หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 407 สตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงและตัวปลอม

ช่วยคนได้แล้วไม่หนี กลับอยู่รอให้ถูกจับ?
หรือว่า…พวกเขาถูกคนของสกุลซือคงพัวพันแน่นหนา ไม่อาจถอนตัวออกมาได้ จึงจำใจยอมเข้าพิธีแต่งงาน?
เมื่อถึงจุดนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าใจว่าทั้งสองถูกทำให้ติดอยู่ในจวน เช่นนี้ก็เป็นการพิสูจน์ความสงสัยของนาง อีกเดี๋ยวเมื่อนางรวมตัวกับยอดฝีมือของสกุลซือคง จะจัดการสตรีผู้นั้นและเยี่ยนจิ่วเฉาที่เคยใช้อุบายกับนางอย่างโหดเหี้ยมแน่!
แต่ในไม่ช้า สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็พบปัญหา พวกเขาไม่อาจก้าวเท้าเข้าประตูจวนซือคงได้เลยแม้แต่น้อย!
ยอดฝีมือของจวนซือคงรักษาการณ์ด้วยตันเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าไปได้
สตรีศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองซือคงอวิ๋นที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็นึกเสียใจที่ตนเองทุบตีจนใบหน้าของซือคงอวิ๋นบวมช้ำ แต่อาการบวมไม่มากนัก น่าจะยังจำได้อยู่
นางจับคอองครักษ์ บังคับให้เขามองไปที่ซือคงอวิ๋น “เปิดตาสุนัขของเจ้าดูให้ชัดๆ ว่าคนผู้นี้เป็นใคร!”
องครักษ์ถูกบังคับให้มอง จากนั้นเขาก็ถึงกับตกตะลึง
นี่ นี่ นี่…นี่ไม่ใช่คุณชายรองหรือ? แม้ใบหน้าจะบวม แต่ก็ยังดูออก
“เป็นอย่างไรเล่า? จำได้แล้วรึ?” สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวน้ำเสียงเยือกเย็น
ซือคงอวิ๋นไม่ต้องการสนทนา เป็นถึงบุรุษทั้งคน กลับถูกสตรีต่อยจนหน้าบวม จะหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว ไหนเลยยังมีแก่ใจให้ข้ารับใช้จ้องมอง?
ส่วนเขาจะเข้าไปในจวนซือคงได้หรือไม่ เขาไม่รีบร้อน เขาเป็นคุณชายรองของสกุลซือคง เรื่องนี้ปลอมได้หรือ? วันนี้เข้าไม่ได้ วันหน้าค่อยเข้าไปก็ได้! จำเป็นต้องทำให้ตนเองอับอายหน้าประตูใหญ่จวนเช่นนี้หรือ?
ซือคงอวิ๋นหันหลังกลับ หมายจะเดินจากไป แต่ถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์หยุดไว้ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”
รังแกเขาบนเรือนั่นถือว่าแล้วไป มาถึงประตูจวนซือคง ยังตะคอกเขาต่อหน้าองครักษ์ หากไม่สั่งสอนให้เป็นบทเรียนสักหน่อย นางคงคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่มากใช่หรือไม่?
ซือคงอวิ๋นกำลังจะตะโกนขู่สตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็เห็นชายวัยกลางคนในเสื้อผ้าหรูหราเดินมาจากทางเดินจวน
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ไม่รู้หรือว่าวันนี้เป็นวันแห่งความสุขของคุณชายรองกับสตรีศักดิ์สิทธิ์? ปล่อยให้คนมาส่งเสียงดังหน้าจวนได้อย่างไร?”
น้ำเสียงองอาจสง่าผ่าเผย กลิ่นอายไม่ธรรมดา เขาคือผู้ดูแลสกุลซือคงระดับสูงท่านหนึ่ง แซ่เฉียน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ปล่อยองครักษ์ลง
องครักษ์รีบไปอยู่ข้างกายของผู้ดูแลเฉียนด้วยความหวาดกลัว ชี้ไปทางคนทั้งสองที่ก่อปัญหาและกล่าวว่า “เรียน…เรียนผู้ดูแลเฉียน ไม่ใช่ข้าที่สร้างปัญหานะ จริงๆ แล้วเป็น…เป็น…”
ผู้ดูแลเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา “เลิกอ้ำๆ อึ้งๆ เสียที มีเรื่องใดก็พูดมา! เดี๋ยวจะทำให้แขกในจวนเห็น แล้วจะคิดว่าสกุลซือคง แม้กระทั่งงานแต่งงานก็ยังจัดการได้ไม่ดี!”
องครักษ์เอนตัวกล่าวรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหูของผู้ดูแลเฉียน
ผู้ดูแลเฉียนขมวดคิ้ว “เหลวไหลไร้สาระ! เมื่อครู่ข้าเพิ่งเจอคุณชายรองในห้องจัดเลี้ยง ที่นี่จะมีคุณชายรองอีกคนได้อย่างไร?”
“พวก พวก พวกเขากล่าวเช่นนี้…ไม่เชื่อท่านดูสิ” องครักษ์ตัวสั่นงันงกชี้ซือคงอวิ๋นที่มีสีหน้าเหยียดหยาม
เมื่อผู้ดูแลเฉียนตั้งใจมองให้ชัด ก็ตกใจ เจ้าเด็กคนนี้ ใบหน้าบวมช้ำไม่ผิด แต่ก็ยังมีส่วนที่คล้ายกับคุณชายรองอยู่บ้าง
“บอกเขาไปสิ ว่าเจ้าคือซือคงอวิ๋น” สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวพลางมองซือคงอวิ๋น
ซือคงอวิ๋นดัดเสียงของเขา “เจ้าให้ข้าพูด ข้าก็ต้องพูดรึ?”
“เจ้า…” สตรีศักดิ์สิทธิ์สำลักด้วยความโกรธ
“เจ้าละเป็นใคร?” สายตาฉงนสงสัยของผู้ดูแลเฉียนตกกระทบร่างสตรีศักดิ์สิทธิ์
องครักษ์กระซิบ “นางบอกว่า…นางคือสตรีศักดิ์สิทธิ์”
“เฮอะ” ผู้ดูแลเฉียนหัวเราะอย่างดูถูก คุณชายรองนี่ยังพอมีเค้าโครงอยู่บ้าง แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์น่ะ หาได้มีส่วนใดเหมือนเลยแม้แต่น้อย “ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นพวกต้มตุ๋นจากที่ใด หาคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับคุณชายรอง ก็คิดว่าจะเข้าจวนสกุลซือคงได้แล้วเรอะ พวกเจ้าเห็นจวนสกุลซือคงเป็นที่ใดกัน? แม้แต่เจ้านายตัวจริงหรือตัวปลอม ข้ายังแยกไม่ออก เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องเป็นผู้ดูแลแล้ว!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หายใจฟึดฟัด เจ้าก็แยกไม่ออกจริงๆ นี่!
ผู้ดูแลเฉียนกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันมงคลของคุณชายรองกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่เหมาะให้มีคาวเลือด ข้าจะไม่ไล่ตามไปเอาเรื่องพวกเจ้า มาทางใดก็ไสหัวกลับไปทางนั้น! ไม่เช่นนั้น ข้าจะให้คนจับตัวพวกเจ้ามา…อาหารในคุกสกุลซือคง ไม่ได้รสชาติดีเช่นนั้น!”
พูดจบ ผู้ดูแลเฉียนก็ไม่เสียเวลากับคนทั้งสอง หันหลังกลับ เดินเข้าจวนโดยไม่หันกลับมามอง
สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับไม่อาจปล่อยให้เขาไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ เขาเป็นผู้เดียวที่สามารถพาพวกนางเข้าไปในจวนได้ หากโอกาสนี้หลุดมือ รอครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นตัวปลอม แต่ให้พวกเขาอยู่ในจวนเช่นนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่อาจวางใจ
“ผู้ดูแลเฉียน บังอาจนัก!” ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นประกายเย็นชา ผ้าไหมขาวพุ่งพันรอบเอวของผู้ดูแลเฉียน
ผู้ดูแลเฉียนเพียงรู้สึกว่ารอบเอวของตนถูกรัดแน่น วินาทีต่อมา เขาก็ตกอยู่ในกำมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์ สตรีศักดิ์สิทธิ์บีบคอเขาและกล่าวกับองครักษ์ที่กำลังตกตะลึงว่า “ไปเรียกคุณชายรองและสตรีศักดิ์สิทธิ์ออกมา ไม่เช่นนั้น ข้าจะฆ่าเขา!”
แม้ว่าผู้ดูแลเฉียนจะไม่ได้เป็นผู้ดูแลหลักของจวน แต่เขาก็เป็นสหายของฮูหยินซือคง และยังเป็นญาติห่างๆ กับฮูหยินซือคง องครักษ์ไม่กล้าปล่อยให้เขาเกิดเรื่องขึ้นต่อหน้าตน จึงรีบไปที่ห้องจัดเลี้ยงเพื่อเชิญฮูหยินซือคงและคุณชายรองมาแสดงตัว
ฮูหยินซือคงถูกฮูหยินสองสามคนจากหมิงตูเรียกไปดูการแสดงที่สวนบุปผา มีเพียงเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นเท่านั้นที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงต้อนรับแขก เยี่ยนจิ่วเฉามีหน้าที่คอยต้อนรับ ส่วนอวี๋หวั่นมีหน้าที่เพียงกิน กินและกิน
เสี่ยวลิ่ว…ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าอิ่งลิ่วแล้ว เขาเดินตามมาข้างกายเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างเงียบๆ และกระซิบเตือนว่า “คนที่กำลังเดินมาด้านหน้าคือ คุณชายสามแห่งสกุลจ้วง นามว่าจูเก๋ออวี๋ ปีนี้อายุสิบแปด อายุน้อยกว่าซือคงอวิ๋นหนึ่งปี…”
“นี่ข้าออกเดินทางไปนานเพียงใดแล้ว กลับมาเจ้าก็แต่งงานเสียแล้ว!” จูเก๋ออวี๋สาวเท้าเข้ามา วางแขนบนไหล่ของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองท่อนแขนของเขาอย่างเฉยชา “เจ้าหนู เกรงว่าเจ้าคงไม่ต้องการมือเสียแล้ว”
อิ่งลิ่วกลืนน้ำลายและกระซิบต่อว่า “…เทียบลำดับอาวุโสเป็นปู่ของซือคงอวิ๋น”
จูเก๋ออวี๋ที่ถูกหลานชายตนเองข่มขู่ “…”
เยี่ยนจิ่วเฉาที่ขู่ท่านปู่โดยไม่ได้ตั้งใจ “…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ที่พิเศษยิ่งในหมิงตู ในสายตาทุกคน นางบริสุทธิ์สูงส่งเย็นชา ไม่คลุกคลีกับคนธรรมดา บรรดาแขกหลายคนหวาดกลัวท่าทีที่วางตนสูงส่งเย็นชาของนางไม่กล้าเข้าใกล้ แต่…เหตุใดวันนี้พวกเขารู้สึกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ลดตัวมาอยู่บนพื้นดินมากขึ้นเล็กน้อย?
สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นฮูหยินรองแห่งสกุลซือคง และเป็นเจ้าบ้านสกุลหลานในอนาคต อำนาจและชื่อเสียงกำหนดให้นางไม่อาจนั่งรอเจ้าบ่าวอยู่ในห้องเจ้าสาวเช่นสตรีทั่วไป แต่นางก็ไม่ได้เต็มใจเข้าสังคม จึงนั่งกอดจานใบเล็กงามวิจิตรอยู่ที่โต๊ะจัดเลี้ยง
ทุกคนจ้องมองนางตาไม่กะพริบ
สตรีศักดิ์สิทธิ์อ้วนแล้ว…
มือน้อยๆ อวบแน่น…
ท่าทางที่กินอาหารช่างน่ารักยิ่ง…
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์น่ารักขึ้นมาเฉยๆ นี่มันเรื่องใดกัน…
อวี๋หวั่นกินไปได้ครึ่งหนึ่งก็สะอึก
“อึ๊ก~” ร่างท้วมของเธอกระตุก
ทุกคนมองแก้มอวบอ้วนทั้งสองข้าง บ้าจริง…อยากจะเดินไปหยิกยิ่งนัก…
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังสะอึก องครักษ์นายหนึ่งก็กระวีกระวาดเข้ามากระซิบบางอย่างกับเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาปัดแขนเสื้อกว้างอย่างใจเย็น เดินไปข้างหน้าและยื่นมือไปหาอวี๋หวั่น “การแสดงดี จะดูหรือไม่?”
ดูสิ~
อวี๋หวั่นส่งมือให้เขาและยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น
เอ๋ ไม่สะอึกแล้ว
ทั้งสองเดินไปที่ประตูจวนสกุลซือคง
สตรีศักดิ์สิทธิ์และซือคงอวิ๋นรออยู่นานแล้ว แน่นอนว่าคนที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ซือคงอวิ๋นเพียงแค่ถือโอกาสรอไปเท่านั้น ถึงยามนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเสี่ยวลิ่วจะทรยศเขา เขาฉลาดเช่นนี้ จะถูกลูกไม้เช่นนั้นได้อย่างไร? เขาก็ไม่ได้ไร้สมองจริงหรือไม่?
สตรีผู้นี้ขัดขวางแผนของเขาไม่เท่าไร ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสี่ยวลิ่วเหินห่าง คราแรกเขาตาบอดยิ่งนักที่ตกหลุมรักสตรีชั่วร้ายเช่นนี้!
“คุณชายรอง สตรีศักดิ์สิทธิ์ ช่วยข้าด้วย!” ทันทีที่ผู้ดูแลเฉียนเห็นทั้งสอง ก็ราวกับคว้าฟางในเวลาที่เกือบจะจมน้ำ
ซือคงอวิ๋นก็มองเห็นทั้งสองคน เขาประหลาดใจ “ฮึ? ไยจึงมีสตรีศักดิ์สิทธิ์สองคน?” เขาหันไปมองสตรีศักดิ์สิทธิ์ “เจ้าก็มีตัวแทนด้วยหรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์คร้านจะสนใจเขา แต่กลับมองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นอย่างเย็นชา “ผู้ดูแลเฉียน เจ้าลืมตาดูให้ชัด สองคนนี้เป็นตัวปลอม พวกข้าต่างหากที่เป็นคุณชายรองและสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง”
อวี๋หวั่นทำเสียงชิชะ ก็นึกว่าเรื่องน่าตื่นเต้นอันใด ที่แท้ก็ตัวจริงกลับมาแล้ว น่าเสียดายจัง เชิญเทพง่ายส่งเทพยาก ยามนี้ตัวตนนี้ เธอไม่ปล่อยให้แล้วละ!
เธออยากให้นางเข้าใจ ว่าสิ่งใดที่เรียกว่ากรรมตามสนอง!
อวี๋หวั่นยิ้มจางๆ “พวกก่อกวนที่ใดมาปลอมตัวเป็นข้ากับคุณชายรอง ทั้งยังลักพาตัวผู้ดูแลของจวนสกุลซือคง จับพวกมันมา! พรุ่งนี้ตัดหัว!”
องครักษ์จวนซือคงรีบวิ่งเข้าไป
ในที่สุดยามนี้ซือคงอวิ๋นก็รู้จักตื่นตระหนกแล้ว เขาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกได้ แต่เขาจะหัวขาดไม่ได้!
“ข้า…ข้าเป็นคุณชายรอง!” เขาตะโกนกล่าวกับเยี่ยนจิ่วเฉา “เสี่ยวลิ่ว! เจ้าบอกพวกเขาสิ! เจ้าเป็นเสี่ยวลิ่ว! ข้าต่างหากเป็นคุณชายรอง!”
“ชิ~” เยี่ยนจิ่วเฉาเย้ยหยันดูถูก
อิ่งลิ่วเดินออกมาจากเงาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ข้าก็อยู่นี่ไง? คุณชายรองก็อยู่ข้างๆ ข้า เจ้าเป็นใคร? เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นเจ้านายของข้า”
เปรี้ยง-
สมองของซือคงอวิ๋นราวกับถูกฟ้าผ่า ว่างเปล่าขาวโพลงไปชั่วขณะ
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หากยังเดาไม่ออกว่าตนกำลังถูกใช้ลูกไม้ เช่นนั้นก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ทั้งหมดสตรีศักดิ์สิทธิ์เดาออกทะลุปรุโปร่ง เขาตกหลุมพรางของคนพวกนี้เข้าแล้วจริงๆ เสี่ยวลิ่วผู้นี้…เป็นสายลับที่เยี่ยนจิ่วเฉาส่งมา!
เช่นนั้น…บุรุษผู้นี้ที่ปลอมเป็นตนเอง…
“เยี่ยนจิ่วเฉา!” สตรีศักดิ์สิทธิ์เดาตัวตนของอีกฝ่ายได้
เคยชื่นชมบุรุษผู้นี้มากเท่าใด ยามนี้นางเกลียดบุรุษผู้นี้มากเท่านั้น ไม่รับน้ำใจของนางก็มากพอแล้ว ยังใช้อุบายกับนาง ปล่อยให้ซือคงอวิ๋นทำลายความบริสุทธิ์ของนาง!
ความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจของนาง คือฆ่าเขาซะ!
นางคิดเช่นนี้ และจะทำเช่นนี้แน่นอน
อาจเพราะโทสะ นางจึงไม่คิดจะจับอวี๋หวั่นที่ไร้วรยุทธ์เช่นคราวก่อน นางตรงไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา และหมายจะลงมือสังหาร
เยี่ยนจิ่วเฉาโบกแขนเสื้อ ใช้พลังภายในส่งอวี๋หวั่นไปข้างหลังอิ่งลิ่ว อิ่งลิ่วคุ้มกันอวี๋หวั่นไว้แน่นหนา เยี่ยนจิ่วเฉารับเพลงยุทธ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือเปล่า
ด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง ฝีมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า สายลมโหมกระหน่ำทั่วทุกทิศ หินและทรายปลิวกระเด็นล่องลอย ดวงตาของเหล่าองครักษ์และผู้ดูแลเฉียนต่างปิดปรือไม่อาจเปิดได้
ซือคงอวิ๋นก็ใช้แขนเสื้อปิดตา
ขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนตายไปข้าง ผู้นำตระกูลซือคงก็ปรากฏตัวออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
พร้อมกับแผดเสียงตะโกนรุนแรง กำลังภายในที่มองไม่เห็นราวกับเป็นกำแพงกั้นระหว่างคนทั้งสอง
สตรีศักดิ์สิทธิ์เก็บพลังกลับมาได้ทันเวลา พลันก้าวถอยสองสามก้าว และก้มคารวะผู้นำตระกูลซือคง “ท่านผู้นำตระกูลซือคง”
ผู้นำตระกูลซือคงเหลือบมองนางด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร? ไยเจ้าถึงมีวิทยายุทธ์ของวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ และในตัวก็ยังมีกลิ่นอายของสตรีศักดิ์สิทธิ์”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เพิ่งต่อสู้กับเยี่ยนจิ่วเฉา นอกจากคิดจะฆ่าเยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว ยังคิดจะปล่อยกลิ่นอายออกมาด้วย แม้ว่าใบหน้าของนางจะไม่ถูก แต่ฝีมือของนางก็ยังถูกเสมอ
แต่ก่อนที่นางจะกล่าว อวี๋หวั่นก็สาวเท้าเดินออกมา “ที่แท้เจ้าก็เป็นหัวขโมยที่ขโมยคัมภีร์ของข้าไป!”
ขโมยคัมภีร์?
กล่าวเช่นนี้ วรยุทธ์ของคนผู้นี้ก็เป็นการแอบเรียน?
สายตาของผู้นำตระกูลซือคงเย็นชาลง
สตรีศักดิ์สิทธิ์กัดฟัน “ดี เจ้าบอกว่าข้าแอบเรียน เช่นนั้นไยเจ้าไม่ลองสู้ดูละ!”
ใบหน้าของอวี๋หวั่นไม่มีความตื่นตระหนก เธอเลิกคิ้วและเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าให้ข้าลองสู้ ข้าก็ต้องสู้หรือ? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เมื่อครู่เจ้าวางยาข้า ทันทีที่ข้าเคลื่อนไหว หลอดเลือดและเส้นเอ็นก็จะอ่อนแรง”
“เจ้า…” ปอดของสตรีศักดิ์สิทธิ์แทบจะระเบิด นางสูดหายใจ มองผู้นำตระกูลซือคง “ท่านฟังข้าก่อน…ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นบุตรชายของท่าน ซือคงอวิ๋น!”
“ท่านพ่อ——” ซือคงอวิ๋นร้องไห้แยรีบวิ่งไปหาผู้นำตระกูลซือคง แต่ผ่านไปได้ครึ่งทาง องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็หยุดเขาไว้
“พวกเจ้าขวางข้าทำไม? ข้าคือซือคงอวิ๋น! เป็นคุณชายรองของพวกเจ้า!” ซือคงอวิ๋นกล่าวด้วยโทสะ จากนั้นก็มองไปที่ผู้นำตระกูลซือคง “ท่านพ่อโปรดเชื่อข้า! ข้าเป็นลูกของท่านจริงๆ! บนไอ้นั่นของท่านมีไฝ!”
บรรดาองครักษ์กลั้นไม่อยู่ ขำพรวดไปตามๆ กัน
ใบหน้าของผู้นำตระกูลซือคงซีดราวกับสีตับหมู ต่อหน้าสาธารณะ เปิดเผยความลับส่วนตัวเช่นนี้ หากชายผู้นี้ไม่ใช่บุตรของเขา เขา เขา เขาก็จะสับมันเสีย!
“เป็นจริงหรือไม่ ตรวจดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”
“ใช่! ตรวจเลย! เขาเป็นตัวปลอม! ใบหน้าเขาเป็นของปลอม!”
ผู้นำตระกูลซือคงมองเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความสงสัย
เยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเปิดเผยและโปร่งใส ซือคงอวิ๋นพรวดพราดเข้าไป ดึงหน้ากากหนังมนุษย์ของเขาออก
เอ๋ ถอดไม่ออก?
นี่มันเรื่องอันใดกัน?
ซือคงอวิ๋นมองปลายนิ้วที่ว่างของเขา ในวินาทีถัดมา กลับเป็นอิ่งลิ่วที่เอื้อมมือไปถอดหน้ากากหนังมนุษย์ของเขาออก
สตรีศักดิ์สิทธิ์ผงะไปทันที “ไยเป็นเช่นนี้?”
ซือคงอวิ๋นก็ตกตะลึงเช่นกัน หน้ากากบนใบหน้าของเขาไม่ได้หลุดออกไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงถอดออกมาได้อีก?
ซือคงอวิ๋นมองผู้คนที่มีท่าทีดูถูกเหยียดหยาม พลันเดินไปที่แอ่งน้ำก้มมองเงาตนเอง “อ๊าก——”
………………………………

Related

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset