บทที่ 73 ครอบครัวพร้อมหน้า (1)
Ink Stone_Romance
เมื่ออวี๋หวั่นเห็นเขา จิตใจก็พลันสงบลง
เธอมองเขาซึ่งอยู่ไกลออกไป เขามองเธอเช่นกัน ราวกับอยู่ห่างกันหมื่นสายน้ำพันภูผากั้น แต่ก็เหมือนกับอยู่ใกล้กันเพียงคืบเดียว อวี๋หวั่นได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นระรัว
“องค์ชาย…ด้านหลังเยี่ยนจิ่วเฉา…คงไม่ใช่กองทัพเรือของเมืองเยี่ยนกระมัง?” จวินฉางอันพึมพำ สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เยี่ยนไหวจิ่งสีหน้าถมึงทึง เขาเป็นถึงองค์ชายแห่งต้าโจว ย่อมมีความเข้าใจด้านกองทัพของต้าโจวมากกว่าจวินฉางอันซึ่งเป็นชาวยุทธภพ นั่นคือกองทัพเรือแห่งเมืองเยี่ยนอย่างไรเล่า!
ใต้หล้าล้วนรู้ว่าเมืองเยี่ยนร่ำรวย ร่ำรวยล้นฟ้า แต่กลับหลงลืมไปว่าเมืองที่มั่งคั่งเช่นนี้ก็ยังอุปถัมภ์กองทัพเรือที่เก่งกาจ นี่เป็นกองทัพเรือที่เกรียงไกรที่สุดในต้าโจว ว่ากันว่าในอาณาเขตสามพันหลี่รอบชายฝั่ง เหล่าโจรสลัดล้วนถูกกองทัพเรือนี้ปราบไปจนไม่เหลือ
แน่นอนว่ากองทัพเรือนี้ มิใช่เพียงผ่านการฝึกฝนอย่างยากลำบากจึงจะเป็นได้ ลำพังเรือรบชั้นดีหนึ่งลำ ยังต้องใช้เงินมหาศาล เฉวียนโจวและติ้งโจวก็มีกองทัพเรือเช่นกัน น่าเสียดายที่ไม่อาจเทียบกับกองทัพเรือของเมืองเยี่ยนได้
เยี่ยนจิ่วเฉากลับเมืองหลวงมาครานี้ มีกองทัพเรือคอยอารักขามาด้วย แต่สิ่งที่เยี่ยนไหวจิ่งมิได้คาดคิดก็คือกองทัพสำหรับป้องกันอาณาเขตทางน้ำและชายฝั่งนั้นถูกเยี่ยนจิ่วเฉาเรียกมาปราบเรือเล็กเพียงลำเดียว
หากจะบอกว่าเป็นการเชือดไก่ด้วยมีดเชือดวัวก็จะเป็นการยกยอปอปั้นเยี่ยนจิ่วเฉาไปสักหน่อย ควรจะเรียกว่าเรียกช้างมาทั้งโขลงเพื่อฆ่าแมลงสาบเพียงตัวเดียวเห็นจะเหมาะกว่า
ต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ?!
นำกองทัพเรือมามากถึงเพียงนี้ ไม่ต้องจ่ายเงินหรืออย่างไร?!
เขาร่ำรวย แต่ต้องเอาเงินมาผลาญกับเรื่องเแบบนี้หรือ?!
เรือที่เยี่ยนไหวจิ่งนั่งอยู่เป็นเรือทางการที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง เรือลำใหญ่และมีอุปกรณ์พรั่งพร้อมครบครัน เรียกได้ว่าเป็นพญาอินทรีย์แห่งผืนน้ำ แต่เมื่อเรือของเยี่ยนจิ่วเฉาเคลื่อนเข้ามาใกล้ เรือของเขาก็กลายเป็นเพียงลูกไก่ในสวนหลังบ้านทันที
จวินฉางอันปิดตา
ทนดูไม่ไหว ทนดูไม่ไหวแล้ว…
เรือรบเคลื่อนมาอย่างยิ่งใหญ่ เข้ามาล้อมเรือของเหยียนหรูอวี้และเรือของเยี่ยนไหวจิ่งอย่างไม่ครั่นคร้าม
ทว่าเรือของเยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่ใช่เรือรบ หากแต่เป็นเรือสำราญซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม หรูหรากว่าเรือของเหยียนหรูอวี้ถึงสามเท่าเห็นจะได้ คู่ควรสมฐานะของคุณชายผู้สูงส่ง
ไม่อยากจะคิด คนไร้ความสามารถเช่นนี้จะนำทัพเรือของเมืองเยี่ยนออกมาได้
เยี่ยนไหวจิ่งสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ขณะที่เหยียนหรูอวี้ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็ตะลึงงันกับกองทัพเรือที่เคลื่อนมาอย่างแน่นขนัด
นางเคยขบคิดสารพัดร้อยแปดความเป็นไปได้ที่จะถูกเยี่ยนจิ่วเฉาไล่ล่า แต่เรื่องนี้…ไม่เคยมีอยู่ในสมองนางเลยสักนิด หากเยี่ยนจิ่วเฉากดดันนาง นางจะใช้เด็กทั้งสามเป็นข้อต่อรอง แต่บัดนี้นางคิดว่าตนเองออกจะไร้เดียงสาเกินไปสักหน่อย
ผู้ที่สามารถนำทัพเรือออกมาได้เช่นนี้ จะยอมให้ใครมาข่มขู่หรือ?
เรือของเยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ เรือของเขากระแทกกับเรือทางการของเยี่ยนไหวจิ่ง ดูคล้ายกับจะไม่ทันระวัง ทว่ากลับกระแทกเสียจนเรือของเยี่ยนไหวจิ่งเคลื่อนห่างออกไป เรือสำราญลำยักษ์ของเยี่ยนจิ่วเฉาจึงเข้ามาแทรกด้วยความหยิ่งผยอง
เรือสำราญกินน้ำลึก ลำเรือสูง เยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่บนหัวเรือ มองลงมายังเรือของเหยียนหรูอวี้ ผู้คนต่างก็เงยหน้ามองเขา สำหรับผู้ที่คุ้นชินกับการถูกมองขึ้นมาอย่างเยี่ยนไหวจิ่ง ความรู้สึกนี้มิได้น่าอภิรมย์เท่าไรนัก
“พวกเจ้าทั้งสอง ใจกล้าเหลือเกิน” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
อวี๋หวั่นถูกสกัดจุดไว้ เคลื่อนไหวไม่ได้ แน่นอนว่าเธอย่อมไม่สามารถเงยหน้ามองเยี่ยนจิ่วเฉาได้เช่นกัน แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขา ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
เยี่ยนไหวจิ่งรู้สึกได้ถึงจังหวะการหายใจที่เปลี่ยนไปของอวี๋หวั่น คิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว “เยี่ยนจิ่วเฉา เจ้ารู้หรือไม่ว่าการนำทัพเรือออกมาโดยพลการนั้นมีโทษสถานใด?”
กองทัพเรือก็เหมือนกับกองทัพของเมืองหลวง มิใช่ว่าอยู่ๆ จะนำออกมาประกาศศักดาได้ กองทัพก็มีกฎของกองทัพ ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ย่อมต้องมีเหตุผลมากพอที่จะเคลื่อนทัพ
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ ในคอ แล้วกล่าวว่า “ความสุขข้า เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
เยี่ยนไหวจิ่ง “…”
แน่นอนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
“แต่กองทัพเรือของเมืองเยี่ยน…” เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ยปากพูด แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาตัดบทเสียก่อน
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “เจ้าก็รู้นี่ว่าเป็นทัพเรือของเมืองเยี่ยน ข้าเป็นคุณชายเมืองเยี่ยน ข้าจะทำอย่างไรพวกเขาก็ทำเช่นนั้น ไม่เชื่อเจ้าก็ลองเลี้ยงกองทัพเรือเล่นๆ บ้างสิ”
ละ…เลี้ยงกองทัพเรือ…เล่นๆ ?
เยี่ยนไหวจิ่งแทบจะกระอักเลือด กระนั้นเยี่ยนไหวจิ่งก็ไม่อาจโต้แย้งได้ แม้คำพูดของเยี่ยนจิ่วเฉาจะฟังดูคุยโวโอ้อวดอยู่บ้าง แต่เขาก็พูดไม่ผิด กองทัพเรือของเมืองเยี่ยนมีคน ‘เลี้ยง’ จริงๆ เงินอุดหนุนจากราชสำนักไม่เพียงพอสำหรับบำรุงรักษาเรือรบเสียด้วยซ้ำไป เงินทั้งหมดย่อมมาจากการอุปถัมภ์ของจวนเยี่ยนอ๋อง กองทัพเรือจึงยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวันเช่นนี้ได้
พวกเขามีเรือรบที่แข็งแกร่ง อาจหาญ และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุดในต้าโจว
ทั้งหมดนี้ล้วนต้องพึ่งพาเงินจากจวนเยี่ยนอ๋อง
หากถามว่าเงินของจวนเยี่ยนฮ่องได้มาจากที่ใดนั้น แน่นอนว่าต้องยกความดีความชอบให้เมืองเยี่ยน เมืองที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในต้าโจว
ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดคนจำนวนมากจึงอยากเห็นจุดจบของเยี่ยนจิ่วเฉา สิ่งที่เขามีทำให้ผู้คนล้วนแต่อิจฉาตาร้อน
เยี่ยนไหวจิ่งเค้นกำปั้นใต้แขนเสื้อแน่น
เขาเป็นผู้สืบทอดอำนาจของต้าโจว เขามิได้กระหายอยากได้พื้นที่เพียงเล็กน้อย แต่การกระทำของเยี่ยนจิ่วเฉาคอยย้ำเตือนเขาทุกครั้งว่าสิ่งที่เขามีทั้งหมดนั้นน้อยเกินไปสำหรับเยี่ยนจิ่วเฉา คนที่เสด็จพ่อใส่ใจมากที่สุดคือเยี่ยนจิ่วเฉา หาใช่เขาไม่ ภายภาคหน้าเขาจะได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากเสด็จพ่อหรือไม่ก็มิอาจรู้ได้
ทว่าเหยียนหรูอวี้กลับเห็นต่างจากเยี่ยนไหวจิ่งโดยสิ้นเชิง นางชื่นชอบเยี่ยนจิ่วเฉา ยิ่งเยี่ยนจิ่วเฉาแกร่งกล้ามากเท่าไร นางก็ยิ่งดีใจ แต่เมื่อนึกได้ว่าหัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉามิได้เป็นของตน นางก็ดีใจไม่ออกเสียแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉาขี้คร้านจะมากความกับทั้งสอง เขาโบกมือให้กับอิ่งสือซันและอิ่งลิ่ว พร้อมกับกล่าวว่า “ลงมือได้”
“ขอรับ!”
ทั้งสองตอบรับ ใช้วิชาตัวเบา พุ่งทะยานขึ้นไปบนเรือของเหยียนหรูอวี้
อิ่งสือซันเข้าไปหาอวี๋หวั่น ส่วนอิ่งลิ่วเข้าไปด้านในเพื่อตามหาคุณชายน้อยทั้งสามที่ไม่รู้ว่าแม่หลินพาไปซ่อนไว้ที่ใด
เยี่ยนไหวจิ่งไม่สนว่าเด็กทั้งสามอยู่ที่ใด เขาสนเพียงแค่อวี๋หวั่น ในใจเขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น เขาไม่อาจยอมให้อวี๋หวั่นไปกับเยี่ยนจิ่วเฉาได้!
“ฉางอัน!”
ทันทีที่เขาออกคำสั่ง จวินฉางอันก็ชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าหาอิ่งสือซัน
จวินฉางอันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ย่อมได้ ครั้งก่อนข้ากับเจ้าไม่รู้ผลแพ้ชนะ ครั้งนี้จะทำให้เจ้าได้รู้ว่าคุณชายเก่งกาจเพียงใด!”
ที่หอเทียนเซียง จวินฉางอันและอิ่งสือซันฝีมือสูสีกัน หากกล่าวถึงวิทยายุทธ์ จวินฉางอันเชื่อว่าตนไม่เป็นรองอิ่งสือซัน แต่สิ่งที่ทำให้จวินฉางอันประหลาดใจก็คือ ไม่พบกันเพียงเดือนเดียว เหตุใดวิทยายุทธ์ของคนผู้นี้ข้ามขั้นไปไกลถึงเพียงนี้?
อิ่งสือซันตวัดกระบี่ใส่คมดาบของจวินฉางอัน ตัดดาบของจวินฉางอันหัก
จวินฉางอันมองดาบของตนอย่างไม่เชื่อสายตา “…เป็นไปได้อย่างไร?”
อิ่งสือซันบุกเข้าไปด้วยจิตสังหารรุนแรง
ภายใต้เงาของดาบและกระบี่ เยี่ยนจิ่วเฉากระโดดลงไปบนเรือของเหยียนหรูอวี้อย่างปราศจากความหวาดกลัว เขาดึงแก้มของอวี๋หวั่น อุ้มช้อนอวี๋หวั่นขึ้นมา แล้วเดินบนไม้กระดานข้ามกลับไปยังเรือของตน
เยี่ยนไหวจิ่งนัยน์ตาเย็นเยียบ เขายกมือขึ้นหมายจะเข้าไปชิงตัวอวี๋หวั่นกลับมา แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีทวนยาวพุ่งเข้ามาปักข้างเท้าของเขา จนเขาต้องถอยหลังกลับไปสองก้าว เขาเงยหน้ามองเรือรบสองลำซึ่งขนาบข้างอยู่อย่างเหลือเชื่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “บังอาจนัก! รู้หรือไม่ว่าสังหารองค์ชายมีโทษสถานใด?”
หัวหน้ากองทัพเรือตอบอย่างไม่ครั่นคร้าม “ผู้ที่ทำร้ายคุณชาย ตาย!”
ทุกคนยกทวนขึ้นมา แล้วเล็งไปยังเยี่ยนไหวจิ่ง
เยี่ยนไหวจิ่งรู้ได้ทันทีว่าหากตนผลีผลามลงมือ คนกลุ่มนี้จักต้องยิงเขาจนพรุนเป็นแน่
เขาเป็นองค์ชาย เขายังไม่กล้าปฏิบัติต่อเยี่ยนจิ่วเฉาเช่นนี้ แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับกล้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้?
น่ารังเกียจชะมัด!
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มอวี๋หวั่นกลับขึ้นเรือไปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง อิ่งลิ่วก็ตามหาแม่หลินและคุณชายน้อยทั้งสามจนพบ และแย่งชิงคุณชายน้อยมาจากแม่หลิน
คุณชายน้อยตกใจกลัวตลอดทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็ฟ้าสางแล้ว บัดนี้ก็ยังหลับใหลอยู่ในตะกร้า
ทั้งสตรีและเด็กต่างก็หาเจอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงใจคนเหล่านี้อีกต่อไป
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นว่า “อิ่งสือซัน”
อิ่งสือซันรับคำ จากนั้นก็รุกเข้าไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า จวินฉางอันถูกพลังมหาศาลโหมซัดใส่จนลงไปนอนกองอยู่บนพื้น แขนของเขาชาไปครึ่งหนึ่ง ปวดร้าวไปทั้งศีรษะ เลือดคาวละทักขึ้นมาจากลำคอ เขาพยายามกดมันเอาไว้ ทว่าผลกลับตรงกันข้าม เขากระอักเลือดสดออกมา
“จวินฉางอัน!” เยี่ยนไหวจิ่งหน้าซีดเผือด
“หึ” เยี่ยนจิ่วเฉากลอกตาอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับพูดอย่างโอหังว่า “จมมันเดี๋ยวนี้ อย่าให้เหลือแม้แต่ไม้แผ่นเดียว”
ไม่ทันรอให้เยี่ยนไหวจิ่งขบคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาหมายความว่าอย่างไร หินก้อนมหึมาก็พุ่งข้ามศีรษะของเขาไปชนเข้ากับเรือของเหยียนหรูอวี้ ดาดฟ้าของเรือทะลุเป็นโพรงใหญ่เท่าศีรษะมนุษย์ น้ำจากทะเลสาบทะลักขึ้นมา
จากนั้นก็ตามมาด้วยหินก้อนที่สอง ก้อนที่สาม…ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากเรือรบ เสียงกรีดร้องดังมาจากเรือหรูลำนั้น
ผ่านไปเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว เรือหรูของเหยียนหรูอวี้ก็แหลกละเอียดไร้ชิ้นดี
…………………………………………………