หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1291 คนรู้จัก
ชื่อเหยียนลูบเคราพลางทอดถอนหายใจพูดขึ้น
“เวลานี้ฉิงเทียนเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของวังมหาพันภพ ก่อนที่ประมุขคนต่อไปจะปรากฏ เขามีหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่างในวัง บางทีในมหาพันภพชื่อของเขาอาจไม่ดังพอกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม แต่ในกลุ่มจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนชื่อเสียงของเขาไม่อ่อนแอกว่าทั้งสองเลย”
ขณะที่พวกมู่เฉินตกตะลึงจากความสำเร็จที่น่าตกใจของราชันสังหารปีศาจ—ฉิงเทียน แม้แต่มู่เฉินและคนอื่นๆ ยังได้ยินความเคารพในน้ำเสียงนั่น
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าจะไม่เคยได้พบกับราชันสังหารปีศาจฉิงเทียนคนนี้มาก่อน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถมีสถานะสูงส่งเช่นนี้ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ต้องทรงพลังอย่างมากแน่ อาจมากจนเทียบเคียงกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามได้
มหาพันภพเป็นสถานที่ที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแท้จริง
“ผู้อาวุโสชื่อเหยียน เราจะได้รับป้ายสังหารปีศาจนี้ได้อย่างไร?” มู่เฉินถาม ชัดว่าผลประโยชน์จากป้ายสังหารปีศาจทำให้เขาสนใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ให้สิทธิ์พวกเขาในฐานะอาคันตุกะของวังมหาพันภพ แต่พวกเขายังสามารถใช้แลกเปลี่ยนกับสมบัติต่างๆ ได้อีกด้วย
เพราะตอนนี้นอกเหนือจากวิชาสามพิสุทธิ์ เขาก็ไม่มีวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดอีก หากเขาสามารถได้รับจากวังมหาพันภพก็จะเป็นการเพิ่มศักยภาพได้เป็นอย่างดี
เมื่อเห็นความสนใจที่เพิ่มขึ้นของพวกมู่เฉิน ชื่อเหยียนก็ยิ้มก่อนที่จะหันเดินไปที่ใจกลางเมือง โดยมีทั้งสี่ติดตามมาที่ข้างหลัง
ทั้งกลุ่มเดินเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมาชื่อเหยียนก็ชะลอความเร็วลง
ตอนนี้กลุ่มมู่เฉินก็พบว่าพวกเขามายืนอยู่ใต้ศิลาสังหารปีศาจแล้ว มีหอสีดำอยู่ใต้ศิลากระจายแรงกดดันหนักหน่วงออกมา
“นี่คือหอหมื่นพันซึ่งเป็นสาขาของวังมหาพันภพตั้งอยู่ในแดนเซิ่งยวนนี้เพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของเผ่าปีศาจ” ชื่อเหยียนกล่าวขณะที่ชี้ไปที่หอสีดำ
เมื่อชื่อเหยียนพูดจบ เขาก็เดินไปที่หอหมื่นพันพร้อมกับทั้งสี่ติดตามมา
เมื่อทั้งกลุ่มเข้ามาในหอ ทิวทัศน์ก็กว้างขึ้นทันที ชั้นแรกใหญ่โตมากมีอัญมณีใสลอยอยู่บนท้องฟ้า ฉายแสงส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
ที่มุมขนาดใหญ่ของหอราวกับเป็นร้านอาหารที่มีผู้คนเข้าออกตามด้วยเสียงทุกประเภท เมื่อมู่เฉินเพ่งสายตาไปก็ต้องหดม่านตาลง
มู่เฉินสามารถบอกได้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ปล่อยคลื่นหลิงทรงพลังผันผวน นอกจากนี้ยังมีไอสังหารท่ามกลางความผันผวน ชัดว่าทุกคนต่างเคยผ่านการต่อสู้ด้วยชีวิตและความตายมาแล้ว
เมื่อเข้ามา พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าความสนใจส่วนใหญ่เน้นไปที่ลั่วหลี
เนื่องจากรูปลักษณ์และกิริยาของลั่วหลี ทำให้นางเป็นที่สนใจในทุกที่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานที่ที่ผ่านการต่อสู้ความเป็นตาย เพียงแค่แตกต่างจากสายตาตกใจหลงใหลทั่วไป สายตาที่นี้ไม่ได้รับการควบคุมมากกว่า
รับรู้สายตาเหล่านั้นคิ้วของลั่วหลีก็เริ่มมุ่นเข้าหากัน
แต่ก่อนที่นางจะพูดอะไร มู่เฉินก็ปราดมายืนตรงหน้าเพื่อปิดกั้นสายตาเหล่านั้น ขณะเดียวกันเขาก็จ้องเขม็งไปที่บริเวณนั้นโดยไม่พูดมากความ ม่านตาสีดำของเขากะพริบด้วยจิตสังหารที่รั่วไหลออกมาจากกึ่งกลางคิ้ว ท่าทางเขาราวกับยมทูตเลยทีเดียว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มู่เฉินก็มีประสบการณ์การต่อสู้เป็นตายนับไม่ถ้วน จิตสังหารที่อยู่ในส่วนลึกของกระดูกจึงไม่ได้อ่อนแอกว่าจอมยุทธ์ในแดนเซิ่งยวน เพียงแค่ปกติเขาควบคุมไว้เกือบตลอดเวลา ถ้าเขาปลดปล่อยก็สามารถส่งความรู้สึกหนาวสะท้านได้เลย
ตอนแรกผู้คนก็ไม่พอใจที่มู่เฉินปิดกั้นสายตาของพวกเขา แต่หลังจากรู้ถึงไอสังหารที่มาจากเขา ไอเย็นเยือกก็พล่านไปตามสันหลัง พวกเขาถอนสายตาอยากได้ใคร่มีออกไป ทุกคนจ้องมองมู่เฉินด้วยความตกใจ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มอ่อนวัยผู้นี้จะมีไอสังหารเข้มข้นปานนี้
“นั่นคือกองสรรหา คนที่ต้องการตามล่าสมาชิกเผ่าปีศาจในแดนเซิ่งยวนมักจะออกกันไปเป็นกลุ่ม ไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะมีชีวิตรอดจะน้อยยิ่งนัก”
“ดังนั้นทุกคนที่มาสมัครที่นี่ล้วนมีฝีมือใช้ได้ ไม่เคยขาดจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย…” ชื่อเหยียนอธิบายขณะเดินเข้าไปที่ส่วนลึกของหอ มีโต๊ะกั้นพร้อมกับหน้าจอแสงกะพริบอยู่ตลอดเวลา ชัดว่ามีหลักการทำงานเหมือนกับศิลาสังหารปีศาจด้านนอก
ผู้อาวุโสสวมชุดสีเทาคนหนึ่งนั่งขี้เกียจอยู่ที่โต๊ะกั้น ท่าทางง่วงเหงาหาวนอน ราวกับว่าไม่สามารถตื่นได้เกือบตลอดเวลา
“ปัง!”
ฝ่ามือของชื่อเหยียนกระแทกไปบนโต๊ะ เสียงร้องตะโกนออกมาว่า “แพะแก่ขี้เซาหยุดนอน เริ่มทำงานได้แล้ว!”
ชายชราชุดสีเทาสะดุ้งโหยง เปิดตาขึ้นเล็กน้อยมองชื่อเหยียน “แพะแก่ขี้เมา แกตะโกนหาอะไร! ยังไม่ตายอีกเหรอ?”
“ฮ่าๆ ข้าตายหลังแกแน่นอน ฟันธง” ชื่อเหยียนตอบแบบไม่สน ก่อนโบกมือให้พวกมู่เฉินเดินเข้ามา “เอาป้ายสังหารปีศาจให้พวกเขาหน่อย”
“อ่า แพะแก่คนนี้เป็นผู้ดูแลสาขานี้” เวลาเดียวกันเขาก็แนะนำชายชราชุดเทาให้กับพวกมู่เฉินรู้จัก
เมื่อมู่ทั้งสี่ได้ยิน หัวใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ ไม่คิดว่าชายแก่ที่ดูไม่สะดุดคนนี้จะเป็นผู้ดูแล หากชื่อเหยียนไม่ได้บอก พวกเขาคงคิดว่าชายชราคนนั้นเป็นพนักงานต้อนรับธรรมดา
แต่ละคนกวาดมองชายชราด้วยความอยากรู้ ทว่าไม่มีความแปรปรวนของคลื่นพลังงานใดๆ จากร่างชายชราเลย เขาดูเหมือนคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกขุมพลังมาก่อน
แต่ชัดว่าไม่ใช่อย่างที่เห็นแน่นอน…
ถ้าเป็นเช่นนี้การที่สามารถดึงพลังงานกลับคืนจนถึงจุดที่ไม่มีการรั่วไหลใดๆ นี่เป็นสิ่งที่เพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่ทำได้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ไม่สามารถทำได้
มู่เฉินและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตาด้วยหัวใจสั่นไหว ไม่น่าแปลกใจที่ชื่อเหยียนบอกว่าอย่าถือว่าวังมหาพันภพเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็น่ากลัวเช่นกัน
ชายชราจ้องมองที่กลุ่มมู่เฉิน ก่อนจะมองชื่อเหยียนด้วยความประหลาดใจ “เจ้าแพะแก่ดูเหมือนว่าเจ้ามาตามหาวิชาช่องแสงวิญญาณอีกแล้วสินะ แต่คนทั้งหมดที่เจ้าเลือกท่าทางบ่มิไก๊สักเท่าไรนะ”
ใบหน้าของชื่อเหยียนมืดครึ้มทันที “พูดราวกับว่าคนอื่นประสบความสำเร็จไปแล้ว!”
ชายชราชุดเทายิ้มกริ่ม “ข้าแค่แปลกใจว่าทำไมเจ้าถึงเลือกแม่นางน้อยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นมาเช่นนี้”
เขาบอกได้ทันทีว่าลั่วหลีเป็นคนที่ถูกเลือกโดยชื่อเหยียน ไม่ใช่อีกสามคน
ชื่อเหยียนยิ้มกริ่ม “การได้รับวิชาช่องแสงวิญญาณนั้นไม่ได้พึ่งพาแค่ความแข็งแกร่ง แต่ต้องดูที่พรสวรรค์และโชคชะตา แม่นางน้อยคนนี้เหมาะสมที่สุดที่ข้าเลือกมาเลยทีเดียว”
“เหรอ?” ชายชราชุดทำเสียงกังขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาโบกมือพวกมู่เฉินก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ปลายนิ้ว ก่อนที่เลือดสี่หยดจะลอยไปหาชายชราชุดเทา
ทั้งสี่อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนแปลง ขณะที่พวกเขามองชายชราชุดเทาด้วยความหวาดผวา ชัดว่าวิธีกลั่นเลือดจากพวกเขาของชายผู้นี้ครอบงำนัก
ชายชราชุดเทาเมินการป้องกันพลังงานของพวกเขาอย่างเต็มที่ ควบคุมเลือดในร่างกายของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่าๆ”
ชายชรายิ้มจากนั้นก็สะบัดนิ้ว แสงหลิงสี่สายบินออกมา ห่อหุ้มเลือดสี่หยดเอาไว้ ก่อนจะรวมตัวเป็นป้ายสี่ป้ายบินกลับไปที่กลุ่มของมู่เฉิน
เมื่อพวกเขารับป้ายมาก็เห็นว่าป้ายนี้มีสีดำที่มีตัวอักษร “สังหารปีศาจ” สีแดงเข้มสลักอยู่บนนั้น ข้างใต้ปรากฏตำแหน่งมือสังหารขั้นต่ำ
“ถ้าเจ้าฆ่าเผ่าปีศาจคนหนึ่งก็ให้ทำลายวิญญาณของพวกมันและนำไปใส่ในป้ายสังหารปีศาจนี่ เพื่อรับคะแนนสังหารที่สอดคล้องกัน นอกจากนี้เนื่องจากป้ายนี้สร้างจากเลือดกลั่นของพวกเจ้า จึงมีเพียงพวกเจ้าเองเท่านั้นที่สามารถตรวจสอบคะแนนที่ได้รับได้ ดังนั้นไร้ประโยชน์มากแม้ว่าคนอื่นจะขโมยไป” ชายชราชุดเทาอธิบาย
ฟังรายละเอียดเกี่ยวกับป้ายสังหารปีศาจ ทั้งสี่ก็ประสานมือคารวะให้ชายชรา “ขอบคุณอาวุโส”
เมื่อเห็นว่าทั้งสี่ได้รับป้ายเรียบร้อยแล้ว ชื่อเหยียนก็หันไปพูดกับชายชราว่า “เจ้าแพะเก่าขี้เซา มีกลุ่มไหนมาที่แดนเซิ่งยวนแล้วมั่ง?”
ชายชรายกเปลือกตาขึ้นหัวเราะเบาๆ “นั่นไง มาแล้วหนึ่ง ไหนข้าดูหน่อยซิ เหมือนจะเป็นสมาชิกตระกูลเวินแห่งเขตเหนือ… ”
ชื่อเหยียนหันกลับไปก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในหอ หญิงชราคนหนึ่งสวมชุดแดงเยื้องย่างเข้ามา ท่าทางที่ชักช้านั้นกลับทำให้ดวงตาของชื่อเหยียนหดลง
“นั่นแม่เฒ่าเหอจากตระกูลเวิน…”
มู่เฉิน ลั่วหลีและคนอื่นๆ ก็เงยหน้าขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนที่เข้ามามีรัศมีไม่ธรรมดา เมื่อสายตาของพวกเขามองข้ามผ่านหญิงชราก็เห็นเงาร่างเพรียวบางกระแทกเข้ามาในครรลองสายตา
แม้ว่าจะผ่านมาหลายปี แต่ก็ยังเป็นภาพเงาที่คุ้นเคย
มู่เฉินและลั่วหลีตาโตขณะที่แลกเปลี่ยนสายตากัน ใบหน้าของทั้งสองแปลกไปเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับคนคุ้นเคยหลังจากผ่านไปหลายปี…