บทที่ 41 เด็กน้อยผู้เศร้าโศก
โดย
Ink Stone_Romance
เข้าสู่วสันตฤดู ท้องฟ้าเริ่มมืดช้าลง เด็กๆ ยิ่งสนุกกันจนไม่อยากกลับบ้าน
อวี๋หวั่นตัดสินใจจะปอกเปลือกหน่อไม้แห่งวสันตฤดูสองสามชิ้นสุดท้ายในตะกร้าให้เสร็จ จากนั้นจึงเรียกเถี่ยตั้นน้อยกลับบ้านไปทานอาหารเย็น ขณะที่ปอกเปลือก น้ำเย็นๆ หยดหนึ่งตกกระทบลงบนหลังมือของเธอ ทันใดนั้นเธอก็หยุดชะงัก จ้องมองอย่างว่างเปล่าอยู่เนิ่นนาน เธอไม่เข้าใจ เหตุใดตนต้องมองหยดน้ำฝนอย่างเหม่อลอย
ฝนตกลงมาอีกสองสามหยด อวี๋หวั่นกลับคืนสติ รีบนำหน่อไม้วสันตฤดูเข้าไปในห้องครัว ขณะก้าวข้ามธรณีประตู หน่อไม้ก็ร่วงและหล่นลงไปในถังน้ำดังตุ้บ
อวี๋หวั่นมือข้างหนึ่งจับบุ้งกี๋ มืออีกข้างก็หยิบหน่อไม้ออกจากถังน้ำ เธอโน้มตัวเอื้อมหยิบหน่อไม้ไกลเกินไป บุ้งกี๋ในมืออีกข้างลาดเอียง จนหน่อไม้ที่อยู่ด้านบนเทกระจัดกระจายลงบนพื้น
อวี๋หวั่นรีบร้อนเก็บมันขึ้นมา
หลังเก็บหน่อไม้เรียบร้อย เธอก็รีบไปเก็บเสื้อผ้าที่ราวตาก ทันทีที่เก็บชุดสุดท้าย ฝนก็ตกกระหน่ำลงมา!
อวี๋หวั่นยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องโถง มองไปยังสายฝนด้านนอกด้วยความหวาดผวา “โชคดีที่เข้ามาเร็ว!”
พูดจบ คิ้วอวี๋หวั่นก็พลันขมวดมุ่น
ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่า? ฉากนี้ช่างดูคุ้นเคยราวกับว่าเคยสัมผัสมาก่อน
………………
เม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงบนชายคาเคลือบเงา ทำให้เกิดเสียงดังเปาะแปะชัดเจน ร่างของเหยียนหรูอวี้ขยับเคลื่อนไหว และจู่ๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที!
นางเบิกตากว้าง มองม่านมุ้งและเตียงนอนที่ดูคุ้นเคย ชั่วครู่ก็ยังไม่รู้ว่าตนอยู่ที่ใด
“ลี่จือ……”
นางร้องเรียกเสียงแหบแห้ง
ที่ตอบเสียงมากลับเป็นไฉ่ฉิน ไฉ่ฉินถอดเสื้อกันหนาวสีเรียบ เปิดม่านและเอ่ยถามเหยียนหรูอวี้เบาๆ “คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือ?”
สายตาของเหยียนหรูอวี้ตกกระทบลงบนใบหน้าของไฉ่ฉิน นางอยู่ในความงุนงงเนิ่นนาน ก่อนที่ความทรงจำส่วนลึกจะค่อยๆ คืนกลับมา
ลี่จือถูกม้าขององค์หญิงแห่งซยงหนูเหยียบจนขาหัก นางจึงเลื่อนให้ไฉ่ฉินมาทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ส่วนตัว…
เมื่อคืนคุณชายเยี่ยนชวนนางไปเที่ยวทะเลสาบ นางแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างปราณีต และนั่งดื่มกับคุณชายเยี่ยน…
เดี๋ยวนะ นั่งดื่ม?
หัวใจของเหยียนหรูอวี้หล่นวูบ “ข้ามิได้อยู่บนเรือสำราญหรือ? เหตุใดจึง…กลับมาที่บ้านได้?”
ไฉ่ฉินเอ่ยตอบ “เมื่อคืนคุณหนูเมาแล้ว เดิมทีหมายให้คุณหนูพักผ่อนในปีกของเรือ ทว่ามีลมแรงและฝนตก เรือสำราญจึงไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก คุณชายจึงพาคุณหนูขึ้นรถม้ากลับมาส่งที่บ้านเจ้าค่ะ”
หลังจากดื่มไปเพียงสองแก้ว เหยียนหรูอวี้ก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ นางดื่มไม่เก่งนัก ทว่าเมื่อคืนนางทนต่อความใจดีของคุณชายไม่ไหว จึงโลภดื่มมากเกินไป… ยามนี้กลับมาคิดแล้วก็เสียใจ
นางอยู่บนเรือเพียงลำพัง ไม่มีสาวใช้อยู่เคียงข้าง ไม่อาจรู้ว่าหลังจากเมาแล้ว ได้เสียกิริยาหรือเอ่ยสิ่งที่ไม่ควรหรือไม่
“เจ้าบอกว่าคุณชายส่งข้าขึ้นรถม้า เขามาส่งด้วยตนเองหรือไม่?” เยี่ยนจิ่วเฉากอดนางแล้วหรือ?
ไฉ่ฉินส่ายหัว “เป็นผู้จัดการของจวนคุณชายกับมามาท่านหนึ่ง”
ไฉ่ฉินเห็นหน้าค่าตาของมามาผู้นั้น นางไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่าจวนของคุณชายใหญ่เพียงนั้น คงไม่อาจเห็นได้ทุกคน ไฉ่ฉินไม่คิดว่าจะมีอันใดได้ จึงมิได้เอ่ยกับเหยียนหรูอวี้เป็นการเฉพาะ
เมื่อเหยียนหรูอวี้ได้ยินไฉ่ฉินเอ่ยว่าเป็นมามาของจวนคุณชายก็ไม่ได้คิดสนใจ
ทว่าเหตุใด จู่ๆ นางก็รู้สึกสับสนว้าวุ่น?
……………………………….
ห้องทำงานในจวนคุณชายยังคงมืดสนิท
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน โดยมีอิ่งลิ่วและอิ่งสือซันยืนอยู่ข้างๆ ราวกับรูปปั้นแกะสลัก พื้นที่โล่งด้านหน้ามีมามาสูงอายุที่ดูภูมิฐานคนหนึ่งกำลังคุกเข่า
“ข้าน้อย นางโค่ว คารวะคุณชาย” โค่วมามาก้มหัวคำนับ
บนเรือ โค่วมามาเรียกตนเองว่าเป็นเพียงมามาของจวนคุณชายเพื่อหลบเลี่ยงหูตาของผู้คน และยังมิได้พบกับเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างเป็นทางการ
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องอ้อมค้อม เจ้าแจ้งผลการตรวจที่ได้มา”
“เจ้าค่ะ” โค่วมามาเอ่ย “แม่นางผู้นั้นเคยตั้งครรภ์มาก่อน”
คำตอบนี้ไม่เกินความคาดหมาย แน่นอนว่าเหยียนหรูอวี้เคยตั้งครรภ์มาก่อน ไม่เช่นนั้นคุณชายน้อยทั้งสามคนมาจากที่ใด? อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันไม่ค่อยเข้าใจเป้าหมายของคุณชายที่เชิญมามามาตรวจร่างกาย คุณชายมิได้เอ่ยอันใด พวกเขาก็ไม่กล้าถาม
ห้องทำงานไม่ได้จุดโคม มีเพียงแสงเทียนอ่อนๆ ที่ส่องมาจากโคมไฟข้างทางเดิน
ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาปกคลุมอยู่ในความมืด ยากที่จะมองเห็นอารมณ์ความรู้สึก
“เรื่องนี้ข้ารู้ดี” เสียงของเยี่ยนจิ่วเฉาทุ้มต่ำและเย็นชา “สิ่งที่ข้าจะถามก็คือ นางให้กำเนิดบุตรมาแล้วกี่ครา?”
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วตกตะลึง คำถามนี้ช่างแปลกประหลาด อันใดคือให้กำเนิดบุตรมาแล้วกี่ครา?
“สองครา” โค่วมามาเอ่ย
สีหน้าของอิ่งสือซันและอิ่งลิ่วประหลาดยิ่งกว่า หากเด็กคนหนึ่งนับเป็นหนึ่งครา คุณชายน้อยสามคนก็ควรเป็นสามครา ทว่าหากการตั้งครรภ์หนึ่งครรภ์นับหนึ่งครา เช่นนั้นก็มีเพียงคราเดียว ไฉนจึงกล่าวว่ามีสองครา?
เยี่ยนจิ่วเฉามิได้ขัดโค่วมามา ปล่อยให้นางเอ่ยต่อ
โค่วมามาเป็นมามาทำคลอดที่มีประสบการณ์มาก และเคยเป็นหมอหญิงในช่วงปีแรกๆ นางมิได้ใช้วิธีการมองด้วยสายตาแบบฮุ่ยมามา ทว่าให้ความสำคัญกับการตรวจร่างกายอย่างจริงจังเสียมากกว่า และคนที่นางเคยตรวจก็ไม่เคยผิดพลาด
โค่วมามาเอ่ย “หากดูจากระยะการฟื้นตัวของแม่นาง นางน่าจะคลอดบุตรครั้งแรกอย่างน้อยสามปีก่อน”
สตรีหลังคลอดบุตร จะมีช่องคลอด ปากมดลูกและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป แม้การฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทว่าผู้เชี่ยวชาญเยี่ยงโค่วมามา ก็ยังสามารถตรวจตามสภาพร่ายกายของนาง และตัดสินได้ค่อนข้างแม่นยำ
อิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันคิ้วขมวดมุ่น มันไม่ถูกต้อง! คุณชายน้อยเพิ่งถือกำเนิดเมื่อสองปีก่อน!
“คลอดบุตรครั้งที่สองคือสองปีที่แล้ว” โค่วมามาเอ่ยต่อ
อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันมองหน้ากัน คำพูดของมามาช่างน่าตกใจ หรือเหยียนหรูอวี้จะเคยผ่านบุรุษคนแรก ก่อนจะมานอนกับคุณชายของพวกเขา? ทันใดนั้น ทั้งสองก็เริ่มเห็นอกเห็นใจคุณชายของพวกเขา ร่างกายบริสุทธิ์ที่เก็บรักษามานานหลายปี ท้ายที่สุด ก็ถูกพรากไปโดยสตรีที่ไม่สมบูรณ์
อิ่งลิ่วตัดสินใจตั้งแต่วินาทีนั้นว่าจะไม่สนใจเรื่องตัวบางร่างน้อยอันใดนั่นอีกต่อไป เพราะยามนี้คุณชายน่าสงสารที่สุด
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองท่าทีของทั้งคู่ก็ทราบดีว่าพวกเขาคิดอันใด หลังโค่วมามาจากไป เขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชา “แม้ข้าจะล้มป่วย ทว่าก็ไม่ถึงกับแบ่งแยกไม่ได้”
สตรีที่อยู่กับเขาในคืนนั้นเป็นหญิงบริสุทธิ์ เขามั่นใจในสิ่งนั้น
ดังนั้นหากเหยียนหรูอวี้ให้กำเนิดบุตรเมื่อสามปีก่อน ก็กล่าวได้ว่า สตรีที่ดื่มด่ำกับเขาในชั่วข้ามคืนไม่ใช่เหยียนหรูอวี้
หาใช่เรื่องที่ไม่น่าตกใจ ทว่าก็ไม่นับว่าน่าตกใจจนเกินไป เพราะหลังจากพบโถเถ้ากระดูกทั้งสองกับแม่กุญแจอายุยืน พวกเขาก็ได้คาดเดาไปในเชิงนี้อยู่บ้าง
“คุณชายสงสัยเรื่องนี้ได้อย่างไร?” อิ่งสือซันถาม
“แม่กุญแจอายุยืนทั้งสองไม่เหมือนกัน” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย
อิ่งสือซันนึกไม่ออก ทว่าทันใดนั้นอิ่งลิ่วก็ตระหนักได้ว่า คุณชายน้อยทั้งสามเป็นฝาแฝดกัน พวกเขาดื่มกินสวมใส่และใช้ของแบบเดียวกัน หากเป็นของที่ให้กับทารกแฝดจริงๆ เช่นนั้นแม่กุญแจอายุยืนทั้งสองก็ควรจะเป็นแบบเดียวกัน…
อิ่งลิ่วอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคุณชายของตัวเอง สมควรที่จะเป็นพ่อคน แม้กระทั่งความคิดเช่นนี้ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี หากเป็นเขา จะไปหาความแตกต่างระหว่างแม่กุญแจอายุยืนทั้งสองได้อย่างไรกัน?
ทว่ายามนั้น คุณชายคงไม่เคยสงสัยในร่างกายของเหยียนหรูอวี้แม้แต่น้อย จนกระทั่งเหยียนหรูอวี้ได้เผยความจริงออกมาบนเรือสำราญลำนั้น
นางพยายามปกปิดความจริงที่ว่านางเคยไปก้งเฉิง ยากที่จะไม่สงสัยว่านางได้ทำสิ่งน่าอับอายในก้งเฉิงหรือไม่ ยิ่งรวมกับเด็กสองคนที่เสียชีวิต การคาดเดาทั้งหมดจึงยิ่งเข้าทาง
อิ่งลิ่วรู้สึกละอายใจ เขาไม่เคยเป็นพ่อ เรื่องแบบนี้จึงไม่อ่อนไหวเช่นคุณชาย โชคดีที่คุณชายตัดสินใจอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นพวกเขาคงยังรู้ไม่เท่าทัน
“หญิงผู้นั้นช่างกล้านัก!” อิ่งสือซันเอ่ยด้วยท่าทีเย็นชา
กล้าแสร้งทำตนเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดคุณชายน้อย ไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนเยี่ยงไรรึ?
ยามนึกขึ้นได้ อิ่งสือซันจึงเอ่ยอีกครั้ง “ช้าก่อน แล้วคุณชายน้อยจะยังเกิดจากท่านอยู่หรือไม่?”
ฝนตกกระหน่ำ หน้าต่างด้านในถูกขูดขีดจนเกิดเป็นเสียงครวญครางบาดหู หินทับกระดาษถูกเยี่ยนจิ่วเฉาขยับออกโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นกระดาษข้อความบนโต๊ะทำงานก็ถูกลมหนาวพัดปลิวไปทั่วห้อง
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วรีบคว้ากระดาษที่ปลิวว่อน เมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นคุณชายน้อยทั้งสามยืนตะลึงอยู่ที่ประตู
ฟ้ายังไม่สาง ชั่วยามนี้พวกเขาควรจะหลับอยู่ ไฉนจู่ๆ จึงมาอยู่ที่ห้องทำงานได้? คงไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาเพิ่งพูดไปหรอกกระมัง? พวกเขายังเป็นเด็ก ถึงได้ยินก็คงไม่เข้าใจ…
อิ่งสือซันแทบอยากจะเฆี่ยนตัวเองสักสองครา เขาเสียสติไปแล้วหรือ? ไฉนจึงกล้าเอ่ยวาจาเช่นนั้น?
ทั้งสามสวมชุดนอนบางๆ กับเท้าเปล่า ยืนอยู่บนพื้นที่เย็นดุจน้ำแข็ง
ลมหนาวพัดปะทะร่างจนตัวสั่นสะท้าน ดวงตาเบิกกว้าง ร่องรอยแห่งความวิตกกังวลฉายชัดในแววตา
“มานี่มา” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
ทั้งสามก้าวข้ามธรณีประตูด้วยขาเล็กๆ สั้นๆ เดินเตาะแตะรอบโต๊ะมาหาเยี่ยนจิ่วเฉา เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาเศร้าสร้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาลูบใบหน้าน้อยๆ ของทั้งสาม “ฝันร้ายหรือ?”
ทั้งสามก้มหน้า
เยี่ยนจิ่วเฉาล่วงรู้นานแล้วว่าพวกเขาจะฝันร้ายยามที่เจอฝนตกหนัก แต่ท่าทางโศกเศร้าไม่สบายใจที่เห็นในยามนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพราะฝันร้าย
เยี่ยนจิ่วเฉาเงยหน้าพวกเขาขึ้นอีกครั้ง สามคนขอบตาแดงก่ำ หยดน้ำตาใสไหลคลออยู่ภายใน
เยี่ยนจิ่วเฉาสูดหายใจอย่างเจ็บปวด “อิ่งสือซัน”
“ข้าน้อยทราบแล้ว ข้าน้อยจะโบยตนเองหนึ่งร้อยที” อิ่งสือซันเดินไปที่ลานบ้านอย่างเงียบๆ เพื่อรับการลงทัณฑ์
เยี่ยนจิ่วเฉากอดเด็กน้อยทั้งสามที่น้ำตาไหลรินไว้บนตัก ในวันทั่วไปช่างดูแข็งแกร่งดุจหมีใหญ่ ภายในหัวใจกลับอ่อนไหวและเปราะบางเช่นนี้หรือ? คำพูดนั้นของอิ่งสือซันก็เอามาคิดจริงจังแล้วหรือ?
ทั้งสามเอามือน้อยๆ ปาดน้ำตา
พวกเขาไม่ต้องการผู้ที่มิใช่บิดาแท้ๆ พวกเขาไม่อยากกลายเป็นบุตรกำพร้าไม่มีพ่อ
……………………………………