หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 93 ถอนคำสาป

บทที่ 93 ถอนคำสาป

Ink Stone_Romance

เยี่ยนจิ่วเฉาตื่นตะลึง
อวี๋หวั่นวางปิ่นปักผมไว้บนหัวเตียง ยกมือขื้นปลดผ้าคาดเอว แสงตะเกียงสลัวส่องสะท้อนดวงหน้าของเธอ มิได้ปรากฏเป็นแสงตะเกียงสีเหลือง หากแต่เป็นแสงนวลเลือนราง
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกประหนึ่งลมหายใจติดขัด
เสื้อผ้าอาภรณ์ของอวี๋หวั่นเลื่อนหลุดลง
กลิ่นหอมยั่วยวนในห้องจางหายไปนานแล้ว ทว่าบัดนี้กลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่า กลิ่นนี้กำจายไปทั่วห้อง และลอยมาแตะปลายจมูก ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นจากพลังหรือเป็นกลิ่นกายของเธอ
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ หายใจเข้าลึกๆ “อวี๋อาหวั่น เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?!”
สตรีพิษซึ่งนอนอยู่บนพื้นฟื้นแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมาด้วยความมึนงง
อวี๋หวั่นยกขาขึ้นเตะนางจนสลบโดยที่ไม่ได้ใส่ใจจะมองนางด้วยซ้ำ
“ข้ารู้” อวี๋หวั่นกระซิบ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังยั่วยวน เธอจับสตรีพิษขึ้นมาราวกับจับลูกไก่ จากนั้นก็โยนนางออกไปยังโถงกลางบ้าน “ถอนคำสาปให้ท่าน”
แขนทั้งสองข้างของเยี่ยนจิ่วเฉาค้ำไว้ข้างกาย เขาเอนถอยไปให้ห่างจากเธอเล็กน้อย “เจ้ากำลังใช้โอกาสจากวิกฤตของข้าอยู่”
อวี๋หวั่นยกมือขึ้นจับเข็มขัดของเยี่ยนจิ่วเฉา “คำพูดนี้ใช้กับสตรีย่อมไม่เหมาะ หรือว่าท่านอยากให้หญิงอื่นมาทำให้กัน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาเงียบ
อวี๋หวั่นกระซิบข้างใบหูของเขา “ข้าไม่ได้ฝันถึงเรื่องในคืนนั้นแค่ครั้งเดียว…”
เยี่ยนจิ่วเฉามิใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าอวี๋หวั่นหมายถึงเรื่องในคืนไหน
หัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉากำลังรุ่มร้อน ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธ หรือเพราะความอับอายกันแน่ หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง “อวี๋อาหวั่น! เจ้าเป็นอิสตรี…มาฝันถึงเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร?”
ทั้งยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียวอีก?!
“สตรีแล้วอย่างไร? สตรีไม่มีความปรารถนาแบบปุถุชนหรืออย่างไร?” อวี๋หวั่นปลดเข็มขัดออกมา เธอกังวลจะตายอยู่แล้ว แต่ก็พยายามไม่เผยสีหน้าให้เขาเห็น
เยี่ยนจิ่วเฉาเบือนหน้าหนี “…ขาของข้าขยับไม่ได้”
“ท่านไม่ต้องขยับ” อวี๋หวั่นโยนเข็มขัดของเขาออกไป แยกขาเรียวนั่งลงบนร่างของเขา จับคางเขาหันมา ให้เขามองมายังเธอ “นอนลงดีๆ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
ทำไมคำพูดนี้ฟังดูแปลกๆ?
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
“ชู่ว” อวี๋หวั่นใช้ปลายนิ้วแตะบนริมฝีปากเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งแห้งผากจากอาการป่วยตลอดหลายวัน
ปลายนิ้วของอวี๋หวั่นเย็นเฉียบ เธอถอยไป หลับตาลง แล้วเอนกายลง
นี่เป็นครั้งแรกของเธอ แต่ต่อให้จะไม่เคยทำ ก็ไม่ใช่ไม่เคยดูนี่? แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่พัฒนามาถึงขั้นนี้ แต่นี่เป็นวิธีถอนคำสาปเพียงวิธีเดียว เธอยินดีที่จะทำเองดีว่าให้คนอื่นทำให้เขา
ไหนเลยจะรู้ว่าวินาทีที่ทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน เยี่ยนจิ่วเฉาก็คว้าไม้ท่อนหนึ่งมาตีศีรษะของอวี๋หวั่น!
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าภาพตรงหน้าดับวูบไป จากนั้นก็ล้มลงในไปในอ้อมอกของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาสัมผัสได้ถึงอวี๋หวั่นซึ่งอยู่ในอ้อมอก เสื้อผ้าอาภรณ์ของอวี๋หวั่นหลุดออกไปหมด เหลือเพียงเสื้อคลุมตัวบางประหนึ่งปีกจักจั่น
เยี่ยนจิ่วเฉากลืนน้ำลาย
“คุณชาย!”
ทันใดนั้นเองเสียงของอิ่งสือซันก็ดังมาจากด้านนอก
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีแรงมากพอที่จะผลักอวี๋หวั่นเข้าไปด้านในของเตียง เขาจึงรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้อวี๋หวั่น
“คุณชาย!” อิ่งสือซันรีบร้อนเข้ามาในบ้าน ก็เห็นสตรีพิษนอนอยู่ในโถงกลางบ้าน เขาเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ข้าน้อยมาช้า คุณชายโปรดลงโทษ!”
เยี่ยนจิ่วเฉา “ข้าไม่ได้แตะต้องนาง! ”
“เช่นนั้นศีรษะของนางเป็นแผลเพราะอะไรหรือขอรับ?” ไม่ใช่เพราะท่านฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของตนถูกทำให้แปดเปื้อน อับอายเสียจนโมโห จากนั้นก็ใช้เชิงเทียนตีนางหรอกหรือ?
เยี่ยนจิ่วเฉาถลึงตาใส่อิ่งสือซัน
อิ่งสือซันก้มหน้าด้วยความขุ่นเคือง เขากวาดสายตาไปและพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าคุณชายจะห่มผ้าอยู่ แต่มีคนคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าบนตัวของคุณชาย เพียงแต่เขายังได้ยินเสียงหายใจ คล้ายกับคนคนนั้นหมดสติไป
อิ่งสือซันอ้าปากพะงาบ “นั่นคือ…แม่นางอวี๋หรือขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาพึมพำว่า ‘อืม’
“เป็นนางจริงหรือ?” อิ่งสือซันเดาไปเรื่อยเปื่อย ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้เขาเดาถูก เช่นนั้นก็หมายความว่าแม่นางอวี๋มาทันเวลา และตีสตรีพิษจนหมดสติไป?
แน่นอนว่าอิ่งสือซันเดาไม่ถูกว่าแท้จริงแล้วเยี่ยนจิ่วเฉาลงตีสตรีพิษกับมือก็เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตนเอง
“แล้วแม่นางอวี๋เป็นอะไรเล่าขอรับ? เหตุใดนางหมดสติไป” อิ่งสือซันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก “นางจะถอนคำสาปให้ข้า”
อิ่งสือซันอ้าปากค้าง “คุณชาย…”
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดตัดบทขึ้นมาว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่านางมีแผนอะไร ข้าเป็นคนใจง่ายถึงเพียงนั้นเชียวรึ?!”
อิ่งสือซันมองเขา “คุณชาย…”
“ถอนคำสาปรึ? ข้ออ้างเช่นนี้ก็คิดได้!” เยี่ยนจิ่วเฉาโมโหจนควันออกหู “นางอยากนอนกับข้ามานานแล้ว จึง…จึงทนไม่ไหวเช่นนี้ไงเล่า! สมองของนางคิดเรื่องอะไรบ้าง นอกจาก…เรื่องพรรค์นี้?!”
“ท่านเลยตีแม่นางอวี๋จนหมดสติไปหรือ?” อิ่งสือซันอยากจะบ้าตาย ตอนนี้ท่านได้เป็นโสดจริงๆ แล้ว…
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “หากไม่ทำให้นางสลบไป แล้วจะให้นางมาทำข้าหรือ?”
อิ่งสือซันตอบ “นางเป็นสตรี ท่านไม่ให้ความร่วมมือ แล้วนางจะทำได้อย่างไรขอรับ? หรือว่าจริงๆ แล้วท่านเองก็ทนไม่ไหว? หากนางไม่สลบไปก็คงทำให้ท่านได้สำเร็จสินะ?”
คุณชายเยี่ยนโมโหจนควันออกหู “ข้าจะทนไม่ไหวได้อย่างไร? ข้าเป็นสัตว์หรือ? เจ้าคิดว่านางยั่วยวนข้าเพียงครั้งสองครั้ง แล้วข้าจะมีกำหนัดหรืออย่างไร?”
อิ่งสือซัน “…โอ้”
ห้ามเลือดกำเดาของตัวเองก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิดคุณชาย
……
คุณชายเยี่ยนเลือดกำเดาไหลทะลัก จนหลังจากที่อิ่งสือซันปิดตา และพาอวี๋หวั่นไปไว้ในห้องข้างๆ เลือดกำเดาของเขาจึงหยุด
ในตอนนี้เองอิ่งลิ่วก็ตามมาทัน
เขาและอิ่งสือซันเดินเข้าไปในห้องพร้อมกัน เยี่ยนจิ่วเฉาเสียเลือดไปมาก ร่างกายของเขาจึงอ่อนแอ
อิ่งสือซันรีบใช้โอกาสก่อนที่คุณชายบ้านตนจะหมดสติไปอีกครั้ง รายงานข้อมูลที่ไปสืบมาได้ “คุณชาย อิ่งลิ่วไปสืบเรื่องหนึ่งมาขอรับ”
“เจอโจวไหวแล้วรึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
“ไม่ใช่โจวไหว แต่เป็นอวี้จื่อกุย” อิ่งสือซันบอก
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องของเขาข้าไม่สนใจ”
อิ่งสือซันบอกอย่างจริงจังว่า “เรื่องนี้เกี่ยวกับแม่นางอวี๋นะขอรับ”
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งสายตาให้เขาเป็นนัยว่าให้พูดต่อ
อิ่งสือซันจึงบอกว่า “อวี้จื่อกุยถูกอาจารย์ไล่ล่า ได้ยินว่าเขาหักหลังอาจารย์”
“ขอจุดสำคัญ” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดเบาๆ
“ขอรับ” อิ่งสือซันเข้าประเด็นทันที “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรหนานจ้าวสูญหายไป เจ้าสำนักรับเงินจากอาณาจักรหนานจ้าว และช่วยพวกเขาตามหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
เยี่ยนจิ่วเฉาครุ่นคิด “คงไม่ใช่ถุงผ้าไหมหรอกกระมัง?”
“เป็นถุงผ้าไหมนั่นแหละขอรับ! แม่นางอวี๋คืนถุงผ้าไหมให้อวี้จื่อกุยไปแล้ว แต่ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คงถูกแม่นางอวี๋เอาไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าแม่นางอวี๋ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเอาไปนั้น ย่อมไม่อาจรู้ได้”
ใบหน้าซีดเผือดของเยี่ยนจิ่วเฉาดูประหนึ่งเขากำลังใช้ความคิด “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรหนานจ้าวคืออะไร?”
อิ่งสือซันตอบด้วยสีหน้าซึ่งไม่อาจแอบซ่อนความกลัวเอาไว้ได้ “ราชันสัตว์พิษขอรับ ราชันหมื่นสัตว์พิษ!”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งก่อนหน้านี้มีสีหน้าสงบนิ่ง บัดนี้อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ราชันหมื่นสัตว์พิษ นั่นเป็นอาวุธในตำนาน เก่งกาจไม่แพ้หน่วยกล้าตายหน้ากากเงินหนึ่งคน สตรีคนนี้เอาอะไรไม่เอา ดันไปเอาราชันหนอนพิษมาเนี่ยนะ?
อิ่งสือซันพูดต่อ “ราชันหนอนพิษเป็นของเผ่าปีศาจ เผ่าปีศาจมอบให้อาณาจักรหนานจ้าวก่อนที่พวกเขาจะกลับไป หลังจากนั้นจึงถูกอาณาจักรหนานจ้าวบูชาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่อิ่งลิ่วสืบมาได้ ไม่แน่ว่าอาจมีรายละเอียดอื่นๆ ด้วย ทว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชันสัตว์พิษและอวี๋หวั่น ไม่มีผิดเพี้ยนอย่างแน่นอน
อวี๋หวั่นมีเลือดพลังหยินเข้มข้นสูงซึ่งหาได้ยากยิ่ง บางทีนางอาจไม่ได้ตั้งใจจับราชันสัตว์พิษมา หากแต่มันเลือกนางเอง
ถ้าหากในร่างของนางมีราชันสัตว์พิษ เช่นนั้นนางก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดยิ่งกว่าสตรีพิษคนอื่นๆ
“เช่นนั้นแม่นางอวี๋บอกว่าจะถอนพิษให้คุณชาย ก็ย่อมเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว” อิ่งลิ่วยืนนิ่งเงียบมาตลอด ในที่สุดก็หาจังหวะเอ่ยปาก เขาพูดขึ้นมาเร็วเกินไป อิ่งสือซันคิดจะห้ามเขาแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว “นางไม่ได้ปรารถนาร่างกายของคุณชาย นางอยากจะถอนคำสาปให้คุณชายจริงๆ!”
อิ่งสือซันปิดตา…
สิ่งที่คุณชายคิด เขาก็คิดได้ สิ่งที่คุณชายไม่ทันคิด เขาก็คิดได้เช่นกัน อิ่งลิ่วคิดว่าคุณชายต้องตบรางวัลเขาเป็นแน่!
“คุณชาย!” อิ่งลิ่วยืดอก (น้อยๆ) ด้วยความเปรมปรีดิ์
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาเย็นเยียบขึ้นทันที “เงินเดือนเดือนนี้ของเจ้า ไม่ต้องรับ”
อิ่งลิ่ว “!!!”
……………………………….

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset