หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 16 มอบของแทนใจ

บทที่ 16 มอบของแทนใจ
โดย
Ink Stone_Romance

ณ เรือนใหญ่สกุลเกา
เกาหย่วนตัวสั่นเทิ้ม ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง “เจ้าว่าอะไรนะ? ทัพซยงหนูแพ้แล้วหรือ?”
ฉีหลินพยักหน้าทำตาโต “ใช่แล้วขอรับ ข่าวดีนี้ส่งไปถึงเมืองหลวงแล้ว กองทัพเราชนะ ซยงหนูแพ้แล้ว!”
“แพ้…แพ้แล้ว? ไม่ใช่ข่าวลือหรอกกระมัง?” เกาหย่วนพึมพำด้วยความเหลือเชื่อ “แม้ว่าโยวโจวจะปลอดภัยแล้ว แต่ว่าซยงหนูยังไม่แพ้หรอก พวกเขาเพียงถอยทัพไป อีกไม่กี่ปีก็จะกลับมา…”
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของฉีหลินงุ้มงอ ท่านปู่พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว!
ฉีหลินเบ้ปาก “ซยงหนูแพ้สงครามก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่ขอรับ ท่านลืมไปแล้วหรือ แม่ทัพใหญ่เซียวไปชายแดนแล้ว”
“อา…”  เกาหย่วนเข้าใจทันที “ใช่แล้วละ เซียวเจิ้นถิงไปชายแดนแล้ว ไม่เหมือนกันๆ!”
ฉีหลินรู้สึกทรมานกับคำพูดซึ่งจับต้นชนปลายไม่ถูกของท่านปู่ “ในเมื่อท่านตื่นแล้ว เรารีบไปโถงบุปผากันเถิด”
“เกิดอะไรขึ้น?” เกาหย่วนถาม
ฉีหลินร้อง ‘โอ้’ แล้วตอบว่า “ขันทีวังมาหาท่านตามพระบัญชาของฮ่องเต้”
เกาหย่วนถูกขันทีวังเชิญเข้าวัง ฮ่องเต้ต้องการพบเขา
เกาหย่วนเดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ถวายบังคมตามครั้งหนึ่ง “กระหม่อม ถวายบังคมฝ่าบาท”
“อะแฮ่ม” เกาหย่วนกระแอมด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
ฮ่องเต้มองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นเยียบ แล้วโยนสาส์นกราบทูลลง “เจ้ากล้านัก กล้าไม่รายงานเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าเรายังต้องพึ่งพาเจ้า คิดว่าศีรษะของตนไม่มีวันหลุดจากบ่าหรืออย่างไร?”
เกาหย่วนรีบคุกเข่าลงทันที เขาประสานมือพร้อมกับกล่าวอย่างร้อนรนว่า “กระหม่อมมิกล้า!”
“ทำก็ทำไปแล้ว ยังจะบอกว่าไม่กล้า! เจ้ารู้แต่แรกแล้วว่าแม่ทัพเซียวไม่รอดกลับมา เจ้ากลัวว่าถ้าบอกความจริงกับเรา เราจะไม่ส่งแม่ทัพใหญ่เซียวไปหรือ?”
“แล้วฝ่าบาทจะทำเช่นนั้นหรือไม่?” เกาหย่วนถามกลับ
ฮ่องเต้…ฮ่องเต้ถึงกับพูดไม่ออก
เซียวเจิ้นถิงมีความดีความชอบยิ่งใหญ่ หากจะกล่าวว่าฮ่องเต้ไม่เกรงใจเขาแม้แต่น้อยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ หลายปีมานี้เซียวเจิ้นถิงรักษาเนื้อรักษาตัวเป็นอย่างดี หากมิใช่เพราะเพื่อปกป้องชีวิตลูกหลานสายตรงสกุลเซียว ฮ่องเต้ไม่มีทางรับปากว่าจะใจกว้างส่งเซียวเจิ้นถิงกลับสู่สนามรบ ทวงคืนความรุ่งโรจน์เช่นนี้
“บังอาจ!”
ฮ่องเต้รังเกียจขุนนางซึ่งชอบคาดเดาความคิดของพระองค์เป็นที่สุด โดยเฉพาะคนที่คาดเดาได้ถูกต้อง!
เกาหย่วนก้มหน้า คุกเข่าด้วยความแน่วแน่
ฮ่องเต้เห็นภาพเช่นนี้ก็โทสะพลุ่งพล่าน อยากสั่งประหารเขาเสียแต่ก็มิอาจทำได้ “ยังไม่รีบไสหัวไปให้พ้นอีก!”
เกาหย่วนรุดรีบออกไป
หลังจากที่เกาหย่วนออกไป ฮ่องเต้ประทับอยู่ในห้องทรงพระอักษรอีกเป็นเวลานาน
ชายแดนรบกันแล้วก็หยุด หยุดแล้วก็รบต่อ หลายปีมานี้ไม่มีวี่แววว่าจะชนะ เซียวเจิ้นถิงไปถึงเพียงไม่นานก็ตีทัพซยงหนูจนแตกพ่าย
บัดนี้ความรู้สึกของฮ่องเต้ค่อนข้างซับซ้อน
“ฝ่าบาท เสียนเฟยประสงค์จะเข้าเฝ้า” ขันทีวังกราบทูลจากด้านนอก
“ไม่ต้อง” ฮ่องเต้ตอบอย่างไม่ลังเล
ขันทีวังกราบทูลเสียนเฟย และถือยาต้มซึ่งเสียนเฟยนำมาเข้ามาให้ห้อง “พระสนมบอกว่าพระองค์ทรงอย่าลืมดื่มยา”
ฮ่องเต้ประชวรอย่างหนักและหมดสติไป จวนเมื่อวานเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รับถ้วยยามา ชะงักไปครู่หนึ่ง “คนที่เซียวเจิ้นถึงไปรับมาชื่อว่าอะไร?”
“มีหลายคนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงหมายถึงผู้ใดหรือ? ” ขันทีวังเอ่ยถาม
ฮ่องเต้คล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด “คนที่…มีรายชื่อของหน่วยสอดแนม”
ขันทีวังกล่าวว่า “น่าจะเป็นหัวหน้ากองพันคนหนึ่ง แซ่อวี๋พ่ะย่ะค่ะ”
……
“อวี๋เฒ่า!”
ณ เมืองโยวโจว ในจวนแม่ทัพผางเหริน อู๋ซันร้องเรียกอวี๋เซ่าชิงซึ่งกำลังฝึกกระบี่อยู่ที่ลานบ้าน
อวี๋เซ่าชิงเก็บกระบี่ หันหลังไปหาเขา “เหล่าพี่น้องพักผ่อนดีหรือไม่?”
การข้ามหุบเขาหิมะแลกมาด้วยอุปสรรคครั้งใหญ่ทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการถูกทหารซยงหนูตามสังหาร สภาพอากาศที่เหนือการคาดเดา และอันตรายอื่นๆ จากภูเขาหิมะ ล้วนเปรียบประหนึ่งคำสาปแช่งที่พวกเขาต้องเผชิญ ยังดีที่พวกเขาไปพบกับแม่ทัพใหญ่เซียวได้ทันเวลา แต่ถึงกระนั้น บรรดาพี่น้องทหารต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
อู๋ซันตบอก พร้อมกับกล่าวว่า “พักผ่อนกันแล้วละ เจ้าวางใจได้! แม่ทัพผางเหรินเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เซียว แม่ทัพใหญ่เซียวพาพวกเรามาด้วยตัวเอง แม่ทัพผางเหรินไม่เสียมารยาทกับพวกเราหรอก!”
“อืม” อวี๋เซ่าชิงพยักหน้า “ขาเจ้า…”
อู๋ซันขาเน่าเนื่องจากถูกศรเกาทัณฑ์ของซยงหนูยิงเข้า โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บลึกถึงกระดูก รักษาไม่นานก็จะกลับมาหายดีดังเดิม
อู๋ซันหัวเราะ “ไม่เจ็บเลยสักนิด! ไอ้หยา ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะโชคดีขนาดนี้ ออกมาจากภูเขาหิมะได้! อวี๋เฒ่า ก่อนหน้าพวกเรา ไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากภูเขาหิมะได้เลยนา”
อวี๋เซ่าชิงมองจ้องหน้าเขา “น่าเสียดายที่แม่ทัพเซียวกับพี่น้องเหล่านั้นถูกฝังไว้ที่นั่น”
อู๋ซันพลันรู้สึกสลดใจ เขานึกถึงต้าหนิว นึกถึงพี่น้องที่เคยร่วมเป็นร่วมตายในกองทัพมาด้วยกัน
“อย่าพูดเรื่องนี้เลย!” อู๋ซันพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา และคิดถึงเรื่องดีๆ “พวกเราชนะศึก เจ้าว่าฝ่าบาทจะทรงปูนบำเหน็จให้พวกเราไหม?”
“บำเหน็จ?” อวี๋เซ่าชิงมีสีหน้างุนงง
อู๋ซันพยักหน้าหงึกๆ “ใช่แล้วละ! ข้อมูลที่เจ้าเสี่ยงตายนำกลับมานั้นช่วยชีวิตชาวโยวโจวได้นับแสน แม่ทัพใหญ่เซียวจัดการเรื่องสำคัญได้ทันท่วงที ก็เป็นเพราะว่ามีรายชื่อนี้ไงเล่า เจ้าสร้างความดีความชอบมหาศาลถึงเพียงนี้ อย่างไรเสียเมื่อกลับเมืองหลวงไป ก็ต้องมอบตำแหน่งแม่ทัพให้เจ้า ถ้าเป็นแม่ทัพแล้ว ข้าก็จะเป็นรองแม่ทัพ! พี่สะใภ้ก็จะเป็นฮูหยินแม่ทัพ แล้วหลานสาวที่แสนดีของข้าก็จะเป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ!”
ทั้งสองยังไม่รู้ว่าอวี๋เซ่าชิงมีเถี่ยตั้นน้อยมาเพิ่มอีกคน
อวี๋เซ่าชิงมิได้คิดเรื่องนี้ เขาเพียงปรารถนาให้สงครามจบ จะได้กลับบ้านไปหาลูกและภรรยาเสียที
“อ๊าย…”
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน ก็มีเสียงร้องน่าเวทนาของสตรีดังมาจากพลับพลาที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?” ทั้งสองคนวิ่งตามกันออกไป
ในพลับพลาหลังนั้น สตรีผอมแห้งแรงน้อยผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น สตรีอีกคนหนึ่งสวมอาภรณ์ของชาวหู[1] ในมือถือแส้ ฟาดลงไปบนหลังของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อวี๋เซ่าชิงและอู๋ซันอยู่ชายแดนมานาน พอรู้ภาษาซยงหนู
สิ่งที่ดรุณีน้อยคนนั้นพูดก็คือ “ชนข้าแล้วยังจะมาต่อปากต่อคำ! พวกเจ้าคนจงหยวนเก่งกาจมากไม่ใช่หรือ? เก่งนักก็ลุกขึ้นมาสู้สิ!”
ดรุณีน้อยคนนี้มีวิชายุทธ์ ทุกครั้งที่ฟาดแส้ลงไปล้วนใช้พลังภายใน ทว่าสตรีชาวจงหยวนผู้นี้มือไม้ไร้แม้แรงผูกไก่ ไหนเลยจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของนาง? ไม่นานก็ถูกฟาดจนเนื้อแตก
“เป็นองค์หญิงของซยงหนู” อู๋ซันจดจำฐานะของนางได้
ซยงหนูพ่ายศึก แม่ทัพเซียวข่มขู่ราชสำนักซยงหนูได้สำเร็จ กษัตริย์ซยงหนูกลัวสุดขีด จึงรีบส่งราชทูตมาเจรจา พวกเขาจะกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับเซียวเจิ้นถิง
คณะทูตของซยงหนูล้วนพักอยู่ในจวนแม่ทัพผางเหริน องค์หญิงผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
อู๋ซันไม่เข้าใจว่าชาวซยงหนูจะส่งสตรีมาทำอะไร สตรีสูงศักดิ์ชาวต้าโจวไม่ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก!
พวกเขาไม่อาจปล่อยให้บ่าวของจวนแม่ทัพถูกองค์หญิงฟาดจนตาย อู๋ซันเข้าไปหว่านล้อมให้นางหยุด
ไหนเลยจะรู้ว่านางมิได้พูดพร่ำทำเพลง ฟาดแส้ใส่ใบหน้าของอู๋ซัน
ทันใดนั้นเอง อวี๋เซ่าชิงก็ยกมือขึ้นมาคว้าแส้ของนาง
องค์หญิงชาวซยงหนูสะบัดแส้ถึงสองครั้งแต่ก็ไม่ขยับ นางจึงจ้องไปยังอวี๋เซ่าชิงซึ่งอยู่ตรงหน้า หรี่ตาเล็กน้อย แล้วพูดภาษาฮั่นอย่างคล่องแคล่วว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดมาจับแส้ของข้าไว้?”
นางไม่ได้ถามว่าเหตุใดถึงกล้าทำ หากแต่ถามว่าเหตุใดจึงทำได้ ดูแล้วองค์หญิงผู้นี้มั่นใจในวิชายุทธ์ของตนเองเป็นอย่างมาก
อวี๋เซ่าชิงตอบอย่างมิได้เกรงใจแต่ก็มิได้แข็งกร้าวว่า “ข้าแซ่อวี๋ เป็นหัวหน้ากองพันของทัพใหญ่ซีเป่ย หากองค์หญิงระบายโทสะพอแล้ว ก็ปล่อยบ่าวคนนี้ไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
องค์หญิงเหลือบไปมองบ่าวซึ่งเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ถ้าข้าไม่ให้นางไปเล่า?”
อวี๋เซ่าชิงตอบว่า “เช่นนั้นข้าก็คงต้องรายงานเรื่องนี้กับแม่ทัพใหญ่เซียว”
ชื่อของเซียวเจิ้นถิงเป็นฝันร้ายของชาวซยงหนู และเป็นดังคาด องค์หญิงผู้นี้มิได้ทำตัวโอหังเฉกเช่นก่อนหน้า สายตาของนางขยับเล็กน้อย “ไสหัวไป!”
“ขอบคุณองค์หญิง! ขอบคุณหัวหน้ากองพันอวี๋!” บ่าวเสียงสั่น แล้ววิ่งออกไปด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อย!” องค์หญิงสะบัดแส้
อวี๋เซ่าชิงปล่อยแส้ลง แล้วพาอู๋ซันเดินลงจากพลับพลา ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อเขาก้าวเท้าออกไป ก็มีเสียงของลมคำรามเสียดแก้วหู นัยน์ตาของอวี๋เซ่าชิงแข็งกร้าว เขาผลักอู๋ซันลงจากขั้นบันได แล้วเบี่ยงตัวหลบ
ราวกับแส้นั้นมีตา มันติดตามเขาไป
อวี๋เซ่าชิงจับแส้เอาไว้อีกครั้ง ครั้งนี้เขามิได้ปล่อยไปง่ายๆ แต่กลับกระชากมันมาแทน!
เดิมทีเขาคิดจะดึงแส้นั้นมา ไหนเลยจะรู้ว่าองค์หญิงซยงหนูผู้นี้อาศัยแรงดึง ทิ้งตัวเข้ามาในอ้อมอกของเขาด้วย
อวี๋เซ่าชิงรีบผลักนางออกไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกสายฟ้าฟาด!
“โอ๊ย!” องค์หญิงซวนเซออกไป เกือบล้มหน้าคะมำไปกับพื้น
เมื่อทรงตัวได้ นางก็หายใจหอบแล้วหันมา “บุรุษที่กล้าผลักข้า เจ้าเป็นคนแรก!”
อวี๋เซ่าชิงไม่ได้สนใจนาง เขาโยนแส้ในมือทิ้ง แล้วพาอู๋ซันกลับเรือนไป
“องค์หญิง” สาวใช้กระวีกระวาดเข้ามา
องค์หญิงชาวซยงหนูหยิบแส้ขึ้นมา นางจับ ‘ป้ายหยก’ ที่หยิบมาจากอวี๋เซ่าชิง ยกยิ้มมุมปาก “บุรุษผู้นี้ ข้าชอบ!”
……………………………………….
[1] ชาวหู หมายถึงชาวซยงหนู

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset