หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 1025 ติดกับ!

หวังเป่าเล่อที่กำลังศึกษาคำสาปวิญญาณเพลิงอยู่ในหอคอย ไม่รู้ว่าหลังจากที่เซี่ยไห่หยางตามออกไปจะสนทนากับศิษย์พี่เจ็ดเช่นไร สรุปคือในวันที่สองหลังจากที่เซี่ยไห่หยางคุยกับพี่เจ็ด…

หลังจากที่เซี่ยไห่หยางมาทักทายอย่างกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้าตรู่ หวังเป่าเล่อเห็นด้วยตาตัวเองว่าเพิ่งเดินออกจากหอคอยห่างไปยังไม่ถึงสิบจั้ง มีเงาดำสายหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตอย่างไร้สาเหตุ

ความเร็วของเงาดำนี้ ด้วยฐานการฝึกตนดาวพระเคราะห์ขั้นกลางของหวังเป่าเล่อในตอนนี้ยังเห็นได้ไม่ชัดเจน ตรวจจับได้เพียงแต่เงา จะเห็นว่ามันเร็วจนน่าอัศจรรย์ ส่วนเซี่ยไห่หยาง แม้การฝึกตนจะสูงกว่าหวังเป่าเล่อ แต่ก็ยังไม่ถึงระดับดารานิรันดร์ จึงไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน นาทีนั้นเองก็ถูกเงาดำที่ร่วงลงมาจากฟ้าพุ่งลงมาปะทะบนร่างโดยตรง

เสียงคำรามก้องกังวาน แม้แผ่นดินยังสะเทือน และมีฝุ่นตลบไปรอบด้าน เสียงกรีดร้องโหยหวนของเซี่ยไห่หยางดังก้องไปทั่วทิศ…

หวังเป่าเล่อเบิกตากว้าง หลังจากที่ฝุ่นสลายไปจนเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่หล่นลงมาได้ เขาสูดลมหายใจ อดที่จะมีสีหน้าประหลาดไม่ได้

เงาดำที่ตกลงมาจากฟากฟ้าคือเห็บวัวตัวหนึ่ง และพลังของมันก็ควบคุมได้ดีมาก ดูเหมือนว่าจะรวดเร็วและทรงพลัง แต่มันตกลงมาบนร่างเซี่ยไห่หยาง เพียงแค่ทำให้เขาเวียนหัวตาลายแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ บนศีรษะกลับมีซาลาเปาลูกใหญ่ปูดขึ้นมา

ซาลาเปานี้แดงก่ำ หวังเปาเล่อเหลือบมองดูมันก็รับรู้ได้ทันทีถึงความเจ็บปวดที่ซาลาเปาลูกนี้นำมา บนความเป็นจริงมันเป็นเช่นนี้จริงๆ เซี่ยไห่หยางกำลังร้องคร่ำครวญ

“เรื่องอะไร นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

“ข้า… ทำไมอยู่ๆ ของแบบนี้ก็ตกลงมาจากฟ้า!” ขณะที่เซี่ยไห่หยางโอดโอยก็ยกมือขึ้นลูบไปตรงหัวปูด น้ำตาแทบจะไหลรินออกมา

หวังเป่าเล่อยิ่งรู้สึกประหลาดใจ ในเวลาเดียวกันความนับถือที่เขามีต่ออาจารย์ก็ยิ่งมากขึ้น เป็นความจริงที่ตอนนี้เขาได้ตระหนักแล้วว่าท่านอาจารย์เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น…

เขาคิดว่าต้องเป็นที่เมื่อวานหลังจากที่เซี่ยไห่หยางไล่ตามพี่เจ็ดไป ต้องถูกพี่เจ็ดหลอกล่อให้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา…ดังนั้นจึงได้มีกลอุบายใหม่ที่สั่งโดยความสนุกอันโหดร้ายของท่านอาจารย์

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นอกจากหวังเป่าเล่อจะเห็นใจเซี่ยไห่หยางแล้วในใจก็รู้สึกยินดียิ่งนัก เขารู้สึกว่าหากไม่ใช่เพราะมีเซี่ยไห่หยางมาเป็นเป้าหมายอันชั่วร้ายของอาจารย์แล้ว เช่นนั้นคิดขึ้นมาแล้วความทุกข์ในเวลานี้ก็คงเป็นตนเองแน่

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หวังเป่าเล่อก็ถอยหลังไปหลายก้าวทันที เขารู้สึกว่าในเมื่อเป้าหมายในตอนนี้ของอาจารย์คือเซี่ยไห่หยาง เช่นนั้นเขาควรจะออกห่างจะดีกว่า ขณะที่หวังเป่าเล่อจะกลับเข้าไปในหอคอย และเซี่ยไห่หยางคร่ำครวญและโศกเศร้า อยู่ๆ ท้องฟ้าก็แปรปรวน ใบหน้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมาทันที

ใบหน้านี้แผ่เปลวเพลิง มันคือปรมาจารย์แห่งไฟ หลังจากปรากฏออกมา เขามองเซี่ยไห่หยางที่อยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและเงยหน้าขึ้นมองไปทางจักรวาลก่อนเอ่ยเบาๆ

“เหยียนหลิง!”

หลังจากคำพูดของปรมาจารย์แห่งไฟ ท้องฟ้าก็แปรปรวนอีกครั้ง ร่างของวัวเฒ่าก็ปรากฏออกมาด้วยความเศร้า

“อาจารย์ปู่ โปรดเป็นพยานให้ศิษย์ด้วย ศิษย์ทำสิ่งใดผิดใยจึงเป็นเช่นนี้ หัวของข้า…” เซี่ยไห่หยางเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ก็คุกเข่าลงในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจไม่สิ้นสุด ซาลาเปาที่ปูดอยู่บนศีรษะก็ผันแปรไปตามอารมณ์ของเขา เวลานี้ก็ยิ่งแดงขึ้น ดูไปแล้วเหมือนจะมีเขางออกออกมาจากซาลาเปา

“ท่านประมุข อย่าได้โทษข้าเลย ข้าก็แค่เกาที่คัน…” วัวเฒ่าถอนหายใจ ปรมาจารย์แห่งไฟยังคงขมวดคิ้ว ถลึงตามองวัวเฒ่า

“คราวหน้าระวังด้วย..” พูดจบ ปรมาจารย์แห่งไฟก็มองเซี่ยไห่หยาง แล้วจึงส่ายหน้าน้อยๆ

“เจ้าก็เช่นกัน เวลาเดินระวังด้วย ปกติก็ดูเป็นผู้เฉลียวฉลาด เหตุใดจึงถูกชนได้” ปรมาจารย์แห่งไฟกล่าวแล้วก็มิได้ไปสนใจเซี่ยไห่หยางที่คับแค้นอีก เพียงแวบเดียวใบหน้าก็หายไปในอากาศ ส่วนวัวเฒ่าก็ขยิบตาอยู่บนท้องฟ้า ส่งเสียงไอ มิได้กล่าวสิ่งใดเช่นกัน ร่างเริ่มเลือนรางเหมือนกำลังจะจากไป

เมื่อเซี่ยไห่หยางเห็นว่าเรื่องนี้กำลังจะผ่านไป เรื่องใหญ่เช่นนี้กลายเป็นเรื่องเล็ก ความคับข้องใจภายในใจของเขาก็พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ร่างสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธแค้น เสียงคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่งลอยมาแต่ไกล ถึงขั้นทำให้ร่างเขาสั่นสะท้าน

“ท่านวัวอาวุโส ท่านกล้ารังแกศิษย์รักข้า!”

หวังเป่าเล่อเดิมทีกำลังจะกลับไปที่หอคอย เมื่อได้ยินเข้าก็หยุดเดิน ยืนดูเหตุการณ์วุ่นวายนั้น แล้วกล่าวอยู่ในใจอาจารย์เอ๋ยอาจารย์ ท่านวันๆ เปลี่ยนหัวโขนไปมา ไม่เหนื่อยหรอกหรือ…

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ร่างหนึ่งก็เหาะมาจากท้องฟ้าไกลพร้อมกับเสียงคำรามที่ส่งมา ตามด้วยเซี่ยไห่หยางที่สะเทือนใจจนน้ำตาแทบไหลริน นั่นเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของหวังเป่าเล่อ หรืออาจารย์ของเซี่ยไห่หยางนั่นเอง…ไอรีนโนเวล

หลังจากที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่มาถึง นางมองไปที่เซี่ยไห่หยางด้วยความปวดใจ และจากนั้นความโกรธก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแล้วทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ในไม่ช้าก็ส่งเสียงดังก้องอยู่บนฟ้า

“ท่านวัวอาวุโส ก่อนหน้านั้นอาจารย์ให้ศิษย์รักของข้าอาบน้ำให้ท่าน นี่เป็นธรรมเนียมของกลุ่มอัคคี แม้ข้าจะปวดใจ แต่ก็ได้แต่ดูแลอยู่เงียบๆ แต่วันนี้…ท่านกล้ามารังแกกันเช่นนี้ หยางเอ๋อร์ยังเป็นเด็ก ท่านรังแกกันเกินไปแล้ว!” ขณะที่ท้องฟ้าแปรปรวน เสียงกราดเกรี้ยวของศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ส่งมา

“ตงเอ๋อร์ ตาข้างไหนของเจ้าที่เห็นว่าข้ารังแกศิษยที่รักของเจ้า!” พร้อมกับเสียงคำรามของศิษย์พี่หญิงใหญ่ ยังมีเสียงคำรามแสดงความไม่พอใจของวัวเฒ่าอีกด้วย

“ไม่ว่าอย่างไร วัวเฒ่า ท่านรังแกศิษย์รักของข้า ท่านรังแกหยางเอ๋อร์น้อยไม่ได้!” ดูเหมือนศิษย์พี่หญิงใหญ่จะห่วงใยมากเกินไป คำพูดในเวลานี้ ไม่ได้เรียกวัวเฒ่าด้วยความเคารพเหมือนก่อนแล้ว

“เจ้ารักศิษย์ในทางที่ผิดเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร ศิษย์รักของเจ้าผู้นี้ หากถือว่าเจ้าเป็นอาจารย์จริงๆ เหตุใดจึงไม่รู้ว่าเวลานี้เจ้ายังขาดดวงดารามาศ หากมี…”

“วัวเฒ่าหุบปาก เรื่องของข้าข้าจัดการเองได้ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรจะขอความยุติธรรมให้ศิษย์รักของข้า”

เสียงของศิษย์พี่หญิงใหญ่และเฒ่าวัวดังไปทั่วทิศ ทำให้ศิษย์พี่ชายหญิงของหวังเป่าเล่อต่างออกมานอกหอคอยของตนกันเซ็งแซ่ มองไปบนท้องฟ้า ในไม่ช้าเสียงที่ดังก้องอยู่ฟ้าก็ยิ่งน่าตกใจ ความปรวนแปรยิ่งรุนแรง อารมณ์ของเซี่ยไห่หยางที่มองอยู่ทั้งตื่นเต้นและตกใจจนอธิบายไม่ถูก ความรู้สึกที่มีผู้หนุนหลัง มีผู้ออกหน้าให้ ทำให้เขารู้สึกสำนึกในบุญคุณอย่างที่สุด

ในทางกลับกัน หวังเป่าเล่อเบิกตาโต หายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีแสงวาบผ่านไปทั่วจิตใจ และดวงตาของเขาก็แสดงถึงความตระหนักรู้ในทันที และความชื่นชมก็มีอยู่เต็มหัวใจ

“ยังคงเป็นวิถีอาจารย์เต๋าลึกซึ้งนัก…”

ขณะที่หวังเป่าเล่อทอดถอนใจ เสียงคำรามอันเย็นชาที่ส่งมาของปรมาจารย์แห่งไฟ ศิษย์พี่หญิงใหญ่และวัวเฒ่าจึงต้องหยุดการต่อสู้ วัวเฒ่าคำรามอย่างเย็นชา และหลังจากจากไปอย่างไม่พอใจ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เหาะลงมา เห็นได้ชัดว่าร่างกายดูอ่อนล้า น่าจะเป็นเพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ สำหรับนางแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลังจากได้เห็นเซี่ยไห่หยาง ศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ลูบไปที่ซาลาเปาบนศีรษะเซี่ยไห่หยางเบาๆ ด้วยความเวทนายิ่ง

“หยางเอ๋อร์ อาจารย์มาช้าไปแล้ว เจ้าเจ็บหรือไม่”

หัวใจของหวังเป่าเล่อมึนชาไปเมื่อได้ยินคำเหล่านี้ แต่น้ำตาของเซี่ยไห่หยางไหลริน และคุกเข่าลงตรงหน้าอาจารย์

“ท่านอาจารย์!”

“เด็กคนนี้ ร้องไห้ทำไม” ท่าทีที่อ่อนโยนของศิษย์พี่หญิงใหญ่แสดงถึงความเมตตา ตามด้วยส่งสายตาเย็นชาไปรอบๆ และเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ศิษย์น้องชายหญิงทุกท่าน หยางเอ๋อร์เป็นศิษย์ของข้า ดังนั้นต่อไปหากข้าได้ยินเรื่องใครปากโป้ง พวกเจ้าคงรู้ผลที่จะตามมา!” ทันทีที่นางกล่าวออกมา พี่เจ็ดและศิย์สิบห้าก็มีสีหน้าอับอาย เซี่ยไห่หยางที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งซาบซึ้ง รู้สึกเพียงแต่ว่าอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ดีต่อตนเองอย่างที่สุด จนชีวิตนี้ไม่อาจตอบแทนได้

“อาจารย์…”

“พอแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้ว อาจารย์จะกลับไปถือสันโดษก่อน ช่วงเวลานี้เจ้าดูแลตัวเองให้ดี” กล่าวพลาง ท่าทีศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เหนื่อยล้ากำลังจะหันกายจากไป เซี่ยไห่หยางก็รีบเอ่ยปาก

“อาจารย์ต้องการดวงดารามาศเท่าไหร่? ศิษย์มีตรงนี้แล้ว!”

“ไม่ต้อง อาจารย์จัดการเองได้!” ศิษย์พี่หญิงใหญ่ส่ายหน้า เพียงแวบเดียวก็เหาะขึ้นฟ้าไป เซี่ยไห่หยางเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกร้อนรนทันที

“ศิษย์รู้ว่าอาจารย์รักศิษย์ ไม่ยินยอมให้ศิษย์ทุ่มเทมากเกินไป แต่นี่เป็นความกตัญญูของศิษย์ นี่คือดวงดารามาศ หากอาจารย์ไม่ต้องการ ศิษย์จะคุกเข่าอยู่เช่นนี้!” กล่าวพลาง เซี่ยไห่หยางก็คุกเข่าลง วิงวอนอย่างน่าเวทนาไม่หยุด

ฉากนี้ หวังเป่าเล่อรู้สึกตระหนกไม่อยากจะเชื่อ ในใจตอนนี้มีมีประโยคเดียว นั่นก็คือสูงส่ง…สูงส่งจริงๆ! เขาเข้าใจเรื่องนี้แล้วจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเซี่ยไห่หยางไม่ได้ถือว่าดาราจักรไฟเป็นสังกัดของตนอย่างแท้จริง จุดประสงค์ที่มาที่นี่ก็เพื่อให้ตนเองได้รับความช่วยเหลือ

แต่ตอนนี้ หลังจากประสบกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้แล้ว การปากโป้ง ความขัดแย้ง ความเย็นชาของอาจารย์ ความรักของศิษย์พี่หญิงใหญ่ ดูเหมือนชีวิตในบทบาทต่างๆ ราวกับเส้นไหมแต่ละเส้นได้มัดเซี่ยไห่หยางไว้แล้วอย่างสมบูรณ์…

แต่ในที่สุดศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ถอนใจราวกับจนด้วยหนทาง

“เจ้าจะลำบากทำไม…” ขณะถอนหายใจนี้ นางต้องยอมรับความกตัญญูของเซี่ยไห่หยาง จากนั้นนางก็ใคร่ครวญ และถ่ายทอดเสียงไปยังเซี่ยไห่หยาง

“อย่าได้สนใจอาจารย์อาท่านอื่นของเจ้าให้มากนัก แต่อาจารย์อาสิบหกของเจ้าเพียงผู้เดียว ที่เจ้าต้องทำให้เขาพอใจ เขาอาจเป็นศิษย์ที่อาจารย์ปู่โปรดปรานมากที่สุด คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขา มีผลต่อการตัดสินใจของอาจารย์ปู่ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าอาจถือได้ว่าเขาเป็นนายน้อยของดาราจักรไฟที่แท้จริง!”

เสียงที่ส่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจนี้ ทำให้เซี่ยไห่หยางยิ่งซาบซึ้งใจ เขาตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะยิ่งเยินยอหวังเป่าเล่อให้มากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะมีสองหลักใหญ่ให้พึ่งพิง จึงจะยืนหยัดได้อย่างแท้จริง ต่อไปต้องทำให้ศิษย์สิบห้าและพี่เจ็ดได้เห็นดีกัน!

“เจ้าสิบห้า พี่เจ็ด ข้าจะให้พวกท่านรู้ว่าข้าเซี่ยไห่หยางไม่ได้รังแกง่าย แม้พวกท่านจะเป็นอาจารย์อา แต่ต้องมีวันหนึ่งที่ข้าจะให้พวกท่านขอโทษข้าด้วยตัวเอง!” เซี่ยไห่หยางแอบสาบานกับตัวเอง!

……………………………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset