ขณะที่หวังเป่าเล่อคารวะอยู่ แม่นางน้อยข้างกายจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก อันที่จริงนางเองก็ลำบากใจ แต่นางเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ ด้วยความสามารถของหวังเป่าเล่อน่าจะจัดการได้อย่างง่ายดาย เท่าที่นางทราบมาหวังเป่าเล่อเก่งมากในการรับมือกับคนแบบนี้
ขณะเดียวกัน นางเองก็ไม่เชื่อว่าหวังเป่าเล่อจะไม่รู้ว่าแท้จริงทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรต่อกันมาก่อน เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน การมีอยู่ของนางก็เป็นเหตุผลหนึ่งเช่นกัน
ฉะนั้นหลังจากนางปรากฏตัว จึงคอยยืนดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้ก้าวก่ายแม้แต่น้อย ตอนนี้ต่างก็พอใจกันทุกฝ่าย บนใบหน้าแม่นางน้อยพลันเผยรอยยิ้มออกมา
มองดูรอยยิ้มแม่นางน้อย หวังเป่าเล่อเองก็ยิ้มเช่นกัน เขาไม่ได้รีบให้นางใส่หน้ากากกลับคืนตามเดิม ทั้งยังพูดให้นางอยู่ท้าวความหลังที่นี่ชั่วคราว ส่วนเจ้าตัวขอถอยตัวลาออกจากกระบี่สำริดโบราณ
ท่ามกลางจักรพิภพ เขายกมือขวาขึ้นสะบัด วัตถุเวทแห่งความมืดที่อยู่ตรงปลายกระบี่พลันพุ่งออกมา แม้ว่าวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสามยังไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ตัวเขาเองก็ฟื้นคืนจากจุดวิกฤติแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนดาวอังคารอีกต่อไป ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงยื่นมือคว้ามันไว้ ทันใดนั้นวัตถุเวทแห่งความมืดก็หลอมรวมเข้าสู่ภายในตัวเขา
ที่หว่างคิ้วของเขา กลับกลายเป็นจุดดำสามจุดก่อนจะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เพียงแค่เขานึก พวกมันก็จะปรากฏขึ้นบนตัวเขาโดยพลัน บันดาลเป็นบุตรแห่งความมืดที่ดูดกลืนจักรพิภพได้
หลังทำทั้งหมดนี้เสร็จ หวังเป่าเล่อก็มองไปยังระบบสุริยะ เขารู้ว่าตัวเองหยุดอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เรื่องการฝึกตนก็เหมือนกำลังพายเรือทวนน้ำ ไม่ก้าวหน้าหรือถอยหลัง
เมื่อก้าวไปบนเส้นทางนี้ก็ได้ถูกกำหนดว่าจะต้องวิ่งต่อไปข้างหน้า ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถคุ้มครองผู้คนและสิ่งที่ตัวเองอยากปกป้องไว้ได้ เพื่อบรรลุความฝันของตน
“ผู้นำของสหพันธรัฐคือความฝันตลอดชีวิตของข้า…แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่สหพันธรัฐยังเล็กเกินไป…ข้าจะทำให้สหพันธรัฐยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ยกระดับอารยธรรมให้ถึงขีดสุด เมื่อถึงเวลานั้นข้าจึงคู่ควรกับการเป็นผู้นำอย่างแท้จริง!” ภายในจิตใจหวังเป่าเล่อก่อเกิดความภาคภูมิใจอย่างไม่รู้จบ ทว่าในขณะเดียวกันก็มีความลังเลที่จะออกเดินทางปนเปอยู่บ้าง
เพื่อสานฝันและเพื่อฝึกตน เขาจำเป็นต้องออกไปหลังเสร็จสิ้นการผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ร่างอวตารของเขาจึงแยกออกจากร่างต้นอีกครั้ง แล้วมุ่งตรงไปยังดาวอังคาร ในช่วงเวลาที่เหลือ เขาวางแผนจะใช้เวลากับคนในครอบครัวให้มากขึ้น
ส่วนร่างต้นแบบนั้นเดิมได้ทางออกจากระบบสุริยะแล้ว โดยอาศัยมิติมายาของดารานิรันดร์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ในการเคลื่อนย้ายออกไป แล้วกลับไปเตรียมการจัดวางวงแหวนปราณต่อไป
หลังจากหวังเป่าเล่อกลับมายังดาวอังคาร เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่นานก็ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ ในสัปดาห์นั้น การสังหารกลุ่มนภาห้าสมัยและทำลายล้างดาวพระเคราะห์วังเต๋าไพศาลก่อนหน้านี้ของหวังเป่าเล่อได้เป็นที่โจษจันทั่วทั้งสหพันธรัฐ ในแง่หนึ่งมีผู้เห็นกับตาตัวเองมากเกินไป ส่วนในอีกแง่หนึ่ง มันก็เป็นการกลับมาบนโลกของหลี่ซิงเหวิน พร้อมรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้แก่งานส่วนราชการของสหพันธรัฐ ส่งผลให้ชื่อเสียงหวังเป่าเล่อทั่วทั้งสหพันธรัฐเป็นราวกับคลื่นยักษ์ที่โถมกระหน่ำถึงขีดสุด
ในขณะที่ผู้คนได้รับขวัญและกําลังใจ หลังการกลับมาของหลี่ซิงเหวินภายในสหพันธรัฐก็เริ่มมีการปฏิรูป โดยมีการเผยแพร่การแต่งตั้ง พร้อมกับการหวนคืนของผู้ฝึกตนบนดาวอังคารจำนวนมาก สหพันธรัฐที่เป็นเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไปกว่าครึ่ง หลังจากถูกรดด้วยน้ำแห่งชีวิต มันก็ค่อยๆ เบ่งบานขึ้นอีกครั้ง
อย่างแรกคือการเลือกผู้นำสหพันธรัฐ หลังจากปรึกษาความคิดเห็นของหวังเป่าเล่อแล้ว คณะเสนาบดีจะถูกก่อตั้งใหม่โดยการรับเลือกตั้ง สุดท้ายมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิง เจ้านครดาวอังคารอูเหมิงหลิงผู้นั้นก็ถูกรับเลือกให้เป็นเป็นผู้นำสหพันธรัฐคนใหม่!
สำหรับบิดาของเจ้าเยี่ยเหมิง ก็ยังคงเป็นประธานองค์กรวิญญาณ และได้เข้าสู่คณะเสนาบดี
ส่วนตำแหน่งหลี่ซิงเหวินยังคงเหมือนเดิม คอยช่วยเหลือเจ้านครดาวอังคารและเรื่องในสหพันธรัฐ
เรื่องนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งสหพันธรัฐ แต่กลับไม่มีใครคัดค้าน ด้วยมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิง ไม่ว่าจะคุณูปการหรือการตรากตรำทำงาน แม้กระทั่งคุณวุฒิของนางเอง ล้วนเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐ
สำหรับการเลื่อนขั้นของนาง หวังเป่าเล่อก็ออกโรงด้วยตัวเอง เขาถอดอาวุธเทพดวงดาราแดงที่ผูกผมของนางออกไป เพื่อสานต่อประเพณีของสหพันธรัฐให้คงไว้ พร้อมกับบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้แก่เจ้าเยี่ยเหมิง ในส่วนของตำแหน่งท่านเจ้านครดาวอังคารที่ว่างอยู่นั้น ผู้สืบทอดคือ…รองหัวหน้าคณะเสนาบดีหลินโยว!
เขาไม่เพียงเป็นรองหัวหน้าคณะเสนาบดีเท่านั้น แต่ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้นำอีกด้วย หลินโยวได้นั่งควบสามตำแหน่งอย่างไร้ข้อกังขาภายในสหพันธรัฐ เพราะถูกปลูกฝังให้เป็นดาวดวงใหม่ในภายภาคหน้า
หลินโยวเองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่เพียงแค่ฝีมือดี สติปัญญายังแก่กล้า อีกทั้งระดับในการฝึกตนหลายปีที่ผ่านมาก็ได้ก้าวเข้าสู่ระดับขั้นเชื่อมวิญญาณแล้ว ซึ่งยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ห่างจากการบรรลุขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายอีกไม่ไกล
ในเวลาเดียวกัน ปฏิบัติการดาวศุกร์ซึ่งถูกระงับจากการปั่นป่วนของกลุ่มนภาห้าสมัยก่อนหน้านี้ ก็ได้เริ่มใหม่อีกรอบภายใต้การช่วยเหลือจากหวังเป่าเล่อ เพื่อเรียกคืนต้นกำเนิดดาราจากในสำนักวังเต๋าไพศาล ทำให้การสร้างดาวศุกร์กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งสำหรับสหพันธรัฐต่อไป
มันกำลังจะถูกสร้างให้เป็นดาวอังคารดวงที่สอง ทั้งยังกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญอีกแห่งหนึ่งของระบบสุริยะและผู้ดำรงตำแหน่งเจ้านครดาวศุกร์ ได้แก่…อดีตรองเจ้านครดาวอังคาร ต้นไม้ยักษ์แห่งดวงจันทร์ต้นนั้น
ในช่วงเวลาโกลาหลของกลุ่มนภาห้าสมัย การได้รับเลือกของตัวต้นไม้ยักษ์นั้น ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากหลี่ซิงเหวินและคนอื่นๆ อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้!
ขณะเดียวกันยังมีดาวพฤหัสบดีและดาวดวงอื่นๆ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามลำดับ หลังจากมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิงนามอู๋เมิ่งหลิงดำรงตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐ ทำให้วงแหวนปราณระบบสุริยะกว้างใหญ่ขึ้น ทำให้มีทางเข้าออกอยู่มากมาย เมื่อมีปราณวิญญาณจำนวนมากโผล่มา ก็จะทำให้ขอบเขตวงแหวนปราณขยายกว้างได้อีก
แท้จริงแล้วทุกอย่างนี้ล้วนทำเพื่อสหพันธรัฐโดยตรง เรียกได้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับงานสุดยิ่งใหญ่!
นั่นก็คือ…การผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์!
เรื่องนี้หวังเป่าเล่อได้แจ้งแก่กลุ่มหลี่ซิงเหวินและคนอื่นๆ แล้ว ทุกวันนี้แม้จะยังเก็บเป็นความลับ แต่ก็ได้เผยแพร่กันในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ล้วนตื่นเต้นหาที่สุดไม่ได้ เพราะพวกเขาทราบดีว่าเพียงแค่ระบบสุริยะได้ผนึกกับดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์นั้น อารยธรรมของสหพันธรัฐพวกนั้นจะถูกยกระดับสูงขึ้นตามไปด้วย ในช่วงเวลาผนึกรวม ทุกสรรพสิ่งที่ถือกำเนิดในระบบสุริยะจะได้รับผลตอบแทนจากเจตจำนงแห่งดวงอาทิตย์!
ผลตอบรับนี้เป็นเหมือนยาบำรุงที่หาได้ยากยิ่งในโลก สามารถเลื่อนขั้นคนธรรมดา ทำให้ระดับผู้ฝึกตนยกระดับขึ้น รวมทั้งคนที่ยังติดอยู่ในขั้นกำเนิด ก็สามารถถือโอกาสนี้ลองฝ่าฟันดูได้!
เรื่องแบบนี้ จะไม่ให้คนตื่นเต้นได้อย่างไร ในเวลาเดียวกันนอกจากการแต่งตั้งนอกดวงดาราต่างๆ แล้ว ภายในสหพันธรัฐเองก็มีการปรับเปลี่ยนหลายหน่วย อาทิเช่น จินตั้วหมิงเข้ารับดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลจินอย่างเป็นทางการและกลายเป็นผู้นำสูงสุดของกลุ่มไตรจันทรา หลังรับตำแหน่ง เขาได้สั่งให้ร่วมมือกับองค์กรวิญญาณอย่างเต็มที่ทันที เพื่อแผนการสร้างวัตถุเวทวิทยาศาสตร์การวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น!
นอกจากนี้ยังมีหลิวต้าวปินที่ได้รับเลื่อนขั้นด้วย โดยอาศัยความสัมพันธ์กับหวังเป่าเล่อ อีกทั้งตัวเขายังได้อุทิศตนเพื่อสหพันธรัฐตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงได้รับเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองเจ้านครดาวอังคาร มีอำนาจเต็มที่ในการดูแลควบคุมงานของเขตพิเศษของดาวอังคาร
ในส่วนของสี่สำนักวิชาเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ได้เริ่มสร้างขึ้นใหม่ หลังจากสหพันธรัฐได้ขจัดเหล่ากบฏออกไป ในบรรดาพวกเขา ผู้ดูแลรับผิดชอบในการสร้างสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นใหม่ก็คือโจวเสี่ยวหยา นางถูกแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่งประมุขสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์!
ขณะที่ทุกอย่างกำลังเร่งทำการก่อสร้าง ตรงกันข้ามกับหวังเป่าเล่อที่ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับบิดามารดาของเขาทุกวันชีวิตกลับคืนสู่ความสงบและอบอุ่นอย่างที่ไม่ได้มีมาช้านาน
ในระหว่างที่เพลิดเพลินกับความอบอุ่นของครอบครัว หวังเป่าเล่อยังคงดูแลรักษาสุขภาพร่างกายบิดามารดาของตนต่อไป ค่อยๆ รักษาอาการบาดเจ็บของแม่เขาทั้งหมดจนหายดี พร้อมกับให้ไฟแห่งชีวิตทั้งสองท่านก็ยังคงอยู่ในสภาพที่แข็งแรงและยังดูอ่อนเยาว์มาก
เมื่อพิจารณาจากปราณวิญญาณที่ทิ้งไว้ให้พวกเขา โดยทั่วไปอายุขัยพวกท่านจะยกระดับถึงขั้นสูงสุดของวิญญาณ ทั้งยังป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเหมือนคราวก่อน ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อในช่วงนี้จึงใช้ระดับฝึกตนดาวพระเคราะห์สร้างอุปกรณ์เสริมบางอย่างขึ้น
อุปกรณ์เสริมพวกนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ลงมือ ก็ยากที่จะปลิดชีวิตพ่อแม่เขาในระยะเวลาอันสั้นได้ และเขาจะรับรู้ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรก
เวลาได้ผ่านไปแบบนี้อีกครั้ง จนกระทั่งเหลืออีกครึ่งเดือนก่อนจะถึงเวลาผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เข้าด้วยกัน หวังเป่าเล่อดันได้รับเทียบเชิญร่วมงานพิธีมงคลสมรสของหลินเทียนหาวกับตู้หมิน!
วินาทีที่ได้เห็นบัตรเชิญ หวังเป่าเล่อก็มีสีหน้าแอบแปลกใจ สวดภาวนาให้หลินเทียนหาวไปรอบหนึ่ง
แม้เขากับตู้หมินจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่าแก่ แต่ก็ไม่ค่อยถูกกัน ในมุมมองหวังเป่าเล่อนั้น ด้วยบุคลิกเจ้าอารมณ์ของตู้หมิน แถมสารร่างยังแบนราบ ชาตินี้ได้แต่งงานออกไปถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
“เทียนหาวนะเทียนหาว ขอภาวนาในเจ้าโชคดีก็แล้วกัน…” หวังเป่าเล่อกระแอมออกมา แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับยินดีนัก เขาและหลินเทียนหาวถ้าไม่ได้ตีกันก็คงไม่ได้เป็นเพื่อนซี้กัน ส่วนตู้หมินก็รุ่นพี่และเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่า ดังนั้นในใจเขากลับยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองคนได้ลงเอยกัน
แน่นอนว่า นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิงกับตู้หมิน ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงโกรธไปนานแล้ว
หลังได้รับเทียบเชิญ หวังเป่าเล่อได้อัดเสียงบอกหลินเทียนหาวว่าตัวเองจะไปร่วมงานด้วย อีกทั้งตั้งแต่เขากลับมา นอกจากเข้าร่วมพิธีเลื่อนตำแหน่งของแม่เจ้าเยี่ยเหมิงครั้งนั้น เวลาอื่นก็อยู่แต่ในบ้านไม่รับแขก ดังนั้นหลินเทียนหาวจึงดีใจมาก หลังได้ทราบว่าหวังเป่าเล่อจะมา ขณะเดียวกันข่าวก็แพร่สะพัดออกไป ทำให้กลุ่มคนที่อยากเข้าพบหวังเป่าเล่อต่างสนใจกับเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ หลายวันต่อมา พิธีมงคลสมรสของหลินเทียนหาวกับตู้หมินที่จัดขึ้นบนดาวอังคารจึงเต็มไปด้วยเพื่อนพ้องและการพบปะกันของวีรบุรุษ ความครื้นเครงครั้งนั้นยิ่งใหญ่มากจนยกขนานนามว่าเป็นงานพิธีแห่งศตวรรษ!
…………………………………….
ขณะที่หวังเป่าเล่อคารวะอยู่ แม่นางน้อยข้างกายจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก อันที่จริงนางเองก็ลำบากใจ แต่นางเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ ด้วยความสามารถของหวังเป่าเล่อน่าจะจัดการได้อย่างง่ายดาย เท่าที่นางทราบมาหวังเป่าเล่อเก่งมากในการรับมือกับคนแบบนี้
ขณะเดียวกัน นางเองก็ไม่เชื่อว่าหวังเป่าเล่อจะไม่รู้ว่าแท้จริงทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรต่อกันมาก่อน เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน การมีอยู่ของนางก็เป็นเหตุผลหนึ่งเช่นกัน
ฉะนั้นหลังจากนางปรากฏตัว จึงคอยยืนดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้ก้าวก่ายแม้แต่น้อย ตอนนี้ต่างก็พอใจกันทุกฝ่าย บนใบหน้าแม่นางน้อยพลันเผยรอยยิ้มออกมา
มองดูรอยยิ้มแม่นางน้อย หวังเป่าเล่อเองก็ยิ้มเช่นกัน เขาไม่ได้รีบให้นางใส่หน้ากากกลับคืนตามเดิม ทั้งยังพูดให้นางอยู่ท้าวความหลังที่นี่ชั่วคราว ส่วนเจ้าตัวขอถอยตัวลาออกจากกระบี่สำริดโบราณ
ท่ามกลางจักรพิภพ เขายกมือขวาขึ้นสะบัด วัตถุเวทแห่งความมืดที่อยู่ตรงปลายกระบี่พลันพุ่งออกมา แม้ว่าวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสามยังไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ตัวเขาเองก็ฟื้นคืนจากจุดวิกฤติแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนดาวอังคารอีกต่อไป ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงยื่นมือคว้ามันไว้ ทันใดนั้นวัตถุเวทแห่งความมืดก็หลอมรวมเข้าสู่ภายในตัวเขา
ที่หว่างคิ้วของเขา กลับกลายเป็นจุดดำสามจุดก่อนจะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เพียงแค่เขานึก พวกมันก็จะปรากฏขึ้นบนตัวเขาโดยพลัน บันดาลเป็นบุตรแห่งความมืดที่ดูดกลืนจักรพิภพได้
หลังทำทั้งหมดนี้เสร็จ หวังเป่าเล่อก็มองไปยังระบบสุริยะ เขารู้ว่าตัวเองหยุดอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เรื่องการฝึกตนก็เหมือนกำลังพายเรือทวนน้ำ ไม่ก้าวหน้าหรือถอยหลัง
เมื่อก้าวไปบนเส้นทางนี้ก็ได้ถูกกำหนดว่าจะต้องวิ่งต่อไปข้างหน้า ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถคุ้มครองผู้คนและสิ่งที่ตัวเองอยากปกป้องไว้ได้ เพื่อบรรลุความฝันของตน
“ผู้นำของสหพันธรัฐคือความฝันตลอดชีวิตของข้า…แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่สหพันธรัฐยังเล็กเกินไป…ข้าจะทำให้สหพันธรัฐยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ยกระดับอารยธรรมให้ถึงขีดสุด เมื่อถึงเวลานั้นข้าจึงคู่ควรกับการเป็นผู้นำอย่างแท้จริง!” ภายในจิตใจหวังเป่าเล่อก่อเกิดความภาคภูมิใจอย่างไม่รู้จบ ทว่าในขณะเดียวกันก็มีความลังเลที่จะออกเดินทางปนเปอยู่บ้าง
เพื่อสานฝันและเพื่อฝึกตน เขาจำเป็นต้องออกไปหลังเสร็จสิ้นการผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ร่างอวตารของเขาจึงแยกออกจากร่างต้นอีกครั้ง แล้วมุ่งตรงไปยังดาวอังคาร ในช่วงเวลาที่เหลือ เขาวางแผนจะใช้เวลากับคนในครอบครัวให้มากขึ้น
ส่วนร่างต้นแบบนั้นเดิมได้ทางออกจากระบบสุริยะแล้ว โดยอาศัยมิติมายาของดารานิรันดร์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ในการเคลื่อนย้ายออกไป แล้วกลับไปเตรียมการจัดวางวงแหวนปราณต่อไป
หลังจากหวังเป่าเล่อกลับมายังดาวอังคาร เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่นานก็ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ ในสัปดาห์นั้น การสังหารกลุ่มนภาห้าสมัยและทำลายล้างดาวพระเคราะห์วังเต๋าไพศาลก่อนหน้านี้ของหวังเป่าเล่อได้เป็นที่โจษจันทั่วทั้งสหพันธรัฐ ในแง่หนึ่งมีผู้เห็นกับตาตัวเองมากเกินไป ส่วนในอีกแง่หนึ่ง มันก็เป็นการกลับมาบนโลกของหลี่ซิงเหวิน พร้อมรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้แก่งานส่วนราชการของสหพันธรัฐ ส่งผลให้ชื่อเสียงหวังเป่าเล่อทั่วทั้งสหพันธรัฐเป็นราวกับคลื่นยักษ์ที่โถมกระหน่ำถึงขีดสุด
ในขณะที่ผู้คนได้รับขวัญและกําลังใจ หลังการกลับมาของหลี่ซิงเหวินภายในสหพันธรัฐก็เริ่มมีการปฏิรูป โดยมีการเผยแพร่การแต่งตั้ง พร้อมกับการหวนคืนของผู้ฝึกตนบนดาวอังคารจำนวนมาก สหพันธรัฐที่เป็นเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไปกว่าครึ่ง หลังจากถูกรดด้วยน้ำแห่งชีวิต มันก็ค่อยๆ เบ่งบานขึ้นอีกครั้ง
อย่างแรกคือการเลือกผู้นำสหพันธรัฐ หลังจากปรึกษาความคิดเห็นของหวังเป่าเล่อแล้ว คณะเสนาบดีจะถูกก่อตั้งใหม่โดยการรับเลือกตั้ง สุดท้ายมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิง เจ้านครดาวอังคารอูเหมิงหลิงผู้นั้นก็ถูกรับเลือกให้เป็นเป็นผู้นำสหพันธรัฐคนใหม่!
สำหรับบิดาของเจ้าเยี่ยเหมิง ก็ยังคงเป็นประธานองค์กรวิญญาณ และได้เข้าสู่คณะเสนาบดี
ส่วนตำแหน่งหลี่ซิงเหวินยังคงเหมือนเดิม คอยช่วยเหลือเจ้านครดาวอังคารและเรื่องในสหพันธรัฐ
เรื่องนี้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งสหพันธรัฐ แต่กลับไม่มีใครคัดค้าน ด้วยมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิง ไม่ว่าจะคุณูปการหรือการตรากตรำทำงาน แม้กระทั่งคุณวุฒิของนางเอง ล้วนเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐ
สำหรับการเลื่อนขั้นของนาง หวังเป่าเล่อก็ออกโรงด้วยตัวเอง เขาถอดอาวุธเทพดวงดาราแดงที่ผูกผมของนางออกไป เพื่อสานต่อประเพณีของสหพันธรัฐให้คงไว้ พร้อมกับบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้แก่เจ้าเยี่ยเหมิง ในส่วนของตำแหน่งท่านเจ้านครดาวอังคารที่ว่างอยู่นั้น ผู้สืบทอดคือ…รองหัวหน้าคณะเสนาบดีหลินโยว!
เขาไม่เพียงเป็นรองหัวหน้าคณะเสนาบดีเท่านั้น แต่ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้นำอีกด้วย หลินโยวได้นั่งควบสามตำแหน่งอย่างไร้ข้อกังขาภายในสหพันธรัฐ เพราะถูกปลูกฝังให้เป็นดาวดวงใหม่ในภายภาคหน้า
หลินโยวเองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่เพียงแค่ฝีมือดี สติปัญญายังแก่กล้า อีกทั้งระดับในการฝึกตนหลายปีที่ผ่านมาก็ได้ก้าวเข้าสู่ระดับขั้นเชื่อมวิญญาณแล้ว ซึ่งยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ห่างจากการบรรลุขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายอีกไม่ไกล
ในเวลาเดียวกัน ปฏิบัติการดาวศุกร์ซึ่งถูกระงับจากการปั่นป่วนของกลุ่มนภาห้าสมัยก่อนหน้านี้ ก็ได้เริ่มใหม่อีกรอบภายใต้การช่วยเหลือจากหวังเป่าเล่อ เพื่อเรียกคืนต้นกำเนิดดาราจากในสำนักวังเต๋าไพศาล ทำให้การสร้างดาวศุกร์กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งสำหรับสหพันธรัฐต่อไป
มันกำลังจะถูกสร้างให้เป็นดาวอังคารดวงที่สอง ทั้งยังกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญอีกแห่งหนึ่งของระบบสุริยะและผู้ดำรงตำแหน่งเจ้านครดาวศุกร์ ได้แก่…อดีตรองเจ้านครดาวอังคาร ต้นไม้ยักษ์แห่งดวงจันทร์ต้นนั้น
ในช่วงเวลาโกลาหลของกลุ่มนภาห้าสมัย การได้รับเลือกของตัวต้นไม้ยักษ์นั้น ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากหลี่ซิงเหวินและคนอื่นๆ อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้!
ขณะเดียวกันยังมีดาวพฤหัสบดีและดาวดวงอื่นๆ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามลำดับ หลังจากมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิงนามอู๋เมิ่งหลิงดำรงตำแหน่งผู้นำสหพันธรัฐ ทำให้วงแหวนปราณระบบสุริยะกว้างใหญ่ขึ้น ทำให้มีทางเข้าออกอยู่มากมาย เมื่อมีปราณวิญญาณจำนวนมากโผล่มา ก็จะทำให้ขอบเขตวงแหวนปราณขยายกว้างได้อีก
แท้จริงแล้วทุกอย่างนี้ล้วนทำเพื่อสหพันธรัฐโดยตรง เรียกได้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับงานสุดยิ่งใหญ่!
นั่นก็คือ…การผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์!
เรื่องนี้หวังเป่าเล่อได้แจ้งแก่กลุ่มหลี่ซิงเหวินและคนอื่นๆ แล้ว ทุกวันนี้แม้จะยังเก็บเป็นความลับ แต่ก็ได้เผยแพร่กันในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ล้วนตื่นเต้นหาที่สุดไม่ได้ เพราะพวกเขาทราบดีว่าเพียงแค่ระบบสุริยะได้ผนึกกับดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์นั้น อารยธรรมของสหพันธรัฐพวกนั้นจะถูกยกระดับสูงขึ้นตามไปด้วย ในช่วงเวลาผนึกรวม ทุกสรรพสิ่งที่ถือกำเนิดในระบบสุริยะจะได้รับผลตอบแทนจากเจตจำนงแห่งดวงอาทิตย์!
ผลตอบรับนี้เป็นเหมือนยาบำรุงที่หาได้ยากยิ่งในโลก สามารถเลื่อนขั้นคนธรรมดา ทำให้ระดับผู้ฝึกตนยกระดับขึ้น รวมทั้งคนที่ยังติดอยู่ในขั้นกำเนิด ก็สามารถถือโอกาสนี้ลองฝ่าฟันดูได้!
เรื่องแบบนี้ จะไม่ให้คนตื่นเต้นได้อย่างไร ในเวลาเดียวกันนอกจากการแต่งตั้งนอกดวงดาราต่างๆ แล้ว ภายในสหพันธรัฐเองก็มีการปรับเปลี่ยนหลายหน่วย อาทิเช่น จินตั้วหมิงเข้ารับดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลจินอย่างเป็นทางการและกลายเป็นผู้นำสูงสุดของกลุ่มไตรจันทรา หลังรับตำแหน่ง เขาได้สั่งให้ร่วมมือกับองค์กรวิญญาณอย่างเต็มที่ทันที เพื่อแผนการสร้างวัตถุเวทวิทยาศาสตร์การวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น!
นอกจากนี้ยังมีหลิวต้าวปินที่ได้รับเลื่อนขั้นด้วย โดยอาศัยความสัมพันธ์กับหวังเป่าเล่อ อีกทั้งตัวเขายังได้อุทิศตนเพื่อสหพันธรัฐตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงได้รับเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองเจ้านครดาวอังคาร มีอำนาจเต็มที่ในการดูแลควบคุมงานของเขตพิเศษของดาวอังคาร
ในส่วนของสี่สำนักวิชาเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ได้เริ่มสร้างขึ้นใหม่ หลังจากสหพันธรัฐได้ขจัดเหล่ากบฏออกไป ในบรรดาพวกเขา ผู้ดูแลรับผิดชอบในการสร้างสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นใหม่ก็คือโจวเสี่ยวหยา นางถูกแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่งประมุขสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์!
ขณะที่ทุกอย่างกำลังเร่งทำการก่อสร้าง ตรงกันข้ามกับหวังเป่าเล่อที่ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับบิดามารดาของเขาทุกวันชีวิตกลับคืนสู่ความสงบและอบอุ่นอย่างที่ไม่ได้มีมาช้านาน
ในระหว่างที่เพลิดเพลินกับความอบอุ่นของครอบครัว หวังเป่าเล่อยังคงดูแลรักษาสุขภาพร่างกายบิดามารดาของตนต่อไป ค่อยๆ รักษาอาการบาดเจ็บของแม่เขาทั้งหมดจนหายดี พร้อมกับให้ไฟแห่งชีวิตทั้งสองท่านก็ยังคงอยู่ในสภาพที่แข็งแรงและยังดูอ่อนเยาว์มาก
เมื่อพิจารณาจากปราณวิญญาณที่ทิ้งไว้ให้พวกเขา โดยทั่วไปอายุขัยพวกท่านจะยกระดับถึงขั้นสูงสุดของวิญญาณ ทั้งยังป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเหมือนคราวก่อน ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อในช่วงนี้จึงใช้ระดับฝึกตนดาวพระเคราะห์สร้างอุปกรณ์เสริมบางอย่างขึ้น
อุปกรณ์เสริมพวกนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ลงมือ ก็ยากที่จะปลิดชีวิตพ่อแม่เขาในระยะเวลาอันสั้นได้ และเขาจะรับรู้ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรก
เวลาได้ผ่านไปแบบนี้อีกครั้ง จนกระทั่งเหลืออีกครึ่งเดือนก่อนจะถึงเวลาผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เข้าด้วยกัน หวังเป่าเล่อดันได้รับเทียบเชิญร่วมงานพิธีมงคลสมรสของหลินเทียนหาวกับตู้หมิน!
วินาทีที่ได้เห็นบัตรเชิญ หวังเป่าเล่อก็มีสีหน้าแอบแปลกใจ สวดภาวนาให้หลินเทียนหาวไปรอบหนึ่ง
แม้เขากับตู้หมินจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่าแก่ แต่ก็ไม่ค่อยถูกกัน ในมุมมองหวังเป่าเล่อนั้น ด้วยบุคลิกเจ้าอารมณ์ของตู้หมิน แถมสารร่างยังแบนราบ ชาตินี้ได้แต่งงานออกไปถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
“เทียนหาวนะเทียนหาว ขอภาวนาในเจ้าโชคดีก็แล้วกัน…” หวังเป่าเล่อกระแอมออกมา แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับยินดีนัก เขาและหลินเทียนหาวถ้าไม่ได้ตีกันก็คงไม่ได้เป็นเพื่อนซี้กัน ส่วนตู้หมินก็รุ่นพี่และเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่า ดังนั้นในใจเขากลับยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองคนได้ลงเอยกัน
แน่นอนว่า นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิงกับตู้หมิน ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงโกรธไปนานแล้ว
หลังได้รับเทียบเชิญ หวังเป่าเล่อได้อัดเสียงบอกหลินเทียนหาวว่าตัวเองจะไปร่วมงานด้วย อีกทั้งตั้งแต่เขากลับมา นอกจากเข้าร่วมพิธีเลื่อนตำแหน่งของแม่เจ้าเยี่ยเหมิงครั้งนั้น เวลาอื่นก็อยู่แต่ในบ้านไม่รับแขก ดังนั้นหลินเทียนหาวจึงดีใจมาก หลังได้ทราบว่าหวังเป่าเล่อจะมา ขณะเดียวกันข่าวก็แพร่สะพัดออกไป ทำให้กลุ่มคนที่อยากเข้าพบหวังเป่าเล่อต่างสนใจกับเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ หลายวันต่อมา พิธีมงคลสมรสของหลินเทียนหาวกับตู้หมินที่จัดขึ้นบนดาวอังคารจึงเต็มไปด้วยเพื่อนพ้องและการพบปะกันของวีรบุรุษ ความครื้นเครงครั้งนั้นยิ่งใหญ่มากจนยกขนานนามว่าเป็นงานพิธีแห่งศตวรรษ!
…………………………………….