หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 35.2 ครอบครัวห้าคน (2)

บทที่ 35 ครอบครัวห้าคน (2)
โดย
Ink Stone_Romance

แพนเค้กต้นหอมรสเค็มหนึ่งคำ กับเหล้าข้าวรสชาติหวานมันหนึ่งคำ เป็นรสชาติที่อร่อยล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กจ้ำม่ำทั้งสามกินกันจนเหงื่อท่วมตัว อวี๋หวั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อให้พวกเขา ยามที่มองเด็กๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเอ็นดู เยี่ยนจิ่วเฉามองเธอด้วยความรู้สึกทะนุถนอมแบบที่เยี่ยนไหวจิ่งมิเคยเห็นมาก่อน
ภาพตรงหน้านี้ อบอุ่นเสียจนดวงตาของเยี่ยนไหวจิ่งรู้สึกแสบร้อน
จู่ๆ ความคิดเหลวไหลก็ปรากฏขึ้นในใจของเยี่ยนไหวจิ่ง “ฉางอัน ไฉนข้ารู้สึก…”
“รู้สึกอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” จวินฉางอันถาม
เยี่ยนไหวจิ่งมิได้เอ่ยต่อ และเปลี่ยนเรื่อง “มามาอาวุโสนั่นอยู่ที่ใด?”
จวินฉางอันเอ่ย “ฮุยมามา? เพิ่งจะส่งตัวนางออกจากเมืองไปพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนไหวจิ่งมองไปยังอวี๋หวั่นและเด็กอีกสามคนที่อยู่ข้างๆ ดวงตาของเขาหรี่ต่ำ “ไปพาตัวนางกลับมา”

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญ พันปี พันปี พันพันปี!”
ณ ลานคฤหาสน์องค์ชายรอง มามาเฒ่าที่อายุมากกว่าครึ่งของร้อยปี คุกเข่าอยู่บนพื้นบ้านอันเย็นเยือก และก้มลงคำนับเยี่ยนไหวจิ่งที่ยืนอยู่ด้านล่างของทางเดิน
“เจ้าก็คือฮุยมามารึ?” เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ย
ฮุยมามาเอ่ยตอบ “หม่อมฉันแซ่นามต่ำต้อย มิอาจให้ฝ่าบาทใส่พระทัย”
นัยน์ตาของเยี่ยนไหวจิ่งตกกระทบลงบนร่างของนาง “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าถูกขับไล่ออกจากวังหลวงเพราะทำผิดกฎ”
หากเยี่ยนไหวจิ่งต้องการใช้งานนาง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตรวจสอบประวัติของนางมาก่อน เมื่อพูดถึงความสามารถของมามาผู้นี้ มิมีผู้ใดเทียบเทียมได้ นางมิได้มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงหรืออำนาจยิ่งใหญ่ ทว่าเป็นเพียงเด็กกำพร้าตัวเล็กๆ ที่ถูกขายเข้าวังด้วยเงินเพียงสองตำลึง ในอดีตนางถูกให้คอยปรนนิบัติเหล่าสตรี ผู้ไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไปที่หย่งเซี่ยง[1] จากนั้นนางได้ติดตามหมอหญิงไปทำงาน งานของหมอหญิงซับซ้อน นางมิอาจทำได้ หากแต่นางสามารถดูท้องให้ผู้คนได้
ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือองค์หญิง นางล้วนตัดสินได้แม่นยำเสียยิ่งกว่าหมอหลวง
นอกจากนี้ นางยังเคยได้รับมอบหมายให้ไปที่ตำหนักฉู่ชิ่ว[2] เพื่อควบคุมดูแลสตรีสาวงามที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยามสาวงามเข้าวังจำต้องมีการตรวจร่างกาย หากยังตรวจไม่เสร็จ นางจะมิปล่อยเด็ดขาด มามาผู้นี้มีประสบการณ์มากและเชี่ยวชาญในด้านนี้
ด้วยความสามารถของฮุยมามา ทำให้นางปะปนอยู่ในวังหลวงได้เป็นอย่างดี ทว่านางติดการพนัน และบังเอิญพบกับฮองเฮาที่เข้ามาจัดการวังหลังพอดี นางจึงถูกทิ้งและขับไล่ออกจากวัง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์ชายเยี่ยงข้าจึงให้เจ้ามา?” เยี่ยนไหวจิ่งถามในฐานะผู้ที่อยู่เหนือกว่า
ฮุยมามาหาได้ตอบคำถามไม่ นางหมอบลงกับพื้นและเอ่ยอย่างสัตย์ซื่อ “แม้นต้องลงน้ำเดือด ลุยกองเพลิง หม่อมฉันก็เต็มใจทำเพื่อฝ่าบาทอย่างไม่ลังเลเพคะ!”
ท่าทีของเยี่ยนไหวจิ่งมิได้เปลี่ยนแปลง “ข้าได้ยินมาว่า แค่เจ้าได้เห็นรูปลักษณ์หรือร่างกายของใครเพียงครู่เดียว เจ้าก็จะทราบได้ว่าผู้นั้นเคยมีลูกมาก่อนหรือไม่ เป็นความจริงรึ?”
“เป็นความจริงเพคะ เป็นความจริง!” ฮุยมามายืดกายขึ้นเล็กน้อย “ครั้นเมื่อหม่อมฉันเยาว์วัย เห็นเพียงปราดเดียวก็เพียงพอที่จะบอกได้ ทว่ายามนี้อายุมากขึ้น ดวงตาเริ่มมองเห็นไม่ชัด จำต้องใช้เวลาในการดูสักสามครา”
เยี่ยนไหวจิ่งเอ่ยเบาๆ “อย่าว่าเพียงสามครา ต่อให้สามสิบคราข้าก็ให้เจ้าดูได้ แต่เจ้าจำต้องตัดสินให้ถูกต้อง มิให้ผิดพลาดได้สักนิด!”
เช่นนั้น ฮุยมามาก็ค่อยมั่นใจ “ขอบังอาจถามฝ่าบาท พระองค์ต้องการให้หม่อมฉันดูใครหรือเพคะ?”
……………………………..
“คุณหนู! คุณหนูพักผ่อนหรือยังเจ้าคะ?” ณ คฤหาสน์เหยียน นอกห้องนอนของเหยียนหรูอวี้ สาวรับใช้ตัวน้อยที่เข้าเวรกลางคืนเคาะประตูเบาๆ
เหยียนหรูอวี้เพิ่งเอนตัวนอน นางรู้กฎที่ตนเองตั้งไว้ หากมิใช่เรื่องสำคัญที่จำต้องจัดการในทันที สาวใช้คงมิอาจมารบกวนนางในเวลาเช่นนี้
“ไฉ่ฉิน ไปดูซิ” นางเอ่ยสั่ง
“เจ้าค่ะ” ไฉ่ฉินซึ่งนอนอยู่ด้านนอก สวมเสื้อคลุมและเดินไปเปิดประตู “มีเรื่องอันใดหรือ?”
สาวใช้ตัวน้อยเอ่ย “มีขันทีผู้หนึ่งนำซองจดหมายมาให้ พร้อมกับกำชับว่าต้องนำส่งให้ถึงมือคุณหนูด้วยตนเอง”
“ข้าทราบแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด” ไฉ่ฉินปิดประตู และจุดตะเกียงน้ำมัน นำจดหมายยื่นให้เหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้มิกล้าทำเมินเฉยจดหมายที่มาจากวังหลวง นางรีบลุกขึ้นเปิดอ่าน หลังจากอ่านจบ นางก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “สวี่เสียนเฟย? นางประกาศว่าข้าจะเข้าวังหลวงเพื่อชื่นชมดอกไม้ในวันพรุ่งนี้?”

ด้านในซอย ทังหยวนและแพนเค้กต้นหอมถูกกวาดจนเรียบ เด็กจ้ำม่ำทั้งสามกินอิ่มจนพุงกลมและเรอออกมา
อวี๋หวั่นก็ดูอิ่มมาก ในวันธรรมดาเธอไม่สามารถกินได้มากขนาดนี้ ทว่าเด็กๆ กินเก่งมากจนเธออดไม่ได้ที่จะกินเยอะกว่าปกติ เยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ข้างๆ ก็ดูกินไปไม่น้อยเช่นกัน
เธอกะพริบตาและเอ่ยว่า “อร่อยไหม?”
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเสียงอืมเบาๆ ไม่ได้บอกเธอว่าเดิมทีเขาไม่อาจลิ้มรสชาติได้เลย
อวี๋หวั่นบิดขี้เกียจเล็กน้อย “ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ข้าควรจะกลับบ้านได้แล้ว”
เหล่าเด็กน้อยมองเธอด้วยความอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้จากไป
อวี๋หวั่น…อวี๋หวั่นเองก็ไม่อยากแยกจากพวกเขาเช่นกัน ทว่าหากเธอไม่กลับไป ครอบครัวของเธอจะเป็นห่วง อย่างไรเสียเธอก็เคยมีประวัติ ‘หายตัวไป’ หากเธอไม่กลับมาทั้งคืน พ่อของเธอคงต้องออกตามหาเป็นแน่ เช่นนั้นก็จะเป็นการขัดต่อพระราชโองการ
ครั้นจะให้เยี่ยนจิ่วเฉาพาเด็กน้อยมาอยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวาก็เป็นไปไม่ได้ เหตุเพราะเขาขอรับโทษถูกกักบริเวณแทนพ่อของเธอ การแอบออกจากบ้านมาเป็นครั้งคราวก็นับว่ามากพอแล้ว หากจะให้ย้ายออกมาจริงๆ นั้นมากเกินไป
“ประตูเมืองจะปิดลงยามใดหรือ?” เธอคะเนเวลาที่ยังคงสามารถอยู่กับเหล่าเด็กน้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบฮึดฮัดเยี่ยงผู้มีอำนาจเหนือกว่า “ยามคุณชายผู้นี้สั่งให้ปิดเมื่อใด ประตูก็จักปิดลงเมื่อนั้น!”
อวี๋หวั่น “…”
มีอำนาจยิ่งใหญ่งั้นรึ?
มีอำนาจช่างยอดเยี่ยมจริงๆ…
รถม้าที่เช่ามาได้กลับเข้าเมืองไปก่อนแล้ว อวี๋หวั่นและเด็กน้อยนั่งอยู่ในรถม้าของเยี่ยนจิ่วเฉา
ต้าเป่าและเอ้อร์เป่านอนอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋หวั่น ขณะที่เสียวเป่าถูกท่านพ่อของเขากอดไว้ในอ้อมแขน
เสียวเป่ามิได้รับความเป็นธรรม เขาทำผิดอันใดกัน…
เด็กน้อยกินดื่มจนอิ่มหนำ เมื่ออยู่บนรถม้าที่ไม่กระเทือนเพียงไม่นาน ก็หลับไปในอ้อมแขนของบิดาและอวี๋หวั่น
รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวงและมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเหลียนฮวา
เด็กๆ หลับกันหมดแล้ว อวี๋หวั่นจึงถามถึงสิ่งติดค้างอยู่ในใจของเธอมาตลอดทั้งคืน “เยี่ยนจิ่วเฉา เหตุใดวันนี้ท่านจึงไม่มีความสุข?”
เยี่ยนจิ่วเฉาเปิดกล่องอาหารและหยิบผลหลี[3]เล็กๆ ออกมา “กินผลหลีไหม?”
อวี๋หวั่นส่ายหัว “ข้าไม่ชอบกินผลหลี”
เยี่ยนจิ่วเฉาก็หยิบผลหลีอีกลูกที่มีขนาดใหญ่กว่าสองหรือสามเท่าออกมา “แล้วผลนี้ล่ะ?”
ก็ผลหลีเหมือนกันมิใช่หรอกหรือ? อวี๋หวั่นจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังเล่นกลอุบายอันใด “แค่ผลเล็กๆ ข้าก็กินไม่ลงแล้ว แน่นอนว่าผลใหญ่ข้ายิ่งไม่ชอบ!”
เขารู้อยู่แล้ว!
คุณชายผู้ถูกทอดทิ้ง หัวใจแตกสลายจนมิอยากเอ่ยอะไรแล้ว!
………………………………
[1] หย่งเซี่ยง 永巷 เป็นซอยยาวๆ แคบๆ ซึ่งอดีตเป็นที่พักอาศัยของเหล่ากำนัลหรือนางสนมที่เพิ่งเข้าวัง ครั้นเมื่อเกิดสงครามในวัง สถานที่นี้จึงกลายมาเป็นคุกขังเดี่ยวของนักโทษหญิงในวังแทน
[2] ตำหนักฉู่ชิ่ว เป็นหนึ่งในที่ประทับของสนมและจักพรรดินี ของราชวงศ์หมิงและชิง ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน หรือวังหลังของพระราชวังต้องห้าม
[3] ผลหลี 梨子 คือ ลูกแพร์

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset