บทที่ 37 ความลับของเหยียนหรูอวี้
โดย
Ink Stone_Romance
“เคยตั้งครรภ์แล้ว”
ฮุยมามากล่าว
สีหน้าของสวี่เสียนเฟยและเยี่ยนไหวจิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คิ้วของสวี่เสียนเฟยขมวดเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจหรือว่าดูไม่ผิด?”
ฮุยมามาเอ่ยอย่างมั่นใจ “หม่อมฉันกล้าใช้ชีวิตเป็นประกัน โดยทั่วไปหญิงที่คลอดบุตรแล้ว มักมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่าง มีน้อยนักที่จะฟื้นตัวกลับมาเหมือนหญิงสาวอีกครั้ง อาจจะตบตาผู้อื่นได้ แต่มิอาจหลอกหม่อมฉันได้ สายตาของหม่อมฉัน ไม่เคยตัดสินเรื่องสตรีผิดพลาดมาก่อน!”
หากเป็นคนอื่นสวี่เสียนเฟยอาจไม่เชื่อ หากแต่เป็นฮุยมามา ผู้ซึ่งอยู่ในเงื้อมมือของฮองเฮาที่ทำสิ่งต้องห้าม แต่กลับยังมีชีวิตรอดออกจากวังได้ แม้กระทั่งฮองเฮาเองก็ยังลังเลที่จะฆ่านาง ความสามารถของนางเป็นที่ประจักษ์ชัดยิ่ง
“องค์ชาย…” สวี่เสียนเฟยมองเยี่ยนไหวจิ่งที่อยู่ด้านข้าง
คิ้วของเยี่ยนไหวจิ่งขมวดเป็นริ้ว “เป็นเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไรกัน? ข้าได้ยินที่เหยียนเซี่ยพูดอย่างชัดเจน เขาบอกว่านางไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้”
สวี่เสียนเฟยเอ่ย “โหวน้อยของสกุลเหยียนก็มิได้เอ่ยชื่อแซ่ชัดเจน อาจไม่ใช่เหยียนหรูอวี้ก็เป็นได้”
“จริงหรือ?” เยี่ยนไหวจิ่งครุ่นคิด
สวี่เสียนเฟยมองหญิงที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้พลางทอดถอนใจ “ข้าคิดว่าจะสามารถจัดการสตรีผู้นี้ได้ แต่สุดท้ายก็ดีใจเสียเปล่า”
สวี่เสียนเฟยทำการใดมิเคยมีช่องโหว่
งานเลี้ยงชมดอกไม้ในครานี้ สตรีสูงศักดิ์มากกว่าครึ่งในเมืองหลวงถูกเชิญมาที่นี่ บิดาของเหยียนหรูอวี้เป็นวีรบุรุษผู้ซึ่งเอาชนะซยงหนูได้ ดังนั้นเหยียนหรูอวี้ที่ถูกเชิญมาจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และไม่มีผู้ใดสงสัยว่าสวี่เสียนเฟยจะมีจุดประสงค์อื่นกับนาง ส่วนการปรากฏตัวของเยี่ยนไหวจิ่งก็ทำให้ดูแยบคายยิ่งขึ้น การไว้ทุกข์สามปีให้แก่ไทเฮาได้ครบกำหนดแล้ว เขาก็สมควรที่ต้องหาพระชายาที่เหมาะสมให้กับตนเอง
ในระหว่างนั้น สวี่เสียนเฟยจูงบุตรชายไปที่อุทยานหลวง เพื่อทักทายสตรีชั้นสูงทั้งหลายและมอบของขวัญ จากนั้นนางก็พาบุตรชายเดินจากไป ภายใต้เสียงคุกเข่าคำนับของบรรดาสตรีชั้นสูง
สตรีผู้สูงศักดิ์ต่างมาตรว่า ผู้ใดจะได้อยู่ในสายตาของสวี่เสียนเฟยและองค์ชายรอง ดูจากการมอบของขวัญ บุตรีของอัครเสนาบดีได้รับมากที่สุด ตามด้วยบุตรีของข้าราชการในสังกัดของเสนาบดีฝ่ายในของราชสำนักและสกุลไท่เว่ย ดูเหมือนว่าในบรรดาบุตรีทั้งสาม จะมีอย่างน้อยคนหนึ่งที่ต้องอภิเษกเข้าจวนขององค์ชายรอง
เหยียนหรูอวี้มิได้สนใจการอภิเษกขององค์ชายรองแม้แต่น้อย หลังจากสวี่เสียนเฟยและองค์ชายรองจากไป นางก็นำหน้ากลับจวนเช่นกัน
ณ จวนสกุลเหยียน เหยียนเซี่ยทำให้ฮูหยินเหยียนต้องลุกออกจากผ้าห่มแต่เช้าตรู่ เรื่องที่เขาแอบหนีออกจากจวนถูกเหยียนหรูอวี้จับได้เสียแล้ว เหยียนหรูอวี้จึงให้ฮูหยินเหยียนจับตาดูเขาอยู่ไม่ห่าง มิปล่อยให้ออกไปสร้างความเดือดร้อนได้อีก
เหยียนเซี่ยถูกฮูหยินเหยียนกักตัวไว้ในห้องตำรา พลิกอ่านบทประพันธ์ที่ท่านอาจารย์ทิ้งเอาไว้อย่างเฉื่อยชา
“ท่านแม่ ข้าอ่านมานานแล้ว ขอข้าพักสักหน่อยได้หรือไม่?” เหยียนเซี่ยเอ่ยถามอย่างขมขื่น
ฮูหยินเหยียนถมึงตาใส่เขา “เพียงครึ่งชั่วยามยังไม่ถึง เหตุใดแม้แต่บุตรอนุของพ่อเจ้า เจ้าก็ยังเทียบไม่ได้!”
เหยียนฉงหมิงมีบุตรสามคน บุตรคนโตและคนรองคลานออกจากท้องของฮูหยินเหยียน ทว่าบุตรคนที่สามกลับเกิดจากอนุภรรยาผู้ต่ำต้อย เด็กนั่นมิได้มีอนาคตอันสดใสแต่อย่างไร แต่ก็นับว่าดีกว่าพี่ชายทั้งสอง
“ข้าเป็นเช่นเขาได้หรือ?” เหยียนเซี่ยวางบทประพันธ์ในมือ และโน้มตัวไปกอดแขนของฮูหยินเหยียน “ข้าเป็นบุตรแท้ๆ ของท่านแม่ และท่านแม่ก็รักข้า!”
“เจ้าเนี่ย!” ฮูหยินเหยียนถูกวาจาเยินยอของบุตรชาย หลอกล่อจนจิตใจอ่อนระทวย “เอาละ ให้เจ้าพักสักประเดี๋ยวก็ใช้ได้แล้วกระมัง?”
เหยียนเซี่ยเอ่ยอย่างดีใจ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านแม่ดีที่สุด! ดีกว่านางผู้หญิงนั่นมากนัก!”
“ไฉนเรียกน้องสาวเจ้าเช่นนั้น?” ฮูหยินเหยียนสีหน้าบึ้งตึง
เหยียนเซี่ยกระอัก เขาเกือบลืมไปว่า ตนมิใช่บุตรที่ท่านแม่รักที่สุดอีกต่อไป หัวใจของเขารับรู้ได้ ยิ่งรู้สึกอิจฉาริษยาน้องสาวของตน
ทันใดนั้น เขาก็กลอกดวงตาไปมา พลางเอ่ยด้วยเสียงเบา “ท่านแม่ ท่านจำได้หรือไม่ว่า ตอนนั้นผู้มีวิชามาที่บ้านของเรา แล้วบอกว่าชีวิตนี้นางไม่อาจมีลูกได้?”
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่เหยียนหรูอวี้เกิดได้ไม่นาน ยามนั้นมีเพียงฮูหยินเหยียนและเหยียนฉงหมิงที่อยู่ในห้อง เหยียนเซี่ยอายุเพียงห้าปี ยังมิรู้ประสา ฮูหยินเหยียนจึงมิได้พาเขาออกไป นางไม่คาดคิดว่าบุตรชายของนางที่ยังพูดไม่ได้จะสามารถจดจำคำพูดเหล่านี้ ทว่ากับหนังสือขงจื๊อ ทำเยี่ยงไรก็หาจดจำได้ไม่!
ฮูหยินเหยียนจ้องมองบุตรชายด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “พูดเรื่องไร้สาระอันใดกัน? เอาจริงเอาจังกับคำพูดของนัก…ได้รึ? เป็นเพียงการหลอกลวงเท่านั้นแล! ยามนี้น้องสาวเจ้ามิใช่มีบุตรแล้วรึ?”
และยังมีถึงสามคน!
เจ้าตัวเล็กที่น่ารักปานนั้น เพียงแค่คิดฮูหยินเหยียนก็รู้สึกว่าหัวใจของนางแทบจะละลาย
เหยียนเซี่ยมุ่ยปาก “ผีเท่านั้นที่จะทราบว่านางให้กำเนิดเองหรือไม่…”
“เจ้า!” ฮูหยินเหยียนชูกำปั้นขึ้นหมายจะตีเขา!
บังเอิญสาวใช้นำตะกร้าผลไม้เข้ามา “ฮูหยิน ข้าเก็บผลไม้ที่ท่านต้องการมาเรียบร้อยแล้ว”
เหยียนเซี่ยยกมือป้องศีรษะ และมองไปที่ฮูหยินเหยียนอย่างระแวดระวัง
ฮูหยินเหยียนถอนใจอย่างจนปัญญา พลางหยิบตะกร้าแล้วยื่นให้เหยียนเซี่ย “เจ้าน่ะ อย่าเอาแต่มีปัญหากับน้องสาวเจ้าเลย ที่นางทำก็เพื่อประโยชน์ของเจ้า จึงไม่ให้เจ้าออกไปก่อความวุ่นวาย นางไปเข้าวังและกำลังกลับมาในไม่ช้า เจ้าเอาผลไม้เหล่านี้ให้นาง ทำตัวกับนางดีๆ ให้ของขวัญนาง ขอโทษนางสักหน่อย เจ้าเป็นพี่ชาย เอ็นดูนางสักหน่อยจะเป็นไร?”
“ผู้คนมากมายเพียงนั้นเอ็นดูนาง ยังต้องมีข้าอีกหรือ?” เหยียนเซี่ยแสดงให้เห็นว่าตนไม่ต้องการไป
ฮูหยินเหยียนยัดตะกร้าใส่มือของเขา “ยังชักช้าอีก แม่จะดูเจ้าตลอดชีวิตนี้ไม่ต้องคิดจะออกไปจากจวน!”
เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ผู้สง่าผ่าเผย ยังไม่แข็งแกร่งเทียมหญิง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ ว่าเหล่าคนรับใช้ต่างก็หัวเราะเยาะเขา
เหยียนเซี่ยรับตะกร้ามาอย่างไม่เต็มใจและเตรียมยื่นให้เหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ยังไม่กลับมา เขาจึงไปเรียนรอนางที่ห้องตำรา
เหยียนหรูอวี้อ่านหนังสือมากมายหลากหลายประเภท หนังสือแต่ละเล่มถูกพลิกอ่านจนเก่า แตกต่างจากเหยียนเซี่ยและพี่น้องในจวน ที่ชั้นวางหนังสือต่างถูกใช้เป็นเพียงของตกแต่งเท่านั้น
เหยียนเซี่ยรออย่างอดรนทนไม่ไหว รื้อค้นชั้นวางไปตามอารมณ์ กระทั่งชนกับแจกันบนชั้นวางอย่างไม่ระวัง เขาตกใจเป็นอย่างมาก และคิดว่ามันจะหล่นลงมา ทว่าแจกันกลับหมุนไปทางขวา ทันใดนั้นชั้นวางหนังสือก็ขยับเคลื่อนเปิดออกไปด้านข้าง เผยให้เห็นผนังอันเปลือยเปล่า ในผนังมีภาพวาดทิวทัศน์แสนธรรมดาแขวนอยู่อย่างน่าประหลาด
เหยียนเซี่ยใช้มือเปิดดูภาพทิวทัศน์ ด้านหลังภาพมีรูสี่เหลี่ยมเล็กๆ ภายในรูมีเครื่องเคลือบดินเผาสองชิ้น ใบใหญ่อันหนึ่ง และใบเล็กอันหนึ่ง ทั้งสองล้วนเป็นสีขาว ใบเล็กใหญ่เท่ากำปั้น ใบใหญ่ก็มิได้ใหญ่เยี่ยงหม้อต้มยาจีน
“นี่คือสิ่งใดกัน?” เหยียนเซี่ยหยิบเครื่องเคลือบใบเล็กขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเปิดดูจึงพบว่าด้านในเป็นเถ้าสีเทาๆ ขาวๆ
ยามเขาสูดดม มันเป็นกลิ่นของไม้ที่ถูกเผา
เขาจิ้มนิ้วลงไปเพียงเล็กน้อย เพื่อจะเอาเข้าปากชิม
“ท่านทำอันใด?!”
จู่ๆ เสียงของเหยียนหรูอวี้ก็ดังขึ้นข้างหลังเขา ทำให้เขาเดินโซซัดโซเซด้วยความตกใจ และเกือบจะล้มลงในขณะที่ถือเครื่องเคลือบไว้ในมือ!
เหยียนหรูอวี้ใบหน้าเปลี่ยนสี สาวเท้าสองก้าวยาวเยี่ยงสามก้าวไปด้านหน้าและคว้าเครื่องเคลือบจากมือของเขา จากนั้นนางก็ฟาดฝ่ามือตบเขา!
มิเพียงเท่านั้น เมื่อเหยียนหรูอวี้วางเครื่องเคลือบลงแล้ว นางดึงดาบที่อยู่ในห้องตำราออกมาจากชั้นและชี้ไปที่หัวใจของเหยียนเซี่ย
เหยียนเซี่ยล้มลงกับพื้น “ท่านแม่! ช่วยข้าด้วยยย”
ฮูหยินเหยียนเป็นห่วงบุตรชาย กังวลว่าเขาจะยั่วยุโทสะน้องสาวตัวเองอีก นางจึงเดินไปเดินมาอยู่ไม่ห่าง เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของบุตรชาย นางรีบปรี่เข้าลานบ้านไปห้องตำรา ทันทีที่เห็นบุตรสาวกำลังลอบสังหารบุตรชายด้วยดาบ นางก็ตกใจแทบเป็นลมสิ้น!
“อวี้เอ๋อร์ มิได้!”
ฮูหยินเหยียนรีบวิ่งไปคว้าข้อมือที่กำลังถือดาบของเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ตัวสั่นเทาด้วยความเดือดดาล เส้นเลือดสีแดงในดวงตาผุดขึ้นราวกับจะกลืนกินชีวิตที่อยู่ตรงหน้า
เหยียนเซี่ยไม่เคยเห็นนางน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน เขาพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ท่านแม่…ท่านแม่ช่วยข้าด้วย…”
“อวี้เอ๋อร์ เขาเป็นพี่ชายเจ้านะ!” ฮูหยินเหยียนเอ่ยอย่างรีบร้อน
เหยียนหรูอวี้กำด้ามดาบแน่น ดวงตาดั่งเพลิงเผาไหม้ “…ออกไป ไสหัวไป!”
เหยียนเซี่ยวิ่งหัวซุกหัวซุนออกจากห้องไป
“อวี้เอ๋อร์…”
“ท่านแม่ก็ออกไปด้วย ข้าอยากอยู่คนเดียว”
นางในยามนี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก ฮูหยินเหยียนไม่กล้ายุ่งกับนาง และออกไปด้วยอาการหวาดผวา
นางพบกับเหยียนเซี่ยที่กำลังหวาดกลัวอย่างมาก “เจ้าไปทำสิ่งใดมา? ทำให้น้องสาวเจ้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้!”
“เหตุใดจึงเป็นความผิดของข้าอีก? ท่านแม่ ครานี้จะโทษข้ามิได้! ท่านลำเอียงเกินไปแล้ว ทุกคราที่เกิดเรื่อง ท่านก็มักคิดว่าข้าเป็นคนก่อ แต่ข้ามิได้ทำ! ข้าเพียงแค่เห็นสิ่งของของนางก็เท่านั้น!” เหยียนเซี่ยสีหน้าหม่นมิได้รับความเป็นธรรม จึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับเครื่องเคลือบสองใบให้ฮูหยินเหยียนฟัง “มิใช่โถใส่เถ้าสองใบหรือไร? ข้าดูแล้วเป็นอย่างไร? ทำเสียเหมือนเป็นเถ้ากระดูกของใคร!”
“เจ้าพูดอันใดกัน? น้องสาวของเจ้าจะซ่อนสิ่งเคราะห์ร้ายเช่นนั้นได้เยี่ยงไร?” ไม่น่าแปลกใจที่เหยียนหรูอวี้อยากจะฆ่าเขา ด้วยปากเน่าๆ เช่นนี้ ฮูหยินเหยียนเองก็ยังอยากทุบตีเขาให้ตาย!
ฮูหยินเหยียนมิได้ไปถามเหยียนหรูอวี้ว่าแท้จริงมันคือสิ่งใด สำหรับนางสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็มิได้สำคัญ ผู้ใดเล่าจะไม่มีสิ่งที่ซ่อนไว้เป็นของส่วนตัว? บุตรสาวของนางมีสติสัมปชัญญะ รู้ดีว่าตนกำลังทำสิ่งใด นางไม่จำเป็นต้องคอยจับตามอง ดังเช่นบุตรชายที่ไม่เอาถ่านทั้งสอง
เหยียนเซี่ยไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้ มารดาของเขาเอาแต่เข้าข้างเหยียนหรูอวี้ มิได้ตริตรองถึงการแสดงออกของเหยียนหรูอวี้ แม้ว่าเหยียนหรูอวี้จะทำให้เขาหวาดกลัว แต่เขาเข้าใจ ตอนนั้นนางกำลังจะฆ่าเขาจริงๆ
เขายิ่งสงสัยมากขึ้นว่านางซ่อนสิ่งใดไว้ในโถ
……………………………………………………….