หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 1056 บดขยี้!

เพียงแต่…เขาไม่ได้เสียใจนานนัก ในพริบตาความผันผวนที่น่าประหลาดก็ส่งมาจากระยะไกล และเข้ามาใกล้ในทันที ก่อนที่เฉินหานจะได้ต่อต้าน คลื่นยักษ์ก็อัดเข้าใส่ราวกับยอดภูเขา

มันคือฝ่ามือยักษ์ราวกับจะบดบังฟ้าดินได้มิดตรงเข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ เฉินหานล็อคพื้นที่ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทั้งหมด และตบลงไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาต่อสู้แม้แต่น้อย!

แผ่นดินสั่นสะเทือน หมอกพลิกม้วนกระจายไปทั่วบริเวณจนพื้นที่ที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่เปิดออกเป็นบริเวณกว้าง

บนผืนดินที่ว่างเปล่านี้มีฝ่ามือที่สลายไปอย่างรวดเร็ว ใต้ฝ่ามือนั้นพื้นดินเต็มไปด้วยรอยแตกนับไม่ถ้วนราวกับใยแมงมุม ในรอยแตกนั้นยังมีเศษซากเลือดเนื้อที่ถูกบดขยี้

“ยังไม่ใช่ร่างจริงอีกหรือ” น้ำเสียงเย็นเยียบดังก้องไปทั่วบริเวณพร้อมกับฝ่ามือที่สลายไป สิ่งที่ตาเปล่ามองเห็นคือฝ่ามือที่สลายไปนั้นรวมตัวกันกลายเป็นร่างคนร่างหนึ่ง

นั่นคือหวังเป่าเล่อ!

“สมแล้วที่เป็นตาแก่หนังเหนียว!” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง และหลังจากสัมผัสได้อีกครั้ง เขาก็สังเกตเห็นความผันผวนของคำสาปตนเอง เพียงแต่ครั้งนี้อ่อนแรงกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังช่วยให้หวังเป่าเล่อระบุตำแหน่งได้ในทันที

“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะแยกร่างไปได้อีกสักกี่ครั้ง!” หวังเป่าเล่อพ่นลมอย่างเย็นชา ตอนนี้เขามีเวลาเพียงพอ ดังนั้นสำหรับเฉินหานผู้นี้ที่กล้าลอบโจมตีเขาถึงสองครา จิตสังหารเขาจึงแรงกล้าและออกไล่ล่ามันอีกครั้ง!

ในเวลาเดียวกันภายในหมอกที่ห่างจากหวังเป่าเล่อประมาณหนึ่ง เฉินหานที่ถูกหวังเป่าเล่อล็อกเป้าหมายกำลังควบหนี ใบหน้าซีดขาว ดวงตาหวาดผวา ลมหายใจกระสับกระส่าย ร่างกายสั่นเทิ้มและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“นี่มันเร็วเกินไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วมันต้องพบร่างจริงของข้าแน่ ไอ้เวรนี่!” เฉินหานร้อนใจ แต่เขากลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไม่ว่าจะชั่งน้ำหนักอย่างไร ตนก็ไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวนี้ได้

ร่างแยกของเขามีพลังต่อสู้ของดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อกลับถูกตบตายในฝ่ามือเดียว สิ่งที่ทำให้เขายิ่งตกใจคือความเร็วของมัน…

ความคิดหลากหลายยังคงวนเวียนอยู่ในหัว และก่อนที่เขาจะคิดหาวิธีตอบโต้ได้ ภายในหมอกด้านหลังพลันมีพลังบีบเค้นสะเทือนฟ้าดินส่งมาอีกครั้ง

“บ้าเอ้ย เร็วกว่าเดิมอีก!!” เฉินหานกรีดร้อง ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกรอบ แต่ยังไม่ทันได้หลบ ชั่วอึดใจต่อมา…ก็ถูกร่างที่พุ่งออกมาจากหมอกข้างหลังอย่างรวดเร็วกระแทกเสียงดังสนั่น และร่างของเขาก็แตกสลาย

แต่เห็นได้ชัดว่าร่างที่แตกสลายไปนี้ยังไม่ใช่ร่างจริง หลังจากร่างแยกนี้ตาย หวังเป่าก็สัมผัสได้ถึงทิศทางที่ร่างของอีกฝ่ายอีกร่างหนึ่งอยู่ได้อย่างรวดเร็วและไล่ล่าต่อไป!

ในเวลาเพียงสามชั่วยาม ผู้หนึ่งหนี ผู้หนึ่งล่าอยู่ในสายหมอก ร่างแยกของเฉินหานแตกสลายอย่างต่อเนื่อง กระทั่งหวังเป่าเล่อกำจัดไปมากกว่า 50 ร่าง เฉินหานก็ใกล้จะร่ำไห้อยู่รอมร่อ

“บ้าไปแล้ว!”

“วิปริตสุดๆ!!”

“อ๊ากกกกก ข้านี่มันดวงซวยสุดในแปดชั่วอายุคน ดันมายั่วโมโหเจ้าบ้านี่ได้ยังไง!!”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่จำเป็นต้องตามหาให้พบ ร่างแยกถูกทำลายมากเกินกว่าครึ่ง ร่างจริงของข้าก็จะหายไปด้วย!!” เฉินหานกระวนกระวาย แต่ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องหลบหนีต่อไปเพื่อยืดเวลา

ส่วนหวังเป่าเล่อก็เริ่มหมดความอดทนในการไล่ล่าครั้งนี้ แม้วิธีการของอีกฝ่ายจะไม่ซับซ้อน แต่ร่างแยกพวกนี้ก็ยังคงถ่วงเวลาของเขามาก ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก่อนที่ประตูวันที่สาม ชาติที่สามจะเปิดออกแล้ว

“ข้าไม่เชื่อแล้ว!” ดวงตาหวังเป่าเล่อส่องประกายเย็นยะเยือก ทันใดนั้นในร่างกายก็ปรากฏเงาซ้อนทับกัน ร่างแยกแต่ละร่างเดินออกมาจากร่างกายเขาอย่างรวดเร็วและวิ่งไปทุกทิศทาง ขณะเดียวกันร่างจริงของเขาก็ไล่ตามร่างแยกเฉินหานอีกร่างหนึ่งไปทางด้านหน้า

หลังจากร่างแยกนั้นสลายไป หวังเป่าเล่อก็ล็อกเป้าอีกครั้งและไล่ตามอย่างรวดเร็ว ขณะที่ร่างแยกสลายอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ก็ค่อยๆ ผันเปลี่ยน แม้ร่างแยกของเขาจะเดินไปรอบด้านอย่างไร้จุดหมายโดยรักษาระยะห่างจากร่างจริงไว้ แต่ทุกครั้งที่เขาสัมผัสได้ว่าเฉินหานอยู่ตรงไหนก็มักจะมีร่างแยกที่ปรากฏตัวอยู่ใกล้ร่างจริงของเขามากกว่า

ฉะนั้นยิ่งฆ่าได้เร็วก็จะยิ่งทำให้เฉินหานสูญเสียมากขึ้น!

“บัดซบเอ้ย เจ้าบ้านี่ก็มีวิชาแยกร่าง แล้วร่างแยกยังน่ากลัวขนาดนี้อีก!” เฉินหานร้อนใจถึงขีดสุด ตอนนี้เขาสูญเสียร่างแยกไปหลายสิบตัวแล้ว ซึ่งจากที่คำนวณแล้วทุกๆ 100 ลมหายใจจะมีร่างแยกถูกทำลายหนึ่งตัว ความเร็วนี้ทำให้เขาแทบสิ้นหวัง

ร่างกายเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง วิญญาณเทพเริ่มอ่อนแอ ในใจรีบตรวจสอบเวลาที่เหลือก่อนวันที่สามจะมาถึงอย่างกังวล ขณะที่ร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็ฉายความปิติยินดี

“สวรรค์ทรงโปรด!”.Aileen-novel.

ขณะที่เฉินหานตกใจระคนยินดี ร่างจริงของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มความเร็วขึ้น ครั้งนี้เขาสัมผัสได้ว่าวิญญาณสารัตถะของเฉินหานอยู่ใกล้กับร่างจริงมากที่สุด อีกทั้งยังสัมผัสได้ว่าวิญญาณสารัตถะนั้นกำลังตายและอ่อนแอลงเรื่อยๆ ตามการคำนวณของเขา เขาสามารถค้นหาตำแหน่งที่แท้จริงของคู่ต่อสู้ได้มากที่สุดสามถึงห้าครั้ง ดังนั้นหลังจากตรวจพบแล้ว หวังเป่าเล่อก็รีบพุ่งออกไปจนเกิดเสียงหวีดหวิวในหมอก จนกระทั่งในหมอกไกลๆ เขาก็เห็นเงาร่างเจ็ดแปดร่าง!

เงาร่างเจ็ดแปดร่างนี้คือกลุ่มของผู้ทดสอบพลังฝึกปรือกลุ่มหนึ่ง แสงแห่งการดึงบนร่างพวกเขาแต่ละคนแข็งแกร่งมาก เห็นได้ชัดว่าฉกฉวยสิทธิ์ของผู้ทดสอบพลังฝึกปรือมาไม่รู้กี่คนแล้ว และแม้ว่าแต่ละคนจะไม่ใช่มหาศิษย์แห่งเต๋าชั้นยอด แต่ก็ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มีสามคนเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักร ส่วนที่เหลือเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นปลาย และหนึ่งในพวกเขาก็คือเป้าหมายของหวังเป่าเล่อ!

เพียงแต่คราวนี้ร่างแยกของเฉินหานค่อนข้างพิเศษ ไม่เหมือนกับที่เห็นก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับอาศัยอยู่ในร่างของคนอื่นชั่วคราว ซึ่งคนผู้นั้นเป็นผู้หญิงสาวนางหนึ่ง รูปร่างหน้าตางดงาม ยามที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้ามา นางสังเกตเห็นมาก่อนแล้ว ดวงตาเผยความหวาดกลัว รีบถอยร่นไปและเอ่ยขึ้น

“ศิษย์พี่ทุกท่าน คนผู้นี้ไง คนผู้นี้คิดจะทำให้ข้ากลายเป็นเตาหลอมของเขา หากไม่ยินยอมก็จะใช้กำลังบังคับข้า!”

“ผู้มาเยือนหยุดเดี๋ยวนี้!” เมื่อได้ยินสหายของคนกลุ่มนั้นพูด แม้ทั้งเจ็ดแปดคนเหล่านี้จะรู้สึกว่าหวังเป่าเล่อที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วดูคุ้นตาเล็กน้อย แต่เพราะเร็วเกินไป พวกเขาจึงไม่ทันได้พิจารณา ดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรคนหนึ่งในกลุ่มรีบก้าวไปข้างหน้าและพยายามจะหยุดเขา

“ข้าคือหวังเป่าเล่อ กำลังไล่ล่าคนผู้นี้ ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องหลีกไป!!” หวังเป่าเล่อไล่ฆ่าเฉินหานมาเป็นเวลานาน และตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาของวันที่สามชาติที่สามแล้ว เขาไม่อาจเสียเวลาได้อีก ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้น คลื่นเสียงจากเสียงคำรามนั้นเหมือนกับคลื่นยักษ์โถมไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง

ราวกับพายุใหญ่กวาดล้าง สายฟ้าระเบิดออก ดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรผู้นั้นเป็นคนแรกที่ได้รับผลกระทบ เลือดสดพุ่งทะลัก สีหน้าสหายข้างกายแปรเปลี่ยน พวกเขาต่อต้านตามสัญชาตญาณโดยเฉพาะชายหนุ่มที่อยู่ข้างใน หลังจากได้ยินชื่อหวังเป่าเล่อ นัยน์ตาเขาก็ฉายแสงเย็นยะเยือก

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” พูดจบเขาก็หยิบไม้แกะสลักออกมา ก่อนจะกระตุ้นมันอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม้แกะสลักเปล่งแสงคล้ายกับดารานิรันดร์ ก่อนที่แสงแห่งดารานิรันดร์นั้นจะพุ่งมาด้านหน้า

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คนที่ร่างกายแข็งแกร่งอย่างหวังเป่าเล่อก็ยังถูกสกัดไว้ชั่วครู่ ทว่าในพริบตาต่อมาเสียงของหวังเป่าเล่อก็ดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ

“แสงสว่าง!”

พร้อมกันนั้นร่างของหวังเป่าเล่อก็ระเบิดเป็นทะเลแสงสุกสกาวบาดตา ราวกับว่าทั้งร่างได้กลายเป็นแสงสว่างสยบทุกสิ่งทุกอย่าง

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครา เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากทั่วบริเวณ คนที่เข้ามาขวางทั้งหมดต่างกระอักเลือดและล้มกลิ้งกลับไป ชายหนุ่มที่ถือไม้แกะสลักก็เช่นกัน ไม้แกะสลักของเขาแตกกระจายไปในพริบตา ส่วนร่างของเขาก็กระเด็นออกไปพร้อมกับเลือดไหลทะลัก ก่อนจะตกลงพื้นและหมดสติ

ผู้อื่นที่ไม่ได้หมดสติไปต่างตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเผยให้เห็นความตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อทะเลแสงสลายไปแล้ว ร่างของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองไปไกลๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกสกัดไว้ หญิงสาวที่เฉินหานอาศัยร่างชั่วคราวได้ถอยหนีหายไปในหมอกอันไกลโพ้นแล้ว จากการคำนวณเวลา ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแสงเย็นยะเยือก เขารู้แล้วว่าคงไม่ทัน

แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมาก เวลาหลังจากนี้ยังอีกยาวไกล

อย่างไรก็ตามหวังเป่าเล่อไม่คิดจะปล่อยคนเหล่านี้ หากไม่รู้ว่าเขาเป็นใครก็แล้วไป แต่หลังจากที่เขาเอ่ยชื่อตนออกไปแล้ว คนพวกนี้กลับเริ่มสกัดเขา แม้จะเป็นเพราะกฎเกณฑ์ทำให้เขาสังหารอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ยังมีราคาที่จะต้องจ่าย

คนเหล่านี้กำลังตกตะลึง รับรู้ว่าสร้างปัญหาใหญ่เข้าแล้ว ดังนั้นไม่ต้องให้หวังเป่าเล่อเอ่ยปาก พวกเขาแต่ละคนก็รีบขอโทษทันที และเสนอที่จะมอบแสงแห่งการดึงของตนให้

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าหวังเป่าเล่อดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากเก็บแสงแห่งการดึงของพวกเขามาแล้ว เขาก็เหยียบชายหนุ่มถือไม้แกะสลักที่หมดสติ กระทืบกระดูกขาทั้งสองข้างทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะมอบแสงแห่งการดึงให้อย่างสั่นกลัว

หวังเป่าเล่อไม่เอ่ยอะไร เขาหันหลังเดินจากไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนเหล่านั้น ก่อนจะมองหาที่โล่งและเก็บร่างแยกทั้งหมดกลับมา ปล่อยให้พวกมันคุ้มกันตนอยู่รอบๆ และหลังจากที่เขานั่งขัดสมาธิลง ในหัวก็พลันมีเสียงแก่ชราดังขึ้น

“วันที่สาม ชาติที่สาม!”

…………………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset