บทที่ 71 แม่ลูกพบหน้า (2)
Ink Stone_Romance
เหยียนหรูอวี้กุมชัยชนะเอาไว้แล้ว นางจึงไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดเพียงสองประโยค นางหัวเราะ กล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองเป็นใคร? อดีตที่ผ่านมามันขมขื่นถึงกับไม่อาจจดจำเลยใช่หรือไม่เล่า? เจ้ายังอยากแต่งเข้าจวนคุณชายเยี่ยน เป็นแม่ของลูกข้าอยู่อีกหรือไม่เล่า?”
มือของอวี๋หวั่นบีบถ้วยชาแน่น เหยียนหรูอวี้สืบจนรู้เรื่องนี้แล้วหรือ?
เหยียนหรูอวี้เชิดคางขึ้น แล้วกล่าวอย่างหยิ่งยโสว่า “เจ้าเคยเข้าไปในหอคณิกา ทั้งยังมีลูกกับบุรุษอื่น เพียงแต่น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นก็ตายด้วยน้ำมือของเจ้า”
อวี๋หวั่นตื่นตะลึง!
เหยียนหรูอวี้ยิ้มถากถาง มองไปยังอวี๋หวั่น “อะไรกัน? เจ้าไม่เชื่อรึ? เจ้ามีลูกสองคน คนแรกป่วยตาย คนที่สองถูกเจ้าฆ่าตาย ฝนตกหนัก…”
อวี๋หวั่นมองไปยังเหยียนหรูอวี้ด้วยสายตาเย็นชา ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือไม่ เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของเหยียนหรูอวี้แฝงความบ้าคลั่งอยู่ไม่น้อย
อวี๋หวั่นหายใจเข้าลึก แล้วเตือนตัวเองว่าอย่าเชื่อเหยียนหรูอวี้เป็นอันขาด เธอแย่งคนที่เหยียนหรูอวี้หมายปอง นางต้องเกลียดเธอเข้ากระดูกดำอย่างแน่นอน และย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ถ้าอวี๋หวั่นเชื่อนาง ก็เท่ากับเธอแพ้แล้ว
“เจ้าไม่เชื่อหรือ? ทำไมเจ้าไม่เชื่อ?” เหยียนหรูอวี้โมโหเสียแล้ว
เมื่อครู่ยังหัวเราะร่า ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลัน อวี๋หวั่นมองนางด้วยสายตาประหลาด นับวันสมองนางยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ
เหยียนหรูอวี้วางกาน้ำชากระแทกลงบนโต๊ะ “ทำไม? เจ้าพูดสิ! ทำไม!”
ไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้ใกล้บ้าแล้วจริงๆ
“คุณหนู!” แม่หลินเดินเข้ามา “อาหารเย็นเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านจะให้ยกมาจัดวางเลยหรือไม่? ”
เหยียนหรูอวี้ชะงักไป หลังจากนั้นก็ได้สติกลับมา แล้วยิ้มอย่างสง่างามว่า “ยกไปวางที่ห้องอาหารก็แล้วกัน จะไมได้ไม่ทำให้เด็กๆ ตื่น”
อวี๋หวั่นไม่อาจรู้สึกตกใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว หากไม่ได้เห็นด้วยตนเอง ก็คงไม่เชื่อว่าความรวดเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าของเหยียนหรูอวี้จะเป็นเรื่องจริง แต่ว่าถึงจะเร็ว อวี๋หวั่นก็ไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจแล้ว เธอถูกพาไปยังอีกห้องหนึ่ง แล้วประตูถูกลงกลอน
แม้จะไม่รู้ว่าเหยียนหรูอวี้จับเธอมาทำไม แต่ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน แย่ที่สุดก็คือเหยียนหรูอวี้คิดจะฆ่าเธอ
อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าควรพูดว่าเหยียนหรูอวี้โง่หรือบ้าดี นางคิดว่าเมื่อฆ่าเธอแล้วจะได้แต่งเข้าจวนคุณชายเยี่ยนหรือ? ที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตามาตลอด เป็นเพราะเธอเป็น ‘มือที่สาม’ หรืออย่างไร? นางไม่คิดหน่อยหรือว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ชายตามองนางตั้งแต่ก่อนที่อวี๋หวั่นจะปรากฏตัวแล้ว
เอาเถอะ กับผู้หญิงที่อิจฉาริษฉาเข้าขั้นบ้าอย่างนี้ คุยด้วยเหตุผลไปก็ไร้ประโยชน์
เพียงครู่เดียวอวี๋หวั่นก็ใจเย็นลงได้ แล้วจึงเริ่มคิดหาวิธีหลบหนีออกไป
บนเรือมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย หากจะหลบหนีจากเงื้อมมือของเหยียนหรูอวี้โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัวนับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ความสามารถในการว่ายน้ำของเธอจัดว่าดีไม่แพ้ผู้ชาย เธอมีข้อได้เปรียบมาก อย่างไรเสียวิชาตัวเบาก็ใช้ในน้ำไม่ได้ พวกเขาตามเธอไม่ทันอย่างแน่นอน
เรื่องเดียวที่เธอลังเลก็คือ เธอควรจะพาเด็กทั้งสามไปด้วยหรือไม่
ถ้าว่าตามหลักการแล้ว เสือแม้จะดุร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง เหยียนหรูอวี้เป็นแม่แท้ๆ ของพวกเขา ย่อมต้องไม่ทำร้ายพวกเขา แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอมักจะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเหยียนหรูอวี้
อวี๋หวั่นกำลังเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถูกขังเอาไว้ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน เธอไม่รู้ว่าฟ้ามืดแล้วหรือว่าฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว
ในห้องอีกด้านหนึ่ง เด็กน้อยทั้งสามก็ตื่นแล้ว
เหยียนหรูอวี้ให้บ่าวยกน้ำร้อนเข้ามา ให้เด็กทั้งสามนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ แล้วค่อยๆ บรรจงอาบน้ำให้พวกเขา
“พวกเจ้าดูสิ แม่เป็นแม่ที่ดีแล้วนะ” เหยียนหรูอวี้ยิ้ม “หลังจากนี้ต้องรักแต่แม่ อย่าไปรักสตรีคนอื่นรู้ไหม?”
เด็กทั้งสามทำตาโตมองนาง
เหยียนหรูอวี้ตักน้ำอุ่นแล้วค่อยๆ รดลงบนหัวไหล่ของพวกเขา “ชอบแม่หรือไม่เล่า?”
ทั้งสามนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเจ้าก็ชอบเอง” เหยียนหรูอวี้วางกระบวยลง หยิบผ้าฝ้ายผืนแห้งมาเช็ดผมเปียกชื้นของพวกเขา จากนั้นก็อุ้มเด็กทั้งสามออกมาจากถังน้ำที่กำลังจะเย็น
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังก้องกัมปนาท
เหยียนหรูอวี้กำลังหยิบผ้าแห้งมาเช็ดตัวให้เด็กน้อย สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง เหยียนหรูอวี้ตัวสั่นเทิ้ม ผ่านไปชั่วประเดี๋ยวเดียว สายตาของนางก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย นางเขวี้ยงผ้าลงกับพื้น!
“แง้——”
เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ อวี๋หวั่นซึ่งสัปหงกไปก็ลืมตาตื่นขึ้น ไม่รู้ว่าเธอนั่นพิงหัวเตียงหลับไปตั้งแต่เมื่อไร
เสียงอะไร?
เสียงเด็กร้องไห้หรือ?
หรือว่าเธอฝันไป?
ในใจของอวี๋หวั่นรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี ใจเริ่มเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
เธอลุกขึ้นยืน เดินไปยังประตู แล้วลองเปิดดู ทว่าประตูไม่ขยับแม้แต่น้อย เธอจึงยกเท้าขึ้น แล้วถีบประตูเข้าเต็มแรง!
เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่านอกเรือดังเหลือเกิน แม้แต่เสียงอวี๋หวั่นถีบประตูก็ถูกกลบไปหมด ได้ยินเสียงดังถึงเพียงนี้แต่เธอไม่สะดุ้งไม่ตื่น ดูแล้วต้องเป็นเพราะถูกวางยาอย่างแน่นอน
อวี๋หวั่นถูกวางยาจริงๆ เพียงแต่ไม่ใช่ในชาหรือในอาหาร แต่เป็นยามที่เธอไม่รู้ตัว พวกเขารมยาในห้องของเธอ ยาที่พ่นเข้าไปนั้นออกฤทธิ์ได้นานถึงหนึ่งคืนเต็มๆ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเธอจะตื่นขึ้นได้ในเวลาเพียงครึ่งถ้วยชา
อวี๋หวั่นตามหาห้องของเหยียนหรูอวี้
เสียงของท้องฟ้าดังเสียจนอวี๋หวั่นต้องเข้าไปใกล้ กว่าจะได้ยินว่าห้องของเหยียนหรูอวี้เละเทะไปแล้ว
องครักษ์และสาวใช้ต่างกระวีกระวาดเข้ามา
ตามมาด้วยเสียงสูงระคายหูของแม่หลิน “พวกเจ้าทำอะไร? อย่ายืนบื้ออยู่! ไปหยุดคุณหนูไว้เร็ว!”
หยุดเหยียนหรูอวี้? เหยียนหรูอวี้ทำอะไร?
“อ๊ายย” สาวใช้อีกคนกระเด็นออกไปหลายก้าว อีกคนหนึ่งก็กลิ้งมาข้างขาของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นลอบคิดว่าตนเองต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน แต่สาวใช้คนนั้นกลับไม่ได้มองอวี๋หวั่นเลยแม้แต่น้อย นางหัวหกก้นขวิดวิ่งหนีออกไป
สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมทุกคนถึงดูตื่นกลัวกันขนาดนี้นะ?
เด็กๆ ไปไหนแล้ว? ยังอยู่ในห้องไหม?
“คุณหนู! หยุดเจ้าค่ะ! หยุดก่อน!”
เป็นเสียงร้องของแม่หลิน
อวี๋หวั่นจัดการสาวใช้คนหนึ่งจนสลบ แล้วเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อผ้าของนาง จากนั้นก็รุดเข้าไปในห้องของเหยียนหรูอวี้
ในห้องนั้นวุ่นวายอลหม่านไปหมด แม่หลินสลบไปแล้ว สาวใช้ก็วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง เหลือเพียงองครักษ์อยู่ไม่กี่คน พวกเขาไม่กล้าลงมือ เหยียนหรูอวี้ยืนอยู่ข้างเตียง มือหนึ่งจับเด็กน้อยคนหนึ่งเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งถือกระบี่
เด็กอีกสองคนที่เหลืออยู่บนเตียง มองนางด้วยความหวาดกลัว
องครักษ์ไม่กล้าทำให้เหยียนหรูอวี้บาดเจ็บ แต่เหยียนหรูอวี้กลับกล้าทำร้ายทุกคน แม้แต่เด็กน้อยในมือของนางก็ถูกฉุดกระชากลากถูกราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่ง
โทสะในใจของอวี๋หวั่นพลันพลุ่งพล่านขึ้นมา!
อวี๋หวั่นตรงเดินเข้าไป แล้วตบหน้าของเหยียนหรูอวี้ทิ่มลงบนเก้าอี้ เธอไม่ได้รอให้เหยียนหรูอวี้ตอบสนอง เธอปลดกระบี่ออกมาแล้วโยนลงไปบนพื้น จากนั้นก็แกะมือของนางออกแล้วดึงเสี่ยวเป่ามา
เสี่ยวเป่าตกใจกลัว ร่างน้อยๆ สั่นระริก
อวี๋หวั่นรู้สึกปวดใจเหลือเกิน!
รู้สึกปวดใจเจียนตาย!
อวี๋หวั่นพยายามห้ามไม่ให้ตนเองแทงดาบเข้ากลางอกของเหยียนหรูอวี้ แล้วกอดเสี่ยวเป่าเอาไว้
ในห้องนั้นมืดสนิท อวี๋หวั่นสวมเสื้อผ้าของสาวใช้ ทั้งยังปล่อยผม องครักษ์ไม่ทันสังเกตว่าเป็นอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกเจ้าอารักขาคุณหนู ข้าจะพาคุณชายน้อยไปห้องข้างๆ”
องครักษ์ไม่ได้เอะใจ จึงปล่อยให้อวี๋หวั่นเดินออกไป
อวี๋หวั่นพาเด็กน้อยทั้งสามมายังอีกห้องหนึ่ง เธอวางพวกเขาไว้บนเตียงซึ่งเย็นยะเยือก นั่งยองลง มองไปยังพวกเขา “ต้าเป่า เอ้อร์เป่า เสี่ยวเป่า ข้าเอง!”
เด็กทั้งสามหวาดกลัวสุดขีดจนลืมแม้แต่จะร้องไห้ เมื่อได้ยินเสียงของอวี๋หวั่น และเห็นหน้าอวี๋หวั่น ก็ร้องไห้ออกมาทันที!
………………………………………