคิดสงสารบ้างหรือ!!!”

เสียงคำรามของผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำให้หวังเป่าเล่อหันไปมองพวกเขาที่ถูกเลือดจำนวนมากขัดขวางไว้ สายตาเผยแสงเย็นเยียบจ้องมองไปยังผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังคลั่ง

“สงสารรึ? แล้วตอนที่อารยธรรมครามทองคำของเจ้าเข่นฆ่าอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ สงสารบ้างหรือไม่”

“ตอนที่อารยธรรมครามทองคำของเจ้าบีบบังคับให้ข้ามอบดาวเคราะห์เต๋า สงสารบ้างหรือไม่”

“ตอนที่อารยธรรมครามทองคำของเจ้าคุกคามระบบสุริยะบ้านเกิดข้า สงสารบ้างหรือไม่”

“วันนี้เป็นข้าแซ่หวังพลิกจักรวาล มิเช่นนั้นตอนนี้ทุกชีวิตที่บ้านเกิดข้าคงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าหากมันเกิดขึ้นจริง ผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าจะรู้สึกสงสารบ้างหรือไม่”

“ช่างเถอะ ข้าจะเมตตาสักครั้ง!”

หวังเป่าเล่อพูดถึงตรงนี้ก็ยกมือขวาขึ้นมาและใช้นิ้วหัวแม่มือไล่กดแต่ละนิ้วอีกครั้ง ตามมาด้วยดาวดวงสีดำที่ลอยสูงขึ้นด้านหลัง ทันใดนั้นพลังปราณแห่งความตายก็ปะทุขึ้น!

“เต๋ามรณะ!”

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกไป พลังปราณแห่งความตายก็ระเบิดออกมาจากดาวดวงสีดำนั้นและกระจายไปทั่วทุกทิศทางทันที ทุกที่ในจักรวาลที่มันแผ่ขยายไปดูเหมือนจะแตกสลายเป็นชิ้นๆ ผู้ฝึกตนครามทองคำที่กำลังสู้รบกันอยู่ตัวสั่นสะท้านและเริ่มเหี่ยวเฉา และขณะที่เหี่ยวเฉาลงพลังชีวิตของพวกเขาก็ถูกบังคับให้กลายเป็นไอมรณะ ขณะที่มันแผ่ขยายไปทั่วทั้งสนามรบก็กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ในทันใด!

กระแสน้ำวนหมุนวนดังกังวาน ไอมรณะที่ออกมาจากร่างผู้ฝึกตนมารวมตัวกัน เมื่อมองไปรอบๆ ผู้ฝึกตนนับแสนในสนามรบล้วนมีสีหน้ามืดมน ในที่สุดแต่ละคนก็กลายเป็นเถ้าถ่านสลายไปในจักรวาลท่ามกลางเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของผู้นำสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!

และสนามรบทั้งหมดก็ว่างเปล่า!

“ตอนนี้ถึงคราวพวกเจ้าแล้ว” ขณะที่ดาวทั้งสี่ดวงด้านหน้าแปรเปลี่ยน หวังเป่าเล่อมองผู้นำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะยกมือขวาขึ้นและเอ่ยอย่างสงบ

“ทุกสิ่งทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้ไม่มีทางหนีพ้น!”

…………………………………………………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset