หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 12.1 จดจำได้ (1)

บทที่ 12 จดจำได้ (1)
โดย
Ink Stone_Romance

นายท่าน?
ที่แท้ชายชราที่ไม่เตะตาผู้นี้เป็นเจ้าของเรือนหลังนี้…พ่อครัวเทพเป้ารึ?
เหยียนหรูอวี้ตกใจ
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน? ไม่ใช่พ่อครัวเทพหรอกกระมัง? เหตุใดสภาพมอซออย่างกับขอทาน?
อีกอย่าง เขามาอยู่กับแม่นางจากชนบทนี่ได้อย่างไรกัน?
ดูจากสภาพเปียกปอนเช่นนี้ หรือว่าจะไปตกน้ำมา?
ความสงสัยนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในสมองของเหยียนหรูอวี้ ตีกันสะเปะสะปะเสียจนนางรู้สึกมึนงงไปหมด
แม้แต่ตัวนางเองยังลืมไปแล้วว่ามาทำอะไรที่นี่ นางได้แต่จ้องอวี๋หวั่นพยุงพ่อครัวเทพเป้าเขม็ง อีกทั้งบ่าวหนุ่มก็คำนับงกๆ เชิญพวกเขาเข้าไป
“คุณหนู!” ลี่จือกระซิบเตือน
เหยียนหรูอวี้จึงได้สติกลับมา นางมองไปยังพ่อครัวเทพเป้าซึ่งกำลังก้าวข้ามธรณีประตู “พ่อครัวเทพเป้า ข้าเป็นศิษย์ของแม่นางตู้! แม่นางตู้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว นางหวังว่าข้าจะได้พบหน้าท่านสักครา”
ที่กล่าวว่า ‘ศิษย์’ นั้น เป็นสิ่งที่นางคิดขึ้นเอง นางมิได้เป็นทั้งศิษย์หรือเพื่อนของแม่นางตู้ ไร้ซึ่งความสัมพันธ์ฉันอาจารย์ศิษย์ ทว่าแม่นางตู้เดินทางออกจากเมืองหลวงไปเแล้ว ไม่สามารถพาคนมายืนยันได้ แต่นางก็ยังมีสิ่งที่แม่นางตู้เขียนเอาไว้ เมื่อมีสิ่งนี้อยู่ นางก็ไม่กลัวว่าพ่อครัวเทพเป้าจะสงสัย
“นางให้เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด?” พ่อครัวเทพเป้าเอ่ยถาม
“แม่นางตู้นาง…”
“นางมีเรื่องจะพูด หรือว่าเป็นเจ้าที่มาขอร้องข้า?”
“ข้า…”
ขณะที่เหยียนหรูอวี้กำลังลังเลอยู่ว่าควรบอกว่านางต้องการอาหารยาสักชาม หรือว่าอ้อนวอนให้เขารับนางเป็นศิษย์ดี ภายภาคหน้าอาจได้รับมรดกจากเขา อวี๋หวั่นก็ทำท่าทางฟึดฟัดพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ชอบนาง! ข้าขอตัวก่อน!”
เหยียนหรูอวี้ตกใจ
ชอบหรือไม่ชอบก็ควรเก็บเอาไว้ในใจ ห้ามให้ผู้อื่นรู้มิใช่หรือ? เหตุใดนางจึงพูดออกมาโดยปราศจากความกระดาก…มิได้รู้จักเสแสร้งเลยสักนิด?!
“นี่! เจ้าอย่าเพิ่งไป!” ชายชราเรียกอวี๋หวั่นซึ่งเดินลงจากบันไดไปแล้ว
ในจังหวะนั้น อวี๋หวั่นกำลังเดินผ่านเหยียนหรูอวี้พอดี เธอจึงเหลือบไปมองเหยียนหรูอวี้ด้วยสายตาเย็นชา กล่าวอย่างประชดประชันว่า “เช่นนั้นท่านต้องให้นางออกไป”
เหยียนหรูอวี้ตื่นตะลึง  “เจ้า!”
อวี๋หวั่นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ชายชรารีบกล่าวว่า “ได้ๆๆ ให้นางออกไป ให้นางออกไป! เดี๋ยวเจ้าต้องเล่าเรื่องให้ข้าฟังจนจบด้วยนา ประธานอะไรนั่น สรุปแล้วได้แต่งงานกับเสี่ยวซีหรือไม่ แล้วเขาจำลูกได้หรือไม่เล่า?”
ระหว่างทาง อวี๋หวั่นเล่าเรื่อง ‘ตกหลุมรักประธานเอาแต่ใจ’ ให้พ่อครัวเทพเป้าฟัง!
พ่อครัวเทพเป้าฟังอย่างเพลิดเพลิน จนบอกให้เธอเดินอ้อมไปสองสามรอบแล้ว!
ดังนั้นเมื่อเธอขู่ให้ไล่เหยียนหรูอวี้ออกไป เธอไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย!
เหยียนหรูอวี้รู้สึกอับอายจนมีโทสะ นางไม่เคยคิดว่าอวี๋หวั่นจะโอหังถึงเพียงนี้ กล้าบอกให้พ่อครัวเทพเป้าไล่นางออกไป คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน? เป็นหลานสาวของพ่อครัวเทพเป้าหรืออย่างไร?!
 ยิ่งไปกว่านั้น พ่อครัวเทพเป้าก็เข้าข้างอวี๋หวั่นเสียด้วย สตรีคนนั้นมีความสามารถอันใดกัน? เหตุใดทุกคนที่ตนต้องการต่างไปเอาอกเอาใจนาง มาถึงที่นี่ก็ยังกล้าทำตัวเช่นนี้อีกหรือ?
นางเป็นปีศาจจิ้งจอกหรืออย่างไร?
หรือว่าเกิดมาดวงพิฆาตกัน?
เหตุใดเรื่องดีที่นางจะได้ประสบพบเจอ ล้วนแต่ถูกอวี๋หวั่นทำเสียเรื่อง?!
“พ่อครัวเทพเป้า…” เหยียนหรูอวี้เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงน่าสงสาร “แม่นางตู้…”
ปัง!
นางยังมิทันพูดจบ พ่อครัวเทพเป้าก็ดึงอวี๋หวั่นเข้ามาในบ้าน แล้วปิดประตูลงทันที!
เหยียนหรูอวี้ถูกปฏิเสธต่อหน้าต่อตา นางโมโหจนลมแทบจับ!
หลังจากเข้ามาในลานบ้าน อวี๋หวั่นเอามือทาบอก สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ชายชราที่วอแวตอแยเธอมาตลอดทาง…แท้จริงแล้วก็คือพ่อครัวเทพเป้าที่เขาเล่าลือกัน? น่าตกใจเกินไปแล้ว
พ่อครัวเทวดาผู้เลื่องชื่อ ทำไมมาเป็นคนแก่เร่ร่อนแบบนี้ล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนแก่เร่ร่อนที่ชอบนิยายรักน้ำเน่าอะไรเทือกนี้อีก…
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเธอกำลังสั่นสะเทือน เธอไม่อาจมองหน้าชายชรา…ที่วิ่งตามเธอและคอยพร่ำถามว่าท่านประธานไปตกหลุมรักผู้หญิงอื่นหรือไม่…
ทั้งอวี๋หวั่นและพ่อครัวเทพเป้าตกลงไปในน้ำทั้งคู่ บ่าวในเรือนพาพวกเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้างกายของพ่อครัวเทพเป้ามีสาวใช้คนหนึ่ง ซึ่งก็คือน้องสาวของบ่าวหนุ่มคนนั้น นางพาอวี๋หวั่นไปยังห้องของตน แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง “แม่นาง เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนแต่ซักสะอาดแล้ว ท่านเปลี่ยนเถิด ข้ากลัวว่าท่านจะไม่สบาย”
“ขอบคุณ” อวี๋หวั่นรับเสื้อผ้าชุดนั้นมาจากสาวใช้
สายใช้ยกน้ำร้อนมาหนึ่งถัง “ไม่มีถังใหญ่สำหรับอาบน้ำ แม่นางแช่เท้าสักหน่อยเถิด”
อวี๋หวั่นตอบรับอีกครั้งหนึ่ง สาวใช้ไปต้มน้ำขิง อวี๋หวั่นเช็ดตัว แล้วเปลี่ยนเป็นสวมเสื้อผ้าแห้ง หลังจากที่ได้แช่เท้า ร่างกายก็พลันอบอุ่นขึ้นมา
อวี๋หวั่นสังเกตว่าน้ำถังนี้ไม่ใช่น้ำร้อนทั่วไป ในน้ำใส่ตัวยาสมุนไพรแปลกๆ ไว้ ความรู้เรื่องยาสมุนไพรของเธอนับว่ามีมากพอสมควร แต่สมุนไพรเหล่านี้เธอล้วนไม่เคยเห็นมาก่อน ได้ยินว่าพ่อครัวเทพเป้าชำนาญเรื่องอาหารยาสมุนไพร คิดไปคิดมาแล้ว ชายชราคนนี้ก็แตกฉานเรื่องการแพทย์เหมือนกัน มิน่าล่ะถึงพกบัวหิมะเทียนซานติดตัวไปด้วย
จะว่าไปแล้ว ลุงใหญ่ก็เคยประลองกับพ่อครัวคนนี้นี่ อย่างนั้นก็นับว่าเธอกำลังสอดแนม ‘รังศัตรู’ อยู่ไหมนะ…
พ่อครัวเทพเป้ามิได้เอ่ยถามว่าอวี๋หวั่นเป็นใคร อวี๋หวั่นเองก็ไม่ได้แนะนำตัว
“แม่นาง” สาวใช้เคาะประตูเบาๆ “ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”
“ได้” อวี๋หวั่นตอบ
สาวใช้ผลักประตูเข้ามา ก็เห็นอวี๋หวั่นแช่เท้าเสร็จแล้ว และกำลังสวมรองเท้า นางจึงรีบเข้ามายกถังน้ำออกไป
ขณะที่กำลังจะก้าวพ้นธรณีประตู นางก็หันหน้ามา “แม่นางโปรดตามข้ามา”
อวี๋หวั่นจึงเดินตามไป
สาวใช้นำอวี๋หวั่นไปยังห้องซึ่งอยู่ด้านในสุดของทางเดิน พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ห้องโถงลมแรง แม่นางเข้าไปนั่งด้านในเถิด ข้าจุดเตาเอาไว้แล้ว”
ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะกลัวว่าอวี๋หวั่นจะหนาว อวี๋หวั่นขอบคุณนาง แล้วเดินเข้าไปในห้อง
ห้องนี้เป็นห้องหนังสือ ชั้นหนังสือถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ มีกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหมึก
“แม่นางอ่านหนังสือหรือไม่?” สาวใช้ถาม
“อ่านได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
“อ่านได้เจ้าค่ะ แม่นางตามสบาย” พูดจบ นางก็ถือถังเดินออกไป
อวี๋หวั่นเดินมาด้านหน้าชั้นวางหนังสือ แล้วหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง เป็นตำราการแพทย์ อวี๋หวั่นพลิกไปพลิกมาสองสามหน้า ก็พบว่าหนังสือบนชั้นนี้ล้วนเกี่ยวกับการแพทย์ ดูแล้ว ที่พ่อครัวเทพเป้ามีชื่อเสียงเลิศล้ำด้านอาหารยาสมุนไพรเช่นนี้ คงเป็นเพราะชีวิตประจำวันของเขาไม่อาจแยกจากวิชาแพทย์ได้
เห็นได้ชัดว่าจะกินข้าวก็ค่อยพึ่งฝีมือการทำอาหาร แต่วิชาแพทย์นั้นจำเป็นต้องศึกษา
อวี๋หวั่นพลิกหน้าตำราการแพทย์โบราณอย่างสนอกสนใจ จนมีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดินด้านนอก อวี๋หวั่นจึงจำใจปิดหนังสือแล้ววางกลับเข้าชั้น
พ่อครัวเทพเป้าเดินเข้ามาอย่างกะปรี้กะเปร่า อายุเขาก็ไม่นับว่าน้อย แต่ร่างกายยังคงแข็งแรงเช่นนี้ อวี๋หวั่นไม่นึกสงสัยในอาหารยาสมุนไพรของเขาเลย
“พ่อครัวเทพเป้า” อวี๋หวั่นเอ่ยทักทายโดยไม่ได้รู้สึกกังวล
“อืม” พ่อครัวเทพเป้าตอบรับเบาๆ
สาวใช้ยกน้ำขิงเข้ามา อวี๋หวั่นดื่มน้ำขิง ขณะที่เธอส่งถ้วยคืนสาวใช้ หนังสือเล่มหนึ่งก็ตกลงมาข้างเท้าของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นก้มลงไปหยิบหนังสือขึ้นมา ด้านในมีกระดาษแผ่นปลิวออกมา
“นี่คืออะไร?” อวี๋หวั่นถามพลางหยิบกระดาษที่ปลิวออกมา
ดูแล้วกระดาษแผ่นนี้น่าจะเก่าพอสมควร ตัวอักษรบนกระดาษก็เลือนราง ทว่ายังพอมองออกว่าเป็นรายชื่อชุดหนึ่ง
“ข้าตั้งชื่อให้ลูกชาย” พ่อครัวเทพเป้ากล่าว
อันที่จริงพ่อครัวเทพเป้ามาฟังเรื่องเล่าของอวี๋หวั่น แต่เมื่อพูดถึง ‘ลูกชาย’ ขึ้นมา บรรยากาศในห้องก็แปลกไปทันที
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นรู้เรื่องที่ลูกชายของเขาหายตัวไป เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร อวี๋หวั่นเดาว่าเขาเองก็รู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ ถึงได้พูดออกมาตรงๆ
“น่าจะเกิดปีนั้นแหละนะ” พ่อครัวเทพเป้าพูดต่อ
อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าจะพูดต่อว่าอย่างไร เธอจึงเสียบกระดาษกลับไปในหนังสือ แล้วเก็บหนังสือกลับขึ้นชั้น
ขณะที่อวี๋หวั่นตัดสินใจขอตัวกลับ พ่อครัวเทพเป้าก็เอ่ยขึ้นว่า “เขียนเอาไว้ตั้งมาก น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้”
สาวใช้ถือชามเดินออกไป อวี๋หวั่นยังคงยืนอยู่ในห้องหนังสือ ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อหรือกลับไปดี เธอไม่ถนัดจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ ถ้ารู้ว่าคำถามของเธอจะโยงถึงเรื่องราวอันน่าเจ็บปวดของพ่อครัวเทพเป้า ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คงไม่หยิบหนังสือมาเปิดดู

……………………………………..

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset