ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นหินผลึกสีเทาขาว หลักการทดสอบสายเลือดก็เหมือนเช่นลูกปัดกู่ ทว่ามีรายละเอียดมากกว่านั้น ลูกปัดกู่ใช้ความสว่างในการตัดสินพลังของหนอนกู่ ส่วนศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ใช้สีที่แตกต่างในการตัดสินระดับความตื่นตัวของสายเลือด
สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีคราม สีน้ำเงินและสีม่วง ยิ่งอยู่สูง สายเลือดก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ก่อนหน้านี้ สกุลหลานมีสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดคือสตรีศักดิ์สิทธิ์สีเหลือง ยายของอวี๋หวั่นเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีเหลือง ส่วนหลานจี สายเลือดของนางนั้นสูงกว่ายายหลาน เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีเขียวที่มีชื่อเสียงสมจริงดังคำเล่าลือ
สกุลหลานไม่เคยมีสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ ไม่แปลกใจที่แม้ว่าไม่มีตราหยก ก็ยังสามารถขับไล่สายเลือดโดยตรงของสกุลหลานออกไปจากจวนได้
เพราะสายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งของตน นางจึงไม่กังวลว่าอวี๋หวั่นมีความสามารถพอจะปลอมได้
หลานเจียวก็รู้สึกว่าวิธีการของบุตรสาวยอดเยี่ยมยิ่งนัก “ไม่ผิดแน่ เป็นตัวปลอม อย่างไรก็ต้องเปิดเผยออกมาสักวัน รอข้าเรียกผู้อาวุโสของตระกูลมา ข้าจะเปิดโปงคำลวงของสตรีตัวเหม็นผู้นั้นต่อหน้าคนหมิงตูทั้งหมด!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า “ดึกแล้ว ข้าจะไปพักผ่อนก่อน ท่านแม่ก็รีบพักผ่อนเถอะ”
“อืม เจ้าไปเถอะ” หลานเจียวส่งบุตรสาวของนางออกไป แล้วจึงเรียกข้ารับใช้ ไปที่ห้องของซือคงอวิ๋นเพื่อดูแลเขาให้ดี
บุตรสาวกลับห้องของตนเอง ไม่ใช่ห้องซือคงอวิ๋น หลานเจียวรู้สึกฉงนเล็กน้อย ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันดีของคนทั้งสอง แม้ไม่ได้เข้าพิธีไหว้ ก็นับว่าจากนี้เป็นสามีภรรยากันแล้ว จะแยกห้องกันได้อย่างไร?
หลานเจียวใคร่จะเอ่ยถาม ทว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ปิดประตูไปแล้ว
นี่หมายความว่านางไม่อยากจะพูดถึงอีกต่อไป
ไม่ช้า หลานเจียวก็นึกได้ว่าตนถูกพวกนางหลานจับตัวไป และในที่สุดก็หนีออกมาได้ ทว่าบุตรสาวกลับไม่ถามเลยว่านางเป็นอย่างไรบ้าง นางทุกข์ทรมานหรือไม่ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่…
หลานเจียวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
นางปลอบใจตนเองว่าบุตรสาวเจอเรื่องร้ายๆ มา เหนื่อยเกินกว่าจะเป็นห่วงนาง นางเป็นมารดาของบุตรสาว ในใจของบุตรสาวไม่ว่าเป็นอย่างไร ก็เคารพและรักนางอยู่ดี
ด้านนี้หลานเจียวพักผ่อนแล้ว
อีกด้านหนึ่งของจวนซือคง ซือคงฉางเฟิงที่ได้รับไข่สีแดงจนมืออ่อนแรงมุมปากกระตุกก็พักผ่อนแล้วเช่นกัน
คุณชายตัวจริงอ๋องเผ่าปีศาจตัวปลอมที่แจกไข่แดงจนพอใจ กอดภรรยาตัวน้อยอ้วนกลมของเขาหลับไปอย่างพึงพอใจ
วันรุ่งขึ้นอวี๋หวั่นตื่นสาย ผู้นำตระกูลซือคงกับฮูหยินซือคงรอดื่มชาสะใภ้ แต่พวกเขาก็ไม่เห็นสะใภ้มา
“ถึงจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ควรวางท่าใหญ่โตเช่นนี้” ฮูหยินซือคงส่งคนไปที่เรือนของซือคงอวิ๋นด้วยความไม่พอใจ
ข้ารับใช้กลับมาพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ “เรียนฮูหยิน คุณชายรองกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังพักผ่อนอยู่”
เมื่อฮูหยินซือคงได้ยินว่าบุตรชายของนางกำลังพักผ่อน ก็รู้ทันทีว่าเมื่อคืนในเรือนหอคงรุนแรงเกินไป ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์เหนื่อยล้าหมดแรง สตรีศักดิ์สิทธิ์ใสดุจน้ำแข็งสะอาดดั่งหยก เยือกเย็นหยิ่งยโสรักสันโดษ ฮูหยินซือคงคิดว่าบุตรชายของนางจะไม่อาจคุมนางได้ นึกไม่ถึงว่าจะทำจนนางไม่อาจลุกจากเตียง
“ลูกชายข้ามีความสามารถนัก!” ฮูหยินซือคงดีใจ มอบเงินรางวัลแก่ข้ารับใช้ทุกคน
ดังนั้น หลังจากได้รับไข่แดงจากคุณชายรอง ข้ารับใช้ยังได้รับเงินรางวัลจากฮูหยินซือคงด้วย
อวี๋หวั่นตื่นขึ้นมาในเวลามื้อกลางวัน ตื่นมาท้องก็รู้สึกหิวแล้ว เยี่ยนจิ่วเฉาไปฝึกฝนวรยุทธ์ ตั้งแต่กลายเป็นอ๋องเผ่าปีศาจ เขาก็หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ ฝึกร่างกายให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่ดี อวี๋หวั่นไม่ได้ห้ามเขา
อวี๋หวั่นสั่งให้ข้ารับใช้ทำเกี๊ยวมาหม้อหนึ่ง ครึ่งหนึ่งกินเอง อีกครึ่งหนึ่งส่งไปให้เยี่ยนจิ่วเฉา
ทว่าบุรุษผู้นี้กินเก่งไปสักหน่อยหรือไม่?
เกี๊ยวไม่พออิ่ม?
จำต้องกินเธออีกมื้อหนึ่ง
อวี๋หวั่นใบหน้าน้อยๆ แดงก่ำ เดินออกจากห้องอย่างเขินอาย
ระหว่างทางกลับ เธอนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับเธออย่างนั้นอย่างนี้ ปากบางก็ผลิยิ้มออกมา
“สะ…สตรีศักดิ์สิทธิ์?”
เสียงของบุรุษที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ อวี๋หวั่นได้สติ มองหาอีกฝ่ายอย่างเคร่งขรึม “เป็นคุณชายใหญ่เองหรือ?”
ซือคงฉางเฟิงมองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก็ลากเธอไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วกระซิบถาม “เมื่อคืนนี้เจ้า…ไม่ได้ถูกน้องรองของข้าทำอันใดใช่หรือไม่?”
โอ้ ซือคงฉางเฟิงรู้ว่าเธอไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่รู้ว่าน้องรองของเขาก็ไม่ใช่ซือคงอวิ๋นอีกแล้ว
ไม่ใช่อวี๋หวั่นไม่ไว้ใจเขา และเรื่องเช่นนี้ ยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี อวี๋หวั่นกระแอมเบาๆ “ไม่เลย ปกติดี”
“จริงหรือ?” ซือคงฉางเฟิงแสดงความสงสัย เขารู้นิสัยใจคอของน้องรองดี ไหนเลยจะปล่อยสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้งดงามที่สุดในแผ่นดินไปไม่ทำสิ่งใด โดดเดี่ยวตามลำพังในคืนเข้าหอ?
“เจ้า…” ซือคงฉางเฟิงเห็นรอยที่คอของเธอ
อวี๋หวั่นยกมือปิดคอ ใจรู้ดีว่าปกปิดไม่ได้อีกต่อไป พลันกลอกตาและกล่าวว่า “กล่าวตรงๆ ไม่ปิดบัง ข้าพบว่าคุณชายรองก็ใช้ได้ทีเดียว ข้า…ข้ายินดีที่จะอยู่กับเขา!”
“เจ้า…” ซือคงฉางเฟิงผงะ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดสิ่งใด?”
อวี๋หวั่นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้ แต่ข้ากับสามีรักใคร่ชื่นชมกันอย่างแท้จริง ไม่ว่าวันหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงจะกลับมา ข้าก็ไม่มีวันทิ้งเขา! ตลอดชีวิตนี้ ข้าต้องการเขา!”
ด้านหลังก้อนหินที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เยี่ยนจิ่วเฉาผู้มีสายตาเย็นชา ใช้กำลังภายในร่ายดาบเล่มยาว ค่อยๆ เก็บดาบกลับไปอย่างเงียบๆ
“เอาละ ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว ข้ายังมีธุระ ท่านจำไว้เพียงว่า ข้าไม่ได้มุ่งร้ายต่อสกุลซือคงของท่าน และข้าก็จะไม่ทำร้ายท่าน!” อวี๋หวั่นกล่าวจบ ก็เดินผ่านซือคงฉางเฟิง มุ่งหน้าไปยังไปที่เรือนของตนเอง
เธอเห็นเงาบนพื้นอยู่ก่อนแล้ว เธอกลัวว่าหากตนยังไม่ไป บุรุษผู้นั้นอาจหึงหวงและฉีกซือคงฉางเฟิงเป็นชิ้นๆ เสียทันที!
ซือคงฉางเฟิงเป็นคนดี เป็นคนช่วยชีวิตเธอและผู้เลี้ยงดูสัตว์พิษตัวน้อย เขาจะตายไม่ได้! อย่างไรก็ห้ามตาย!
ชีวิตของอวี๋หวั่นในสกุลซือคงผ่อนคลายกว่าที่คิด ผู้นำตระกูลซือคงและฮูหยินซือคงต่างก็หลงบุตรชาย เธอค้อมกายลง ดูแล้วผู้นำตระกูลซือคงและฮูหยินซือคงพึงพอใจเป็นอย่างมาก สตรีตัวเล็กๆ ที่มักอยู่เคียงข้าง ‘ซือคงอวิ๋น’ ท่าทางที่ราวกับทุกคนเป็นหนี้นางในคราวก่อนแต่งงาน ชวนให้เอือมระอายิ่งนัก ยามนี้ดีขึ้นมากแล้ว ทั้งกินได้ และไม่วางมาด เนื้อก็อวบอ้วนขึ้น ก้นใหญ่ๆ นั้น แค่มองก็รู้ว่าต้องคลอดบุตรชาย!
ฮูหยินซือคงให้ข้ารับใช้ขนหีบสมบัติมาสิบใบ
อวี๋หวั่นตื่นตากับเครื่องประดับเพชรนิลจินดาเงินทองทั้งหลายในกล่อง “…มาก มากมายถึงเพียงนี้ เลือกเองได้เลยหรือ?”
“เลือก?” ฮูหยินซือคงชะงักแปลกใจ พลันพยักหน้า “ก็ใช่ เลือกได้เลย ชั้นใดไม่ชอบก็โยนทิ้งไป”
นางหาได้ขาดเงิน!
อวี๋หวั่น “..”
พวกเจ้าสกุลซือคงแข็งกร้าวเช่นนี้หรือ?
ข้าไม่ได้บอกว่าเลือกสิ่งที่ไม่ชอบ แต่เลือกสิ่งที่ชอบต่างหาก…
แน่นอนอวี๋หวั่นไม่ได้เลือกสิ่งที่ไม่ชอบออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว เธอนำหีบสมบัติทั้งสิบใบกลับไปที่เรือนอย่างเบิกบาน
ชั่วพริบตาก็มาถึงวันที่สามีภรรยาต้องเดินทางกลับบ้านฝ่ายหญิง นับว่าอวี๋หวั่นถึงคราวได้ออกจากจวนซือคงแล้ว ตามแผน กลับไปที่จวนสกุลหลานก่อน จากนั้นก็อ้อมไปหาจวนท่านยาย เธอคิดถึงเด็กน้อยทั้งสามแทบขาดใจแล้ว
“คุณชาย!”
หลังจากเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นขึ้นรถม้า อิ่งลิ่วก็ก้าวเข้ามา
“มีเรื่องอันใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอย่างเฉยเมย
อิ่งลิ่วกล่าว “หลังจากสตรีศักดิ์สิทธิ์และหลานเจียวหนีกลับไปที่จวนสกุลหลาน หลานเจียวก็ออกมารวมตัวเหล่าผู้อาวุโสของสกุลหลานมาไม่น้อย วันนี้ เกรงว่านางคิดจะทำลายศักดิ์ศรีของฮูหยินน้อยต่อหน้าทุกคน”
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัดเบาๆ “นางบอกว่าจะทำก็ทำได้หรือ? นางคิดว่าตนเองเป็นสิ่งใด?”
“ต้องการให้ข้าน้อยพายอดฝีมือจวนซือคงไป…” อิ่งลิ่วทำท่าปาดคอ
อวี๋หวั่นที่กำลังกินขนมกุ้ยฮวาชะงัก และกะพริบตามองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา
“ทนไม่ได้หรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อวี๋หวั่นส่ายหัว กลืนขนมเข้าปากแล้วกล่าวว่า “ทนไม่ได้ที่ใดกัน? ทว่าหากผู้อาวุโสของสกุลหลานทั้งหมดตายไป สกุลหลานจะไม่เหลือเพียงเปลือกนอกด้านในกลวงหรอกหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเย็นชา “คนพวกนั้นสมควรตาย!”
ใช่ นิสัยเผด็จการของอ๋องเผ่าปีศาจกำลังจะก่อปัญหาอีกครั้ง
อวี๋หวั่นจับมือของเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไว้ชีวิตพวกเขาเถอะ ไม่เช่นนั้นสกุลหลานก็จะล่มสลาย ฝั่งมารดาของท่านยายข้าก็จะไม่เหลือ ที่สมควรตายมีเพียงไม่กี่คน ฆ่าได้ตามใจชอบ”
สองสามประโยคแรกฟังดูเข้าใจได้ แต่ประโยคสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร? ใบหน้าของอิ่งลิ่วเต็มไปด้วยเส้นสีดำ หัวใจท่านก็ไม่ได้ขาวสะอาดไปกว่าคุณชายเท่าใดกระมัง?
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัดเบาๆ ไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี แต่อิ่งลิ่วเข้าใจว่านี่เป็นการยอมอ่อนข้อ
หากเป็นเช่นนี้ คนที่สามารถควบคุมคุณชายของเขาได้ ก็มีเพียงแม่นางอ้วนตรงหน้านี้เท่านั้น
ครึ่งชั่วยามต่อมา กลุ่มคนก็มาถึงจวนสกุลหลานอย่างเอิกเกริก
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่สะดวกออกหน้า แต่หลานเจียวกลับพาผู้อาวุโสสกุลหลานมากั้นประตูไว้ก่อนแล้ว
อวี๋หวั่นเปิดม่าน จับมือเยี่ยนจิ่วเฉาลงจากรถม้า “เอ นี่มันเรื่องอันใด? ต่างจ้องหน้าถมึงทึง ท่านแม่ไม่ต้อนรับพวกเรากลับมาหรือ?”
หลานเจียวกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ผู้ใดเป็นแม่เจ้า อย่าคิดว่าเจ้าสามารถปลอมใบหน้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็จะแสร้งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้!”
อวี๋หวั่นยิ้มอย่างช้าๆ “ท่านแม่ ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ มิใช่ท่านรู้ดีที่สุดหรือ?”
หลานเจียวกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ข้ารู้ดี! ดังนั้น ข้าจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลทั้งหมดมา เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าต่อหน้าทุกคน!”
อวี๋หวั่นทอดถอนใจเบาๆ “ท่านแม่ ยามนี้ข้าเป็นฮูหยินซือคง ท่านทำให้ข้าอับอายในที่สาธารณะ ก็เท่ากับทำให้สกุลซือคงอับอาย ท่านต้องการเป็นศัตรูกับสกุลซือคงหรือ?”
หลานเจียวหัวเราะเยาะ “อย่าโยนความผิดให้ข้าเกินไปนัก ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีต่อสกุลหลาน อย่างไรผู้ที่แอบอ้างก็เป็นบุตรสาวของข้า และเป็นฮูหยินแห่งสกุลซือคง เปิดโปงแผนการชั่วร้ายของเจ้า คืนความบริสุทธิ์แก่สกุลหลาน เป็นความรับผิดชอบที่ข้าไม่อาจหลีกเลี่ยง!”
อวี๋หวั่นโบกผ้าเช็ดหน้า “ความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ข้าว่าท่านแม่อิจฉาที่ข้าจะมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหลังจากแต่งงาน จึงจงใจทำให้ข้าอับอายกระมัง?”
“เจ้า…เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด?” สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นบุตรสาวของนาง ใครเป็นผู้นำตระกูลไม่เหมือนกันหรอกหรือ? นางจะอิจฉาได้อย่างไร?
แต่นางคิดอย่างไรไม่สำคัญ คนอื่นเชื่ออย่างไรสิสำคัญ ตามกฎของสกุลหลาน หลังจากงานแต่งงาน สตรีศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามาเป็นผู้นำตระกูลโดยเร็วที่สุด เป็นเหตุผลที่เหตุใดทั้งสตรีศักดิ์สิทธิ์และหลานเจียวต่างร้อนใจใคร่จะเปิดโปงอวี๋หวั่น
ทันทีที่อวี๋หวั่นเอ่ย เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลที่อยู่ด้านข้างก็หวั่นไหวไปชั่วขณะ
ตระกูลจักรพรรดิไม่มีความสัมพันธ์บิดาและบุตรชาย ตระกูลใหญ่ชนชั้นสูงก็ยากจะมีความรักบริสุทธิ์ระหว่างมารดาและบุตรสาว ยามอำนาจมาอยู่เบื้องหน้า มีกี่ความรู้สึกที่ทนต่อการทดสอบได้?
หลานเจียวหันไปหาผู้อาวุโสของตระกูลทางตะวันตก “ผู้อาวุโสทุกท่าน อย่าฟังคำพูดเลอะเทอะของนาง! ข้าเชิญทุกท่านมาที่นี่หาใช่เพราะประโยชน์ของตน รอข้าเปิดโปงนางแล้วพาสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงกลับมา ข้าจะมอบตำแหน่งผู้นำให้โดยไม่พูดพร่ำใดๆ!”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้วกล่าวว่า “คำพูดนี้ท่านเป็นคนกล่าว? ตราบใดที่ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้ข้า?”
หลานเจียวกัดฟันเอ่ย “ข้าบอกว่าให้สตรีศักดิ์สิทธิ์สกุลหลาน! หาใช่ของปลอมเช่นเจ้า!”
อวี๋หวั่นสองมือกอดอก “ได้ คำไหนคำนั้น”
อวี๋หวั่นกล่าวพลางส่งสายตาหาเยี่ยนจิ่วเฉา สามี มอบให้ท่านจัดการแล้ว อีกประเดี๋ยวต้องต่อสู้ ช่วยข้าสักหน่อยนะ อย่าให้ถูกเปิดโปง
วรยุทธ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนจิ่วเฉามองครั้งเดียวก็ทำได้แล้ว การเคลื่อนไหวก็ดี หรือกำลังภายในก็ตาม เยี่ยนจิ่วเฉาเข้าใจมันนานแล้ว ตราบใดที่ทั้งสองร่วมมือกัน การอำพรางก็สามารถปิดฟ้าข้ามทะเลแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากความคาดหมายของอวี๋หวั่น หลานเจียวจะไม่ยอมให้อวี๋หวั่นกระทำสิ่งใดต่อหน้าผู้คน
ช้าก่อน นี่ไม่เหมือนกับอุบายของสตรีศักดิ์สิทธิ์…
หลานเจียวยิ้มเยาะ ตบมือ “นำขึ้นมา!”
ทันทีที่นางพูดจบ ข้ารับใช้สองคนก็นำหินแร่ผลึกรูปเพชรขนาดใหญ่มาวางไว้ตรงหน้าอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นกระซิบ “นี่คืออะไร?”
หลานเจียวหัวเราะ “เสียดายที่เจ้าเรียกตัวเองว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไม่รู้จักศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ?”
อวี๋หวั่นเม้มปาก ใช้พัดปิดปากและถามอิ่งลิ่วที่อยู่ด้านข้าง “ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งใด?”
อิ่งลิ่วกระซิบ “มันคือหินทดสอบสายเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ วางมือของท่านลงบนหิน หากหินมีสี ก็แปลว่าท่านคือสตรีศักดิ์สิทธิ์” แย่แล้ว ลืมคิดถึงสิ่งนี้ไป ไม่คิดว่าหลานเจียวจะใช้วิธีนี้ทดสอบฮูหยินน้อย จบเห่แล้ว!
“ท่านใช้กำลังภายในทำให้หินนั้นสว่างขึ้นได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นกระซิบถามเยี่ยนจิ่วเฉา
“ไม่ได้” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
อวี๋หวั่นกุมหน้าผากด้วยความท้อใจ
“มีอันใดหรือ? เจ้ากลัว?” หลานเจียวเห็นท่าทีร้อนตัวของอวี๋หวั่น ก็รู้ว่าเดินมาถูกทางแล้ว ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ส่องแสง ดูซิว่าเจ้าจะแสร้งเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่ออย่างไร!
แนวนอนเป็นมีด แนวตั้งก็เป็นมีด! อวี๋หวั่นกัดฟันสูดลมหายใจ หลับตาและยกมือขึ้น
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์…ไม่ตอบสนอง
“มันพังแล้ว!” อวี๋หวั่นกล่าว
หลานเจียวคาดว่านางจะบิดพลิ้ว จึงคิดวิธีรับมือไว้แล้ว “เช่นนั้นก็นำมาอีกก้อน! ที่นี่ข้ามีศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหนึ่งร้อยก้อน ข้าไม่เชื่อว่ามันจะพังเสียทุกก้อน!”
ทั้งหมดไม่สว่าง แน่นอนว่าทั้งหมดไม่ได้พัง แต่เธอไม่ใช่สายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย!
ขณะที่อวี๋หวั่นอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา กำลังจะวางมือจับหินแร่ผลึกครั้งที่สอง ท้องของเธอก็เคลื่อนไหว——
……………………………
Related