หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1375 จักรพรรดินีชุดขาว

ในเทือกเขาหนาทึบ

มองเห็นภาพผู้คนมากมายกำลังวิ่งหนีกันเตลิดเปิดเปิงพร้อมกับสีหน้าหวาดกลัว บางครั้งพวกเขาจะมองไปข้างหลังด้วยความกังวลว่าปีศาจอาจไล่ตามมา…

นี่ก็คือกลุ่มชาวบ้านที่มู่เฉินได้ช่วยปลดปล่อยให้เป็นอิสระ หลังจากออกจากเมืองได้ ทุกคนก็เร่งรีบเดินทางเพราะกลัวว่าจะถูกเผ่าเสี่ยเสียจับไปอีกครั้ง

ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางตลอดโดยไม่หยุดพัก แม้ว่าจะมีบางคนตามไม่ทัน แต่กลุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ลดความเร็วลง…

บนท้องฟ้าที่ทุกคนกำลังหลบหนี มู่เฉินยืนอยู่พร้อมกับถอนพลังงานกลับ เขาซ่อนตัวขณะที่จ้องมองชาวบ้านกลุ่มนี้

จากการสังเกตเขาบอกได้เลยว่าคนเหล่านี้มีเป้าหมาย พวกเขาดูเหมือนจะรู้สถานที่ที่ต้องไป

“พวกเขาจะไปที่ที่มี ‘จักรพรรดินี’ หรือ?”

มู่เฉินพึมพำขณะที่รู้สึกประหลาดใจ หรือว่าพลังของผู้คนในพิภพเขตล่างส่วนนี้สามารถป้องกันตัวเองได้?

ทว่าเขาไม่รู้สึกถึงความเป็นไปได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ภายใต้การปกครองของเผ่าเสี่ยเสียทำไมกลุ่มชาวบ้านยังสามารถรวมกลุ่มกันได้?

ด้วยข้อเท็จจริงนี้เขาจึงไม่แสดงตัว เลือกที่จะแอบตามไปอย่างเงียบๆ เนื่องจากเขาต้องการเห็น ‘จักรพรรดินี’ ภายใต้การนำของพวกเขา

แน่นอนว่าก่อนที่เขาจะได้รับข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับ ‘จักรพรรดินี’ มู่เฉินไม่คิดที่จะพูดคุยกับพวกเขา ตอนนี้เขาต้องระมัดระวังในเมื่อมาอยู่ในดินแดนของเผ่าเสี่ยเสียโดยลำพัง

เมื่อความคิดวาบผ่านมู่เฉินก็ก้มศีรษะลงมองผู้คนที่กำลังเดินทาง…

การเดินทางดำเนินไปสองวัน ในที่สุดมู่เฉินก็รู้สึกได้ว่าพวกชาวบ้านชะลอตัวลง และเขาก็หดดวงตาเมื่อมองออกไประยะไกล

เนื่องจากเขามองเห็นเมืองตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังเทือกเขาไม่มีที่สิ้นสุด ความมีชีวิตชีวาล้อมอยู่ในกำแพงสูงด้านใน

เมื่อมองคร่าวๆ มู่เฉินก็มองไม่เห็นด้านปลายของเมือง ตามการคาดการณ์ของเขาต้องมีผู้อยู่อาศัยอย่างน้อยนับร้อยล้านคนที่นั่น

สิ่งนี้ทำให้เขาสะดุ้งโหยง เผ่าเสี่ยเสียปล่อยให้มีเมืองขนาดมหึมาเช่นนี้จริงหรือ?

ขณะที่มู่เฉินกำลังตะลึงงัน ชาวบ้านที่เดินทางมาถึงก็ร้องด้วยความตื่นเต้น พวกเขาพุ่งไปที่เมือง

เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ก็มีเงาร่างหลายร้อยตัวทะยานออกมากีดขวางเส้นทางไว้

“พวกเจ้ามาจากไหน?!” เงาเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นทหารรักษาการณ์ พวกเขามองชาวบ้านมากมายที่เข้าใกล้ก็ตะโกนถาม

“เรามาจากเมืองเถี่ยเสี่ย” หญิงสาวที่มู่เฉินช่วยไว้ก่อนหน้าเดินออกมา ตอบกลับเสียงดัง

“เมืองเถี่ยเสี่ย?” ทหารมองหน้ากัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจก่อนที่จะถามว่า “นั่นคือเมืองที่มีแม่ทัพปีศาจโลหิตคุมอยู่ พวกเจ้าหนีออกมาได้อย่างไร?”

หญิงสาวตอบอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านเทพลงมาจากสวรรค์ฆ่าสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียในเมืองเถี่ยเสี่ยจนหมด แม้แต่แม่ทัพปีศาจโลหิตก็ถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียว!”

ทหารทุกคนตกตะลึงชั่วครู่ก่อนที่จะตอกกลับอย่างขุ่นเคือง “พูดบ้าอะไร!”

พวกเขารู้ชัดถึงพลังของเผ่าเสี่ยเสียที่น่ากลัว พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้ สำหรับแม่ทัพปีศาจโลหิตก็น่ากลัวยิ่งกว่าอะไร แต่หญิงสาวคนนี้กลับบอกว่ามันถูกฆ่าตายด้วยฝ่ามือเดียว? น่าตลกยิ่งนัก!

ทว่าเผชิญหน้ากับเสียงตะโกนกระโชกโฮกฮาก ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็เข้ามาเป็นพยาน อารมณ์ตื่นเต้นที่พวกเขาแสดงออกทำให้เหล่าทหารตกใจ

“หัวหน้าหรือว่าที่พวกเขาพูดเป็นความจริง?” ทหารคนหนึ่งหันไปพูดกับหัวหน้า

หัวหน้าขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่จริง แต่ก็มีคนจำนวนมากพูดเป็นเสียงเดียว หรือว่าเป็นอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆ?

“ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เราต้องรีบรายงานตรงต่อจักรพรรดินีทันที”

สายตาของหัวหน้าเปลี่ยนไปก่อนที่เขาจะโบกมือ “ปล่อยพวกเขาเข้าไป”

ขณะเดียวกันเขาก็หันไปมองหญิงสาว “เจ้าตามข้าไปรายงานข่าวต่อจักรพรรดินี!”

เขาหันกลับ ประตูเมืองที่อยู่เบื้องหลังก็เปิดออก คนด้านนอกส่งเสียงโห่ร้องดีใจทันที

 

ที่ใจกลางเมืองมีวังหลวงตั้งตระหง่าน

หลังจากที่หัวหน้าทหารรักษาการณ์รายงานเรื่องนี้ เสียงระฆังก็ดังไปทั่ววัง…

ในห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้ที่มีตำแหน่งสูงทั้งหมดของเมืองนี้ก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินซ่อนตัวขณะกวาดสายตามองรอบโถง เขาตกใจวูบหนึ่งเมื่อเห็นทุกคนเปล่งความผันผวนที่ไม่อ่อนแอออกมา แน่นอนว่าคำว่าไม่อ่อนแอคือเมื่อเทียบกับกลุ่มชาวบ้าน…

แต่ก็มีบางส่วนที่มีพลังแข็งแกร่ง ตามการประเมินอาจใกล้เคียงกับแม่ทัพปีศาจโลหิตแล้ว

ในมหาพันภพมาตรฐานขุมพลังของพวกเขาน่าจะเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นปลาย

แต่… เขาสังเกตเห็นว่าในร่างคนเหล่านี้มีรัศมีเย็นยะเยือกซ่อนอยู่ในร่างกายซึ่งเป็นของเผ่าเสี่ยเสีย

“ในร่างมีพลังของเผ่าเสี่ยเสีย…” มู่เฉินหรี่ตาลง แม้ว่าเมืองนี้จะดูเป็นอิสระ แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การจับจ้องของเผ่าเสี่ยเสีย

“ถวายบังคมองค์จักรพรรดินี!”

ขณะที่มู่เฉินทำการสำรวจระดับพลังของจอมยุทธ์ที่นี่ เสียงดังก้องก็สะท้อนภายในวัง ทุกคนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

มู่เฉินรับรู้ถึงภาพเงาในชุดสีขาวย่างกรายออกมา สิ่งที่ทำให้มู่เฉินประหลาดใจก็คือคนที่ถูกเรียกว่า ‘จักรพรรดินี’ กลับกลายเป็นสาวงาม…

รูปลักษณ์ของหญิงสาวทรงเสน่ห์มาก นางมีผิวขาวจัด รูปร่างยั่วยวนเผยส่วนโค้งเว้าชัดเจน ความทรงอำนาจในดวงตาทำให้เกิดแรงกดดัน

แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินตกใจยิ่งกว่านั้นไม่ใช่อายุและรูปลักษณ์ของนาง แต่เป็นความผันผวนที่มาจากนาง ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตเลย

“นางไม่มีรัศมีเย็นเยือกของเผ่าเสี่ยเสีย นั่นหมายความว่าพลังของนางมาจากตัวเองรึ? แต่พลังของนางไม่ถือว่าเสถียร น่าจะมาจากแหล่งภายนอกด้วยส่วนหนึ่ง…”

มู่เฉินอุทานในใจ เขาเกิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับสตรีนางนี้ เนื่องจากเขารู้ชัดว่าโอกาสและพรสวรรค์ใดที่ต้องมีเพื่อให้มีพลังเช่นนี้ในพิภพเขตล่าง…

ถ้าเขาเดาถูกแล้ว หญิงสาวคนนี้น่าจะเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกพิภพเขตล่างใบนี้

ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะที่ใด จะมีคนที่โดดเด่นก้าวออกมาเพื่อช่วยเหลือเมื่อเผ่าพันธุ์กำลังเผชิญกับการถูกฆ่าล้าง…

ขณะที่มู่เฉินอุทานชื่นชม หญิงสาวชุดขาวก็นั่งลงและมองไปที่หญิงสาวที่คุกเข่าจากนั้นพูดเบาๆ “ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองเถี่ยเสี่ยอย่างละเอียดได้ไหม?”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในชุดขาวด้วยความตื่นเต้น ขณะที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ได้รับการปฏิบัติเหมือนปศุสัตว์ จอมยุทธ์หญิงคนนี้ก็ยืนหยัดรักษาที่หลบภัยสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ

ภายใต้ช่วงเวลาที่สิ้นหวัง เทพเซียนเท่านั้นที่รู้ว่ามีกี่คนที่ปฏิบัติกับหญิงสาวคนนี้ในฐานะพระโพธิสัตว์

“จักรพรรดินีสิ่งที่พวกข้าพูดคือความจริง มีท่านเทพยาตราลงมาจากสวรรค์ด้วยพลังสุดยอด เขาสามารถสังหารแม่ทัพปีศาจโลหิตของเมืองเถี่ยเสี่ยได้ด้วยฝ่ามือเดียว” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเสียงกระจายออกไปก็ทำให้เกิดความโกลาหลโดยรอบ

แม้แต่หญิงสาวชุดขาวยังเผยความสั่นไหวบนใบหน้า เนื่องจากตัวนางรู้ชัดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แม่ทัพปีศาจโลหิตครอบครอง แม้ว่านางจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ แต่ก็ไม่สามารถฆ่าได้ในกระบวนท่าเดียว

“หึ ท่านเทพยิ่งใหญ่อะไรกัน หลอกตัวเองกันชัดๆ!”

ทว่าขณะที่บรรยากาศในห้องโถงกำลังตกตะลึง เสียงเยาะเย้ยก็เปล่งออกมาจากชายชราหน้าตาน่ากลัว

“ข้าว่าตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าเป็นท่านเทพอะไร แต่เราจะเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของเผ่าเสี่ยเสียอย่างไร?!” ชายชราคนนั้นมองไปรอบๆ จากนั้นก็หันไปมองจักรพรรดินี “สมาชิกเผ่าเสี่ยเสียพร้อมกับแม่ทัพปีศาจตายเป็นเบือ งานนี้เผ่าเสี่ยเสียไม่ปล่อยให้เรื่องนี้สงบลงอย่างแน่นอน พวกมันจะต้องสอบสวนเรื่องนี้แน่!

“ดังนั้นข้าขอแนะให้ส่งคนเหล่านี้กลับไปและสังเวยประชาชนเพิ่มอีกห้าล้านคนเพื่อให้พวกมันสงบ มิฉะนั้นดินแดนอุดมรัฐสุดท้ายของเราจะถูกทำลายล้างภายใต้ความโกรธเกรี้ยว!”

“ท่านเสนาบดีใหญ่พูดถูก เราต้องรีบจัดการกับความโกรธเกรี้ยวของเผ่าเสี่ยเสีย คนเหล่านี้ต้องถูกส่งมอบกลับไปทั้งหมด” เมื่อชายชราพูด เสียงสามเสียงก็ดังขึ้นสนับสนุน พวกเขาเป็นชายวัยกลางที่มีแสงสีแดงเข้มบางจางพล่านในดวงตา

เสียงเหล่านี้ทำให้จอมยุทธ์ชั้นสูงหลายคนใบหน้าเขียวคล้ำขณะที่กำหมัดแน่น ทว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะพูด เนื่องจากพวกเขารู้ว่าเสนาบดีกลุ่มนี้มีพลังน้อยกว่าจักรพรรดินีคนเดียว มิหนำซ้ำยังเป็นกลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับเผ่าเสี่ยเสียและพลังของพวกเขาก็มาจากปีศาจเหล่านั้น

“จักรพรรดินีได้โปรด!”

เมื่อหญิงสาวได้ยินว่าพวกเขาต้องการส่งพวกนางไปให้เผ่าเสี่ยเสีย ใบหน้าของนางก็ซีดลง นางโขกศีรษะลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังกึกก้อง

หญิงสาวชุดสีขาวก็กำหมัดแน่น เล็บฝังลงไปบนฝ่ามือ

ในที่สุดชายสวมชุดเกราะคนหนึ่งก็อดรนทนไม่ได้ เขาร้องตะโกนว่า “ท่านเสนาบดีใหญ่ คนเหล่านี้มองพวกเราเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา แต่ละคนต้องเดินเท้ามาไกลเพื่อดั้นด้นมาที่นี่ ตอนนี้ท่านกลับต้องการส่งพวกเขากลับไปให้ปีศาจเหล่านั้น หัวใจของท่านทำด้วยเหล็กหรือยังไง?”

เสนาบดีใหญ่กวาดสายตามองพลางพูดจาเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะเห็นใจเช่นนี้ ถ้าความโกรธแค้นของเผ่าเสี่ยเสียโถมเข้ามา ท่านจะเป็นคนออกไปสู้กับพวกมันเรอะ?”

แม่ทัพใหญ่กัดฟัน “ตายก็ดีกว่าขี้ขลาดตาขาว! ทุกคนคิดว่าเราพึ่งพาตัวเองในการยืนหยัดอยู่ แต่เรารู้ดีกว่าใครว่าที่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเราต้องส่งพลเมืองห้าล้านคนต่อปีเพื่อให้พวกมันไปเลี้ยงไว้เป็นปศุสัตว์ เป็นอาหารให้เดรัจฉานเหล่านั้น!

“ด้วยวิธีนี้เราถึงอยู่รอดได้ แต่การอยู่รอดอย่างไร้ศักดิ์ศรีคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือ!

“เทียบกับการถูกกินเป็นอาหาร เราต่อสู้กับเผ่าเสี่ยเสียให้สุดกำลังไปซะยังดีกว่า แม้ว่าจะพังพินาศก็ตาม!”

ตอนเขาพูดจบ ดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ อารมณ์โศกเศร้าโกรธแค้นกระจายไปทั่วโถงส่งผลต่อดวงตาของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่หลายคนเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วย

ร่างจักรพรรดินีชุดขาวก็สั่นสะท้าน เล็บฝังลงไปบนฝ่ามือพร้อมกับเลือดสดไหลลงมา

หลายคนมองว่านางเป็นพระผู้มาโปรด แต่นางรู้ดีว่าตนเองยังมีพลังไม่พอ ไม่ใช่เพราะพลังของนางที่ทำให้มวลมนุษยชาติสามารถอยู่รอดในเมืองนี้ได้ แต่เป็นเพราะเผ่าเสี่ยเสียไม่ต้องการให้พวกนางพินาศ เนื่องจากพวกมันยังต้องการอาหารสดๆ…

ทุกครั้งที่มอบพลเมืองกว่าห้าล้านคน น้ำตาของพวกเขาที่หลั่งไหลทำให้นางเกลียดตัวเองที่ไร้อำนาจ นางเคยคิดที่จะพินาศไปกับเผ่าเสี่ยเสียหลายต่อหลายครั้ง แต่นางรู้ดีว่าหากทำแบบนั้น พวกนางก็จะสูญเสียโอกาสสุดท้าย…

มู่เฉินมองไปก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้ยังคงอยู่ได้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เผ่าเสี่ยเสียมอบให้เนื่องจากพวกมันต้องการอาหาร แม้ว่าดินแดนแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นดินแดนอุดมรัฐ แต่จริงๆ แล้วก็แค่การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเบื้องหน้าประตูแห่งความตาย

ช่างน่าสงสารจริงๆ

มู่เฉินถอนหายใจเบาๆ ในใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าจักรพรรดินีชุดขาวเงยหน้าขึ้นมองมายังทิศทางของเขา

หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านกับสายตาของนาง ตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่และคนอื่นๆ ไม่สามารถเห็นเขาได้ แต่นางกลับสัมผัสถึงตัวเขาได้เรอะ?

ขณะที่มู่เฉินกำลังประหลาดใจ จักรพรรดินีชุดขาวก็ลุกขึ้นยืนกัดฟันเบาๆ ก่อนที่จะโค้งคำนับให้เขาพร้อมกับเสียงแหบพร่าดังก้อง

“ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ ในเมื่อท่านมาแล้วก็โปรดแสดงตัวด้วยเถิด…”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset