หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 1033 เทพวัว!

เมื่อประโยคนี้ลอยมา เซี่ยอวิ๋นเถิงที่ท่าทางขึงขังจากการประสานเงาบรรพชนเพิ่มพลังให้ตัวเองนั้นพลันชะงัก มวลพลังอ่อนลงในพริบตา

เห็นได้ชัดว่าความโหดเหี้ยมของอาจารย์หวังเป่าเล่อ ปรมาจารย์แห่งไฟนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร ยิ่งเรื่องออกตัวปกป้องลำเอียงศิษย์ตัวเองอย่างสุดโต่งด้วยแล้ว ต่อให้ลูกศิษย์ตัวเองผิดนั่นก็เป็นความผิดของอีกฝ่าย หากศิษย์ตัวเองไม่ผิดนั่นยิ่งเป็นความผิดของอีกฝ่าย สรุปแล้ว ลูกศิษย์ของเขาไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ผิด คนที่ผิดต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือแต่มีตัวอย่างให้เห็นกันจริงๆ ผ่านไปพักหนึ่งก็จะมีเรื่องทำนองนี้ลือกันออกมาเรื่อยๆ ดังนั้นต่อให้เป็นเซี่ยอวิ๋นเถิง นายน้อยที่ห้าของตระกูลเซี่ยก็อดผวาไม่ได้เช่นกัน

เพราะเขานั้นรู้ดี อย่าว่าแต่ตัวเองเลย ต่อให้เป็นศิษย์แห่งเต๋าอันดับหนึ่งของตระกูลเซี่ยรุ่นนี้ หากลงมือฆ่าหวังเป่าเล่อจริงๆ ก็ไม่มีปัญญาแบกรับเหมือนกัน

ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วเขาจะไม่ลดมาดลงได้เหรอ ทว่าในวินาทีต่อมา นัยน์ตาเซี่ยอวิ๋นเถิงก็ฉายแววอำมหิต เขาทราบดีว่าตอนนี้ไม่มีเวลาคิดขนาดนั้น อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีทางตายด้วยน้ำมือเขาอยู่ดี ฉะนั้นอึดใจนี้อย่างไรก็ต้องลุย!

ดูเหมือนะจะใช้เวลาตรึกตรองนาน อันที่จริงเพียงแวบขึ้นในหัวเขาวาบเดียวเท่านั้น พริบตาต่อมามวลพลังที่เคยอ่อนลงก็พวยพุ่งกลับคืนมาก่อนระเบิดเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยเสียงดังสนั่น

ทว่าเกือบสำเร็จ ไม่สามารถทำได้ดีเท่ารอบแรกพลังเสริมก็หยุดลงตามไปด้วย ในเวลาเดียวกันนี้ ทางด้านหวังเป่าเล่อหลังจากที่ประกายตาระยับวาบผ่านไป มือขวายกขึ้นโบกอย่างรุนแรงเล็งมุ่งไปเบื้องหน้า พร้อมเสียงทุ้มต่ำที่ลอยมาว่า

“เวทผนึกดารา!!”

เมื่อสิ้นสุดคำพูด แสงสีดำสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศลอยมายังเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ และนั่นคือเห็บวัวนับหมื่นตัว!

พวกมันเรียงตัวก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างวัว เกิดพลังอันน่าตกใจแผ่เสียงกึกก้องไปรอบด้าน แผ่แรงกดดันกระจายไปทั่ว ท่าทางแข็งแกร่ง แม้จะเทียบกับเงาบรรพชนของเซี่ยอวิ๋นเถิงไม่ได้แต่ก็ไม่น้อยหน้า!

เซี่ยไห่หยางตาค้าง ผู้คนรอบๆ ที่เห็นล้วนเกิดอาการเดียวกัน แม้เซี่ยอวิ๋นเถิงเองก็ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

“นี่มัน…”

“เทพวัวอัคคี!!”

“เทพวัวคุ้มครองแห่งดาราจักรไฟ!!”

ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนรอบๆ หวังเป่าเล่อยังคงท่าทีเช่นเดิม แม้เทพวัวจะเทียบกับของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเวทผนึกดาราเท่านั้น วินาทีต่อมา เปลือกนอกของเห็บวัวเหล่านี้เริ่มบิดเบี้ยวเกิดเป็นสะเก็ดดาวขึ้นมาแทนที่ทีละอันๆ ขณะที่กำลังเข้าแทนที่นั้นก็เกิดพลังกดดันที่รุนแรงกว่าเดิมโหมกระหน่ำขึ้น จนทำให้จักรวาลลือลั่น เรือบินสั่นสะเทือน ผู้ฝึกตนทั้งหลายล้วนขวัญผวา

ในนาทีนี้แม้จะเป็นผู้ฝึกตนดารานิรันดร์ต่างก็หวั่นไหวนัยน์ตาทอแสงไปด้วยเช่นกัน เพราะตอนนี้กลิ่นอายของเทพวัวอัคคีได้กำจรกระจายและผนึกเข้ากับดาวเคราะห์พิเศษเป็นที่เรียบร้อย ไม่ด้อยไปกว่าเงาบรรพชนที่ผู้ฝึกตนระดับมหาวัฏจักรดาวเคราะห์เซี่ยอวิ๋นเถิงแสดงออกมา

แต่…มันไม่จบแค่เท่านี้!

สะเก็ดดาวทั้งหมดบิดเบี้ยวและพองขยายอย่างรุนแรงภายในพริบตา ขมุกขมัวชั่วครู่ก่อนกลับมาชัดเป็นปกติอีกครั้ง เมื่อทัศนวิสัยกลับมา ดาวเคราะห์ทั่วไปก็ได้เข้าแทนที่สะเก็ดดาวทีละดวงๆ ในขณะที่กำลังหดเล็กหลายเท่าตัวก็เห็นหวังเป่าเล่อปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า!

เมื่อดาวเคราะห์ทั่วไปสามพันดวงเข้าแทนที่สะเก็ดดาวสามพันดวง เทพวัวกู่ร้องก้องฟ้า มวลพลังสูงขึ้นอีกครา เหนือกว่าเงาบรรพชนของเซี่ยอวิ๋นเถิงและยิ่งในวินาทีต่อมา เมื่อดาวเคราะห์ทั่วไปหกพันดวงเข้าแทนที่สะเก็ดดาว มวลพลังของเทพวัวก็บรรลุขั้นฟ้าดินสะเทือน ทำให้จักรวาลปริแตก เรือบินสั่นสะเทือน

ทางด้านเซี่ยอวิ๋นเถิงสีหน้าก็ไม่สู้ดีเช่นกัน เงาหมอกที่ปล่อยไปนั้นพลันหยุดชะงักอีกครา ไม่กล้าลุยต่อ กระทั่งเมื่อสะเก็ดดาวทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์ เทพวัวที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงก็มาเยือนเรือบินอย่างแท้จริง!!

ในเวลาสั้นๆ ก็เกิดเพลิงปะทุขึ้นท่วมเทพวัว หลังจากเงยหน้าส่งเสียงคำราม มวลพลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าตกใจ กระทั่งดารานิรันดร์ทั้งแปดด้านหลังเซี่ยอวิ๋นเถิงยังหน้าเปลี่ยนสี พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยเหลืออย่างว่องไว

แต่ก็ยังสายไป นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉาวแววต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เทพวัวปรากฏขึ้น มือขวาวาดไปทางเซี่ยอวิ่นเถิง

“ลุย!”

เทพวัวคำรามลั่นก่อนพุ่งออกไปราวกับทะเลเพลิงปะทุ ดั่งดารานิรันดร์ที่สามารถแผดเผาสรรพสิ่งให้เป็นจุล แผดเสียงคำรามพุ่งใส่เซี่ยอวิ๋นเถิง!

เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเปลี่ยนสีไปมา รังสีอันตรายที่รุนแรงนี้ทำให้เขาลืมเลือนเรื่องความหมายของการต่อสู้ไปจนหมดสิ้น เพราะเทพวัวตรงหน้านี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่กระบวนเวทเลยสักนิด เป็นเพราะเจ้าเทพวัวตัวเป็นๆ ในตำนานที่สามารถบดขยี้จักรวาล ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าตัวนี้

เมื่อมองจากไกลๆ เทพวัวที่บ้าคลั่ง เงาร่างอันน่าสะพรึง หนึ่งพุ่งชน หนึ่งลังเลถอยหนี เรื่องแพ้ชนะ แข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่จำเป็นต้องขบคิดอีกต่อไป!

วินาทีถัดมา เทพวัวที่บ้าคลั่งและจองหองก็พุ่งประสานกับเงาบรรพชนที่เซี่ยอวิ๋นเถิงสร้างขึ้น เรือบินสั่นสะเทือนถึงขั้นเกิดรอยร้าว เกิดหลุมกินบริเวณกว้างในจักรวาล มวลพลังบ้าคลั่งนี้แผ่กระจายออกมาพร้อมกับเสียงกัมปนาท เสียงระเบิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด

เงาบรรพชนของเซี่ยอวิ๋นเถิงไม่สามารถยืนหยัดต่อได้แม้เพียงอึดใจ ระเบิดแตกออกในพริบตา เผยร่างเซี่ยอวิ๋นเถิงที่สีหน้าซีดขาวอยู่ด้านในตามด้วยเลือดสดๆ ที่พุ่งออกมา นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวและหวาดผวาอย่างไม่เคยเป็น และในขณะที่ขวัญผวาอยู่นี้ดันปรากฏร่างเทพวัวขึ้นเต็มตา!

“ไม่!!”

เซี่ยอวิ๋นเถิงโหยหวน คิดจะถอยหนี ทว่าภายใต้การจู่โจมของเทพวัวราวกับว่าเขาได้สูญเสียเรี่ยวแรงไปหมดแล้ว ในช่วงที่ดูคล้ายกำลังจะโดนตัว ในขณะที่กำลังจะสลายเป็นเถ้าถ่าน และในเวลานี้ดารานิรันดร์ผู้พิทักษ์ทั้งแปดได้เคลื่อนเข้ามาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเขา หนึ่งในผู้เฒ่าที่สีหน้าย่ำแย่แต่แววตากลับมั่นคงพลันวาดมือใส่เทพวัวที่พุ่งเข้ามา

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เดิมทีเมื่อเห็นเซี่ยอวิ๋นเถิงอ่อนกำลังลงก็คิดจะเก็บพลังเทพกลับคืน ถึงอย่างไรพวกเขาก็แค่ไม่ถูกขี้หน้ากันเพราะเซี่ยไห่หยาง ไม่ได้มีความแค้นอาฆาตต่อกัน

ทว่าในเวลานี้ดารานิรันดร์กลับยื่นมือเข้ามา หวังเป่าเล่อประกายตาวาววับปล่อยพลังเทพไว้เช่นเดิม ในขณะที่ระเบิดพลังปราณ ดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าด้านหลังก็เคลื่อนหมุนกลายเป็นดาวเคราะห์เต๋าเป็นพลังเสริมหนุนให้แก่เทพวัว ทำให้หว่างคิ้วของเทพวัวพลันปรากฏเงาดาวเคราะห์เต๋าขึ้น พลังเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงกึกก้องก็พุ่งประสานเข้ากับผู้เฒ่าดารานิรันดร์

ขณะที่กำลังโจมตีกัน ผู้เฒ่าชุดดำดวงตาวาววับพลันปลดปล่อยมวลพลังดารานิรันดร์ออกมาจากร่าง วินาทีนี้ราวกับร่างกายเขาได้กลายสภาพเป็นดารานิรันดร์จริงๆ พลังดารานิรันดร์รับมือกับการโจมตีของเทพวัว เสียงคำรนต่ำ บุกจับอย่างคลุ้มคลั่งราวกับจะบดขยี้เทพวัวให้แหลก!

ฉับพลันนั้น ดาวเคราะห์ทั่วไปนับหมื่นที่หลอมรวมเป็นเทพวัวก็ส่งเสียงเปรี๊ยะออกมา ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นดารานิรันดร์!

ทางด้านหวังเป่าเล่อนี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ใบหน้าแดดก่ำ ร่างกายเซถอย ในขณะที่มือขวายกขึ้น เทพวัวที่สร้างจากพลังเทพนั้นก็เปล่งแสงเรืองรองทั่วร่าง แหลกละเอียดกลายเป็นใยไหมจำนวนนับไม่ถ้วน ใยไหมเหล่านี้ก็เป็นพลังแห่งกฎเช่นกัน กฎแห่งไหมของเซี่ยอวิ๋นเถิง!

สถานการณ์นี้เกินกว่าใครจะคาดคิด ผู้เฒ่าดารานิรันดร์ก็อึ้งไปเช่นกัน สายตาจับจ้องอยู่ที่เทพวัวใยไหมที่หลบหลีกฝ่ามือของตนอย่างว่องไว นี่ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงดารานิรันดร์อีกทั้งไม่ใช่แค่ดารานิรันดร์ระดับต้นแต่เป็นขั้นดารานิรันดร์ระดับกลาง

พลังปราณระดับนี้กลับปล่อยให้สัตว์พลังเทพจากระดับดาวพระเคราะห์หลุดรอดไปได้ ดวงตาเขาเผยแววกรุ่นโกรธ แค่นเสียงอย่างเย็นชาพร้อมวาดมือขวาขึ้นเตรียมจับอีกครั้ง ส่วนดารานิรันดร์คนอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด อย่างไรก็เป็นถึงระดับดารานิรันดร์ ประมือกับระดับดาวพระเคราะห์ แค่คนเดียวก็พอแล้ว ยิ่งลงมือหลายคนก็ยิ่งเสียหน้าเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าอย่างไร…หวังเป่าเล่อตรงหน้านี้ก็ไม่ใช่คนไร้ที่มาที่ไป

ทว่าพริบตาต่อมา ผู้เฒ่าที่กำลังลงมือผู้นี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ชักมือขวากลับอย่างรวดเร็ว เมื่อมองดูก็สังเกตเห็นว่าในเวลานี้มือขวาของตนได้กลายเป็นกระดาษในพริบตา

แม้เขาจะใช้พลังปราณจัดการสถานการณ์อย่างเต็มที่ แต่เมื่อชะงักไปชั่วครู่ก็ทำให้เทพวัวใยไหมของหวังเป่าเล่อกลับมาอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว หลอมรวมเข้าร่างอย่างรวดเร็ว!

ภาพนี้ทำให้ผู้ที่เฝ้าชมทั้งหลายต่างสูดลมหายใจลึกรวมทั้งเซี่ยไห่หยางก็เช่นกัน ไร้ข้อกังขา…การประมือง่ายๆ ของหวังเป่าเล่อกับผู้เฒ่าดารานิรันดร์ผู้นั้นจนล่าถอย นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อพอแล้ว

ณ จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์กับระดับดาวพระเคราะห์นั้นราวกับหุบเหว ไม่เคยมีผู้ใดก้าวข้ามมาก่อน เพราะมันคนละระดับกันน่ะสิ

กระทั่งผู้เฒ่าดารานิรันดร์ผู้นั้นยังหรี่ตาลง จ้องหวังเป่าเล่อไม่วางตา ในช่วงที่จิตใจกำลังสั่นไหวอยู่นั้นก็เห็นด้านหลังของหวังเป่าเล่อที่ ณ เวลานี้จู่ๆ ก็ปรากฏเงาร่างระดับดารานิรันดร์แปดคนออกมา!

“ข้ารับใช้เฒ่าตระกูลเซี่ย การต่อสู้ระหว่างนายน้อย เจ้าจะยื่นมือช่วยก็พอทำเนา แต่คิดจะทำลายเทพวัวของนายน้อยข้าแบบนี้ นับว่าเกินกว่าเหตุ เจ้าต้องมีคำอธิบายให้ดาราจักรไฟของข้า!” ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งอารยธรรมวิญญาณเพลิง หนึ่งในแปดดารานิรันดร์พูดเรียบๆ

……………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset