หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 462 กลับเข้าประจำที่เสีย!

บทที่ 462 กลับเข้าประจำที่เสีย!

ทันทีที่วิญญาณแห่งเรือหลอมรวมเข้ากับผนึกมืดของหวังเป่าเล่อ และก้มหัวคำนับเขา ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ทวีคูณขึ้นในใจชายหนุ่ม ราวกับว่าเขาสามารถชี้เป็นชี้ตายโชคชะตาของวิญญาณแห่งเรือนี้ได้เพียงใจนึก

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมากสำหรับเขา เป็นความรู้สึกเปี่ยมอำนาจเช่นเดียวกันกับที่ชายหนุ่มเคยรู้สึกต่อดวงวิญญาณสามดวงที่เขาได้ชำระบาปให้ระหว่างอยู่ที่สำนักแห่งความมืด

ต่อไปก็วิญญาณชุดคลุมและวิญญาณไม้พาย! เมื่อนึกถึงแรงแค้นของวิญญาณวุธอีกสองดวงที่เหลือ หวังเป่าเล่อก็พ่นลมออกมา ชายหนุ่มที่ขณะนี้ยืนอยู่บนเรือสีดำยกมือขวาของตนขึ้นวาด เพื่อออกคำสั่งให้เรือเคลื่อนที่ไปข้างหน้า กลืนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดมิด ก่อนจะอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เรือลำน้อยโผล่ขึ้นมาอีกครั้งที่ชั้นสามของโลกใต้ดินในลานจัตุรัสสาธารณะกลางเมือง!

ตอนนี้ทั้งชายชราและเด็กชายต่างกระวนกระวายไม่ต่างกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่อจะกลับมาในรูปแบบใดหลังจากที่เข้าถ้ำไป แต่ความอาฆาตแค้นก็ฝังแน่นในจิตใจคนทั้งคู่ไม่รู้คลาย ทั้งสองต้องการสังหารหวังเป่าเล่อ แต่ก็ทำด้วยตนเองไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องเรียกอสูรร้ายจากโลกใต้ดินมาอออยู่ตรงปากทางเข้าถ้ำ เพื่อเฝ้ารอเป้าหมายปรากฏกาย

ทั้งสองพยายามส่งกองทัพอสูรเข้าไปในถ้ำแล้ว แต่ก็มีกำแพงล่องหนกันไว้ไม่ให้ใครย่างกรายเข้าไปได้ ต่อให้ราชครูและเด็กชายเสี่ยวเป่าจะกังวลเพียงใด ก็ทำได้เพียงล้อมปากทางเข้าเอาไว้เท่านั้น

ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อนั้น ผืนฟ้าก็พลันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลมโบกพัดหวีวหวิว เมฆซัดโหมกระหน่ำ สายฟ้าฟาดลงมาไม่ขาดสาย พื้นดินสั่นสะเทือนก่อนยุบตัวลงเป็นหุบเหวเมื่อรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พลังปริศนาระเบิดออกจากรอยแยกนั้น ก่อนก่อตัวขึ้นเป็นพายุร้ายที่พัดขึ้นสู่สวรรค์เบื้องบน ผืนดินที่แตกออกสลายกลายเป็นเศษดินทรายกระจุยกระจายไปในอากาศ อสูรร้ายในบริเวณนั้นต่างพากันกรีดร้องโหยหวน ขณะถูกแรงที่มองไม่เห็นซัดปลิวไปข้างหลัง

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สีหน้าของราชครูและเด็กชายอาบด้วยความตื่นตระหนก เรือสีดำลำใหญ่ลอยออกจากรอยแตกบนพื้น

เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ เรือสีดำที่พุ่งออกจากพื้นโลกนั้นลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายชราและเด็กชาย ทั้งสองเห็นหวังเป่าเล่อที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเรือในทันที!

ความกลัวจับขั้วหัวใจถาโถมเข้าใส่ราชครูและเสี่ยวเป่า พร้อมด้วยความรู้สึกมากมายปนเปกันมั่วไปหมด ความทรงจำเลวร้ายสมัยที่ยังอยู่ในสำนักแห่งความมืดผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ โดยเฉพาะเด็กชายที่ตัวสั่นอย่างรุนแรง แววตาอาบด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต ก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลมน่าขนลุกออกมา

เสียงกรีดร้องนั้นปลุกให้อสูรร้ายที่กำลังถอยร่นกลับมาดุร้ายอีกครั้ง แม้ในใจจะจับด้วยความกลัว แต่อสูรเหล่านั้นก็ตาแดงก่ำ พุ่งเข้าโจมตีหวังเป่าเล่อด้วยความบ้าคลั่ง

“ไอ้พวกโง่อวดดี!” หวังเป่าเล่อพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ดวงตาเย็นเยียบ เพียงแค่คิด เรือสีดำใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เรืองแสงสีดำออกมา แสงนั้นมองดูเหมือนดังคลื่นของอักขราจารึกที่หมุนวนและกวาดล้างออกไปทุกที่

ทุกที่ที่แสงนั้นพาดผ่าน อสูรที่กำลังพุ่งเข้าใส่ด้วยความดุร้ายก็ตัวสั่นเทาก่อนหยุดเคลื่อนไหวไปโดนสิ้นเชิง ไม่ว่าพลังปราณของพวกมันจะอยู่ในระดับใด แต่ตัวตนของมันก็เชื่อมอยู่กับวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสิ้น รังสีมืดที่แผ่ออกจากวัตถุเวทแห่งความมืดนี้ เข้าหลอมรวมกับเลือดและเนื้อ ส่งให้พวกมันกลายพันธุ์เป็นอสูรแห่งความมืด

การกลายพันธุ์นี้ทำให้พวกมันต้านทานอำนาจของวัตถุเวทแห่งความมืดที่หวังเป่าเล่อเป็นเจ้าของไม่ได้ คลื่นอักขราจารึกที่แพร่กระจายออกเป็นวงนั้นมาพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่น สัตว์ร้ายระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ทีละตน เหมือนดอกไม้สีโลหิตที่เบ่งบานสาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ!

หวังเป่าเล่อกำจัดอสูรเหล่านี้ทิ้งเหมือนใบไม้ร่วง ทำให้ดวงตาของเสี่ยวเปาหดแคบลงด้วยความตกใจ แต่เด็กชายก็เป็นคนโหดเหี้ยมน่ากลัว แม้จะรู้ว่าเปลวไฟสีดำในกายของหวังเป่าเล่ออาจทำให้เขาได้รับอันตรายสาหัส แต่เด็กชายก็เลือกที่จะยืนหยัดสู้ต่อให้รู้ดำรู้แดงไปข้าง ราวกับวิญญาณร้ายที่บ้าคลั่งได้สิงสู่เขาไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาของเสี่ยวเป่ากลายเป็นสีแดงฉาน เขาวาดมือเพื่อรวบรวมเศษซากเลือดเนื้อจากอสูรที่สิ้นชีพเข้าหาตน

เลือดสดๆ หยุดเคลื่อนไหวในฉับพลันก่อนไหลมารวมกันเป็นสายธารโลหิต มันพุ่งเข้าหาเด็กชายและไหลวนอยู่รอบกายเขาเหมือนเกราะป้องกันสีแดงฉาน ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป่าจะตั้งใจใช่เกราะโลหิตนี้ป้องกันภัยจากเปลวไฟสีดำของหวังเป่าเล่อ เด็กชายกรีดร้องเตรียมโจมตี ก่อนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายด้วยความเร็วมากสุดเท่าที่ร่างเล็กจะอำนวย!

แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ยี่หระกับเด็กชายตัวน้อยแม้แต่นิดเดียว หากสถานการณ์นี้เกิดก่อนที่เขาจะเข้านิมิตมืด หวังเป่าเล่อคงรับมือความสยองตรงหน้าไม่ไหว แต่ในนิมิตมืด หวังเป่าเล่อพบดวงวิญญาณมากหน้าหลายตาเป็นอาจิณในสำนัก นอกจากนี้ยังได้สัมผัสแสนยานุภาพที่สำนักมีต่อดวงวิญญาณแต่ละดวงด้วยตนเอง เขาจึงไม่รู้สึกเกรงกลัววิญญาณใดๆ อีกต่อไป

หวังเป่าเล่อไม่สนใจดวงวิญญาณของเด็กชายที่กำลังคืบเข้ามาใกล้ เนื่องจากชำระบาปให้เด็กน้อยนี้ด้วยตนเอง

แม้จะเป็นเพียงความทรงจำจากความฝัน แต่เมื่อเขาใส่ผนึกมืดเข้าไปในร่างของเสี่ยวเป่า ความทรงจำของเด็กชายก็จะเปลี่ยนไปในทันที!

ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เขาพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ

“หนวกหูเหลือเกิน!” ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นโบกสะบัด ราวกับกำลังวาดดวงวิญญาณเช่นที่เคยทำในนิมิตมืด หวังเป่าเล่อเริ่มวาดภาพด้วยวิชา… ใบหน้าแห่งซากศพ!

ทันทีที่ชายหนุ่มวาดนิ้ว ดวงวิญญาณของเสี่ยวเป่าที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีก็สั่นสะท้าน พลังที่ยากเกินจะต่อต้านพุ่งผ่านเกราะคุ้มกันโลหิตเข้ามาได้ และประทับลงบนดวงจิตของเสี่ยวเป่า ไม่ต่างอะไรจากปลายพู่กันที่แต่งแต้มลงบนวิญญาณของเด็กชาย!

ตอนนั้นเองปากของเสี่ยวเป่าพลันหายไป เสียงกรีดร้องน่าขนลุกก็เช่นกัน…

เด็กชายตัวสั่นเทาไม่หยุด ดวงตาเอ่อล้นด้วยความพรั่นพรึง หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นโบกอีกครั้ง ทันใดนั้น ร่างครึ่งหนึ่งของเด็กชายก็มลายหายไปราวกับถูกลบทิ้ง!

ตอนนั้นเองอารมณ์ในแววตาของเสี่ยวเป่าก็ก้าวเลยความรู้สึกกลัวไปเป็นตกใจแทบสิ้นสติ ความรู้สึกที่ดวงวิญญาณตนเองโดนฉีกเป็นชิ้นๆ ซึ่งเกือบลืมไปแล้วผุดขึ้นมาจากก้นเหวลึกของความทรงจำอีกครั้ง ราวกับมหาสมุทรแห่งความชั่วร้ายกำลังโหมกระหน่ำให้เขาจมลง เสี่ยวเป่าตัวสั่นงันงก ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ร้องขอความเมตตา

นี่คือพลังที่สำนักแห่งความมืดมีเหนือดวงวิญญาณ และคือพลังที่บุตรแห่งความมืดมีเหนือวิญญาณวุธ อันเป็นเอกเทศจากขั้นปราณโดยสิ้นเชิง แม้หวังเป่าเล่อจะยังมีปราณเพียงขั้นกำเนิดแก่นใน ซึ่งน้อยกว่าขั้นปราณของเสี่ยวเป่านัก แต่เด็กชายก็เป็นเพียงวิญญาณวุธเท่านั้น ตราบใดที่ขั้นปราณของเขายังไม่สูงจนถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องยอมสยบอยู่แทบเท้าหวังเป่าเล่ออยู่ร่ำไป!

“จะไม่คุกเข่าลงหรือ” หวังเป่าเล่อเห็นแววร้องขอความเมตตาในดวงตาเสี่ยวเป่า จึงหยุดขยับนิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

ทันทีที่พูดจบ เด็กชายตัวจ้อยก็คุกเข่าลงกับพื้น แต่ด้วยความที่ร่างครึ่งร่างสลายไป จึงกลายเป็นว่าเขาล้มลงนอนกับพื้นทันทีที่คุกเข่าลง หน้าผากกระแทกพื้นซ้ำไปซ้ำมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุกที่ยอมจำนนราบคาบ

ภาพตรงหน้าทำให้ราชครูที่อยู่ห่างออกไปเพียงนิดเดียวตกใจกลัวแทบสิ้นสติ เขาอุทานลมหายใจสะดุด!

“วิชาใบหน้าซากศพ!” ชายชราตัวสั่นงันงก เขารีบถอยหนีทันทีโดยไม่รีรอ ในใจมีอยู่ความคิดเดียวเท่านั้น คือต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!

ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดว่าจะหนีไปยังที่ใด…

“อยากตายเช่นนั้นหรือ!” หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองชายชราที่กำลังเผ่นหนีด้วยแววตาเย็นเยียบ เขาไม่ได้ใช้วิชาใบหน้าแห่งซากศพต่อ แต่ดวงตาของชายหนุ่มกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งเบ้า ราวกับถูกวาดด้วยหมึกสีดำสนิท!

ทันทีที่ดวงตาของชายหนุ่มมืดมิดลง ดอกบัวแก่นในแห่งความมืดภายในกายของเขาก็เริ่มหมุนวน มือมายาพุ่งพรวดออกจากร่างของชายหนุ่ม!

มือนั้นเป็นสีดำสนิทเช่นกัน การปรากฏของมันทำให้บรรยากาศรอบกายติดลบเยือกแข็ง เด็กชายที่ยังคงคำนับอยู่นั้นตัวสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ความกลัวทวีความรุนแรงขึ้นในนัยน์ตาทั้งสองข้าง

เหล่าอสูรที่ยังไม่ถูกสังหารต่างก็ตัวสั่น มือใหญ่สีดำที่ไหลออกจากร่างของหวังเป่าเล่อพุ่งตรงไปหา… ราชครูชราที่กำลังวิ่งหนีไปไกล!

“หัตถ์สื่อวิญญาณ!” ราชครูกรีดร้อง ดวงตามืดมนด้วยความสิ้นหวังขณะพยายามหนี แต่ก็ไม่เป็นผล หัตถ์สื่อวิญญาณคืบเข้าใกล้และคว้าร่างของเขาเอาไว้ ชายชราพยายามดิ้นหนีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หัตถ์นั้นโยนร่างของเขาเข้ามาในเรือของหวังเป่าเล่อ!

หวังเป่าเล่อมองร่างราชครูเฒ่าที่หัตถ์สื่อวิญญาณจับมาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะมองเด็กชายที่ยังคงคำนับอยู่เหมือนตุ๊กตาล้มลุก ชายหนุ่มโบกมือขวาเพื่อเรียกผนึกแห่งความมืดอีกสองอันที่เหลือออกมา ประทับตราเข้าไปในวิญญาณของทั้งสอง

วิญญาณวุธทั้งสองสั่นเทาก่อนจะแน่นิ่งลง แววตาโชติช่วงเร่าร้อนขณะความทรงจำถูกสับเปลี่ยน กลายเป็นเรื่องราวที่หวังเป่าเล่อได้ชำระบาปให้ในนิมิตมืด ในที่สุดดวงวิญญาณทั้งสองนี้ก็กลายเป็นวิญญาณวุธของหวังเป่าเล่อโดยสมบูรณ์!

“ไม่กลับเข้าประจำที่หรือ” หวังเป่าเล่อพูดอย่างไร้อารมณ์ ขณะเก็บหัตถ์สื่อวิญญาณกลับเข้าร่าง ราชครูก้าวมาข้างหน้าก่อนเปลี่ยนร่างเป็นชุดคลุมยาวสีดำ มันพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อและเข้าคลุมไหล่ทั้งสองข้างของเขา ทันทีที่ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้น ดวงวิญญาณของเด็กชายก็แปรสภาพเป็นไม้พายตะเกียงสีดำเช่นกัน หวังเป่าเล่อคว้าไม้พายตะเกียงนั้นเอาไว้มั่น!

ทันใดนั้นโลกใต้ดินทั้งใบก็สั่นสะเทือน รวมถึงชั้นหนึ่งและชั้นสองด้วย!

หวังเป่าเล่อสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่บนเรือสีดำ รังสีที่เขาปล่อยออกมาเปลี่ยนไป ในมือถือไม้พายที่มีตะเกียงห้อยอยู่ที่ปลายด้าม ฉายแสงเรืองน่าพิศวง…

หากเจ้าผินฟางอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย เขาคงดีใจจนเนื้อเต้น เพราะหวังเป่าเล่อในตอนนี้ เหมือนเงาในภาพสลักบนผนังไม่มีผิดเพี้ยน จนเรียกได้ว่าเป็นภาพเดียวกันก็ว่าได้!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset