หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 172.2 ไข่ดำสามฟอง (2)

“อาม่า!”
อาเว่ยกลับไปที่บ้านของเขา
การสัมผัสรู้ของอิ่งสือซันนั้นไม่น้อยเลย เมื่อครู่เขาเกือบจะรู้ว่าอาเว่ยอยู่ที่นั่น แน่นอนว่าอาเว่ยไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง เขาแค่มาส่งลูกศิษย์กลับบ้าน ผู้ใดจะคิดว่าจะได้ยินข่าวเด็ดเช่นนี้
“อาม่า อาม่า ฟังข้านะ!” อาเว่ยเดินเข้าไปในห้องของชายชรา ขัดจังหวะเขาที่กำลังเตรียมบทเรียน
ชายชราวางตำราอาขยานจีนโบราณลงอย่างไม่แยแส พลางเหลือบมองอาเว่ย “เจ้าคิดจะทำสิ่งใดอีก?”
ตั้งแต่เด็กคนนี้มาที่หมู่บ้านเหลียนฮวาก็ไม่เคยทำเรื่องดีสักเรื่อง ให้ไปจับคนมาก็จับไม่ได้ (อวี๋หวั่น) ทุบคนที่ไม่ควรขยับจนเป็นหัวหมู (ราชครู) ชายชรานึกเสียใจที่พาเขาออกมาด้วย
อาเว่ยรู้ว่าตนเองก่อปัญหา จึงมักมองหาโอกาสมาชดเชยสิ่งที่เขาทำ และเขาก็พบแล้วมิใช่หรือ?
“อาม่า ข้าได้ยินข่าวใหญ่!”
อาเว่ยยืดอก เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาจากบ้านสกุลอวี๋ “…ที่แท้เขาก็ถูกพิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียง ไม่แปลกใจที่เชิญปรมาจารย์พิษไปถอนพิษ แล้วยังถูกพิษไป๋หลี่เซียงอีก…ฟังน้ำเสียงของคนผู้นั้น ดูเหมือนว่าพิษตู๋โจ้วจะถูกรักษาไปแล้ว…แปลกจริง ปรมาจารย์พิษเส็งเคร็งนั่นยังสามารถถอนพิษตู๋โจ้วที่ทรงพลังได้…”
อาเว่ยพยายามหาคำมาพูด
ชายชราต้องจับประเด็นสำคัญจากคำพูดของเขามารวมกับการคาดเดา จึงทราบคร่าวๆ ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เยี่ยนจิ่วเฉาถูกพิษตู๋โจ้วและไป๋หลี่เซียง พิษทั้งสองยับยั้งกัน หลายปีมานี้จึงไม่มีอาการใดๆ แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานพิษตู๋โจ้วได้ถูกถอนออกไปแล้ว อาการพิษของไป๋หลี่เซียงจึงระเบิดออกมา
พิษตู๋โจ้วต้องแก้อย่างไร ชายชรารู้ดีกว่าอาเว่ย
หากบอกว่าครั้งแรกเขาคิดผิด เช่นนั้นหลังจากติดต่อกับอวี๋หวั่นมาหลายครั้ง ความรู้สึกของเขาย่อมไม่มีทางผิดพลาด บวกกับการถอนพิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียง ชายชราก็เกือบจะสรุปได้ว่าราชันสัตว์พิษในมือของอวี๋หวั่น คือของศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานจ้าวที่พวกเขามอบเป็นของขวัญหมั้น
ดังนั้นโชคชะตาจึงเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก เพื่อให้ได้มาซึ่งของศักดิ์สิทธิ์ ราชวงศ์หนานจ้าวก็ไม่ลังเลที่จะขายตี้จีองค์โต แต่ผลที่ได้กลับแปรเปลี่ยน ของศักดิ์สิทธิ์กลับมาตกอยู่ในมือบุตรสาวของตี้จีองค์โตเสียแทน
บางทีนี่อาจเป็นกรรมสนองกรรมจริงๆ
จู่ๆ ชายชราก็อยากเห็นสีหน้าของคนเหล่านั้นหลังจากรู้ความจริง
“อาม่า ท่านฟังข้าอยู่หรือไม่?” อาเว่ยถามเขา
ชายชราไม่ตอบคำถาม แต่กลับเรียกชิงเหยียนเข้ามา
“อาม่า ท่านเรียกข้ารึ” ชิงเหยียนเดินเข้ามาในห้อง
ชายชราถามเขาว่า “เราได้เงินมาเท่าใดแล้ว?”
ชิงเหยียนครุ่นคิดสักพักและเอ่ยว่า “ห้าสิบตำลึง”
อาเว่ยได้มาสามสิบตำลึง อีกยี่สิบตำลึงที่เหลือพวกเขาสามคนช่วยกันหา
เงินเดือนของพวกเขาคือสามตำลึง เงินเดือนของอาเว่ยคือสิบตำลึง รวมกับที่พวกเขาขุดเหมืองนอกเวลา (อาเว่ยขุดมากที่สุด)
ชิงเหยียนกล่าวว่า “อาม่า หากหาได้อีกสองเดือน นั่นน่าจะเพียงพอให้เราได้กลับบ้าน”
ชายชรากล่าวว่า “ไม่ต้อง ข้าคิดวิธีที่ดีกว่านี้ออกแล้ว”
หนึ่งในแปดชั่วยามต่อมา อวี๋หวั่นได้รับคำเชิญจากอาเว่ย
ครอบครัวของอาเว่ยทำงานให้สกุลอวี๋ ชายชราเป็นครูประจำหมู่บ้าน อาเว่ยเป็นอาจารย์ของไข่ดำทั้งสาม ชิงเหยียนเป็นนักบัญชีและเยว่โกวชำนาญด้านการขุดเหมือง อวี๋หวั่นเชื่อใจครอบครัวนี้มาก เมื่ออาเว่ยเชิญเธอไป เธอก็ไปโดยไม่ถามหาเหตุผล
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าประโยคแรกที่ชายชราเอ่ยกับเธอคือ “พิษของไป๋หลี่เซียงมิใช่จะถอนได้ง่ายๆ”
อวี๋หวั่นถึงกับผงะและมองไปที่คนทั้งสี่ด้วยความแปลกใจ
อาเว่ยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แค่เสียงของพวกเจ้าดังเกินไป!”
การสัมผัสรู้ของอิ่งสือซันไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล ยามนั้นมิได้มีเพียงบุตรชายของเธอที่อยู่ด้านนอก ทว่ายังมีอาเว่ยด้วย
แต่อีกฝ่ายก็แสนซื่อจนอวี๋หวั่นไม่รู้จะพูดเช่นไรดี
ชายชราเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กล่าวตรงๆ แบบไม่ปิดบัง พวกเราหาใช่คนในจงหยวน เราแอบเข้ามาที่จงหยวนเพราะมีภารกิจ โปรดยกโทษให้ข้าที่ไม่อาจเปิดเผยภารกิจได้ ข้ารู้วิธีล้างพิษไป๋หลี่เซียง หากเจ้าไม่รังเกียจ ข้าช่วยเจ้าได้ ทว่าพวกเราต้องการเงินตอบแทนจำนวนหนึ่ง”
อวี๋หวั่นมองออกตั้งแต่แรกว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเขาเป็นคนดี เธอจึงไม่ได้ใส่ใจกับที่มาของพวกเขา เช่นเดียวกับเยี่ยนจิ่วเฉา เมื่อเทียบกับความตกใจที่พวกเขามาสารภาพเช่นนี้ อวี๋หวั่นประหลาดใจกับสองประโยคสุดท้ายมากกว่า “ท่านสามารถถอนพิษไป๋หลี่เซียงได้จริงหรือ?”
ชายชรากล่าวอย่างจริงจัง “ข้าไม่อาจแก้ได้ ทว่าข้ารู้วิธีแก้ สูตรยาของพวกเจ้าอาจจะถูกต้อง ทว่าไป๋หลี่เซียงไม่อาจใช้เพียงสูตรยาเท่านั้น ทว่ามันต้องใช้ยาส่วนผสมพิเศษ”
ไม่แปลกใจที่หวั่นเจาอี๋ได้สูตรยาของคนพวกนั้นมาอย่างง่ายดาย เพราะอีกฝ่ายมั่นใจว่าแม้จะได้สูตรยาไปก็ไม่มีประโยชน์
อวี๋หวั่นรวบรวมความคิด “ขอถาม ยาส่วนผสมพิเศษคือสิ่งใด?”
ชายชราเอ่ยอย่างเฉยเมย “ถึงบอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร เลือดนักบุญ น้ำตาพ่อมด เห็ดหลินจือเพลิง คางคกหิมะ”
อวี๋หวั่นพึมพำ “เป็นของพวกนี้จริงๆ หรือ?”
ชายชราขมวดคิ้ว “เจ้าเคยได้ยินหรือ? นี่เป็นความลับของเผ่าปีศาจหนานเจียง”
อวี๋หวั่นเท้าแก้ม “มันแพร่ไปทั่วโรงน้ำชาแล้วละ…”
ชายชราที่ยังอยากโอ้อวด “…”
เมื่อนึกขึ้นได้ อวี๋หวั่นพลันขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าของสองสิ่งแรกไม่อาจหาได้”
ชายชราที่คิดหลอกล่ออย่างหนัก “…”
เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้รู้ทุกอย่าง? ปีนี้จะคดโกงยากเย็นถึงเพียงนี้เชียวรึ?!
ชายชราสูดหายใจและเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ความสำเร็จขึ้นอยู่ที่คน หากเจ้าไม่หา จะรู้ได้อย่างไรว่าหาไม่พบ ไม่แน่เจ้าอาจจะมีโอกาสนั้นจริงๆ ก็เป็นได้”
คำพูดเหล่านี้กระแทกใจอวี๋หวั่น ใช่แล้ว หากไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร? แม้หาไม่พบจริงๆ ก็ไม่มีผลที่ร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว
อวี๋หวั่นเกิดความมั่นใจ เธอได้รับแรงบันดาลใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอมองไปที่ชายชราและเอ่ยด้วยความจริงใจ “ท่านปู่อาเว่ย ท่านช่างดียิ่งนัก!”
เด็กหญิงช่างหลอกง่ายยิ่งนัก ชายชราลอบดีใจ ทว่าใบหน้านิ่งเฉย “ของเหล่านั้นอยู่ที่หนานเจียง พวกเราต้องไปที่หนานเจียง”
อวี๋หวั่นกวาดสายตามองเขาขึ้นลง “ท่าน… ก็ไปด้วยตนเองหรือ?”
“แน่นอน” หากไม่ไปจะกลับบ้านได้อย่างไร? ชายชรากล่าวว่า “ภูมิประเทศหนานเจียงมีความซับซ้อน ข้าต้องพาเจ้าไปที่นั่น และยังต้องเตรียมของสองอย่างเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน อย่างหนึ่งคือหญ้าไร้กังวลในดินแดนที่หนาวจัด อีกอย่างหนึ่งคือหินกำมะถันที่ร้อนจัด ของสองสิ่งนี้มิได้หายาก องครักษ์สองคนที่อยู่ข้างกายสามีเจ้าสามารถพอที่จะทำงานนี้”
ในพริบตาเดียวก็สามารถแยกอิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วออกมาได้แล้ว ข้านี่ช่างฉลาดเฉลียวมีไหวพริบยิ่งนัก!
อวี๋หวั่นคิดว่าเป็นไปได้
ชายชราขอเงินหนึ่งพันตำลึงจากอวี๋หวั่นเป็นรางวัล ซึ่งจะจ่ายให้หลังจากงานเสร็จสิ้น หากไม่พบยาส่วนผสมพิเศษทั้งสี่ชนิด เขาก็จะไม่รับเงินแม้แต่แดงเดียว
ต้องรู้ว่าปรมาจารย์พิษแห่งหนานเจียงเสนอราคาอยู่ที่หนึ่งแสนตำลึง และยังต้องจ่ายเงินมัดจำห้าหมื่นตำลึงก่อนที่จะรักษาอาการป่วย ครอบครัวอาเว่ยร่วมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปกับเธอ โดยไม่เรียกเก็บเงินค่ามัดจำ นี่ก็ถือว่ามีน้ำใจกับเธอมากแล้ว
หากเป็นคนอื่น อวี๋หวั่นก็คงสงสัยว่าพวกเขากำลังมีแผนบางอย่าง ทว่าครอบครัวอาเว่ยล้วนเป็นคนดีและพวกเขาต้องอยากช่วยเหลือเธอจริงๆ!
ชายชรา : เจ้าคิดไกลไปแล้ว เราแค่อยากกลับบ้าน ก็เลยหลอกล่อเจ้าไปที่ทางเข้าเผ่าปีศาจ และสุดท้ายมารดาของเจ้าก็จะกลายเป็นของในกระเป๋าเรา…
“ดี ตกลงตามนี้ ข้าจะกลับไปคุยเรื่องวันเดินทางกับสามี” อวี๋หวั่นเอ่ยพร้อมกับหันหลังเดินออกจากบ้านไป
ชิงเหยียนถามด้วยความงุนงง “อาม่า ท่านต้องการช่วยพวกเขาหาวัตถุดิบยาจริงหรือ?”
ชายชรากล่าวว่า “อย่างไรเส้นทางกลับเผ่าปีศาจก็ต้องผ่านหนานจ้าว ระหว่างทางก็หาหลินจือเพลิงกับคางคกหิมะให้พวกเขา เมื่อเจอสองสิ่งนี้แล้ว พวกเขาก็จะเชื่อในตัวเรามากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย จากนั้นเราจะบอกว่านักบุญกับพ่อมดอยู่ที่เผ่าปีศาจ พวกเขาก็ต้องตามไปอย่างไม่ลังเลเป็นแน่”
ชิงเหยียนปรบมือให้แผนการของชายชรา “วิเศษมาก วิเศษยิ่งนัก!”
คืนนั้นอวี๋หวั่นกลับมาอีกครั้งและบอกพวกเขาถึงกำหนดวันเดินทาง ซึ่งก็คืออีกสามวันหลังจากนี้
หลายคนเริ่มเก็บข้าวของด้วยความรวดเร็ว
ชายชราเรียกรั้งอาเว่ย “เจ้าไม่ต้องเก็บ เจ้าอยู่ที่นี่”
อาเว่ยสงสัย “ทำไมหรือ?”
ชายชรากล่าวว่า “เฝ้าบ้าน”
อาเว่ย “…”
…………………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset