หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 25.2 นางเจียงผู้กล้าหาญ (2)

บทที่ 25 นางเจียงผู้กล้าหาญ (2)
โดย
Ink Stone_Romance

“ทางนี้! พวกเขาอยู่ทางนี้!”
ทหารกลุ่มหนึ่งพบร่องรอยของอวี๋เซ่าชิงและบุคคลปริศนา คนผู้นั้นปกปิดใบหน้า สวมชุดพรางสีดำ แบกบุรุษที่สูงถึงหกฉื่อ ทว่ายังสามารถลอยตัวข้ามกำแพงได้
ทหารคนอื่นๆ ได้ยินเสียงร้องของเขา จึงไล่ตามไปในทิศทางนั้น
ทางเส้นนั้นเป็นตรอกตรงเส้นหนึ่ง ทหารองครักษ์แบ่งกันเป็นสี่กลุ่ม สองกลุ่มแรกเตรียมยิงเกาทัณฑ์ลงมาจากหลังคาของทั้งสองฟากของตรอก อีกสองกลุ่มใช้คนและม้าดักทางเข้าออกทั้งสองด้าน
เมื่อบุคคลปริศนาและอวี๋เซ่าชิงถูกขังเอาไว้ในตรอกนั้น ก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ
“พลธนูเตรียมพร้อม!”
หัวหน้าทหารออกคำสั่ง พลธนูง้างธนู แล้วเล็งไปยังเงาคนในตรอกด้านล่าง
“ดูซิว่าจะหนีไปไหน!” หัวหน้าทหารเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ
อีกชั่วลัดนิ้วมือต่อมา ในตรอกก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น…
“องค์หญิง! ได้ยินหรือไม่?” องครักษ์ขององค์หญิงซยงหนูดึงเชือก หยุดม้าที่ตนขี่มา
องค์หญิงซยงหนูก็หยุดม้าเช่นกัน แล้วตั้งใจฟังเสียง “ทางตะวันออก!”
ทั้งสองควบม้าไปทางตะวันออกของตรอก แต่พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น พลธนูสิบเจ็บสิบแปดคนห้อยลงมาจากหลังคา บนพื้นมีทหารเจ็ดแปดคนนอนกองอยู่บนพื้น
นี่…นี่มันเรื่องจริงหรือ!
ผู้ใดลงมือรวดเร็วถึงเพียงนี้ ตั้งแต่ที่พวกเขาได้ยินเสียงจนมาถึงที่นี่ ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ เหตุใดบรรดาทหารฝีมือสูงส่งเหล่านี้ต่างถูก ‘ปราบ’ เสียแล้วเล่า?
องครักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวว่า “องค์หญิง ข้าเกรงว่าอีกฝ่ายน่าจะมีจำนวนมาก พวกเราอย่ากวนน้ำให้ขุดจะดีกว่านะขอรับ”
องค์หญิงซยงหนูโมโหจนควันออกหู “คนมากแล้วอย่างไร? ข้าไม่กลัวสักหน่อย กล้าจับคนของข้าไป ก็ต้องชดใช้!”
หลังจากนั้นอีกหนึ่งเค่อ องค์หญิงซยงหนูก็เผชิญหน้ากับบุคคลปริศนา นางเฆี่ยนแส้ออกไป ไหนเลยจะรู้ว่า แส้กลับตวัดมาโดนตัวนางเสียเอง
“อ๊าาาา”
นางร้องลั่น ร่วงจากหลังม้าลงไปในเล้าหมู ศีรษะทิ่มลงบนกองอุจจาระหมู…
ทันใดนั้น บุคคลปริศนาก็ปะทะกับจวินฉางอันและเยี่ยนไหวจิ่ง
บุคคลปริศนาแบกอวี๋เซ่าชิงจากไปโดยมิได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
เจ้าแมวอ้วนกลมพุ่งเข้าไปก่อน มันกางกรงเล็บแหลม แยกเขี้ยวซึ่งสามารถกัดเหล็กกล้าได้ มันพุ่งเข้าไปหมายจะกัดที่หัวไหล่ของบุคคลปริศนา!
มีเสียง ‘ป้าบ’ ดังขึ้น เจ้าก้อนอ้วนกลมก็ถูกตบจนกระเด็นเข้าไปในกำแพง ติดแน่นจนแกะไม่ออก…
จวินฉางอันชักดาบออกมา เขาเป็นมือดาบหมายเลขหนึ่งขององค์ชายรอง เขามีความสามารถเหนือคนธรรมดา พลังภายในแกร่งกล้า ทว่าเขายังหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายไม่ได้
เพลงดาบที่มีก็งัดออกมาใช้หมดแล้ว แต่ก็ยังปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้
ไม่เพียงเท่านี้ ดาบล้ำค่าที่เขาได้มาจากอาจารย์ก็ยังแตกออกอีกด้วย
เขาจำได้แม่นว่า อีกฝ่ายเพียงแค่แตะดาบของเขาเบาๆ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ดาบเซียนของเขาแตกได้เชียวหรือ?
“องค์ชายรอง” เขามองไปยังเยี่ยนไหวจิ่งซึ่งกำลังเดินเข้ามา
เยี่ยนไหวจิ่งมองไปยังรอยร้าวบนดาบในมือของเขา สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “แม้แต่เจ้าก็ยังสู้เขาไม่ได้หรือ?”
“นางพ่ะย่ะค่ะ” จวินฉางอันเอ่ยทัดทาน พร้อมกับค้อมตัวลงไปเก็บลูกปัดเม็ดเล็กขึ้นจากพื้น
“สตรีรึ?”
ยอดฝีมือที่เก่งกาจเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นสตรี เยี่ยนไหวจิ่ง…เยี่ยนไหวจิ่งไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกตื่นตะลึงของตนออกมาอย่างไรดี
“จงหยวนมียอดฝีมือเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?” เยี่ยนไหวจิ่งพึมพำด้วยความเหลือเชื่อ
จวินฉางอันกล่าวว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ยอดฝีมือระดับนี้ แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยพบในจงหยวน”
ต่อให้เป็นบุรุษ ก็ยากที่จะหาผู้มีฝีมือถึงขั้นนี้ได้ คนผู้นี้อาจจะเทียบชั้นได้กับเซียวเจิ้นถิงและหัวหน้าเผ่ามารที่ได้รับการกล่าวขานผู้นั้นได้
“จะตามไปทันไหม?” เยี่ยนไหวจิ่งถาม
จวินฉางอันส่ายหน้า “ต้องพึ่งโชคเท่านั้น”
ยอดฝีมือประเภทนี้ หากออกตามหา ย่อมไม่มีทางหาตัวพบ นอกจากว่านางบังเอิญเจอกับเจ้าเสียเอง
………………
“ตกลงได้หรือไม่ เยี่ยนจิ่วเฉา?” อวี๋หวั่นเลิกม่าน แล้วมองไปยังจิ้งจอกหิมะหน้าตาคล้ายขนมโมจิ แม้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะมีประสาทรับกลิ่นที่ดี แต่มันก็ยังเป็นแค่ลูกสุนัขจิ้งจอกเอง อีกทั้งมีฝนตก กลิ่นได้จางไปบ้างแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉาถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าในวันที่เจ้าตกหน้าผา ใครเป็นคนหาเจ้าพบ?”
อวี๋หวั่นชะงักไป ครั้งนั้นรู้สึกว่าเจ้าจิ้งจอกหิมะจะมาถึงก่อน จากนั้นเยี่ยนจิ่วเฉาจึงจะตามมา
ที่แท้…ก็เป็นเจ้าจิ้งจอกหิมะน้อยหรอกเหรอเนี่ย?
อวี๋หวั่นเอ่ยชมด้วยความจริงใจ “มันเก่งจริงๆ”
จิ้งจอกหิมะดีใจจนเดินไม่ดูทาง เปรี้ยง! มันชนเข้ากับเสาต้นหนึ่ง……
อวี๋หวั่น “…”
จิ้งจอกหิมะน้อยเดินตุปัดตุเป๋นำอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาไปยังเขาลูกหนึ่ง เส้นทางบนเขาไม่สามารถใช้รถม้าขึ้นไปได้ พวกเขาจึงต้องขี่ม้าขึ้นไปแทน
เยี่ยนจิ่วเฉาให้ม้าอวี๋หวั่น หลังจากที่ตนกระโดดขึ้นม้าไปแล้วก็เห็นอวี๋หวั่นยังไม่ขยับ “ขี่ไม่เป็นหรือ?”
อวี๋หวั่นตอบ ‘อืม’ เบาๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาจึงยื่นมือให้อวี๋หวั่น
สายตาของอวี๋หวั่นไปหยุดอยู่ที่มือสวยราวกับถูกแกะสลักด้วยหยก เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงส่งมือให้
เยี่ยนจิ่วเฉาดึงอวี๋หวั่นขึ้นบนม้า เธอนั่งอยู่ด้านหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉา มือทั้งสองของเขาจับเชือกแน่น แขนแกร่งโอบอวี๋หวั่นเอาไว้ อานม้าค่อนข้างกว้าง หลังของเธอแนบกับอกของเขา มีเพียงอาภรณ์บางๆ กั้นเอาไว้ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอกของเขาค่อยๆ รุกล้ำเข้ามา
“นั่งนิ่งๆ” เยี่ยนจิ่วเฉาบอกเสียงค่อย
ความอบอุ่นจากลมหายใจของเยี่ยนจิ่วเฉารดลงบนใบหูของเธอ เสียงนุ่มของเขาน่าฟังเสียจนเธอรู้สึกจั๊กจี้
“เยี่ยนจิ่วเฉา”
“หืม?”
“ท่านเคยขี่ม้ากับสตรีอื่นไหม?”
“เหตุใดข้าต้องไปขี่ม้ากับสตรีอื่นด้วย?”
“ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้น ไม่เคยก็ไม่เคย ท่านโมโหอะไร?”
“อวี๋อาหวั่น เจ้ากำลังหึงอยู่ใช่หรือไม่?”
“เปล่าสักหน่อย!”
อวี๋อาหวั่นอะไรกัน ฉันนี่เฉาอาหม่าน[1]ต่างหาก!
บรรยากาศของคนกระหนุงกระหนิงกัน โดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นของดินปืน ม้าอาชาไนยเยื้องย่างด้วยท่าทางกระเสาะกระแสะ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงด้วยความฮึกเหิม
ทันใดนั้นเอง เยี่ยนจิ่วเฉาก็กระตุกเชือก ยกมือขึ้น ทุกคนล้วนชะงักเช่นกัน
อวี๋หวั่นกำลังจะเอ่ยปากพูดกับเยี่ยนจิ่วเฉา เธอมองไปข้างหน้า และพบว่าด้านหลังไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม มีกระท่อมมุงหญ้าเก่าๆ อยู่หลังหนึ่ง
ลูกจิ้งจอกหิมะวิ่งไปหน้ากระท่อมหลังนั้น กรงเล็บเล็กครูดกับประตู
ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูออก จิ้งจอกหิมะพุ่งเข้าไปด้านใน!
ประตูก็ปิดลง
ทุกคนที่ล้อมรอบกระท่อมล้วนเงียบเชียบ ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“รอข้าอยู่ที่นี่” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างสง่างาม พลิกตัวลงจากหลังม้า สั่งให้องครักษ์คนหนึ่งคอยอารักขาอวี๋หวั่น ส่วนอีกแปดคนที่เหลือตามเข้าไปในกระท่อม
อวี๋หวั่นมององครักษ์เหล่านั้นจากระยะไกล พวกเขาดูราวกับอสูรซึ่งขึ้นมาจากนรกก็มิปาน รัศมีของความน่ากลัวและน่าเกรงขามแผ่ปกคลุมร่างของพวกเขา นกแลสัตว์ป่าประหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นจากนิทรา พวกมันส่งเสียงร้องกันระงม
ทั้งแปดคนล้อมกระท่อมเอาไว้ ลากตาข่ายพิษคลุมกระท่อมเอาไว้แน่นหนา หากคนในกระท่อมพุ่งออกมา ก็จะถูกตาข่ายนี้ตัดจนกลายเป็นก้อนเนื้ออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าอีกฝ่ายโยนท่านพ่อของเธอออกมา พ่อของเธอก็จะถูกตัดเป็นก้อนเนื้อเสียเอง…
ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากตาข่ายนี้ไปได้ เซียวเจิ้นถิงทำไม่ได้ หัวหน้าเผ่ามารก็ทำไม่ได้เช่นกัน
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดลงหน้าประตูกระท่อม
“ออกมา” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แกร็ก
ประตูเปิดออก
จิ้งจอกหิมะน้อยกลิ้งกลุกๆ ออกมา อีกเพียงนิดเดียวก็คงจะกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกย่าง
“ไม่ใช่มัน เจ้า” เยี่ยนจิ่วเฉาพูด
คนในกระท่อมชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วประตูก็เปิดออกกว้างขึ้น
อวี๋หวั่นอยู่ห่างออกไป ไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงว่าทันทีทีประตูเปิดออก เยี่ยนจิ่วเฉาก็ผงะไปครู่หนึ่ง
ปฏิกิริยาเช่นนี้…เพราะเขาเจอพ่อของเธอแล้วใช่ไหม?
อวี๋หวั่นไหนเลยจะรู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉามิได้เห็นพ่อของเธอ
“เจ้า…” เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังคนในกระท่อม เขาประหลาดใจจนสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง
หากจำไม่ผิด คนผู้นี้คือ…
อีกฝ่ายกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา ก้มหน้าลงมองรองเท้าปักดิ้น แล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “อย่าจับข้าเลย”
“ไม่ได้หรอก เจ้าบุกคุกหลวง ลักพาตัวนักโทษประหาร ทั้งยังทำร้ายทหาร…”
“อาหวั่นข้ายกให้เจ้า”
เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งบัดนี้ในสมองเต็มไปประโยคนี้นับร้อยประโยค “…”

…………………………………………..
[1] เฉาอาหม่าน เป็นชื่อเล่นของเฉาเชา (โจโฉ) ภายหลังใช้เป็นคำแสลง หมายถึงน่ารัก

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset