บทที่ 39 พี่จิ่วสงสัย (2)
โดย
Ink Stone_Romance
อิ่งสือซันอับจนหนทาง เขาจำต้องพาคุณชายไปที่วัดหนิงอัน และแน่นอน เพื่อความปลอดภัยเขาจึงเรียกอิ่งลิ่วมาด้วย
อิ่งลิ่วออกจากห้องอย่างไม่เต็มใจ “เหตุใดต้องเรียกข้า? มิใช่ว่ามีเจ้าก็เพียงพอจะปกป้องคุณชายแล้วรึ?”
อิ่งสือซันเอ่ยอย่างจำใจ “เอาเถิด เป็นเรื่องใหญ่อันใด? เจ้าจึงปล่อยมันไปไม่ได้?”
อิ่งลิ่วทำหน้ามุ่ย “หึ!”
อิ่งสือซันตบไหล่เขาพลางเอ่ยอย่างจริงใจ “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ข้าเป็นเช่นไร?” อิ่งลิ่วเอ่ยถามอย่างอารมณ์เสีย
อิ่งสือซันครุ่นคิดสักพัก และเอ่ยอย่างไม่กลัวตายว่า “ตัวเล็กน่ารักจุ๋มจิ๋ม”
อิ่งลิ่ว “…”
อิ่งสือซันไปด้วยใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม กลับมาด้วยใบหน้าปูดบวมฟกช้ำ เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมอง โดยไม่ถามว่าผู้ใดเป็นคนกระทำ และยังคงขึ้นรถม้าไป
วัดหนิงอันอยู่ในเมืองหลวง ทว่าอยู่ห่างไกลจากจวนคุณชาย อีกทั้งยังมีเส้นทางขรุขระหลายสายบนภูเขาที่ต้องเดินเท้า โชคดีที่อิ่งสือซันมีทักษะในการขับรถม้าเป็นอย่างดี จึงจอดรถม้าที่เชิงเขาได้ทันก่อนยามโหย่ว
เมื่อขึ้นเขาไปครึ่งทางก็จะพบกับวัดหนิงอัน
ทั้งสามคนปีนขึ้นไปตามขั้นบันได และเดินอีกเพียงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย[1] ในที่สุดก็มาถึงวัด
อิ่งสือซันล่วงหน้าไปที่วัด แล้วเดินดูรอบๆ ทว่าหาได้พบผู้ที่น่าสงสัยหรือคุณหนูเหยียนเลย
แปลกยิ่งนัก หากเหยียนหรูอวี้ต้องการขอความช่วยเหลือ อย่างน้อยก็ควรปรากฏตัวออกมาพบพวกเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง?
และหากมันเป็นกับดักที่วางไว้เพื่อเยี่ยนจิ่วเฉา ที่นี่ก็ควรปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนา
“คุณชาย” อิ่งสือซันบอกเยี่ยนจิ่วเฉาเกี่ยวกับผลการตรวจสอบ
เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว “เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีใครบางคนกำลังล้อเล่นกับข้าอยู่?”
“คุณชายกับอิ่งลิ่วโปรดกลับไปก่อนเถิด ข้าจะรออยู่ที่นี่ เผื่อบางที…”
อิ่งสือซันเอ่ยไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง เหยียนเซี่ยก็แอบขึ้นมาบนภูเขาพร้อมกับห่อผ้าขนาดใหญ่
“เหยียนเซี่ย!”
ณ จวนสกุลเหยียน เหยียนหรูอวี้พบว่าสิ่งที่นางซ่อนไว้ในโต๊ะทำงานของตนหายไป ปฏิกิริยาแรกของนางคือเหยียนเซี่ย!
นอกจากเหยียนเซี่ยแล้ว นางนึกไม่ออกว่ายังมีผู้ใดที่น่าเหลืออดถึงเพียงนี้ มาย้ายโถ…เถ้ากระดูก
เมื่อสาวรับใช้ได้ยินนางเรียกชื่อเหยียนเซี่ย ต่างก็หวาดกลัว จะทุบข้าวของระบายความโกรธแค้นไม่มีใครว่า แต่พี่ชายที่ไร้ยางอายเช่นนี้ ใครได้รู้ก็มีแต่คนประณาม
“พวกเจ้าไม่มีผู้ใดเห็นเหยียนเซี่ยเลยรึ?” เหยียนหรูอวี้ดวงตาแดงฉาน ราวกับจะกลืนกินพวกเขา
เหล่าข้าทาสเงียบกริบราวกับจักจั่นเหมันตฤดู
เหยียนหรูอวี้เดินออกจากลานบ้านของเหยียนเซี่ย ไปที่ลานบ้านของฮูหยินเหยียนและเหยียนฉงหมิง หลังจากนั้นก็ค้นหาทั่วจวน ทว่าก็ไม่พบแม้แต่เงาของเหยียนเซี่ย!
เหยียนเซี่ยไม่รู้ว่าเหยียนหรูอวี้ได้โกรธจนบ้าคลั่งไปแล้ว ข้อความที่เขาทิ้งไว้ เหยียนหรูอวี้ไม่มีทางไม่ทราบว่าเป็นคำพูดของเขา เขารู้จักเหยียนหรูอวี้เป็นอย่างดี นางต้องมาที่วัดหนิงอันอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่เหยียนเซี่ยไม่เข้าใจคือ เขารอในอารามอยู่นาน ไฉนจึงไม่เห็นเณรน้อยมารายงานเขา ว่ามีสตรีสูงศักดิ์สง่างามมาที่นี่เลย?
เขาให้เงินเณรน้อยไปถึงครึ่งตำลึง!
เหยียนเซี่ยที่ไปขโมยของมาเมื่อคืน ไม่ได้นอนเต็มอิ่ม เพียงครู่หนึ่งก็เกิดความรู้สึกง่วงนอน เอนตัวหลับที่หัวเตียง
อิ่งสือซันย่องเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ และกดจุดหลับไหลของเหยียนเซี่ย หยิบห่อผ้าที่เหยียนเซี่ยกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา กลับไปยังห้องอารามข้างๆ
เหยียนเซี่ยถูกจับตาตั้งแต่เข้ามาในวัด การสอดแนมของเหยียนเซี่ย ไม่อาจรอพ้นจากสายตาของคนทั้งสามไปได้ เหยียนเซี่ยต้องการอารามเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็ติดสินบนเณรน้อย เพื่อยามสตรีสูงศักดิ์มาถึงจะได้นำข่าวมาบอก
สตรีผู้นั้นเป็นใคร ไม่ต้องบอกก็ทราบดี
ไม่คิดว่าเหยียนเซี่ยจะเป็นเช่นนี้ กระทั่งน้องสาวที่คลานตามกันมาก็ยังกล้าขู่!
ทว่าบุตรชายไร้ประโยชน์ที่ล้างผลาญบิดามารดาอย่างเหยียนเซี่ย ถึงกับต้องให้คุณชายของพวกเขาออกตัวจัดการหรือ? เหยียนหรูอวี้คิดอย่างไรกัน? ฆ่าไก่ด้วยมีดแล่วัวก็ยังเทียบไม่ได้! แล้วก็มิได้เหมือนเช่นแม่นางอวี๋ ที่บิดาแท้ๆ จะถูกจับไปบั่นหัว
อิ่งสือซันมุ่นคิ้วไม่พอใจ พลางนำห่อผ้าส่งให้คุณชาย
“เปิดออก” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย
อิ่งสือซันชะงัก “…ขอรับคุณชาย”
อิ่งสือซันเปิดห่อผ้า สิ่งที่เห็นคือโถที่ปิดสนิทสองใบ เขาเปิดฝาออกโดยไม่พูดพร่ำ
“คุณชาย มันคือเถ้ากระดูกขอรับ” อิ่งสือซันใช้นิ้วขยี้พลางเอ่ย
“เถ้ากระดูก?” คิ้วงามของเยี่ยนจิ่วเฉาขมวดมุ่น
“เถ้ากระดูกของคนหรือ?” อิ่งลิ่วเอ่ยถาม เขาเป็นหน่วยสอดแนม เก่งในการสืบข่าว ทว่าประสบการณ์ในการสังหารคนและชันสูตรศพไม่เท่าอิ่งสือซัน
อิ่งสือซันพยักหน้า
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” อิ่งลิ่วถามต่อ
อิ่งสือซันเอ่ย “เถ้ากระดูกของมนุษย์จะมีกลิ่นที่แตกต่างจากสัตว์”
“แตกต่างอย่างไร?” อิ่งลิ่วไม่เข้าใจ
อิ่งสือซันครุ่นคิดอยู่สักพัก “ข้าไม่อาจบอกได้ ทว่าข้าดมกลิ่นมามากจนสามารถแยกออก”
อิ่งสือซันดมเถ้ากระดูกจากศพมามากเพียงใด จึงได้มีความสามารถที่แปลกประหลาดเช่นนี้? อิ่งลิ่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้าน
อิ่งสือซันใช้กริชจิ้มลงในขี้เถ้า
“มีบางสิ่ง” เขาพูดพลางใช้กริชเขี่ยสิ่งที่อยู่ด้านล่างออกมา หลังจากนำมาถูด้วยผ้าเช็ดหน้า ปรากฏสิ่งที่คล้ายแม่กุญแจทองคำที่มีไว้อวยพรให้อายุยืนสองชิ้น
แม่กุญแจอายุยืนเป็นสิ่งที่เอาไว้คล้องคอเด็กทารกเท่านั้น มีแม่กุญแจสีทอง แม่กุญแจสีเงิน และแม่กุญแจทองเหลือง บ้างก็ซื้อมาก่อนคลอด บ้างก็ทำหลังคลอด ส่วนใหญ่จะสวมให้เด็กในพิธีสรงสาม[2]เพื่อปกป้องเด็กๆ อายุยืนร้อยปี ไม่ต้องประสบพบเจอกับโชคร้ายตลอดชีวิต
แน่นอนว่า มิใช่ว่าใครก็สามารถใส่ได้ กระทั่งคุณชายน้อยทั้งสามก็ไม่เคยใส่
อิ่งลิ่วจับแม่กุญแจอายุยืน “ถ้าเช่นนั้น เถ้ากระดูกในนี้ก็คงเป็นของเด็ก”
สองโถเถ้ากระดูก สองแม่กุญแจอายุยืน
“เหตุใดคุณหนูเหยียนจึงมีสิ่งเหล่านี้ได้?” อิ่งลิ่วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในกระดาษข้อความของเหยียนเซี่ย สิ่งเหล่านี้เป็นของเหยียนหรูอวี้เพียงคนเดียว หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหยียนเซี่ยแม้แต่น้อย เช่นนั้น ก็เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะเป็นบุตรสองคนที่มาจากสกุลเหยียน
ทว่ามันช่างน่าประหลาดมิใช่หรือ?
เหตุใดเหยียนหรูอวี้ต้องเก็บเถ้ากระดูกของเด็กคนอื่นไว้?
มีผู้ใดฝากฝังนางหรือนาง…จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ให้ผู้ใดรับรู้กับเด็กสองคนนี้?
“คุณชาย ท่านต้องการให้จับตัวเหยียนเซี่ยมาสอบสวนหรือไม่?” อิ่งสือซันเอ่ย
ปลายนิ้วเรียวงามประดุจหยกของเยี่ยนจิ่วเฉาเคาะโต๊ะเบาๆ สองสามครั้ง “อย่าเพิ่งทำให้งูตกใจ นำของไปวางคืนให้เขา”
“ขอรับ!” อิ่งสือซันเก็บแม่กุญแจอายุยืนกับโถเถ้ากระดูก และนำกลับไปไว้ในอ้อมแขนของเหยียนเซี่ยดังเดิม พร้อมกับคลายจุดหลับไหลของเขา
ทันทีที่อิ่งสือซันกลับไปยังห้องอาราม เหยียนหรูอวี้ก็พุ่งเข้ามาในวัดพร้อมกับองค์รักษ์ด้วยรังสีอาฆาต
แม้เหยียนหรูอวี้จะไม่ได้รับกระดาษข้อความของเหยียนเซี่ย ทว่ากลับเห็นรอยหมึกเป็นลายมือของเขา ที่บังเอิญ ซึมลงมาบนกระดาษขาวแผ่นถัดไปภายในห้องตำราของนาง มันเลือนรางและมองเห็นไม่ชัด อ่านได้เพียงหนึ่งแถวที่ขาดๆ หายๆ ว่า ‘หนิงอัน’ แม้เหยียนหรูอวี้จะคาดเดาไม่เก่ง ก็อนุมานได้คร่าวๆ ว่านั่นคือวัดหนิงอัน
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเหยียนเซี่ยดังมาจากห้องข้างๆ อิ่งสือซันก็เอามือทาบอกเล็กๆ โชคดีที่คุณชายฉลาด เหยียนหรูอวี้มาถึงเร็วเกินคาด แม้ว่าพวกเขาจับเหยียนเซี่ยมาจริงๆ ก็คงไม่มีเวลาจะถามไถ่อันใด
“ตอนนี้ทำเยี่ยงไรดี? คุณชาย?” อิ่งสือซันเอ่ยถาม
เยี่ยนจิ่วเฉาทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากห้องถัดไป เขายกพู่กันขึ้น วาดภาพแม่กุญแจอายุยืนทั้งสองชิ้น ทั้งด้านหน้าด้านหลังและด้านล่าง ไม่พลาดแม้แต่ร่องรอยเพียงเล็กน้อย
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วตกใจ เพียงแค่มองปราดเดียว ไฉนจึงจดจำได้ชัดเจนแม่นยำเช่นนี้? เอาไปใช้ในเรื่องการศึกษา แล้วก็การสอบจ้วงหยวนอันใดเหล่านั้นสิ!
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งภาพวาดให้ทั้งสองคน พร้อมกับเอ่ยกำชับ “ไปตรวจสอบ ว่าแม่กุญแจอายุยืนทั้งสองนี้ถูกทำขึ้นที่ใด เพลาใดและถูกผู้ใดซื้อมา”
“ขอรับ!” อิ่งลิ่วรับภาพวาดมา
คืนนั้น อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันไปยังร้านขายเครื่องประดับแห่งใหญ่ในเมืองหลวง
พวกเขาสืบเสาะเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดยามซวี[3]ของวันที่สอง พวกเขาก็พบช่างฝีมือที่รู้จักแม่กุญแจอายุยืนทั้งสอง ที่ร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งเปิดโดยคนต่างถิ่น
……………………………………………………
[1] ชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย( 一盏茶的功夫)คือ วิธีบอกเวลาสมัยโบราณของจีน โดยทั่วไปหมายถึงประมาณ 15 นาที
[2] พิธีสรงสาม หรือ ‘สี่ซาน’ (洗三) คือพิธีล้างบาปมลทินและความโชคร้ายที่ติดตัวมาแต่ชาติก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล และจัดขึ้นในวันที่สามหลังการเกิด
[3] ยามซวี (戌时) คือ ช่วงเวลาระหว่าง 19:00 น. – 21:00 น.