หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 990 เยือนสำนักวังเต๋าอีกครั้ง!

ทุกคนสหพันธรัฐไม่สามารถเห็นฉากนี้บนจักรวาลผ่านการฉายภาพของวงแหวนปราณระบบสุริยะได้ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากการปรากฏตัวของดารานิรันดร์ วงแหวนปราณของระบบสุริยะก็สูญเสียบทบาทไป

ภาพการมาถึงของร่างต้นแบบหวังเป่าเล่อก็ไม่มีทางถูกคนพบเห็นเช่นกัน ดังนั้นทุกคนรวมถึงหลี่ซิงเหวินก็ยังไม่รู้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ร่างแยกของหวังเป่าเล่อได้ผนึกเข้ากับร่างต้นแบบแล้ว

จนกระทั่งหลังจากชายหนุ่มดารานิรันดร์คนนั้นจากไป การควบคุมพลังดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อก็ทำให้พลังวงแหวนปราณระบบสุริยะกลับมาครอบคลุมพื้นที่นี้อีกครั้ง และภาพที่สหพันธรัฐก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้น… สิ่งที่ชาวสหพันธรัฐและผู้ฝึกตนเห็นก็คือภาพหวังเป่าเล่อลงมือจู่โจมและกลืนกินเต๋อหยุนจื่อ ตัดร่างศิษย์พี่ของเต๋อหยุนจื่อและคว้าศีรษะเขาขึ้นมา!

ภาพนี้ทำให้แทบทุกคนที่ได้เห็นสูดหายใจลึก หลี่ซิงเหวินตาเบิกโพลง ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะได้เห็นความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นอีกครั้งในตอนนี้กลับพบว่าหากเทียบกับเมื่อก่อน เขาดูเหมือนคนละคน

“นั่นคือดาวพระเคราะห์สองคนเชียวนะ…” หลี่ซิงเหวินพึมพำ ดวงตาของเขาค่อยๆ แสดงความตื่นเต้นมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ที่ให้ความสนใจยังมีเจ้านครดาวอังคาร ต้นไม้ยักษ์และหัวหน้าเสนาบดีผู้ซึ่งเป็นพ่อของหลี่หว่านเอ๋อร์ รวมถึงเจ้าสำนักรุ่งสางจักรพิภพด้วย!

คนเหล่านี้รวมทั้งหลินโยวคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสหพันธรัฐที่อยู่ฝั่งหลี่ซิงเหวินในตอนนี้ จิตใจของพวกเขาต่างเกิดคลื่นลูกใหญ่ โดยเฉพาะต้นไม้ยักษ์…ที่ตาแทบถลน ในใจรู้สึกยินดีที่ในอดีตเคยได้ต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ ขณะเดียวกันก็อดคิดถึงภาพของอีกฝ่ายที่กำลังเอาชีวิตรอดอยู่ในเงื้อมมือของตนในตอนนั้นไม่ได้

ความซับซ้อนแบบเดียวกันกับต้นไม้ยักษ์ได้เกิดขึ้นกับเจ้าสำนักรุ่งสางจักรพิภพด้วยเช่นกัน ขณะนี้จิตใจของเขาเองก็เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่อีกสองคนบนดาวอังคารนั้น…บางทีอาจเป็นเพราะมีอารมณ์อื่นปะปนด้วยจึงไม่ได้คิดเหมือนพวกเขา

อย่างเช่นเจ้านครดาวอังคารที่เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อบนภาพก็มีสีหน้าแปลกไปและคิดถึงลูกสาวของตน…

ส่วนหัวหน้าเสนาบดีก็มีภาพของลูกสาวหลี่หว่านเอ๋อร์ผุดขึ้นในหัวเช่นกัน แต่สุดท้ายภาพของลูกสาวก็ยิ่งทำให้สีหน้าเขายับย่นมากขึ้น ดวงตาสองข้างหม่นแสงลง

นอกจากคนเหล่านี้ยังมีหลินเทียนหาว หลินต้าวปิน ตู้หมิน เพื่อนของหวังเป่าเล่อในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเห็นหวังเป่าเล่อถือศีรษะมุ่งตรงไปยังกระบี่สำริดโบราณ ทุกคนต่างถอนใจ

ในบรรดาคนเหล่านี้ยังมีผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการนกนางแอ่นดำแต่ล้มเหลวจึงกลับมาด้วย พวกเขาเคยมีช่องว่างระหว่างชั้นกับหวังเป่าเล่อ แต่ลึกๆ ในใจนั้น พวกเขาไม่คิดว่าช่องว่างเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น จนกระทั่งได้เห็นหวังเป่าเล่อที่มุ่งตรงไปยังกระบี่สำริดโบราณ ในสายตาของพวกเขาไม่เหมือนมองคนคนหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นพระเจ้าที่ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ !

เสียงถอนหายใจเล็กน้อยดังออกมาจากปากของตู้หมิน เสียงนั้นอ่อนแอมาก มีเพียงหลินเทียนหาวที่อยู่ข้างกายนางเท่านั้นที่ได้ยิน หลังจากหันไปมองตู้หมิน หลินเทียนหาวก็จับมือตู้หมิน ก่อนจะยิ้มบางๆ บนมือที่จับประสานกันนั้นมีแหวนแต่งงานคู่หนึ่ง…

ในเวลาเดียวกัน ในบ้านพ่อแม่ของหวังเป่าเล่อบนดาวอังคาร มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจับมือแม่ของหวังเป่าเล่อและพาผู้เฒ่าสองคนไปดูการถ่ายทอดสดจากวงแหวนปราณของระบบสุริยะ เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ดวงตาเด็กผู้หญิงคนนี้ก็หม่นแสงลงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ

นางคือโจวเสี่ยวหยา

ในพื้นที่อื่นๆ ยังมีพวกหลี่อู๋เฉินและจินตั้วหมิงที่เจ้าร่วมปฏิบัติการนกนางแอ่นดำ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการจึงใช้วิธีพิเศษกลับมานานแล้ว เหล่าคนที่คุ้นเคยกับหวังเป่าเล่อกำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่ในขณะนี้

หวังเป่าเล่อรู้ดีว่า ณ เวลานี้ในสหพันธรัฐ เขากำลังถูกผู้คนนับไม่ถ้วนจับจ้องอยู่ เขาไม่ต้องการปิดบังระดับการฝึกฝนตน และไม่ต้องการปกปิดภาพการลงมือเพราะเขารู้ดีว่าสหพันธรัฐ…จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจ และจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่น!

สิ่งที่เขาทำได้คือใช้ร่างของตัวเองให้การสนับสนุนทุกคนอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นตัวกันชนสำหรับระดับชีวิตที่จะพุ่งทะยานขึ้นจากการหลอมรวมอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์

ถึงอย่างไรภายใต้การปกครองของกลุ่มนภาห้าสมัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน ผู้คนในสหพันธรัฐต่างถูกกดขี่จนสูญเสียจิตวิญญาณไป ตอนนี้การรวมเข้ากับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็เปรียบเสมือนการกินยาชูกำลังเม็ดใหญ่ การสูญเสียและว่างเปล่าเช่นนี้ รวมถึงการถูกบำรุงอย่างหนักหน่วงไม่ใช่เรื่องดี

ดังนั้นตัวกันชนนี้ก็เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่จะกลายเป็นกุญแจสำคัญอย่างยิ่ง

หวังเป่าเล่อจึงไม่ได้ปิดกั้นการแพร่กระจายของวงแหวนปราณระบบสุริยะ แต่เขาก็รู้ดีว่าเมื่อเขาเข้าใกล้กระบี่สำริดโบราณ ต่อหน้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมานี้ วงแหวนปราณระบบสุริยะจะได้รับผลกระทบและอาจทำให้ผู้คนที่กำลังเฝ้ามองอยู่มองไม่เห็นทุกสิ่งด้านใน

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เมล็ดพันธุ์ก่อนหน้านั้นก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นร่างของหวังเป่าเล่อจึงเร็วขึ้นและเร็วขึ้น และค่อยๆ กลายเป็นสายรุ้งที่ทอดยาวราวกับสามารถฉีกจักรวาลได้และเข้าไปใกล้ดารานิรันดร์ของระบบสุริยะ!

เมื่อเทียบกับดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ดารานิรันดร์ของระบบสุริยะมีขนาดใกล้เคียงกัน ขณะเดียวกันภายในยังเต็มไปด้วยพลัง ถึงแม้การแทงของกระบี่สำริดโบราณจะทำให้มันเกิดอิทธิพลบางอย่าง แต่อิทธิพลนี้ดูเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังเติบโตขึ้นยอมรับได้

เมื่อมองดูดวงอาทิตย์ หวังเป่าเล่อก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ หลังจากระดับการฝึกตนถึงดาวพระเคราะห์ เขาก็รู้ดีว่าในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นนี้ ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนมีรากฐาน และรากนี้…ก็คือดารานิรันดร์ของบ้านเกิดพวกเขา

นี่เป็นส่วนหนึ่งของกฎแห่งจักรวาล ยิ่งดารานิรันดร์ของอารยธรรมแข็งแกร่ง ระดับความเจริญของอารยธรรมยิ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อดารานิรันดร์พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องย่อมทำให้ทุกชีวิตที่เกิดภายใต้แสงสว่างของมันได้รับของขวัญ

ตรงกันข้าม…เมื่อดารานิรันดร์ถูกกดขี่หรือถูกทำลาย อารยธรรมก็จะสูญเสียพลังชีวิตไปด้วย ถึงแม้จะไม่ทำให้ฐานการฝึกฝนทุกคนตกฮวบในทันที แต่จะไม่มีวันหยั่งรากและกลายเป็นอารยธรรมเร่ร่อน และจำเป็นต้องเสาะหาดารานิรันดร์ดวงใหม่เพื่อสร้างการเชื่อมโยงกับกฎแห่งจักรวาล

ดังนั้นบ่อยครั้งหลังจากที่อารยธรรมบางอารยธรรมได้พัฒนาไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้นก็จะเลือกผสานกับดารานิรันดร์ของอารยธรรมเพื่อกลายเป็นผู้พิทักษ์ที่แท้จริงและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

เรื่องนี้มีข้อดีแต่ก็มีข้อเสีย วิธีการเลือกเป็นแนวทางที่ยากสำหรับหลายอารยธรรมที่กำลังพัฒนา

หวังเป่าเล่อส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะถอนสายตาจากดวงอาทิตย์ และระงับความคิดที่ผุดขึ้นในใจเขา เขามุ่งตรงไปยังกระบี่สำริดโบราณต่อ เมื่อเข้าไปใกล้ กระบี่สำริดโบราณก็ค่อยๆ แผ่ความกดดันออกมา

ความกดดันนี้ราวกับมีคนกำลังฉุดลาก ช้าแต่หนักหน่วง มันแผ่ขยายไปทางหวังเป่าเล่อราวกับกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการมาถึงของเขา

อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าผู้ที่ฉุดลากแรงกดดันของกระบี่โบราณไม่รู้ว่าคนที่สร้างผลกระทบให้กระบี่สำริดโบราณได้ไม่ได้มีแต่ตนเท่านั้น หวังเป่าเล่อก็ทำได้!

เมื่อเข้าไปใกล้ หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นแล้วพลิกกลับ ทันใดนั้นก็มีแผ่นหยกปรากฏขึ้นในมือของเขา!

แผ่นหยกนี้เป็นเครื่องหมายและการยอมรับตัวตนของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักวังเต๋าอันกว้างใหญ่อย่างไพศาล!

การปรากฏตัวของแผ่นหยกทำให้แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากกระบี่สำริดโบราณแสดงสัญญาณของการสลายตัวในทันที ฉากนี้ทำให้คนที่กำลังฉุดลากกระบี่โบราณคนนั้นตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด และไม่รู้ว่าด้วยวิธีใดที่ทำให้แผ่นหยกในมือหวังเป่าเล่อราวกับถูกตัดการเชื่อมต่อและถูกกำจัดตัวตนไปจนแรงกดดันกลับมาอีกครั้ง

“น่าสนใจไหมล่ะ” หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว ตาเป็นประกาย ฝักกระบี่ที่ไม่เคยออกมาจากร่างต้นแบบตอนที่อยู่ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์และถูกเก็บไว้ในตัวเขามาเป็นเวลานาน…บัดนี้ร่างของเขาสั่นสะท้านรุนแรง

ความหมายแฝงที่เชื่อมโยงกับกระบี่สำริดโบราณทำให้กระบี่สำริดโบราณขนาดมหึมานี้สั่นเล็กน้อย การสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยนี้ส่งผลกระทบต่อแรงกดดันทั้งหมดในทันที มีแรงดึงดูดและความปิติยินดีจางๆ แผ่ออกมาจากกระบี่ทำให้แรงกดดันที่มองไม่เห็นตรงหน้าหวังเป่าเล่อสลายไปในทันที ราวกับถนนที่ถูกแหวกออกทำให้ร่างของเขาเหยียบลงบนกระบี่สำริดโบราณได้ในชั่วพริบตา!

เมื่อมาถึง…บริเวณด้ามกระบี่คือสำนักวังเต๋าไพศาลในตอนนั้น เมื่อเขาปรากฏตัว ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าที่ถูกผนึกและไม่สามารถออกไปจากสำนักได้ต่างก็สั่นสะท้าน ทุกคนต่างคุกเข่าให้หวังเป่าเล่อ นำโดยเฟิ่งชิวหรัน

“คารวะผู้อาวุโสสูงสุด!” แม้ว่าพวกเขาจะออกไปไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีวิธีที่จะรู้และดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก เมื่อมองไปที่หวังเป่าเล่อในขณะนี้ พวกเขาต่างวิตกกังวล มีเพียงเฟิ่งชิวหรันที่สีหน้ามืดมนและรู้สึกผิด

หวังเป่าเล่อจ้องมองผู้คนของสำนักวังเต๋าและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบาๆ

“ผู้อาวุโสชิวหรันโปรดลุกขึ้น พันธมิตรระหว่างสหพันธรัฐกับสำนักวังเต๋ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง!” พูดจบหวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจสำนักวังเต๋าอีก แต่เดินไปที่บริเวณตัวดาบ เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้า แรงกดดันบนร่างก็เพิ่มมากขึ้น ทะเลเพลิงใต้เท้าของเขาแผดเสียงคำราม ท้องฟ้าเหนือศีรษะเปลี่ยนไป ที่ด้านหลังเขานอกจากดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าและดาวเคราะห์เต๋าตรงกลางแล้ว ยังมีฝักกระบี่ยักษ์ที่ดูเหมือนจะสามารถบรรจุกระบี่สำริดโบราณเข้าไปได้ทั้งเล่มซ่อนตัวอยู่แทนที่ท้องฟ้า!

อานุภาพราวกับแรงกดดันเช่นนี้ เมื่อหวังเป่าเล่อเดินไปจนสุดปลายกระบี่มันก็ค่อยๆ หายไป!

…………………………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset