หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 130.1 หวั่นหวั่นโต้กลับ (1)

บทที่ 130 หวั่นหวั่นโต้กลับ (1)

Ink Stone_Romance

 

อวี๋หวั่นไม่ได้โทษพวกเขา จะว่าไปเป็นเพราะเธอที่ไม่มีเวลา เพื่อที่จะเอาใจเธอ พวกเขาจึงอยากทำของขวัญวันเกิดให้เธอประหลาดใจ พวกเขาผิดอะไร?
ท่านพ่อยังดุพวกเขาอีก “สำนึกผิดหรือยัง?”
ทั้งสามพยักหน้า
เยี่ยนจิ่วเฉายังคงมีสีหน้าดุดัน “ยังไม่รีบขอโทษท่านแม่อีก”
เด็กทั้งสามโผเข้าหาอวี๋หวั่น ศีรษะน้อยๆ ถูกับแขนของเธอ
หัวใจของอวี๋หวั่นแทบละลาย “แม่ไม่โกรธแล้ว พวกเจ้าไปเล่นเถอะ แม่กับท่านพ่อมีธุระนิดหน่อย ฝูหลิง”
ฝูหลิงเข้ามา จูง…อุ้มเด็กน้อยทั้งสามออกไป
ในห้องเหลือเพียงสองสามีภรรยา
อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉา “เด็กๆ รู้วันเกิดข้าได้อย่างไร?”
เธออยากถามประโยคนี้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เพียงแต่บางอย่างก็ไม่ควรพูดต่อหน้าเด็กๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า “วันก่อนข้าบอกกับอิ่งสือซันในห้องหนังสือ พวกเขาได้ยินเข้า”
เพียงแต่ได้ยินก็ได้ยินไป พวกเขาไม่ได้คิดว่าเด็กๆ จะเข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ไม่คิดว่าเจ้าลิงพวกนี้จะทำของขวัญวันเกิดให้ท่านแม่ บางทีเขาคงประเมินความสามารถของพวกเขาต่ำไป
อวี๋หวั่นถอนหายใจ “พวกเขายังพูดไม่ได้ สามารถทำท่าทางให้ซูมู่เข้าใจได้นับว่าเก่งมากแล้ว”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก ลูกของเขา ไม่เก่งได้หรือ?
เมื่อนึกถึงเด็กๆ ที่ตนรัก อวี๋หวั่นก็หัวเราะออกมา
“ไม่โกรธแล้วหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาลากเสียงยาว
อวี๋หวั่นส่ายหน้า สายตาของเธอไม่อาจเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้ได้
เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้าผ่อนคลายลง หากนางยังไม่หายโกรธ เขาคงต้องจับเจ้าลูกลิงมาตีแล้ว
อวี๋หวั่นเหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “ท่านอย่าลงโทษเขาบ่อย พวกเขาลำบากมามากตอนอยู่กับเหยียนหรูอวี้ ท่านเป็นพ่อไม่แสดงความรักต่อพวกเขา กลับลงโทษพวกเขาอีก”
ทั้งยังไม่กลัวว่าพวกเขาจะตกใจกลัว
คนโชคดีมีวัยเด็กเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจ คนโชคร้ายใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเยียวยาวัยเด็ก เธอไม่อยากให้ลูกๆ ต้องเป็นอย่างหลัง
ซูมู่เพียงคนเดียวไม่มีค่าพอให้ครอบครัวแตกหักกัน
จะว่าไปแล้ว ซูมู่คนนี้ย่อมต้องมีลูกไม้อะไรจริงๆ เด็กๆ ให้นางสอนเขียนตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว นางกลับทำให้เด็กๆ ติดนางถึงเพียงนี้ เธอไม่ได้เอะใจตั้งแต่แรก แต่เมื่อลองมาคิดดูแล้ว ไม่ว่าจะในตอนที่ชมการแสดงของฮองเฮาก็ดี ตอนที่นอนหลับบนรถม้าก็ดี ล้วนแต่เป็นซูมู่ที่ออกตัวก่อนทั้งสิ้น
“เยี่ยนจิ่วเฉา ข้าก็ยังคิดว่าซูมู่ไม่ธรรมดา” อวี๋หวั่นคล้ายกับมีความคิดบางอย่าง
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นว่า “แน่นอนว่านางไม่ธรรมดา เจ้าลองเดาว่าผู้ใดเป็นคนวางเพลิงห้องด้านหลัง?”
วันนั้นมีสาวใช้อาวุโสสองคนเผาถ่านไม้ สะเก็ดไฟจึงปลิวไปติดกองฟืน แต่เผาหญ้าแห้งเพียงสองต้นยังมิทันได้ลุกลาม เป็นซูมู่ที่โยนหั่วเจ๋อจื่อเข้าไป ไฟจึงลุกลามถึงเพียงนั้น
ในวันนั้นที่หาไม่พบก็เพราะหั่วเจ๋อจื่อถูกเผาไปหมดแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้มีช่างมาเก็บกวาด และพบกระดุมโลหะในกองขี้เถ้าจากกองฟืน
เยี่ยนจิ่วเฉาวางกระดุมโลหะบนโต๊ะ
อวี๋หวั่นหยิบมาดู “นี่ไม่เหมือนกับ…หั่วเจ๋อจื่อที่ข้าเคยเห็น”
เยี่ยนจิ่วเฉาบอกว่า “ที่เจียงหนานใช้กัน ขอบมีรูปร่างพิเศษ ใช้สำหรับป้องกันความชื้น”
แม้แต่ช่างยังดูไม่ออก วันนี้เป็นอิ่งลิ่วที่ไปสืบความและได้ของสิ่งนี้มาจากมือของนายช่าง
เมืองหวั่นอยู่ในเจียงหนาน ซูมู่เป็นคนเมืองหวั่น มีหั่วเจ๋อจื่อของเจียงหนานติดตัวมาก็นับว่าสมเหตุสมผล
ส่วนเรื่องที่ว่าเด็กๆ เข้ามาขัดช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มของพวกเขาทำไมนั้น ย่อมไม่ใช่เพราะซูมู่เป็นคนเรียกมา กระนั้นก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เพราะเป็นซูมู่ที่ให้เด็กๆ กินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป ทำให้พวกเขามีแรงเหลือล้นจนไม่ยอมนอนจึงวิ่งมาหาท่านพ่อท่านแม่ และกระโดดโลดเต้นในห้องของอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ครึ่งค่อนคืน
“เรื่องที่จื่อซูตกน้ำเล่า?”
หากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเป็นเพราะน้ำมือของซูมู่ละก็ การที่จื่อซูตกน้ำก็คงทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้เช่นกัน
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก่อนที่จื่อซูจะตกน้ำ นางไปตักเตือนซูมู่ว่าอย่าใกล้ชิดกับเด็กๆ จนทำให้เจ้าไม่พอใจ”
จื่อซูเข้าใจผู้อื่น…ก็จริง นางเคยเป็นเจ้านายมาก่อน อยู่ในคนละตำแหน่งกับบ่าว นางคงเข้าใจอวี๋หวั่นได้ดีที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่จื่อซูตกน้ำ แปดในสิบส่วนนั้นเป็นฝีมือของซูมู่ จื่อซูเดินไปหาฝางมามาทุกวัน ซูมู่ต้องนำของลื่นๆ ไปทาเอาไว้เป็นแน่ เมื่อจื่อซูเหยียบลงไปแล้วจึงตกลงไปในสระน้ำ
ส่วนซูมู่ไปปรากฏตัวใกล้ๆ ได้อย่างไร นางอาจจะบอกว่าเด็กๆ อยากกินน้ำอิงเถาก็จริง แต่ใครจะไปรู้ว่าเป็นซูมู่ที่เอ่ยปากถามพวกเขาว่าอยากกินน้ำอิงเถาใช่หรือไม่ ซูมู่เรียกปั้นซย่าไปด้วยเพื่อให้ไม่เป็นที่สงสัย เช่นนี้นางก็ปกปิดร่องรอยได้แนบเนียนแล้ว
จื่อซูถูกซูมู่ช่วยชีวิตเอาไว้ ต่อให้ยังรู้สึกขัดหูขัดตาก็ต้องจดจำบุญคุณของนาง
แผนการของผู้หญิงคนนี้ลึกล้ำ เรียกได้ว่าหากตามข้าเจ้าจักรุ่งโรจน์ หากขัดใจข้าเจ้าย่อมม้วยมอด ในวันนั้นเธอข่มขู่นาง นางไม่ย่องมาฆ่าเธอกลางดึกนับว่าแปลก
ในคืนนั้นซูมู่มาจริง เพียงแต่นางกลัวฝูหลิงจนหนีกลับไป
ทว่าฝูหลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อวี๋หวั่นจึงไม่รู้เรื่องเช่นกัน
ทว่าเรื่องนี้มิได้มีผลกระทบต่อทัศนคติที่อวี๋หวั่นมีต่อซูมู่
“ลุงวั่น…” เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักไป
อวี๋หวั่นพยักหน้า “นางใช้ตำรับยาพื้นบ้านรักษาเข่าของลุงวั่น ลุงวั่นจะชื่นชอบนางก็ไม่นับว่าแปลก”
“คนเลอะเลือน” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้าว่าเขาไม่อยากทำ”
อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ ลุงวั่นใจอ่อนง่ายเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นในตอนนั้นคงไม่เสี่ยงฝืนคำสั่งของเหยียนหรูอวี้ไปรับเธอมาหรอก เพราะฉะนั้นทุกสิ่งล้วนเป็นดาบสองคม ทำได้เพียงใช้ประโยชน์จากข้อดี ยอมรับข้อด้อย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ครั้นอยู่ในตำหนักเย็นคอยรับใช้ฮ่องเต้และเยี่ยนอ๋องในวัยเยาว์ เป็นที่รู้กันว่าฮ่องเต้ขณะทรงพระเยาว์มีความสามารถที่จะปกครองใต้หล้า ลุงวั่นกลับยินดีที่จะอยู่รับใช้เยี่ยนอ๋อง เห็นได้ชัดว่าเป็นธรรมชาติของลุงวั่นที่จะเห็นใจผู้อ่อนแอ
ซูมู่ใช้จุดนี้เอาชนะใจลุงวั่น
“เมื่อเป็นเช่นนี้ นางต้องรู้จักพวกเรามากพอสมควร” อวี๋หวั่นพูดด้วยความแปลกใจ “นางเป็นสาวใช้จริงหรือ?”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น อิ่งสือซันก็ผลักประตูเข้ามา คำนับทั้งสองคน “คุณชาย ฮูหยินน้อย”
อวี๋หวั่นพยักหน้า
หัวใจของคนนั้นประหลาดนัก ก่อนหน้านี้อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันไม่ชอบเธอ วั่นมามาก็มักจะลงโทษเธอ แต่เมื่อเกิดเรื่องของซูมู่ขึ้น พวกเขาทั้งสามกลับไม่มีใครกล่าวโทษเธอ
“เข้ามาแล้วก็พูดสิ” เยี่ยนจิ่วเฉาบอก
อิ่งสือซันปิดประตู แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าเพิ่งประมือกับซูมู่มาขอรับ นางเป็นหน่วยกล้าตาย”
“หน่วยกล้าตาย?” อวี๋หวั่นตกใจ
อิ่งสือซันขมวดคิ้ว “แต่ไม่ใช่หน่วยกล้าตายทั่วไป คงจะเป็นคนที่หนีออกมาจากค่ายหน่วยกล้าตายอย่างข้าน้อยขอรับ”
หน่วยกล้าตายที่แท้จริงนั้นละทิ้งอารมณ์ความรู้สึกแบบปุถุชนไปแล้วสิ้น พวกเขาถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือสังหาร
“เจ้าไปประมือกับนางได้อย่างไร? นางรู้หรือไม่ว่าเป็นเจ้า?” อวี๋หวั่นถาม
อิ่งสือซันส่ายหน้า “ไม่ขอรับ คุณชายให้ลุงวั่นสั่งให้ซูมู่ไปซื้อน้ำหมึก ข้าน้อยปลอมเป็นโจรไปปล้นของนาง นางไม่รู้ขอรับ”
อวี๋หวั่นมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของเขา ก็อดถามไม่ได้ว่า “จวนคุณชายมีหน่วยกล้าตายอยู่ ท่านไม่ตกใจเลยหรือ?”
“ข้าควรตกใจหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามด้วยความแปลกใจ ราวกับในบ้านมีแมลงสาบตัวหนึ่ง ไม่เห็นจะน่าแปลกใจตรงไหน
อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นว่า “ตั้งแต่เด็กจนโต มีคนลอบทำร้ายท่านมาตลอดเลยหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก “ทำไม? กลัวแล้วรึ?”
อวี๋หวั่นส่ายหน้า เธอไม่ได้กลัว
“ข้ารู้สึกปวดใจแทน” อวี๋หวั่นกระซิบเบาๆ
อิ่งสือซันไม่อยากฟังเอาเสียเลย แต่จะมีผู้ใดสงสารความสามารถในการได้ยินของเขาบ้าง?
เสื้อแขนกว้างของเยี่ยนจิ่วเฉากอบกุมมือของอวี๋หวั่น
อิ่งสือซันขนลุกซู่ อ๊าก! ยังมีความสามารถในการมองเห็นของเขาอีก!
พวกท่านคิดว่าข้าตาบอดหรืออย่างไร!
อวี๋หวั่นยังคงจับมือของเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ หัวใจพองโต ทว่ายังคงรักษาสีหน้าจริงจัง “เช่นนั้นนางเข้ามาในจวนเพื่ออะไร เป้าหมายของนางคือผู้ใด?”
ถ้าหากนางเป็นหน่วยกล้าตายทั่วไป ก็เดาได้ไม่ยากว่ามีเจ้านายอยู่เบื้องหลัง แต่นางเป็นหน่วยกล้าตายเพียงครึ่งเดียว…ก็คงยากที่จะตัดสินว่านางลงมือด้วยตัวเองหรือไม่
…………………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset