คราวหน้า เลือกข้า? หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง พิจารณาประโยคนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งเขาคิดมากเท่าไร ความกังวลที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในหัวใจของเขามากขึ้นเท่านั้น
เพราะตามความเข้าใจทั่วไป สิ่งที่เรียกว่าคราวหน้าอาจเป็นการกลับชาติมาเกิดหลังจากตัวเองตายในชาติที่แล้ว แต่ก็เป็นไปได้เช่นกัน…ว่าบางทีอาจจะเป็นยุคต่อไป นั่นคือ…ตอนนี้!
ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นพลังเทพวิเศษบางอย่างหรือบางทีประโยคนี้อาจไม่ได้มีความหมายจริงๆ
เป็นเพราะขอบเขตของความเข้าใจนั้นใหญ่และกว้างเกินไป หวังเป่าเล่อจึงคิดไม่ออก ท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงฝังมันไว้ในหัวใจของเขา ทว่าภาพมือนั้นได้ประทับอยู่ในใจของเขาอย่างแน่นหนาและไม่สามารถลบล้างได้
ไม่นานหลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ ดวงตาของเขาก็พลันหดตัว
เขาสังเกตเห็นว่าค่ายกลที่เขาวางไว้นอกร่างกายถูกกระตุ้น ในขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงวิกฤติที่เขาสัมผัสได้ก่อนที่จะจมเข้าสู่ชาติก่อน
“มีคนมา…” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขายืนขึ้นและยกมือขึ้นดันไปข้างหน้า ม่านแสงป้องกันซึ่งเดิมโปร่งใสและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในทันที หลังจากเขารับรู้ ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นว่าใครมา แต่เขาก็สามารถเข้าใจฐานการฝึกฝนของผู้ที่มาได้ ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบได้ว่าเวลาที่เขาจมดิ่งสู่ชาติก่อนน่าจะประมาณ 10 ชั่วยาม
“ดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักร…พยายามโจมตีข้า? แต่โดนค่ายกลของข้าสกัดไว้…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดและมองเห็นความแปลกประหลาดในเรื่องนี้
เพราะการจมดิ่งสู่ชาติก่อนมาพร้อมกับคำพูดนั้นที่ผุดขึ้นในทันใด หากมีเพียงเขาที่ได้ยินก็ดี แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดนั้นไม่ได้พูดกับเขาแค่คนเดียว ผู้ทดสอบพลังฝึกปรือในหมอกทุกคนต่างได้ยินและจมดิ่งเข้าไป
แต่ในตอนนั้นเองใครบางคนสามารถต้านทานพลังนี้และออกไปฉวยโอกาสลงมือได้ ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหาร แต่ก็ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ใช่การฆ่า แต่เป็นการปล้นชิงแสงแห่งการดึง
“พวกที่ใช้วิธีนี้ได้…ต้องระวังไว้ ตำแหน่งของข้าถูกเปิดเผย หากอีกฝ่ายมีความคิดอื่น ข้าก็ไม่ปลอดภัยแล้ว” ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกายเย็นยะเยือก โดยปกติด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในปัจจุบัน เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้
แต่หากครั้งหน้าเขาจมลงสู่ชาติก่อนและคู่ต่อสู้มาถึง เขาทำได้แค่พึ่งพาค่ายกลเพื่อป้องกันเท่านั้น หากมีบางอย่างผิดพลาด ผลที่ตามมาก็ไม่อาจมองข้ามได้
“ออกไปตามหาอย่างนั้นหรือ? ความเป็นไปได้ที่จะสังหารอีกฝ่ายได้นั้น… เพราะข้าไม่รู้ว่ามันคือใคร ดังนั้นข้าควรเปลี่ยนที่และรับรู้ชาติก่อนต่อไปหรือไม่นะ” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของเขาเคลื่อนตัวตรงไปยังขอบไอหมอกและไม่ได้หยุดลง เขาเคลื่อนตัวไปรอบๆ พื้นที่อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกไปไกลเกินไป แต่เขาก็ยังเห็นผู้ทดสอบอยู่บ้าง บ้างยังไม่ตื่นจากชาติก่อน บ้างอยู่ในสายหมอกและต่างรับรู้ถึงกันและกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ว่างซึ่งควรจะมีผู้ทดสอบอยู่ แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาออกไปทำแบบเดียวกันหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันและสูญเสียสิทธิ์ไป.ไอรีนโนเวล.
ขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามของการต่อสู้ดังมาจากที่ไกลๆ เป็นที่แน่ชัดว่าคนที่จมดิ่งสู่ชาติแรกได้ตื่นขึ้นแล้ว และพวกเขาคงจะได้รับมามากและเริ่มต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงแสงแห่งการดึง
แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น ระยะที่หวังเป่าเล่อกำลังค้นหาอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเมื่อเทียบกับหมอกขาวทั้งหมด ภายในระยะหมอกที่ไกลออกไปกำลังเกิดการต่อสู้อยู่ แทบทุกๆ เวลาหนึ่งก้านธูปจะมีผู้ทดสอบจำนวนมากที่สูญเสียแสงแห่งการดึงไปและสูญเสียสิทธิที่จะทดสอบต่อไป ร่างของพวกเขาถูกส่งออกไปในชั่วพริบตา
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นการแข่งขันด้วยตาของเขาเอง แต่ตลอดทางที่ผ่านมาในใจหวังเป่าเล่อก็คาดเดาได้ถึงเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” หลังจากหวังเป่าเล่อครุ่นคิด เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนพื้นที่ หลังจากกลับมายังพื้นที่ของตัวเอง เขายังคงนั่งขัดสมาธิเงียบๆ รอเวลาให้ชาติที่สองเริ่มต้นขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งทางกายภาพที่พุ่งทะยาน
นอกจากนี้ในมือขวาของเขายังมีดาบเล่มเล็กยาวหนึ่งชุ่น แม้ว่าดาบเล่มนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ไม่ใช่ของทั่วไป มันเป็นของขวัญจากศิษย์พี่ของหวังเป่าเล่อ มีความคมมากและสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดได้ด้วยการใช้เคล็ดเวทผนึก
เมื่อถูกหวังเป่าเล่อกำไว้ในมือเช่นนี้ บุคคลภายนอกจึงไม่อาจมองเห็นได้ หวังเป่าเล่อค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งทางกายภาพ เวลาผ่านไปเนิบช้า และสองชั่วยามก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อถึงเวลาหนึ่ง เสียงของคนรับใช้เฒ่าที่อยู่ถัดจากเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ก็ดังก้องขึ้นในหมอกสีขาวทันที
“วันที่สอง ชาติที่สอง!”
ทันทีที่เสียงดังขึ้น แรงฉุดดึงแบบเดิมก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง และแสงสีขาวบนร่างของหวังเป่าเล่อก็พลันส่องสว่าง ขณะเดียวกัน หมอกโดยรอบก็หมุนเวียนรอบตัวเขา ทำให้หวังเป่าเล่อราวกับจมดิ่งลงไปอย่างต่อเนื่องและรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า
หวังเป่าเล่อหายใจถี่กระชั้นและจิตใจของเขาก็ยกระดับขึ้นอย่างเต็มที่ ฐานการฝึกฝนของเขาไหลเวียนต่อต้านความรู้สึกที่กำลังจมดิ่งลง ถึงแม้จะได้ผล แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เมื่อเห็นว่าตนไม่สามารถต้านทานได้ เขาก็สะบัดมือขวาอย่างแรง!
จู่ๆ ก็มีความรู้สึกเจ็บออกมาจากฝ่ามือนั้น แต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ในตอนนั้นเองหากเป็นไปตามที่คาดไว้ หากเขาไม่เตรียมตัวไว้ก็คงจมดิ่งสู่ชาติก่อนไปแล้ว รอบตัวเขายังปกติ ไม่ได้มีเงาร่างอะไรปรากฏขึ้น
อันที่จริงนี่คือแผนของหวังเป่าเล่อ ในเมื่อเขาไม่พบอันตรายที่คุกคามความปลอดภัยของเขาตอนที่ออกไปตามหา เขาจึงตื่นขึ้นและใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย ทำเหมือนจมดิ่งสู่ชาติก่อน แต่ความจริงกำลังรอให้ใครสักคนปรากฏกาย
ทว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเงาร่างใดปรากฏขึ้น กลับกันพลังดึงเข้าชาติก่อนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้หวังเป่าเล่อลังเลใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็สะบัดมือขวาอีกครั้งเพื่อแทงดาบเล่มเล็กในฝ่ามือให้เสียดลึกขึ้น ใช้ความเจ็บปวดรุนแรงนี้หลอมรวมเข้ากับฐานการฝึกฝนของตน หลังจากที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพพุ่งสูง การควบคุมเล็กน้อยของร่างกายได้บิดเบือนอวัยวะภายในทั้งห้าเพื่อแลกกับความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม ทำให้เขายังมีสติสัมปชัญญะ และต่อต้านพลังดึงให้จมลงสู่ชาติก่อน
เวลา… ผันผ่านอีกครา และผ่านไปมากกว่า 30 อึดใจอย่างรวดเร็ว พลังดึงเข้าสู่ชาติก่อนก็ดูเหมือนจะเกินขีดจำกัดไปแล้ว มันอ่อนกำลังลงโดยพลัน หวังเป่าเล่อมีลางสังหรณ์ว่าเมื่อแรงดึงหายไปอย่างสมบูรณ์ และหากเขายังต่อต้านก็จะพลาดการเข้าสู่ชาติก่อนในครั้งนี้!
ตอนนั้นเองที่เขาลังเลอีกครั้ง ในสายหมอกโดยรอบก็มีเงาทั้งเก้าเงาพุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงาเดิมแต่กลับมีพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
อีกทั้งยังมีถึงเก้าเงาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเตรียมการมาอย่างดี เงาทั้งเก้าพุ่งออกมาจากหมอกตรงไปยังหวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางจากทั้งเก้าทิศทางพร้อมกับเสียงดังสนั่น
มันเร็วมาก พริบตาเดียวก็ใกล้เข้ามาแล้ว อีกทั้งยังมีเสียงทุ้มลึกดังออกมาจากเงามืดทั้งเก้านี้พร้อมกัน
“กระแทก!”
ทันทีที่เอ่ย เงาทั้งเก้าก็กลายเป็นชายชุดดำเก้าคน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยกมือขวาขึ้นและกดลงไปรอบๆ หวังเป่าเล่อ ทันใดนั้นค่ายกลก็ส่องแสง
ชายชุดดำทั้งเก้าคาดการณ์ถึงม่านแสงนี้มาก่อนจึงยังคงพุ่งเข้าไป ม่านแสงพลันบิดเบี้ยว ร่างสีดำทั้งเก้ากระเด็นออกไปอีกครั้ง ทว่า…พลังเทพที่ร่างสีดำทั้งเก้าใช้ สัมพันธ์กับการกระแทกจึงผ่านค่ายกลเข้าไปได้บางส่วน!
ดังนั้นถึงแม้พวกมันจะกระเด็นออกไป แต่เงาดำทุกเงาล้วนมีพลังบางส่วนเจาะเข้าไปได้กลายเป็นหมอกดำ สุดท้ายเมื่อเงาดำทั้งเก้าแตกสลาย ในค่ายกลหมอกดำที่เจาะทะลุเข้ามาพลันรวมตัวกันอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อกลายเป็นนิ้วมือและทิ่มไปยังหว่างคิ้วของเขาอย่างแรง!
“หวังเป่าเล่อ ดาวเคราะห์เต๋าของเจ้า…ข้าต้องการมัน!”
เสียงของความโลภดังก้องกังวานอยู่ในความมืดมิด จู่ๆ หวังเป่าเล่อที่หลับตานั่งขัดสมาธิคล้ายกำลังจมลงสู่ชาติก่อนก็พลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเผยความเยือกเย็นและเจตนาฆ่า มือขวาของเขายกขึ้นคว้านิ้วมือตรงหน้า!
ต่อให้นิ้วนั่นจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดออกไปได้!
“เจ้า…” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเบา เมื่อมีเสียงที่ไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังคมชัดดังออกมาจากนิ้วนั่น
“รอเจ้ามานาน!” ทันทีที่เอ่ย หวังเป่าเล่อก็คว้ามือขวาของนิ้วนั้นไว้และบีบมันอย่างดุเดือด!
………………………………………………………….
คราวหน้า เลือกข้า? หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง พิจารณาประโยคนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งเขาคิดมากเท่าไร ความกังวลที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในหัวใจของเขามากขึ้นเท่านั้น
เพราะตามความเข้าใจทั่วไป สิ่งที่เรียกว่าคราวหน้าอาจเป็นการกลับชาติมาเกิดหลังจากตัวเองตายในชาติที่แล้ว แต่ก็เป็นไปได้เช่นกัน…ว่าบางทีอาจจะเป็นยุคต่อไป นั่นคือ…ตอนนี้!
ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นพลังเทพวิเศษบางอย่างหรือบางทีประโยคนี้อาจไม่ได้มีความหมายจริงๆ
เป็นเพราะขอบเขตของความเข้าใจนั้นใหญ่และกว้างเกินไป หวังเป่าเล่อจึงคิดไม่ออก ท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงฝังมันไว้ในหัวใจของเขา ทว่าภาพมือนั้นได้ประทับอยู่ในใจของเขาอย่างแน่นหนาและไม่สามารถลบล้างได้
ไม่นานหลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ ดวงตาของเขาก็พลันหดตัว
เขาสังเกตเห็นว่าค่ายกลที่เขาวางไว้นอกร่างกายถูกกระตุ้น ในขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงวิกฤติที่เขาสัมผัสได้ก่อนที่จะจมเข้าสู่ชาติก่อน
“มีคนมา…” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขายืนขึ้นและยกมือขึ้นดันไปข้างหน้า ม่านแสงป้องกันซึ่งเดิมโปร่งใสและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในทันที หลังจากเขารับรู้ ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นว่าใครมา แต่เขาก็สามารถเข้าใจฐานการฝึกฝนของผู้ที่มาได้ ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบได้ว่าเวลาที่เขาจมดิ่งสู่ชาติก่อนน่าจะประมาณ 10 ชั่วยาม
“ดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักร…พยายามโจมตีข้า? แต่โดนค่ายกลของข้าสกัดไว้…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดและมองเห็นความแปลกประหลาดในเรื่องนี้
เพราะการจมดิ่งสู่ชาติก่อนมาพร้อมกับคำพูดนั้นที่ผุดขึ้นในทันใด หากมีเพียงเขาที่ได้ยินก็ดี แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดนั้นไม่ได้พูดกับเขาแค่คนเดียว ผู้ทดสอบพลังฝึกปรือในหมอกทุกคนต่างได้ยินและจมดิ่งเข้าไป
แต่ในตอนนั้นเองใครบางคนสามารถต้านทานพลังนี้และออกไปฉวยโอกาสลงมือได้ ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหาร แต่ก็ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ใช่การฆ่า แต่เป็นการปล้นชิงแสงแห่งการดึง
“พวกที่ใช้วิธีนี้ได้…ต้องระวังไว้ ตำแหน่งของข้าถูกเปิดเผย หากอีกฝ่ายมีความคิดอื่น ข้าก็ไม่ปลอดภัยแล้ว” ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกายเย็นยะเยือก โดยปกติด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในปัจจุบัน เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้
แต่หากครั้งหน้าเขาจมลงสู่ชาติก่อนและคู่ต่อสู้มาถึง เขาทำได้แค่พึ่งพาค่ายกลเพื่อป้องกันเท่านั้น หากมีบางอย่างผิดพลาด ผลที่ตามมาก็ไม่อาจมองข้ามได้
“ออกไปตามหาอย่างนั้นหรือ? ความเป็นไปได้ที่จะสังหารอีกฝ่ายได้นั้น… เพราะข้าไม่รู้ว่ามันคือใคร ดังนั้นข้าควรเปลี่ยนที่และรับรู้ชาติก่อนต่อไปหรือไม่นะ” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของเขาเคลื่อนตัวตรงไปยังขอบไอหมอกและไม่ได้หยุดลง เขาเคลื่อนตัวไปรอบๆ พื้นที่อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกไปไกลเกินไป แต่เขาก็ยังเห็นผู้ทดสอบอยู่บ้าง บ้างยังไม่ตื่นจากชาติก่อน บ้างอยู่ในสายหมอกและต่างรับรู้ถึงกันและกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ว่างซึ่งควรจะมีผู้ทดสอบอยู่ แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาออกไปทำแบบเดียวกันหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันและสูญเสียสิทธิ์ไป.ไอรีนโนเวล.
ขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามของการต่อสู้ดังมาจากที่ไกลๆ เป็นที่แน่ชัดว่าคนที่จมดิ่งสู่ชาติแรกได้ตื่นขึ้นแล้ว และพวกเขาคงจะได้รับมามากและเริ่มต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงแสงแห่งการดึง
แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น ระยะที่หวังเป่าเล่อกำลังค้นหาอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเมื่อเทียบกับหมอกขาวทั้งหมด ภายในระยะหมอกที่ไกลออกไปกำลังเกิดการต่อสู้อยู่ แทบทุกๆ เวลาหนึ่งก้านธูปจะมีผู้ทดสอบจำนวนมากที่สูญเสียแสงแห่งการดึงไปและสูญเสียสิทธิที่จะทดสอบต่อไป ร่างของพวกเขาถูกส่งออกไปในชั่วพริบตา
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นการแข่งขันด้วยตาของเขาเอง แต่ตลอดทางที่ผ่านมาในใจหวังเป่าเล่อก็คาดเดาได้ถึงเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” หลังจากหวังเป่าเล่อครุ่นคิด เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนพื้นที่ หลังจากกลับมายังพื้นที่ของตัวเอง เขายังคงนั่งขัดสมาธิเงียบๆ รอเวลาให้ชาติที่สองเริ่มต้นขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งทางกายภาพที่พุ่งทะยาน
นอกจากนี้ในมือขวาของเขายังมีดาบเล่มเล็กยาวหนึ่งชุ่น แม้ว่าดาบเล่มนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ไม่ใช่ของทั่วไป มันเป็นของขวัญจากศิษย์พี่ของหวังเป่าเล่อ มีความคมมากและสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดได้ด้วยการใช้เคล็ดเวทผนึก
เมื่อถูกหวังเป่าเล่อกำไว้ในมือเช่นนี้ บุคคลภายนอกจึงไม่อาจมองเห็นได้ หวังเป่าเล่อค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งทางกายภาพ เวลาผ่านไปเนิบช้า และสองชั่วยามก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อถึงเวลาหนึ่ง เสียงของคนรับใช้เฒ่าที่อยู่ถัดจากเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ก็ดังก้องขึ้นในหมอกสีขาวทันที
“วันที่สอง ชาติที่สอง!”
ทันทีที่เสียงดังขึ้น แรงฉุดดึงแบบเดิมก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง และแสงสีขาวบนร่างของหวังเป่าเล่อก็พลันส่องสว่าง ขณะเดียวกัน หมอกโดยรอบก็หมุนเวียนรอบตัวเขา ทำให้หวังเป่าเล่อราวกับจมดิ่งลงไปอย่างต่อเนื่องและรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า
หวังเป่าเล่อหายใจถี่กระชั้นและจิตใจของเขาก็ยกระดับขึ้นอย่างเต็มที่ ฐานการฝึกฝนของเขาไหลเวียนต่อต้านความรู้สึกที่กำลังจมดิ่งลง ถึงแม้จะได้ผล แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เมื่อเห็นว่าตนไม่สามารถต้านทานได้ เขาก็สะบัดมือขวาอย่างแรง!
จู่ๆ ก็มีความรู้สึกเจ็บออกมาจากฝ่ามือนั้น แต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ในตอนนั้นเองหากเป็นไปตามที่คาดไว้ หากเขาไม่เตรียมตัวไว้ก็คงจมดิ่งสู่ชาติก่อนไปแล้ว รอบตัวเขายังปกติ ไม่ได้มีเงาร่างอะไรปรากฏขึ้น
อันที่จริงนี่คือแผนของหวังเป่าเล่อ ในเมื่อเขาไม่พบอันตรายที่คุกคามความปลอดภัยของเขาตอนที่ออกไปตามหา เขาจึงตื่นขึ้นและใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย ทำเหมือนจมดิ่งสู่ชาติก่อน แต่ความจริงกำลังรอให้ใครสักคนปรากฏกาย
ทว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเงาร่างใดปรากฏขึ้น กลับกันพลังดึงเข้าชาติก่อนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้หวังเป่าเล่อลังเลใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็สะบัดมือขวาอีกครั้งเพื่อแทงดาบเล่มเล็กในฝ่ามือให้เสียดลึกขึ้น ใช้ความเจ็บปวดรุนแรงนี้หลอมรวมเข้ากับฐานการฝึกฝนของตน หลังจากที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพพุ่งสูง การควบคุมเล็กน้อยของร่างกายได้บิดเบือนอวัยวะภายในทั้งห้าเพื่อแลกกับความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม ทำให้เขายังมีสติสัมปชัญญะ และต่อต้านพลังดึงให้จมลงสู่ชาติก่อน
เวลา… ผันผ่านอีกครา และผ่านไปมากกว่า 30 อึดใจอย่างรวดเร็ว พลังดึงเข้าสู่ชาติก่อนก็ดูเหมือนจะเกินขีดจำกัดไปแล้ว มันอ่อนกำลังลงโดยพลัน หวังเป่าเล่อมีลางสังหรณ์ว่าเมื่อแรงดึงหายไปอย่างสมบูรณ์ และหากเขายังต่อต้านก็จะพลาดการเข้าสู่ชาติก่อนในครั้งนี้!
ตอนนั้นเองที่เขาลังเลอีกครั้ง ในสายหมอกโดยรอบก็มีเงาทั้งเก้าเงาพุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงาเดิมแต่กลับมีพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
อีกทั้งยังมีถึงเก้าเงาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเตรียมการมาอย่างดี เงาทั้งเก้าพุ่งออกมาจากหมอกตรงไปยังหวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางจากทั้งเก้าทิศทางพร้อมกับเสียงดังสนั่น
มันเร็วมาก พริบตาเดียวก็ใกล้เข้ามาแล้ว อีกทั้งยังมีเสียงทุ้มลึกดังออกมาจากเงามืดทั้งเก้านี้พร้อมกัน
“กระแทก!”
ทันทีที่เอ่ย เงาทั้งเก้าก็กลายเป็นชายชุดดำเก้าคน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยกมือขวาขึ้นและกดลงไปรอบๆ หวังเป่าเล่อ ทันใดนั้นค่ายกลก็ส่องแสง
ชายชุดดำทั้งเก้าคาดการณ์ถึงม่านแสงนี้มาก่อนจึงยังคงพุ่งเข้าไป ม่านแสงพลันบิดเบี้ยว ร่างสีดำทั้งเก้ากระเด็นออกไปอีกครั้ง ทว่า…พลังเทพที่ร่างสีดำทั้งเก้าใช้ สัมพันธ์กับการกระแทกจึงผ่านค่ายกลเข้าไปได้บางส่วน!
ดังนั้นถึงแม้พวกมันจะกระเด็นออกไป แต่เงาดำทุกเงาล้วนมีพลังบางส่วนเจาะเข้าไปได้กลายเป็นหมอกดำ สุดท้ายเมื่อเงาดำทั้งเก้าแตกสลาย ในค่ายกลหมอกดำที่เจาะทะลุเข้ามาพลันรวมตัวกันอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อกลายเป็นนิ้วมือและทิ่มไปยังหว่างคิ้วของเขาอย่างแรง!
“หวังเป่าเล่อ ดาวเคราะห์เต๋าของเจ้า…ข้าต้องการมัน!”
เสียงของความโลภดังก้องกังวานอยู่ในความมืดมิด จู่ๆ หวังเป่าเล่อที่หลับตานั่งขัดสมาธิคล้ายกำลังจมลงสู่ชาติก่อนก็พลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเผยความเยือกเย็นและเจตนาฆ่า มือขวาของเขายกขึ้นคว้านิ้วมือตรงหน้า!
ต่อให้นิ้วนั่นจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดออกไปได้!
“เจ้า…” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเบา เมื่อมีเสียงที่ไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังคมชัดดังออกมาจากนิ้วนั่น
“รอเจ้ามานาน!” ทันทีที่เอ่ย หวังเป่าเล่อก็คว้ามือขวาของนิ้วนั้นไว้และบีบมันอย่างดุเดือด!
………………………………………………………….