หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 287.2 ครอบครัวพร้อมหน้า ประมุขหญิงโกรธแค้น (2)

ประมุขหญิงกวาดสายตาคมดุจใบมีดมองฝูหลิง
 
หากเป็นจื่อซูผู้บอบบาง อาจคุกเข่าลงกับพื้นเพราะหวาดกลัวไอสังหารของนางไปแล้ว แต่ฝูหลิงหัวช้า เนิ่นนานก็ยังไม่เข้าใจว่านางมองตนด้วยเหตุใด
 
“ไม่เข้าหรือ? เช่นนั้นข้าปิดประตูละ” ฝูหลิงเอ่ยพลางขับพวกเขาออกไป
 
ประมุขหญิงโกรธจนเจ็บหัวใจ
 
ข้าทาสผู้โง่เขลานี่มาจากที่ใดกัน ไม่รู้จักเกรงกลัวแม้แต่น้อย ราวกับทุบกำปั้นลงปุยฝ้าย หัวใจยิ่งคับแน่น
 
ประมุขหญิงเดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้าเย็นชา
 
นางโกรธจัดจนไม่มองทาง เท้าสะดุดธรณีประตูเซเข้าเรือนไปหลายก้าว จนเกือบจะล้มหน้าคะมำตรงนั้น
 
ภาพนี้ดูดีไม่เท่าใดนัก
 
เมื่อคิดว่าข้ารับใช้มากมายต่างมองเห็น ประมุขหญิงก็ทั้งโกรธทั้งอับอาย
 
สิ่งที่น่าอายไปกว่านั้นคือฝูหลิงยังผลักนางอีกครั้ง “อย่าเหยียบหญ้าที่คุณชายน้อยปลูก! เมื่อเช้านี้เพิ่งจะฉี่ไป!”
 
ไม่พูดยังดีเสียกว่า แต่ทันทีที่กล่าวอย่างนั้น ประมุขหญิงก็เหลือบมองลานที่นางตั้งใจสร้างให้องค์หญิงน้อย ก็เห็นว่าดอกโบตั๋นล้ำค่าเหล่านั้นถูกทำลายจนเหลือแต่ใบ
 
ดอกโบตั๋นดอกหนึ่งมีค่าถึงหนึ่งพันทอง! ! !
 
ส่วนหญ้าที่คุณชายน้อยปลูกไว้ที่ฝูหลิงกล่าว มิใช่เพียงวัชพืชไม่กี่ต้นหรอกหรือ? ! !
 
เก็บดอกโบตั๋น มาปลูกวัชพืช…
 
ดวงตาของประมุขหญิงเป็นสีดำด้วยโทสะ
 
ช้าก่อน ทาสผู้นี้บอกว่าพวกเขาเพิ่งฉี่ไปเมื่อเช้า?
 
ไข่ดำเติบโตมาในชนบท รู้ว่าฉี่เป็นปุ๋ยที่ดี พวกเขาจึงมาแต่เช้าเพื่อให้ปุ๋ยหญ้า
 
เป็นถึงประมุขหญิง…กลับมาเหยียบฟองฉี่ของเด็ก…
 
ประมุขหญิงอึดอัดขยะแขยงเกินทน
 
แต่สีหน้าของฝูหลิง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไม่พอใจที่นางเหยียบมัน
 
ควรเป็นผู้ใดที่ไม่พอใจกันแน่!
 
ไม่ใช่คนที่แช่ฉี่อยู่ตอนนี้เช่นนางหรอกหรือ?
 
เหตุใดถึงมีครอบครัวที่น่ารำคาญเช่นนี้…
 
กว่าประมุขหญิงจะไปถึงห้องตำราเพื่อพบเยี่ยนอ๋อง รอยตีนกาจากโทสะก็โผล่ขึ้นบนใบหน้าของนางสองเส้น
 
ยามประมุขหญิงออกมาเจิดจ้าราวกับตะวันขึ้นฟ้า ทว่ายามนี้ กลับเหมือนตะวันใกล้ลับฟ้าเต็มที
 
นางยืนอย่างห่อเหี่ยวอยู่เบื้องหน้าเยี่ยนอ๋องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ราชบุตรเขย”
 
เยี่ยนอ๋องมองนางด้วยสีหน้าอารมณ์ซับซ้อน “ข้าไม่ใช่ราชบุตรเขยของเจ้า”
 
ประมุขหญิงใจสั่นไหว
 
ก่อนจะมานางเดาได้ว่า หากราชบุตรเขยตื่นขึ้น เยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นต้องเล่าชีวิตของเขาให้ฟังอย่างแน่นอน แต่นางก็ยังหลงเหลือความโชคดีอยู่เล็กน้อย นั่นคือราชบุตรเขยไม่ได้หูเบาเช่นนั้น
 
นางสงบอารมณ์ พยายามไม่ทำตัวแปลกประหลาด “เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้? หากท่านไม่ใช่ราชบุตรเขยของข้า เช่นนั้นราชบุตรเขยของข้าคือผู้ใดเล่า? ข้าไม่สนใจว่าผู้อื่นจะกล่าวกับท่านเช่นไร ทว่าท่านควรฟังข้าอธิบายก่อน”
 
เยี่ยนอ๋องถาม “เจ้ามีสิ่งใดอธิบาย? เจ้าปิดบังข้ามานานหลายปีเพียงนั้น เจ้าบอกว่าข้าเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่าไป๋เอ้อ”
 
ประมุขหญิงสำลัก “ท่านจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหรือ?”
 
“เรื่องอันใด?” เยี่ยนอ๋องกล่าว
 
ดูเหมือนว่าเขายังนึกไม่ออก
 
ประมุขหญิงรู้สึกสงบใจได้เล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าใจ “ทั้งหมดเป็นความคิดของท่าน ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับข้า”
 
เยี่ยนอ๋องถามกลับ “รวมถึงแกล้งตายทอดทิ้งภรรยาและบุตรด้วยหรือ?”
 
ประมุขหญิงคาดว่าเขาจะถามเช่นนี้ จึงคิดคำตอบไว้ในใจแล้ว นางกล่าวด้วยแววตาจริงใจ “ท่านเคยกล่าวโทษตนเองอย่างสุดซึ้งในเรื่องนี้ ท่านจึงรู้สึกผิดมาตลอดหลายปี แต่โปรดเชื่อข้า ยามนั้นข้ากับท่านมีรักแท้ต่อกัน ท่านไม่อยากแยกจากข้าไป”
 
เยี่ยนอ๋องชะงัก “เช่นนั้น เหตุใดเจ้าไม่บอกความจริงกับข้า?”
 
ประมุขหญิงทอดถอนใจ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านรู้สึกผิด หลังจากท่านได้รับบาดเจ็บและความจำเสื่อม ข้าเลยปกปิดอดีตของท่านเสีย อีกอย่างมิใช่ว่าข้าไม่เคยบอกท่านมาก่อน เพียงแต่อาการป่วยกำเริบ ท่านจึงลืมมันไปอีกครา เมื่อผ่านไปนานเข้า ข้าจึงไม่กล่าวถึงมันอีก”
 
คำพูดเหล่านี้ฟังดูสมเหตุสมผล และคำนึงถึงเยี่ยนอ๋องทุกอย่าง
 
หากเยี่ยนอ๋องจำไม่ได้ว่านางบังคับให้เขาดื่มยาทั้งสองครั้งนี้ เกรงว่าคงถูกนางหลอกต่อไป
 
เยี่ยนอ๋องเปลี่ยนเรื่องสนทนา “เรื่องวางยาเฉาเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนทำหรือไม่?”
 
ประมุขหญิงใจสั่นอีกครั้ง
 
นางไม่คาดคิดว่าราชบุตรเขยจะถามเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน
 
ไอ้สวะนั่น รีบฟ้องบิดาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
 
แต่ถึงอย่างไร นางแน่ใจว่าเขาไม่มีหลักฐาน!
 
“เฉาเอ๋อร์ถูกวางยาหรือ?” นางแสร้งทำแปลกใจ “ท่านสงสัยข้าหรือ? ด้วยความสัตย์จริง ข้ากับท่านเป็นสามีภรรยา ลูกของท่านก็เหมือนลูกของข้า เฉาเอ๋อร์แค่มิได้ถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายข้าเท่านั้น ไม่เช่นนั้นข้าก็คงมองว่าเขาเป็นลูกที่เกิดจากข้า”
 
เยี่ยนอ๋องมองดูสีหน้าท่าทางของนาง
 
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราชบุตรเขยได้ช่วยประมุขหญิงกวาดล้างศัตรูทางการเมืองจำนวนมาก ทุกคนต่างบอกว่าราชบุตรเขยเป็นคนจิตใจดี ประพฤติดีต่อผู้คน แต่นางกลับไม่เคยกล้าดูถูกบุรุษผู้นี้
 
สายตาแหลมคมของเยี่ยนอ๋องคล้ายกับจะแทงทะลุการหลอกลวงของนาง
 
นางรู้สึกผิดจนเหงื่อเย็นไหลออกจากหน้าผาก
 
เยี่ยนอ๋องถอนสายตา ทอดถอนใจ “ไม่ใช่เจ้าก็ดี”
 
ประมุขหญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 
ราชบุตรเขยยังเต็มใจเชื่อนาง!
 
เยี่ยนอ๋องกล่าวอีกครั้ง “เฉาเอ๋อร์ถูกพิษไป๋หลี่เซียง ข้าต้องการยาสองสามอย่าง ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวพระมารดาของฮองเฮามีเห็ดหลินจือแดงใช่หรือไม่?”
 
นอกจากเรื่องในอดีต ประมุขหญิงแทบไม่มีความลับใดต่อเยี่ยนอ๋อง เรื่องที่คนทั่วหล้าไม่รู้เช่นนี้ ราชบุตรเขยก็พอรู้อยู่บ้าง
 
ประมุขหญิงกล่าวเสียงแข็ง “…ใช่…มีอยู่ต้นหนึ่ง”
 
เยี่ยนอ๋องมองนางเนือยนิ่ง
 
ประมุขหญิงกล่าวด้วยความขมขื่น “ข้า…ข้าจะเอามาให้เฉาเอ๋อร์”
 
เยี่ยนอ๋องกล่าวอีกครั้ง “นอกจากนี้ ยังมีศาสตร์แกะสลักหนังสือไร้อักษร ได้ยินมาว่ามันอยู่ที่สำนักราชครู”
 
แม้แต่เรื่องที่นางติดต่อกับสำนักราชครูเขาก็รู้แล้ว…
 
ประมุขหญิงอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรประหลาดใจกับความสามารถของเขาหรือ ‘ความโลภไม่รู้จักพอ’ ของเขากันแน่
 
สายตาของเยี่ยนอ๋องตกกระทบใบหน้าของนางโดยไม่เอ่ยสิ่งใด แต่สีหน้ากลับส่งคำถามให้นางอย่างชัดเจน มิใช่บอกว่าจะปฏิบัติต่อเขาเช่นบุตรของตนเองรึ? ยามนี้เขาโดนวางยา เป็น ‘มารดา’ ไยไม่ห่วงหา?
 
ประมุขหญิงไม่รู้ว่าตนเองออกมาจากจื่อเวยเก๋อได้อย่างไร
 
จำได้เพียงรางๆ ว่านางยอมรับปากทุกอย่าง
 
นางสัญญาว่าจะหาเห็ดหลินจือแดงให้เยี่ยนจิ่วเฉาและยังสัญญาว่าจะไหว้วานราชครู
 
“ท่านแม่!”
 
หนานกงหลีได้ยินเรื่องที่ประมุขหญิงไปที่จื่อเวยเก๋อตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจึงรีบวางราชกิจในมือกลับมา
 
ประมุขหญิงนั่งบนเก้าอี้อย่างเหม่อลอย
 
“พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด!” เขาสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา
 
ฝูงชนเดินเรียงแถวออกไป
 
ในห้องกว้างใหญ่ เหลือเพียงสองมารดาและบุตรชาย
 
หนานกงหลีเดินไปตบบ่าประมุขหญิงเบาๆ “ท่านแม่ ท่านเป็นอันใดไป? เมื่อครู่ท่านคุยกับท่านพ่อว่าอย่างไร?”
 
“เขารู้เรื่องที่เยี่ยนจิ่วเฉาถูกวางยาแล้ว”
 
“เขาถามว่าข้าเป็นคนทำหรือไม่”
 
“ด้วยความรู้สึกผิด ข้าจึงยอมรับปากเขาไปทั้งหมด”
 
“ท่านรับปากท่านพ่อว่าอย่างไร?” หนานกงหลีขมวดคิ้ว
 
ประมุขหญิงพึมพำ “ข้าสัญญาว่าจะหายาให้เยี่ยนจิ่วเฉา”
 
หนานกงหลีกล่าวอย่างไม่เชื่อ “ท่านแม่!”
 
ประมุขหญิงโบกมือ กดคิ้วที่เจ็บปวด “ข้ารู้ ข้าเสียใจ แต่เจ้าไม่เห็นสีหน้าของพ่อเจ้า หากเจ้าอยู่ที่นั่น เจ้าก็จะเป็นเช่นเดียวกับแม่”
 
หนานกงหลีเริ่มสงสัยว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อของราชบุตรเขย จึงมองสิ่งต่างๆ จากมุมที่แตกต่างจากประมุขหญิง
 
ในสายตาของประมุขหญิง บิดาโกรธแค้นที่นางหลอกลวงเขามาหลายปี แต่ในสายตาของเขา มันเหมือนกับว่าบิดากำลังวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา
 
แววตาหนานกงหลีเย็นชา “ท่านแม่ ท่านพ่อกำลังใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของท่านที่มีต่อเขา ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกผิดของท่าน แม้แต่ความรู้สึกอยากชดเชยของท่าน”
 
ประมุขหญิงโกรธ “เหลวไหล!”
 
หนานกงหลีกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ลูกหาได้เหลวไหล! ท่านแม่ เขาไม่ใช่ราชบุตรเขยของท่านอีกแล้ว เขาคือเยี่ยนอ๋อง! เป็นบิดาของเยี่ยนจิ่วเฉา! ท่านจะไปพบเขาไม่ได้อีก เขาจะหลอกใช้ท่านจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก!”
 
เพียะ!
 
ประมุขหญิงวาดมือตบหน้า!
 
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าให้ร้ายราชบุตรเขยเช่นนี้! ราชบุตรเขยเป็นของข้า! ในใจของเขามีข้าอยู่! เขาต้องการให้ข้าดีกับเยี่ยนจิ่วเฉา ข้าจึงทำดีต่อเยี่ยนจิ่วเฉา! เขาต้องการสิ่งใด! ข้าก็จะให้เขา!”
 
…………………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset