หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1218 ความสำเร็จ
เหนือแม่น้ำลั่ว
หมอกเลือดลอยเคว้างคว้าง ทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบ ราวกับว่าถูกความกลัวที่มองไม่เห็นปกคลุมไปทั่ว
ทุกคนงุนงงเมื่อมองหมอกเลือด หากพวกเขาไม่ได้เห็นกับตาแน่นอนว่าไม่มีทางจะเชื่อว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะถูกฆ่าต่อหน้าเช่นนี้…
นั่นคือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนนะ!
ยอดยุทธ์ของมหาพันภพที่สามารถเป็นชนชั้นสูงแม้แต่ในชนเผ่าโบราณ!
ในบางพื้นที่พวกเขาสามารถเป็นชนชั้นปกครองครอบครองทั้งดินแดนในฐานะผู้ปกครองได้เลย
ทุกคนรู้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทรงพลัง เพราะพลังชีวิตถูกยกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น เมื่อถึงระดับนั้นจุดจื้อจุนไห่จะแตกสลายและวิวัฒนาการหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นแม้ว่าร่างกายส่วนใหญ่ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะถูกทำลาย ตราบใดที่ยังมีพลังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พวกเขาก็จะสามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้
ถ้าต้องการฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ก็ต้องลบพลังที่มีอยู่ในทุกอณูทิ้งออกไป!
นี่เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุความสำเร็จนี้ เว้นแต่ว่าเป็นการปราบปรามสมบูรณ์
สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะสังหารจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ยิ่งยากขึ้นไปใหญ่
ทว่าภาพนี้ก็เกิดขึ้นที่เบื้องหน้าสายตาพวกเขา…
เอื๊อก
หลายคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้แต่จอมยุทธ์ตี้จื้อจุนคนอื่นที่แอบสังเกตตระกูลลั่วเสินอยู่ก็รู้สึกหวาดผวาในใจ
บนเจดีย์ที่อยู่ห่างไกลพวกหลิ่วเทียนเต้ามองหน้ากันก็เห็นความกลัวในดวงตาแต่ละคน ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะมีความสามารถในการสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นแบบไม่เหลือซากได้
เมื่อหลิ่วเทียนเต้านึกย้อนถึงการดวลของตนกับมู่เฉิน เขาก็รู้สึกว่าเหงื่อไหลโชกมาจากแผ่นหลัง โชคดีที่มู่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขา ไม่งั้นผลลัพธ์ของเขาคงไม่ดีไปกว่าจออมยุทธ์ตระกูลเสี่ยเสินคนนี้แล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาประเมินประมุขตำหนักมู่ต่ำไป…เนื่องจากชายหนุ่มที่เคยถูกมองว่าเป็นมดในอดีตได้ก้าวข้ามพวกเขาไปแล้วอย่างแท้จริง
ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวขณะถอนหายใจ พวกเขาเริ่มแก้ไขจุดยืนของมู่เฉินในใจ อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกเคารพต่อผู้นำหนุ่มคนนี้เพิ่มอีกหลายส่วน
มั่นถัวหลัวไม่ได้พูดอะไร นางทำเพียงเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาอย่างใจเย็น ครั้งนี้ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะข่มขู่ตระกูลเสี่ยเสินได้เท่านั้น แต่เขายังทำให้พวกหัวสูงตื่นจากฝันด้วย
ขณะนี้บางทีพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าถึงมู่เฉินจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากนาง เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำตำหนักมู่ได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ในฐานะคนเข้าใจที่ดีที่สุด มั่นถัวหลัวรู้ว่ามู่เฉินยังไม่ได้หงายไพ่ทั้งหมด เพราะเขายังมีวิชาสามพิสุทธิ์ไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่อีกด้วย…
ไม่เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงเสี่ยยี ต่อให้จอมยุมธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นของตระกูลเสี่ยเสินทั้งสามคนโจมตีพร้อมกันก็ไม่มีทางได้เปรียบใดๆ จากวิชาสามพิสุทธิ์ของมู่เฉิน
แต่เห็นชัดว่ามู่เฉินยังไม่ต้องการเปิดเผย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเล่นกับเสี่ยยีนานแบบนี้…
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ!”
ขณะที่ทั่วบริเวณเงียบกริบ ไม่นานเสียงคำรามโกรธแค้นก็ดังกึกก้องพร้อมกับจิตสังหารรุนแรง
ดวงตาของเสี่ยหลิงจื่อเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ คลื่นหลิงน่าสยดสยองก่อตัวเป็นมหาสมุทรโลหิตกระจายไปทั่ว
เขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะเหี้ยมขนาดฆ่าเสี่ยยีโดยไม่ลังเล!
นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับตระกูลเสี่ยเสิน แค่คิดก็ทำให้เสี่ยหลิงจื่อคั่งแค้นในหัวใจนัก
ตู้ม!
ภายใต้ความโกรธ เสี่ยหลิงจื่อเกือบจะสูญเสียการควบคุมตนเองขณะที่เคลื่อนไหว นิ้วเหยียดออก สายธารเลือดพุ่งออกมา ซึ่งอัดแน่นด้วยใบหน้าที่น่ากลัวนับไม่ถ้วน
ปัง!
ทว่าคลื่นหลิงขนาดใหญ่อีกสายหนึ่งก็เข้าครอบงำสายธารเลือดออกไป นี่คือการสกัดจากลั่วเทียนเสิน
ลั่วเทียนเสินหันมามองมู่เฉินอย่างซับซ้อน ก่อนจะหันไปที่เสี่ยหลิงจื่อพูดจาเยาะเย้ยว่า “แกคิดว่าข้าเป็นแจกันดอกไม้เท่านั้นหรือ?”
“ลั่วเทียนเสิน ตราบใดที่แกส่งไอ้เด็กบ้านี่มา ข้ารับประกันว่าจะไม่ยุ่งกับตระกูลลั่วเสินอีกต่อไป!” เสี่ยหลิงจื่อกัดฟัน ขณะนี้ความเกลียดชังที่มีต่อมู่เฉินพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
แต่เผชิญกับข้อเสนอนี้ ลั่วเทียนเสินกลับยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ร่างเวทสวรรค์เบื้องหลังระเบิดคลื่นหลิงน่ากลัวออกมา ปิดกั้นเสี่ยหลิงจื่อไม่ให้โจมตีมู่เฉินได้
“ดี! ดี! ลั่วเทียนเสิน แกจะต้องเสียใจกับสิ่งนี้!”
เมื่อเห็นคำตอบของลั่วเทียนเสิน ท่าทางของเสี่ยหลิงจื่อก็น่ากลัวขึ้นอีกหลายส่วนขณะที่ขู่ฟ่อ สายตาเย็นชาไม่สิ้นสุดมองมู่เฉินจากระยะไกล ราวกับว่าเขากำลังกดดันอีกฝ่ายอยู่
ทว่ามู่เฉินไม่ใส่ใจสายตาที่จ้องมองอย่างเย็นชา เขาปัดมือเบาๆ พลางมองเสี่ยถงที่ถูกขังอยู่ในค่ายกล
ยามนี้ภายใต้การโจมตีของเสี่ยถง ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารใกล้จะล่มสลายลงแล้ว มังกรเจ็ดตัวลดลงเหลือสามตัวเท่านั้น
ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นด้วยค่ายกลระดับจงซือที่ไร้ผู้ควบคุม
แต่ถึงเวลาจบเรื่องนี้แล้ว
มู่เฉินยิ้มอ่อนให้กับเสี่ยถงที่อยู่ในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร ร่างเงาของเขาเคลื่อนไปปรากฏอย่างรวดเร็วภายในค่ายกลแล้วนั่งลง
เมื่อเห็นว่ามู่เฉินพลิ้วตัวลงมานั่งในค่ายกล ใบหน้าของเสี่ยถงก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากเขารู้ชัดเจนว่าตราบใดที่หลิงเจิ้นซือเข้าควบคุมค่ายกลด้วยตนเอง พลังอำนาจก็จะเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ
“ไม่เลวเลย ที่สามารถทำลายค่ายกลจนอยู่ในลักษณะนี้ได้…”
มู่เฉินมองค่ายกลที่เกือบจะแตกสลายก็ยิ้มบาง ดวงตาส่องประกายเย็นชาพลางโบกมือ สัญลักษณ์หลิงยิ่งพวยพุ่งออกมาจากมือรวมเข้ากับค่ายกลเบื้องหน้า
ฮึ่ม ฮึ่ม!
เมื่อมู่เฉินเริ่มเคลื่อนไหว ค่ายกลที่กำลังจะแตกสลายก็ได้รับการกู้คืนอย่างสมบูรณ์ในเวลาไม่กี่สิบลมหายใจ!
เสี่ยถงกัดฟันกรอดกับภาพนี้ เขาใช้ความพยายามมากในการสร้างความเสียหายให้กับค่ายกล แต่มู่เฉินเรียกคืนค่าได้ในทันที
“ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก่อนหน้าเป็นเพียงการป้องกัน ตอนนี้เจ้ามาลองอีกสักหน่อยไหม?”
มู่เฉินมองไปที่เสี่ยถงด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาหรี่แคบลงขณะที่มือสร้างตราประทับ
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรดังออกมาจากค่ายกล จากนั้นทุกคนก็เห็นมังกรทีละตัว…ละตัวถูกสร้างขึ้นภายในอีกครั้ง
ไม่กี่อึดใจจำนวนมังกรก็กลับมาเป็นเจ็ดตัวอีกครั้ง!
นอกจากนี้เมื่อมังกรทั้งเจ็ดก่อตัวขึ้น แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดแรงกล้ากว่าเดิมหลายเท่า!
ค่ายกลที่มีจำนวนมังกรเหมือนกัน แต่ภายใต้การควบคุมของมู่เฉินพลังที่แท้จริงก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์
เมื่อรับรู้ถึงแรงกดดัน ใบหน้าของเสี่ยถงก็บิดเบี้ยวไม่น่าดู ความกลัววูบไหวในส่วนลึกของดวงตา
เนื่องจากในเวลานี้เขารู้สึกถูกคุกคามโดยค่ายกลจริงๆ แล้ว
ถ้าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก่อนหน้าสามารถดักจับเขาได้เท่านั้น คราวนี้ถ้าเขาไม่ระวังก็มีโอกาสที่จะถูกฆ่าเหมือนเสี่ยยีแน่!
“ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะจัดการกับเจ้าเพราะยังมีลูกหมาอีกตัวต้องไปจัดการ ถ้าเจ้าสามารถรอดไปได้ ก็ถือว่ามีความสามารถ”
มู่เฉินมองเสี่ยถงอย่างเย็นชา โดยไม่ลังเลตราประทับก็วาดวูบไหว มังกรทั้งเจ็ดตัวแผดเสียงกึกก้องฟ้าดินพลางพุ่งเข้าหาเสี่ยถงพร้อมเพรียงกัน
เสาแสงระเบิดออกมาจำนวนมหาศาลจากร่างมังกรทั้งเจ็ด จากนั้นพวกมันก็หลอมรวมกันกลายเป็นมังกรขนาดแสนจั้ง ปลดปล่อยความผันผวนขณะที่พุ่งเข้าหาเสี่ยถง
เผชิญหน้ากับการโจมตีน่ากลัวนี้ ใบหน้าของเสี่ยถงก็เปลี่ยนไปรุนแรง เขาเร้าร่างเวทสวรรค์โดยไม่ลังเล กางไพ่ตายทั้งหมดออกมาทันที
ตู้ม ตู้ม!
อึดใจมังกรก็พุ่งตัวลงมาอย่างรุนแรง คลื่นหลิงระเบิดออก คลื่นกระแทกที่มองเห็นกระจายออกไปทำให้มิติโดยรอบถูกฉีกออกจากกัน
แม้แต่ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก็ยังไม่สามารถรองรับพลังทั้งหมดได้ สายผนึกแตกหักเป็นเสี่ยงๆ…
ทว่าเมื่อค่ายกลแตกสลาย ร่างเวทสวรรค์ขนาดใหญ่ก็ปริแตกออกจากกัน เงาที่ดูน่าเวทนากระเด็นออกไปหลายหมื่นจั้ง ถลาข้ามแม่น้ำลั่วไปเลยทีเดียว
มู่เฉินไม่ได้สนใจค่ายกลที่ล่มสลายลง เขาเพียงแต่มองไปที่เสี่ยถงอย่างเสียดาย นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่าแม้ว่าเสี่ยถงจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ตาย
ยกที่สองจบลงด้วยเสี่ยถงบาดเจ็บสาหัส!
มู่เฉินไม่สนใจเสียงหายใจเข้าเย็นเยือกของผู้คน แต่หันกลับพุ่งเข้าไปในกองทัพสังหารวิญญาณ
เขาจะต้องจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนที่สาม ขณะที่กองทัพสังหารวิญญาณยังอยู่ในสภาพสูงสุด
จังหวะที่มู่เฉินเข้ามาในกองทัพสังหารวิญญาณ รัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากก็ครางกระหึ่ม ทำให้ผู้คนที่มองหนังหัวลุกชันเลยทีเดียว
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
รัศมีจั้นยี่ดุเดือดระเบิดขึ้น ก่อนที่มู่เฉินจะโบกมือเก็บกองทัพสังหารวิญญาณ สายตาเย็นชามองไปที่หลุมในแม่น้ำลั่วที่มีเสี่ยโส่วนอนพังพาบอยู่ภายใน
ยกที่สามจบลงด้วยเสี่ยโส่วบาดเจ็บสาหัส!
เวลานี้ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ