หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 74 แม่จะพาพวกเจ้ากลับบ้าน

บทที่ 74 แม่จะพาพวกเจ้ากลับบ้าน

Ink Stone_Romance

เหยียนหรูอวี้เหลียวมองจวนสกุลเหยียนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหอบห่อผ้าออกไป
ฮูหยินเหยียนรอบคอบ ไม่เพียงเตรียมเงินค่าเดินทางให้นาง ยังนำใบผ่านทาง[1]สำหรับระบุตัวตนใส่เอาไว้ในห่อผ้าอีกด้วย ทว่าใบผ่านทางนั้นไม่ใช่ของนาง หากแต่เป็นของบ่าวคนหนึ่ง สถานะของนางในตอนนี้ หากปลอมเป็นบ่าวจะง่ายต่อการเดินทางออกนอกเมืองมากกว่า
“เคยเห็นคนคนนี้หรือไม่?”
เหยียนหรูอวี้เพิ่งเดินออกมาจากตรงข้างจวนสกุลเหยียน ก็เห็นองครักษ์จากจวนคุณชายเยี่ยนกำลังถือภาพเขียน ไต่ถามผู้คนบนท้องถนน
สตรีในภาพเขียนนี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเหยียนหรูอวี้นั่นเอง
เหยียนหรูอวี้มิได้คาดคิดเลยว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะลงมือรวดเร็วเพียงนี้ ตัวนางเองยังมิทันได้ตั้งสติ ไม่กี่วันก่อนนางยังเป็นคุณหนูจวนเหยียนโหวผู้สูงศักดิ์ เป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่เยี่ยนจิ่วเฉาเคยแตะต้อง เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของคุณชายน้อยทั้งสาม ทว่าตอนนี้นางกลับกลายเป็นเพียงหนูตัวหนึ่งที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่บนถนน
 เหยียนหรูอวี้กำหมัดแน่น พลางสูดหายใจเข้าลึก
“ผู้นำตัวสตรีในรูปมาส่งได้ จะได้รางวัลสองร้อยตำลึง” องครักษ์ของจวนคุณชายประกาศก้อง
เหยียนหรูอวี้ไม่กล้าอยู่ตรงนั้นนาน นางกอดห่อผ้าแน่น ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปปะปนกับฝูงชน
ด้วยเหตุนี้ นางจำเป็นต้องออกจากเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด จึงเลือกใช้ประตูเมืองทิศตะวันตกซึ่งมีผู้คนบางตาที่สุด แต่เมื่อเดินไปถึงประตูเมือง ก็พบว่าที่นั่นมีองครักษ์จากจวนคุณชายประจำการอยู่เช่นกัน! ภาพของนางถูกแปะไว้เต็มไปหมด ทั้งบุรุษและสตรีที่จะออกนอกเมืองล้วนต้องผ่านการตรวจทีละคน
เช่นนั้นนางก็ใช้ประตูเมืองทิศตะวันตกไม่ได้แล้ว
นางจึงไปยังประตูเมืองทิศเหนือ ที่นั่นก็มีคนของจวนคุณชายควบคุมอยู่เช่นกัน
ประตูเมืองทิศใต้และทิศตะวันออกไม่จำเป็นต้องไปดูก็สามารถเดาได้ว่าไม่ได้แตกต่างจากที่นี่
เหยียนหรูอวี้ทั้งโมโหทั้งกระวนกระวายใจ โมโหที่บุรุษผู้นั้นไร้เยื่อใย กระวนกระวายใจที่รอบเมืองมีการป้องกันหนาแน่นถึงเพียงนี้ เห็นทีการหนีออกจากเมืองหลวงครั้งนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว
เหยียนหรูอวี้ตัดสินใจกลับไปในเมือง
นางคิดว่าจะเช่าห้องในโรงเตี๊ยมพักสักคืน รอจนฟ้ามืดค่อยคิดหาวิธี
สิ่งที่นางมิได้คาดคิดก็คือ ระหว่างทางไปยังโรงเตี๊ยม นางก็พบกับคนคุ้นเคย ซึ่งก็คือไป๋ถัง คุณหนูแห่งหอหยกขาวนั่นเอง
ไป๋ถังล้มป่วยมานาน ในที่สุดนางก็ ‘อาการดีขึ้น’ ด้วยฝีมือของปรมาจารย์และหมอเทวดาหลายท่าน แม้ว่าจะไม่ ‘หายดี’ ในฉับพลัน แต่นางก็ไม่อาจถูกขังอยู่ในห้องได้ทุกวี่ทุกวัน จึงถือโอกาสที่บิดาออกไปเจรจาการค้าวัตถุดิบ แอบออกมาข้างนอก
ไป๋ถังพักรักษาตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ไม่ได้ยินข่าวคราวในเมืองหลวง ไม่รู้เรื่องของเหยียนหรูอวี้ ดังนั้นต่อให้เหยียนหรูอวี้ยืนอยู่ต่อหน้านาง นางก็คงไม่ได้นึกสงสัยแม้แต่น้อย แต่เหยียนหรูอวี้กลับไม่คิดเช่นนั้น
ในความคิดของเหยียนหรูอวี้ ไป๋ถังสนิทสนมกับอวี๋หวั่น หากไป๋ถังพบนางเข้า ย่อมต้องเรียกทหารมาจับนางไปส่งจวนคุณชายเยี่ยนเป็นแน่
เหยียนหรูอวี้จึงรีบหันหลัง มุ่งหน้าไปยังถนนอีกสายหนึ่ง
เพียงแต่ว่าระหว่างที่นางกำลังปลีกตัวหนีไป๋ถังนั้นเอง กลับชนเข้ากับสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง
“โอ๊ย!”
สตรีผู้นั้นถูกไป๋ถังชนจนล้มหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
“คุณหนู! ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ!” สาวใช้ซึ่งอยู่ด้านข้างรีบเข้ามาพยุงนาง
ผู้ที่ถูกชนจนล้มลงไปก็คือคุณหนูหลี่ บุตรสาวของรองเสนาบดีกรมทหาร ทั้งยังเคยเป็นเพื่อนสนิทของเหยียนหรูอวี้อีกด้วย
วันนี้คุณหนูหลี่ไปหาเหยียนหรูอวี้ที่จวนสกุลเหยียน นางได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเหยียนหรูอวี้ จึงหมายจะไปถามเหยียนหรูอวี้ว่าจริงหรือไม่ หากเป็นความจริง หลังจากวันนี้นางกับเหยียนหรูอวี้ก็คงต้องขาดกัน หากเป็นความเท็จ นางก็จะช่วยเหยียนหรูอวี้คิดหาวิธี ทว่าเพิ่งออกจากจวน ก็ถูกสตรีชาวนามอซอคนหนึ่งชนเข้าอย่างจัง จนขนมที่นางเพิ่งซื้อมาในมือคว่ำลงบนพื้น
คราก่อนถูกสตรีชาวบ้านคนหนึ่งทำให้นางเสียหน้า นางมิได้ด่าทอด้วยคำผรุสวาท วันนี้ถูกนางชั่วนี่ชนเข้าเต็มแรง คุณหนูหลี่โมโหสุดขีด เดินไปเบื้องหน้าเหยียนหรูอวี้แล้วตบหน้านางหนึ่งฉาด!
“นางชั่ว! เดินไม่มองทางหรืออย่างไร? กล้าชนข้าหรือ! เจ้าอยากตายใช่หรือไม่!”
ในอดีต มีแต่ผู้คนมาห้อมล้อมคอยประจบประแจงนาง บ้างก็ถูกนางตบเข้าฉาดหนึ่งกลางฝูงชน ความโกรธปรากฏในดวงตาของเหยียนหรูอวี้
“ทำไม? ไม่พูด? เป็นใบ้รึ? ” คุณหนูหลี่มองไปยังสตรีชาวบ้านซึ่งยกมือขึ้นมาปิดหน้า “ข้าอยากจะเห็นหน้านักว่าใบหน้าเจ้าจะงามยั่วบุรุษเพียงใดกัน สตรีบ้านนอกอย่างพวกเจ้า ก็ทำได้แต่ยั่วบุรุษไปวันๆ เท่านั้นแหละ!”
คุณหนูหลี่เดินเข้าไปคว้าใบหน้าของเหยียนหรูอวี้ เหยียนหรูอวี้ผงะถอยไปโดยสัญชาตญาณ
“ยังกล้าหลบอีกรึ?” คุณหนูหลี่จับแขนของนางเอาไว้
เหยียนหรูอวี้กำมือแน่น จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที นางหลุบตาลงแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยชนคุณหนู ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยขออภัยคุณหนู คุณหนูใจกว้าง ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ”
คุณหนูหลี่แค่นเสียงขึ้นจมูก ชักมือกลับไป “ก็แค่นั้น! ในเมื่อเจ้ารู้จักยอมรับผิด ข้าก็จะไม่เอาความ เจ้าคุกเข่าไปครึ่งชั่วยาม สำนึกผิดด้วยความจริงใจ อย่าได้ตุกติก ข้าจะให้คนคอยจับตาดูเจ้า!”
เหยียนหรูอวี้ตัวเกร็งด้วยความอดสู
นางเป็นคุณหนูจวนเหยียนโหวผู้สูงส่ง บัดนี้กลับต้องมาคุกเข่าสำนึกความผิดต่อหน้าผู้คน
นางเหลือบมององครักษ์ของคุณหนูหลี่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
คุณหนูหลี่พูดอย่างไรทำอย่างนั้น นางให้องครักษ์สองคนอยู่เฝ้า
“องครักษ์อิ่ง จะให้จับนางหรือไม่?”
ในตรอกที่ห่างออกไปไม่ไกล องครักษ์ของจวนคุณชายเยี่ยนคนหนึ่งชี้ไปยังด้านหลังของเหยียนหรูอวี้
พวกเขาตามแกะรอยเหยียนหรูอวี้จนพบตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้จับนางก็เท่านั้น
อิ่งสือซันซึ่งนั่งอยู่บนรถม้าส่ายหน้า “ไม่ต้อง ให้นางคุกเข่าไป คนที่ให้เจ้าหา เจ้าหาเจอหรือยัง?”
“เจอแล้วขอรับ” เขาตอบ
“อยู่ที่ใดเล่า?” อิ่งสือซันเอ่ยถาม
องครักษ์ลากหัวขโมยออกมา แล้วพูดกับอิ่งสือซันว่า “พวกเขาอยู่บนถนนเส้นนี้ มีลูกน้องสิบกว่าคน เชี่ยวชาญการกรรโชกทรัพย์ นี่คือนายท่านสือซัน รีบคำนับนายท่านสือซันเร็ว!”
สองประโยคสุดท้าย เขาบอกกับหัวขโมย
หัวขโมยกลุ่มนี้นับว่าค่อนข้างมีหน้ามีตาในพื้นที่ มิใช่มีผู้คนสนับสนุนมาก แต่พวกเขาสามารถรับมือกับเจ้าหน้าที่ทางการได้อย่างไร้ปัญหา ทว่าไหนเลยจะรู้ว่าจะถูกองครักษ์ของจวนคุณชายเยี่ยนจัดการเสียก่อน
เขารีบโขกศีรษะคำนับอิ่งสือซัน “ข้าน้อยเคยพบนายท่านสือซัน! นายท่านสือซันใจกว้าง ได้โปรดปล่อยข้าน้อยไปเถิด! ข้าน้อยจะไม่ลักขโมยอีกแล้ว!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” อิ่งสือซันเอ่ยขึ้น
หัวขโมยตกใจ
อิ่งสือซันพูดต่ออย่างไม่รีบร้อน “ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า หากทำได้ดี วันนี้ข้าก็จะถือว่าไม่เคยเจอพวกเจ้า”
หัวขโมยมีสีหน้ากระวนกระวาย
องครักษ์ยกเท้าขึ้นถีบเขาครั้งหนึ่ง “ได้ยินหรือไม่?”
“ดะ…ได้…ได้…ได้ยินแล้วขอรับ! ” หัวขโมยพยักหน้างกๆ “ขอเพียงนายท่านสือซันสั่ง! เผาเรือนฆ่าคนข้าน้อยก็ทำได้!”
อิ่งสือซันหัวเราะอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องเผาเรือนฆ่าคน ปกติแล้วพวกเจ้า ‘จัดการ’ อย่างไร ประเดี๋ยวก็ทำเช่นนั้นแหละ”
หัวขโมยตะลึงงัน “เอ่อ…ขอรับ! ขอรับ! ข้าน้อยเข้าใจแล้ว! จะทำให้สุดฝีมือขอรับ!”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม องครักษ์ของสกุลหลี่ก็กลับไป ในที่สุดเหยียนหรูอวี้ก็เป็นอิสระ
เหยียนหรูอวี้ได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยตกระกำลำบาก เมื่อลุกขึ้นยืน ขาทั้งสองข้างก็บวม หัวเข่าปวดร้าวประหนึ่งจะหลุดออกจากขา
แต่กระนั้นนางก็ไม่อาจรั้งรออยู่ที่นี่ต่อไป คนของคุณชายเยี่ยนจะมาพบเข้าเมื่อไรก็ได้ นางจึงรีบเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างเร็วที่สุด โชคดีที่โรงเตี๊ยมไม่ไกลออกไป อย่างไรพักที่นี่ก็คงอยู่รอดปลอดภัยไปอีกคืน
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็อดทนต่อความเจ็บปวดที่ขา มือดันกำแพงพยุงตัวเองขึ้นมา
นางเดินไปยังโรงเตี๊ยมทีละก้าวๆ แต่เมื่อเดินผ่านตรอกเล็กสายหนึ่ง ก็ถูกมือสกปรกฉุดเข้าไปด้านใน เหยียนหรูอวี้หน้าถอดสีทันที “อ๊าาาา”
มือสกปรกนั้นปิดปากของเหยียนหรูอวี้ เจ้าของมือข้างนั้นพูดข่มขู่ว่า “หุบปาก! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
เหยียนหรูอวี้มองอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัว อีกฝ่ายเป็นโจรหนวดเฟิ้ม มือหนึ่งปิดปากของเหยียนหรูอวี้เอาไว้ อีกมือหนึ่งจ่อดาบไว้ที่คอของนาง ด้านหลังของเขามีลูกน้องท่าทางน่ากลัวอีกเจ็ดแปดคน
พวกโจรเหล่านี้ล้วนบ้าระห่ำ เหยียนหรูอวี้ไม่กล้าส่งเสียงร้อง
หัวขโมยปล่อยมือจากเหยียนหรูอวี้ แล้วใช้ดาบกดนางเอาไว้ จากนั้นก็ส่งสายตาให้ลูกน้อง พวกเขาจึงเข้าไปแย่งห่อผ้าของเหยียนหรูอวี้มา
เหยียนหรูอวี้พลันสีหน้าเปลี่ยนทันที “ข้าให้เงินพวกเจ้า! ให้พวกเจ้าหมดเลย!”
นางพูดพลางหยิบเงินหยวนเป่าและเหรียญในห่อผ้าออกมา เป็นเงินนับพันตำลึง เหล่าโจรตาเป็นประกาย เงินมากเหลือเกิน มารดามันเถอะ! จะรวยแล้ว!
“พี่ใหญ่ มีเครื่องประดับอีก!” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
เหยียนหรูอวี้นัยน์ตาประตุก นางให้ไปมากเพียงนี้ คนพวกนี้ยังไม่รู้จักพอ ยังอยากได้เครื่องประดับอีกรึ?
“มีเรื่องประดับหรือไม่? ส่งมาให้หมด!” หัวขโมยยื่นปลายดาบไปจ่อคอของนาง
เหยียนหรูอวี้สู้คนเหล่านี้ไม่ไหว จึงทำได้เพียงหยิบกล่องเครื่องประดับออกมา
หัวขโมยเปิดกล่องออกมา ของดี ทั้งหมดล้วนทำจากทอง!
“ยังมีอีกหรือไม่?!” หัวขโมยตวาด
เหยียนหรูอวี้อยากร่ำไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา “ไม่มี…ให้พวกเจ้าไปหมดแล้ว…”
“นี่คืออะไร?” หัวขโมยใช้ปลายดาบเคาะถุงผ้า เขาได้ยินเสียงใสเมื่อปลายดาบกระทบกับของชิ้นนั้น หรือว่าจะเป็นเครื่องหยกล้ำค่า?
ไม่แปลกที่หัวขโมยจะสงสัยว่าแท้จริงแล้วสตรีผู้นี้มีพื้นเพไม่ธรรมดา ใส่เสื้อผ้ามอซอดูไม่ได้ ประหนึ่งสตรีชาวนา แต่กลับหยิบเงินออกมาถึงสองพันตำลึง เครื่องทองอีกหนึ่งกล่อง ใครจะไปรู้ว่านางยังซ่อนของมีค่าอันใดไว้อีกหรือไม่?
หัวขโมยยื่นมือเข้าไปหยิบห่อผ้าเล็กๆ ออกมา เหยียนหรูอวี้ก็แย่งมันมากอดเอาไว้แน่น
“เอ๋?” หัวขโมยมองนางด้วยสายตาประหลาด ก่อนหน้าส่งเงินและเครื่องประดับให้ไม่ยักลังเล บัดนี้กลับหวงแหนถึงเพียงนี้ หรือว่าจะเป็นของที่มีค่ามากกว่าเงิน?
ต้องใช่แน่ๆ!
หัวขโมยชักมีดขึ้นมากดเธอเอาไว้อีกครั้ง “ส่งของมา! ไม่เช่นนั้นข้าจะแทงเจ้าให้ตาย!”
เหยียนหรูอวี้ขอบตาแดงก่ำ “เงินและเครื่องประดับก็ให้พวกเจ้าไปแล้ว…ข้าขอร้อง..อย่ายุ่งกับ…มัน…ไม่มีค่าอะไร…พวกเจ้าเอาไปก็ไม่มีประโยชน์…”
“ไม่มีค่าแล้วไยต้องปกป้องถึงเพียงนั้น! ใครจะไปเชื่อ!” หัวขโมยยื่นมือเข้าไปแย่งมา
เหยียนหรูอวี้ไม่ยอมให้ นางค้อมตัว กอดห่อผ้าใบเล็กเอาไว้แน่น
หัวขโมยยืนขึ้น แล้วถีบนางเข้าหนึ่งที
เมื่อเหยียนหรูอวี้ถูกถีบก็ล้มคะมำไปข้างหน้า แต่กระนั้น นางก็ไม่ยอมปล่อยของในอ้อมกอด นางใช้ข้อมือยันพื้นเอาไว้ ทำให้ผิวหนังที่ข้อมือหลุดออก เลือดสดสีแดงฉานไหลออกมา
หัวขโมยเห็นว่านางปกป้องมันถึงเพียงนั้น ก็ยิ่งเชื่อว่าในห่อผ้าต้องมีของดีอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าจับนางเอาไว้!” หัวขโมยออกคำสั่ง ลูกน้องก็กรูกันเข้ามากดแขนและขาของเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้พุ่งเข้าไปกัดแขนที่ยื่นเข้ามาหมายจะจับนางอย่างแรง!
“นางตัวเหม็น!” ลูกน้องซึ่งถูกกัดตบหน้านางหนึ่งฉาด
เหยียนหรูอวี้ถูกตบจนรู้สึกว่าหน้าชาไปซีกหนึ่ง ห่อผ้าที่นางกอดเอาไว้ สุดท้ายก็ถูกชิงไปจนได้
“พี่ใหญ่ เอ้า!” ลูกน้องส่งห่อผ้านั้นให้หัวขโมย
เหยียนหรูอวี้พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับถูกเหล่าลูกน้องของหัวขโมยจับเอาไว้ นางกรีดร้องโหยหวนออกมา “คืนให้ข้า! คืนให้ข้าาาา”
“ช่วยด้วยยย ช่วยด้วยยยย”
“ใครก็ได้!”
ในตอนนี้นางมิได้สนอีกต่อไปว่าจะถูกคนจากจวนคุณชายเยี่ยนจับตัวหรืออย่างไร นางไม่อาจให้ผู้ใดมาแตะต้องของสิ่งนั้น นั่นคือลูกของนาง ลูกของนาง!
น่าเสียดายที่นางร้องจนเสียงแหบพร่า แต่กลับไม่มีผู้ใดมาช่วย
หัวขโมยเปิดห่อผ้าออก “เอ๋? มีโถอยู่สองใบ?”
“เจ้าอย่าแตะของของข้านะ! เอามือสกปรกของเจ้าออกไป!” เหยียนหรูอวี้ร้อง
หัวขโมยแสยะยิ้ม “ข้าแตะแล้วอย่างไร?”
“เจ้ากล้ารึ?” เหยียนหรูอวี้ตวาด
หัวขโมยแค่นหัวเราะ หยิบโถนั้นออกมา เขาขมวดคิ้ว “อะไรหรือ? ขี้เถ้าหรือ?”
เหยียนหรูอวี้ตื่นตระหนก นางไม่กล้าข่มขู่เขาอีกแล้ว นางตัวสั่นงก “เป็นเถ้ากระดูก…ไม่ใช่เงิน…ไม่มีค่า…เจ้าอย่าแตะต้องมัน…”
“เถ้ากระดูกของผู้ใดน้อยถึงเพียงนี้? เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ?” หัวขโมยขมวดคิ้ว
เหยียนหรูอวี้น้ำตาไหลพราก “เป็น…เป็นเถ้ากระดูกของลูกข้า…พวกเขา…พวกเขายังเล็กอยู่…ข้าให้เงินพวกเจ้า…เครื่องประดับให้พวกเจ้า…พวกเจ้าคืนเถ้ากระดูกข้ามาเถิด…คืนลูกมาให้ข้า…”
เมื่อได้ยินว่าเถ้ากระดูก หัวขโมยก็ตื่นตะลึงเล็กน้อย ขณะที่เขาจะส่งโถคืนให้นาง ทันใดนั้นเองก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาก็ดึงมีดออกมาคนในเถ้ากระดูก
เหยียนหรูอวี้สีหน้าเปลี่ยนทันที
เคร้ง!
มีดของหัวขโมยชนเข้ากับบางสิ่ง เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วคว่ำโถลง เถ้ากระดูกร่วงกราวลงบนพื้น
ในขณะเดียวกันก็มีกุญแจทองร่วงลงมาด้วย
“ที่แท้ก็เป็นของดี!” หัวขโมยตาเป็นประกาย เหยียบเถ้ากระดูก แล้วหยิบกุญแจอายุยืน[2]ขึ้นมาไว้ในมือ “รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเล่นไม่ซื่อ!”
“คืนให้ข้า…คืนของนั่นมาให้ข้า!” เหยียนหรูอวี้ยื่นมือออกไปแย่ง
หัวขโมยเตะนางจนล้มลงไปบนพื้น หลังจากนั้นก็คว้าโถกระดูกใบที่สอง ครั้งนี้เขาไม่ยอมเปลืองแรงจับมันเท แต่กลับทิ้งมันลงบนพื้นทั้งอย่างนั้น
เหยียนหรูอวี้ทรุดลงกับพื้นแทบขาดใจ!
เหยียนหรูอวี้พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง คุกเข่าลงบนพื้น กอบเถ้ากระดูกขึ้นมา แล้วใช้กระโปรงของตนรองเอาไว้
“ไม่เจ็บ…ไม่เจ็บ…อย่ากลัวไป…แม่จะพาพวกเจ้ากลับบ้าน…”
“แม่จะพาพวกเจ้ากลับบ้าน…”
น้ำตาของนางหลั่งริน
แต่นางไม่ได้ร้องไห้
นางจะร้องไห้ไม่ได้
บนพื้นช่างหนาวเหน็บ
ลูกของนางจะหนาว
นางจะพาพวกเขากลับบ้าน…
ซ่า!
ไม่รู้ว่าหัวขโมยไปหาถังน้ำทิ้งมาจากที่ใด เขาสาดมันลงไปบนลูกของนางอย่างไม่ไยดี
…………………………………..
[1] ใบผ่านทาง หมายถึงเอกสารราชการที่ออกโดยข้าราชการในพื้นที่ ใช้ในการเดินทางไปต่างถิ่น
[2] กุญแจอายุยืน เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายแม่กุญแจ ใช้สำหรับคล้องให้เด็กทารกเพื่ออวยพรให้มีชีวิตยืนยาว

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset