หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 142.2 ฮ่องเต้กระอักเลือด (2)

ต้าลี่ลุกพรวดขึ้นนั่ง เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตนบาดเจ็บอยู่ แผลนั้นเจ็บจนต้องสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยหินในอ้อมแขน
 
“ดื่มยาก่อนเถอะ” อวี๋หวั่นบอก
 
ต้าลี่มองอวี๋หวั่นด้วยความประหลาดใจ เขามีความรู้สึกไม่ดีต่ออวี๋หวั่นตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ก็กลัวแต่ว่าตนจะถูกวางยาพิษ ทว่าวันนี้อวี๋หวั่นมารักษาเขาด้วยตนเอง แผลบาดเจ็บเล็กน้อยเพียงเท่านี้หาใช่เรื่องใหญ่ไม่ พวกเขาเป็นโจรลักม้า มีแผลมีเลือดนับว่าเป็นเรื่องปกติ คมดาบเฉือนเนื้อหนังไปบ้างก็ไม่ได้มีใครใส่ใจ เว้นแต่นาง
 
“ไม่อยากกินหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
 
ต้าลี่ได้สติ เขารับถ้วยยาจากอวี๋หวั่นมาดื่มหนึ่งคำ ยานั้นขมเสียจนเขาอยากจะบ้วนลิ้นทิ้งไปด้วย เขาไม่อยากกินแล้ว!
 
“กินเข้าไป!” อวี๋หวั่นเสียงแข็ง
 
โหดร้ายเหลือเกิน…
 
ต้าลี่ดื่มยาเข้าไปด้วยความทุกข์ทรมาน
 
อวี๋หวั่นเปิดถุงกระดาษ แล้วส่งผลไม้เชื่อมให้เขา
 
ต้าลี่ไม่เคยกินผลไม้เชื่อมมาก่อน แต่ชีวิตของเขาอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย หากจะถูกวางยาเขาก็คงต้องยอมรับแต่โดยดี ต้าลี่จึงฝืนใจกินผลไม้เชื่อมชิ้นนั้น เมื่อกินเข้าไปแล้วก็รู้สึกหวานจนตาเดียวของเขาลุกวาว
 
ดูแล้วเขาน่าจะชอบ อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ แล้วพูดกับเขาว่า “เจ้าค้นพบสินแร่ นับว่ามีความดีความชอบ สิ่งที่ข้าให้เจ้ากินไปเมื่อครู่คือยาถอนพิษชนิดถาวร พิษในร่างกายของเจ้าไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ทำงานที่นี่แล้วก็ได้ ข้าจะให้เงินเจ้าก้อนหนึ่ง เจ้าจะไปที่ใดก็สุดแล้วแต่เจ้า”
 
ต้าลี่ตะลึงงัน
 
อวี๋หวั่นพูดต่อ “แน่นอนว่าถ้าเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปก็ย่อมได้ หินแร่นี้เจ้าเป็นคนค้นพบ ข้าคิดว่าจะตั้งชื่อแหล่งแร่นี้ตามชื่อของเจ้า”
 
ต้าลี่ทำตาโตอ้าปากค้าง “มะ…เหมืองต้าลี่?”
 
ทำไมเขาพูดชื่อนี้ออกมาด้วยความรู้สึกดีใจขนาดนี้กันนะ? อวี๋หวั่นอดลอบยิ้มมุมปากไม่ได้ “ใช่ เหมืองต้าลี่”
 
ต้าลี่มิใช่เด็กกำพร้า แต่ตัวเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กกำพร้า แม่ของเขาทำงานอยู่ในหอคณิกา ไม่รู้ว่าตั้งครรภ์กับชายจนให้กำเนิดสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง…สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็คือเขา แม่ของเขาเกลียดเขา นางเห็นเขาเป็นเพียงแมวหมาที่เลี้ยงเอาไว้เท่านั้น เมื่อไรที่อารมณ์ดีก็จะให้เขากินข้าว แต่เมื่อไรที่อารมณ์เสียก็จะทุบตีเขา ดวงตาข้างขวาของเขาบอดก็เพราะถูกนางตี เขาอายุสิบขวบก็ออกจากบ้าน นางไม่เคยออกตามหาเขา เขาไปเป็นแรงงานบนเขาลูกหนึ่ง ทุกวันนี้เขารู้แล้วว่ามันคือเหมืองแร่ ภายหลังถูกหัวหน้าในนั้นรังแก เขากับเพื่อนจึงพากันหลบหนีออกมา และพบกับโจรลักม้าผู้นั้น พวกเขาเป็นเพียงคนเร่ร่อนที่ถูกลักพาตัวมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร
 
และแล้วสรรค์ก็ลงโทษเขา เขาขโมยของคนมีอำนาจและมั่งคั่งมามากมาย แต่สุดท้ายก็มาตกระกำลำบากอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ โกโรโกโสแห่งนี้
 
ในที่สุดเขาก็ได้โอกาสออกไปจากที่นี่แล้ว
 
“ต้าลี่?” อวี๋หวั่นโบกมือไหวๆ ด้านหน้าของเขา
 
ต้าลี่กำหมัดแน่น มองอวี๋หวั่นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อ”
 
“ทำไมรึ?” อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
 
“ข้าจะขุดแร่!” ต้าลี่ตอบด้วยความองอาจ “ข้าจะทำให้เหมืองต้าลี่กลายเป็นเหมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในต้าโจว!”
 
ฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมากลางดึก เมื่อลืมตาตื่นขึ้นและนึกได้ว่าเหตุใดตนจึงหมดสติไป ก็รู้สึกปวดแปล็บที่หน้าออก
 
ขันทีวังรีบปรี่เข้ามาพร้อมยาบำรุง
 
ฮ่องเต้ดื่มยาไปสองสามคำ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “คงจะหาได้เพียงสินแร่ไม่กี่ก้อนกระมัง? มีแร่จริงหรือไม่ยังบอกไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแหล่งแร่มีทั้งใหญ่ทั้งเล็ก เราไม่เชื่อว่าภูเขาลูกเล็กถึงเพียงนั้นจะเป็นแหล่งแร่ขนาดใหญ่ไปได้ ไปเรียกคนจากกรมโยธามา!”
 
กรมโยธามีข้าราชการที่รู้เรื่องธรณีวิทยา ด้วยความช่วยเหลือขององครักษ์เงา ภายในคืนนั้นพวกเขาก็ลอบเข้าไปสำรวจภูเขารกร้างได้สำเร็จ จากนั้นจึงกลับมารายงานว่า “ฝ่าบาท น่ายินดี! น่ายินดีเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ! หากข้าประเมินไม่ผิด ภูเขาเหล่านั้นเป็นแหล่งแร่เหล็กที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในราชวงศ์นี้พ่ะย่ะค่ะ!”
 
ฮ่องเต้…ฮ่องเต้กระอักเลือดแล้วล้มพับไปอีกครา!
 
กว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะถึงหมู่บ้านเหลียนฮวา ก็ล่วงเลยเวลาอาหารเย็นไปแล้ว ไม่กี่วันมานี้เขาง่วนอยู่กับการสร้าง ‘บทลงโทษแห่งสวรรค์’ สองวันที่ผ่านมาก็คอยระแวดระวังผลที่อาจตามมาภายหลัง หากลุงวั่นไม่ได้เตือนเขาว่าอีกสามวันจะมีงานแต่งของเฉิงอ๋องและองค์หญิงซยงหนู เขาก็คงลืมไปแล้ว ราวกับว่าจิตใต้สำนึกของเขาได้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เดิมทีจะไปรับลูกๆ สุดท้ายแล้วก็พักอยู่ในหมู่บ้านเสียอย่างนั้น
 
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้ามาในบ้าน ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรืออย่างไร ปกติแล้วเวลานี้คนในบ้านต้องนอนหลับพักผ่อนกันแล้ว ทว่าวันนี้ไฟยังสว่างไสว ราวกับคนในบ้านกำลังเฉลิมฉลองกันอยู่
 
“อาฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ…ฮึฮ่า…ฮึฮ่า…”
 
เสียงหัวเราะของเถี่ยตั้นน้อยดังมาจากบ้านสกุลติงที่เขาซื้อเอาไว้ หลังจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะคล้ายหมูของเด็กน้อยทั้งสามดังตามมา
 
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้อยากยิ้ม กระนั้นมุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวโทษที่อวี๋หวั่นพักอยู่บ้านต่อ แต่ตนเองก็ไม่อยากกลับเช่นกัน
 
“อ้าว? เยี่ยนจิ่วเฉา?” อวี๋หวั่นเดินออกมาจากโถงกลางบ้าน ก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งกำลังลงจากรถม้า
 
เขาสวมอาภรณ์สีกรมท่า หล่อเหลาและสง่างาม โดดเด่นเหนือผู้ใด ดวงตาของอวี๋หวั่นเป็นประกาย เธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านมาทำอะไรหรือ?”
 
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ อย่างเย็นชา “หากข้าไม่มาเจ้าก็คงลืมงานแต่งของเฉิงอ๋องไปแล้วกระมัง?”
 
“ใช่ที่ไหนกัน” อวี๋หวั่นพูดอย่างรู้สึกผิด
 
“นั่นอะไร?” เยี่ยนจิ่วเฉาชี้ไปยังห่อผ้าในมือของเธอ
 
“เข้ามาคุยข้างใน” อวี๋หวั่นจูงมือเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในบ้าน
 
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังมือซึ่งจับข้อมือของเขา ลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อย
 
เมื่อทั้งสองเข้าไปในบ้าน อวี๋หวั่นก็นึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้จับมือถือแขน เธอจึงปล่อยมือของเขา แล้วเปิดห่อผ้านี้ออก “นี่คือเอกสาร”
 
ส่วนที่ถูกอวี๋หวั่นจับนั้นมีอาภรณ์กั้นอยู่หลายชั้น กระนั้นก็ยังรู้สึกร้อนผ่าว
 
เขาตั้งสติแล้วกล่าวว่า “เอกสารอะไร?”
 
“ท่านพ่อข้าพ้นผิดแล้วไม่ใช่หรือ? ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้ท่านพ่อข้าเป็นท่านโหว ทั้งยังพระราชทานภูเขาให้…” อวี๋หวั่นเล่าเรื่องที่พบสินแร่ให้เยี่ยนจิ่วเฉาฟัง “เมื่อครู่ข้ากำลังจะไปเจรจากับผู้ใหญ่บ้านเรื่องเปิดเหมืองแร่”
 
เป็นถึงวั่นฮู่โหว แต่กลับให้ภูเขาเพียงไม่กี่ลูกน่ะหรือ? ฮ่องเต้ทรงทำลงไปได้ ฮ่องเต้คงไม่รู้สินะว่าในภูเขาเหล่านี้เป็นแหล่งแร่? มิเช่นนั้นคงไม่มีทางยกให้ผู้อื่น แต่จะว่าไป ภูเขาที่ฮ่องเต้พระราชทานให้มาส่งเดชนั้นกลับมีสินแร่เช่นนี้ คนสกุลอวี๋ต้องโชคดีถึงเพียงใดกัน?
 
เขาอยากเห็นเหลือเกินว่าสีหน้าของฮ่องเต้จะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ความจริง ต้องน่าสนุกเป็นแน่
 
“เยี่ยนจิ่วเฉา จะเปิดเหมืองต้องดำเนินการอะไรไหม?” อวี๋หวั่นรู้ว่าบุกเบิกพื้นที่รกร้างต้องทำ แต่ก็เป็นเพราะนั่นไม่ใช่พื้นที่ในกรรมสิทธิ์ของพวกเขา บัดนี้ฮ่องเต้ทรงยกภูเขารกร้างเหล่านี้ให้พวกเขา หากพวกเขาจะขุดเจาะในพื้นที่ของตนเอง ก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนั้น?
 
“ข้าจัดการให้” เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบเอกสารมา
 
ดูแล้วน่าจะต้องไปดำเนินการ เขาไปจัดการเองย่อมง่ายกว่าให้ผู้ใหญ่บ้านไปจัดการ อวี๋หวั่นยิ้มร่าพลางมองเขา “สามีข้าดีจริงๆ”
 
ข่าวว่าสกุลอวี๋มีแหล่งแร่และข่าวว่าอวี๋เซ่าชิงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านโหวนั้นแพร่สะพัดออกไป ในวันถัดมาก็มีคนนอกหมู่บ้านเดินทางมาสืบข่าวไม่น้อย พวกเขาทั้งอิจฉาตาร้อน ทั้งเอ่ยปากถามว่ามีงานให้ทำหรือไม่
 
ครานี้นับว่าคนหมู่บ้านเหลียนฮวาลืมตาอ้าปากได้แล้ว
 
ไม่ได้หัวเราะเยาะว่าหมู่บ้านพวกเขายากจนข้นแค้นหรอกรึ? อย่าให้บุตรสาวมาแต่งงานกับคนหมู่บ้านพวกเขา และอย่าได้ไปมาหาสู่กับพวกเขามิใช่หรือ? ครานี้งงเป็นไก่ตาแตกเลยสินะ?
 
ก่อนหน้านี้เป็นเพียงหมู่บ้านที่ผู้คนต่างหมางเมิน บัดนี้มีแต่คนอยากเข้ามา
 
แน่นอนว่ามีคนอยากย้ายออกไปเช่นกัน
 
ในบ้านสกุลจ้าว อาม่าและพวกอาเว่ย ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะในโถงกลางบ้าน อาเว่ยปิดประตูเรียบร้อยแล้ว หลายวันมานี้มีข่าวดีเกิดขึ้น มีคนแวะเวียนมาในหมู่บ้านจำนวนมาก พวกเขารู้ดีว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะไม่สะดวกดังเดิม
 
อาเว่ยเอ่ยขึ้นว่า “ให้เวลาข้าอีกสักหน่อย ข้าจะจับนางมาให้ได้”
 
“ไม่จำเป็นแล้ว” อาม่าบอก
 
อาเว่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เพราะเหตุเล่า?”
 
อาม่ากางแผ่นกระดาษในมือให้ดู แล้วพูดกับทั้งสามว่า “มีข่าวจากในเผ่าว่าราชทูตจากหนานจ้าวกำลังจะมา ทางที่ดีพวกเราไม่ควรพบหน้าพวกเขา องค์กษัตริย์ให้พวกเรากลับเผ่าก่อน เรื่องจับคนค่อยว่ากัน”
 
ชิงเหยียนพยักหน้า “นางมีบ้านอยู่ที่นี่ พวกเราไม่ต้องกลัวว่านางจะหนีไปแล้ว รอให้เรื่องเหล่านี้ผ่านพ้นไปก่อน แล้วค่อยกลับมาจับนางก็ยังได้!”
 
เยวี่ยโกวเห็นด้วย
 
ส่วนอาเว่ยนั้น เขาอายุน้อยที่สุด ความเห็นของเขาถูกเมินเฉยเสมอ
 
อาม่าสั่งว่า “อาเว่ย เจ้าไปเก็บข้าวของ พวกเราจะเดินทางคืนนี้”
 
“โอ้” อาเว่ยเข้าไปเก็บของในห้อง เพียงครู่หนึ่งเขาก็เดินคอตกกลับมา “อาม่า”
 
“มีอะไร?” อาม่าถาม
 
อาเว่ยเปิดกระเป๋าใส่เงินที่เหลือเหรียญทองแดงเพียงเหรียญเดียว “ไม่มีเงินแล้ว ไม่มีค่าเดินทาง พวกเรากลับไม่ได้แล้ว”
 
อาม่า “…”
 
เยวี่ยโกว “…”
 
ชิงเหยียน “…”
 
……………………………………….

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset