หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 45 เจียงน้อยหน้าเนื้อใจเสือ

บทที่ 45 เจียงน้อยหน้าเนื้อใจเสือ
โดย
Ink Stone_Romance

และแล้วข่าวเรื่องการอภิเษกก็ไปแพร่ถึงหูขององค์หญิงแห่งซยงหนูในไม่ช้า ไม่มีผู้ใดบอกนางว่าจะมีเรื่องเช่นนี้มาก่อน และคิดว่าเป็นองค์ชายรองแห่งซยงหนูที่ตัดสินใจด้วยตนเอง นางจึงวิ่งไปหาและทะเลาะกับองค์ชายรองเป็นการใหญ่
“ท่านมีเจตนาอันใดกันแน่? ท่านคิดจะขายแผ่นดินเพื่อแสวงหาความรุ่งเรืองใช่หรือไม่?”
“นี่ไม่ใช่การขายแผ่นดินเพื่อแสวงหาความรุ่งเรือง” องค์ชายรองแก้คำพูดของนาง
องค์หญิงแห่งซยงหนูสะอึก “เช่นนั้น… เช่นนั้นก็คงขายน้องสาวเพื่อความรุ่งโรจน์! ท่านหลอกข้ามาที่นี่ แล้วยังขายข้าให้กับคนต้าโจว หากพ่อข้าทราบ ต้องมาคิดบัญชีกับท่านเป็นแน่!”
องค์ชายรองนับว่ามิได้อำมหิตเกินไปนัก เขาไม่ได้แทงหัวใจแก้วที่แสนบอบบางของนางต่อหน้า หากเขามิได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ซยงหนูผู้เป็นลุง ต่อให้มีความกล้าหาญเพียงใด ก็ไม่กล้าเอาความคิดไปใส่หัวขององค์หญิงหมิงจูแห่งซยงหนู เด็กสาวผู้นี้ก็ไม่คิด มีองค์ชายและองค์หญิงมากมายเพียงนั้น ไฉนจึงมีเพียงนางที่มายังจงหยวน? เพราะนางอยากมาด้วยตัวเองอย่างแท้จริงหรือ?
องค์ชายรองถอนใจ “ท่านพ่อและท่านลุงกล่าวว่า เป็นการเจรจาสันติภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ข้าเข้าใจความลำบากของเจ้า ทว่ามันไม่มีทางเลือก เจ้าคิดว่าเพียงเจ้าแต่งกับสามีต้าโจว ข้าก็คงไม่ต้องแต่งกับภรรยาต้าโจวหรือ?”
องค์หญิงซยงหนูตกตะลึง “พวกเขาก็บังคับให้ท่านแต่งงานเช่นกันสินะ… “
องค์ชายรองกระแอมในลำคอ แท้จริงแล้วเขาโปรดปรานบุตรีจากสกุลโด่งดังที่รับราชการมานานหลายชั่วอายุคนและฮ่องเต้แห่งต้าโจวก็ทรงอนุญาตให้เขาแต่งกับนางในฐานะพระชายาเช่อเฟย
ท่าทีขององค์ชายรอง ในสายตาขององค์หญิงแห่งซยงหนูก็คือการยอมรับโดยดุษณี นางโบกแส้ในมือพลางเอ่ยด้วยความโมโหสุดขีด “ไม่ได้! ข้าจะไปขอฮ่องเต้ต้าโจววินิจฉัย! มีเหตุผลใดจึงมาเอาเราสองพี่น้องเข้าไป!”
ไปขอวินิจฉัยไม่ได้ หากนางไปก็จะถูกเปิดเผย!
องค์ชายรองรีบคว้าตัวนางพลางเอ่ยว่า “เจ้าก็รู้สถานการณ์ของซยงหนู หลังจากสู้รบกันมาหลายปี ท้องพระคลังก็เริ่มว่างเปล่า ทุกปีมีคนเลี้ยงสัตว์ต้องอดตายในเหมันตฤดูมากเท่ากับจำนวนคนในเมืองเล็กๆ ฮ่องเต้ต้าโจวกล่าวว่า ตราบใดที่เรายอมรับเงื่อนไขการเจรจาสันติภาพ ก็จะส่งเสบียงจำนวนมากมาให้เราทุกปี คนเลี้ยงสัตว์ของเราก็ไม่ต้องอดตายอีกต่อไป วัวและแกะก็จะมีชีวิตอยู่”
“ไม่ใช่ข้าที่อดตายเสียหน่อย!” องค์หญิงแห่งซยงหนูกระทืบเท้าบ่นพึมพำ ทว่าสุดท้ายก็นั่งลง
องค์ชายรองสบโอกาส “แล้วข้าก็ยังได้ยินข่าวดีมาว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องแต่งกับบุตรของอ๋อง ทว่าจะได้แต่งกับองค์ชายแห่งต้าโจว”
พระชายาบุตรอ๋อง กับพระชายาองค์ชาย ความแตกต่างเพียงหนึ่งคำ สถานะและเกียรติยศกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะได้สืบทอดบังลังก์หรือไม่ค่อยว่ากัน ตราบใดที่ได้แต่งเข้าจวนองค์ชาย ก็ดีกว่าที่คาดไว้ในตอนแรกมากนัก
องค์หญิงแห่งซยงหนูครุ่นคิด ทว่าก็ยังรู้สึกว่านางไม่อาจแต่งงานได้ และนางก็มิได้โปรดปรานองค์ชายแห่งต้าโจว แต่งงานไปแล้วนางก็ต้องไม่มีความสุข บางที หากนางระเบิดโทสะฟาดแส้กับคนในเรือน นั่นคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก
นางได้ยินมาว่า บุรุษของต้าโจวไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะ
หากจำต้องแต่งงานจริงๆ นางต้องแต่งกับบุรุษที่สามารถเอาชนะนางได้…
องค์หญิงแห่งซยงหนูนึกถึงอวี๋เซ่าชิง
“เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!” องค์ชายรองเดาความคิดของนาง
องค์หญิงแห่งซยงหนูโกรธจัด จ้องมองลูกพี่ลูกน้องของนางและออกไปอย่างเย็นชา
องค์หญิงแห่งซยงหนูออกจากวังด้วยความขุ่นเคือง ขึ้นควบขี่ม้าไปบนถนน
หน้าตาที่งดงามและอาภรณ์ที่สวยสง่า ภาพลักษณ์ที่สูงส่งของนางปรากฏสู่สายตาผู้คน ดึงดูดสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา นางไม่แม้แต่จะเหลือบมองผู้คนเหล่านั้น นางตรงไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ทว่าที่โรงน้ำชา กลับได้พบกับเหยียนหรูอวี้ที่มิได้พบกันนาน
องค์หญิงแห่งซยงหนูยังไม่รู้ว่าสตรีผู้เรียกตนเองว่าอวี้เอ๋อร์เป็นบุตรีของจวนสกุลเหยียน จำได้เพียงว่าอีกฝ่ายทำให้ตัวเองขุ่นเคือง นางจึงมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีกับเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ก็เห็นนางจึงก้าวไปด้านหน้าเพื่อโค้งคำนับ “อวี้เอ๋อร์คารวะองค์หญิง”
“อวี้เอ๋อร์(หยก)อันใด? น่าจะหินมากกว่า!” องค์หญิงแห่งซยงหนูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เหยียนหรูอวี้ยั่วโมโหนาง เอ่ยวาจาไพเราะเช่นนี้แปลกยิ่ง
เหยียนหรูอวี้ถูกกระทบกระแทกอย่างเจ็บแสบ ทว่าก็มิได้โวยวาย กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ย “ขนมของโรงน้ำชาร้านนี้ไม่เลวจริงๆ องค์หญิงอยากมาลองชิมสักหน่อยหรือไม่?”
องค์หญิงแห่งซยงหนูมัวแต่หัวเสียกับพี่ชายจนลืมทานอาหารกลางวัน ทำให้นางหิวมาก
นางพลิกตัวลงจากหลังม้า จากนั้นจึงโยนบังเหียนให้กับผู้ติดตามที่เดินใกล้เข้ามา และก้าวเข้าไปยังร้านน้ำชา
นางขอห้องปีกชั้นสูง ทันทีที่นางนั่งลง เหยียนหรูอวี้ก็เดินเข้ามา
“ผู้ใดบอกให้เจ้าเข้ามา?” องค์หญิงแห่งซยงหนูเอ่ยอย่างหัวเสีย
เหยียนหรูอวี้นั่งลงตรงข้ามนาง หยิบกาน้ำชาที่เสี่ยวเอ้อนำเข้ามาและชงชาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “ข้าเห็นองค์หญิงเหมือนมีเรื่องอันใดในใจ”
“เจ้าจะทำอันใด?” องค์หญิงแห่งซยงหนูเอ่ยอย่างเมินเฉย ทว่ายามเห็นวิธีการชงชาของเหยียนหรูอวี้ ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ นางเคยได้ยินว่าผู้คนในจงหยวนมีพิธีชงชาที่ลึกซึ้ง ทว่านางไม่เคยรู้ว่าสตรีผู้หนึ่งจะสามารถทำให้พิธีการชงชาสง่างามได้ถึงเพียงนี้
เหมือนเหยียนหรูอวี้จะไม่ทราบว่าตนรู้สึกประหลาดใจกับนาง จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “หากองค์หญิงต้องการหาผู้ใดให้ไว้วางใจ อวี้เอ๋อร์พร้อมรับฟัง หากองค์หญิงไม่ต้องการเอ่ยสิ่งใด ก็เชิญดื่มชาเถิด”
องค์หญิงแห่งซยงหนูเมินหน้า
นางไม่คุ้นกับการชาที่จงหยวนมีรสขม นางไม่ทราบว่ามันรสชาติดีตรงไหน
เหยียนหรูอวี้เหลือบมองนางอย่างเหมือนจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม พลันกระซิบบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ข้างๆ เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยกลับเบาๆ “บังเอิญจริง ครอบครัวเราเลี้ยงอยู่หนึ่งตัว”
เสี่ยวเอ้อร์ออกไป ไม่นานนัก เขาก็นำนมแพะหม้อเล็กๆ เข้ามา
องค์หญิงแห่งซยงหนู ได้กลิ่นของนมแพะก็เกิดอาการน้ำลายสอ
ผู้คนในที่จงหยวนไม่ชอบนมแพะเพราะมีกลิ่นคาว ทว่านางเติบโตมากับการดื่มนมแพะตั้งแต่เด็ก สำหรับนางแล้วไม่มีอาหารโอชะใดในโลกเปรียบได้กับชานมรสเค็มบนทุ่งหญ้า
เหยียนหรูอวี้เทชานมที่ปรุงเสร็จแล้วลงในถ้วย และยกขึ้นวางตรงหน้าองค์หญิงแห่งซยงหนู
องค์หญิงแห่งซยงหนูไม่อาจปฏิเสธรสชาติบ้านเกิดได้ ยามนางยกถ้วยจิบ ความคิดคะนึงหาบ้านเกิดพลันแล่นเข้ามาในหัวใจ นางคิดถึงบิดาและมารดาของนาง
“ข้าไม่อยากแต่งงานกับองค์ชายแห่งต้าโจวของพวกเจ้า… ” นางเอ่ยด้วยดวงตาสีแดงระเรื่อ
เหยียนหรูอวี้เอ่ยตอบอย่างใจเย็น “เหตุใดองค์หญิงยอมให้ตนเองแบกรับความอยุติธรรมเล่า? ไม่อยากแต่ง ก็หาวิธียกเลิกเสียสิเพคะ”
“เจ้าเอ่ยง่ายดายยิ่ง! จะยกเลิกได้อย่างไร?” องค์หญิงแห่งซยงหนูเอ่ยอย่างรำคาญใจ
เหยียนหรูอวี้ลดตาลงพลางเอ่ยว่า “องค์หญิง…มีคนที่โปรดปรานอยู่ในใจแล้วหรือ?”
องค์หญิงแห่งซยงหนูมิได้ปฏิเสธ เพียงบ่นอย่างไม่พอใจ “ทว่าเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว”
“แล้วอย่างไร? หรือว่าที่ซยงหนู บุรุษสามารถแต่งภรรยาได้เพียงคนเดียวรึ?” เหยียนหรูอวี้คลี่ยิ้มมองนาง
องค์หญิงแห่งซยงหนูเอ่ยด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “มิใช่เช่นนั้นหรอก ทว่าองค์หญิงผู้สง่างามเช่นข้า เหตุใดต้องใช้สามีร่วมกับสตรีอื่น!”
เหยียนหรูอวี้เอ่ยอย่างสงบเงียบ “เช่นนั้นก็ให้เขาหย่ากับภรรยาเก่า แล้วมาแต่งงานใหม่ องค์หญิงเปรียบดังกิ่งทองใบหยก ท่านโปรดปรานเขาก็นับเป็นความโชคดีของเขา…ตราบใดที่องค์หญิงกับเขามีสัมพันธ์ลึกซึ้งที่สายเกินแก้แล้ว องค์ชายแห่งต้าโจวของพวกเราก็จะไม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับองค์หญิงเพคะ”
องค์หญิงแห่งซยงหนูรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นสมเหตุสมผล หลังจากอิ่มท้องแล้ว นางจึงไปหาอวี๋เซ่าชิง
…………
อวี๋เซ่าชิงมีคดีที่วัดต้าหลี่ ไม่ยากที่จะสืบหาว่าเขาอาศัยอยู่ที่ใด นางจ่ายเงินให้คนขับรถม้านำทางไป ไม่เกินครึ่งชั่วยามก็มาถึงหมู่บ้านเหลียนฮวา
หมู่บ้านแห่งนี้ยากจน เพียงม้าก็น้อยนักจะได้พบ ยิ่งเป็นสตรีขี่ม้ามิต้องเอ่ยถึง ยามองค์หญิงแห่งซยงหนูในชุดสีแดง ควบขี่ม้าชั้นดีปรากฏตัวที่ทางเข้าหมู่บ้าน ผู้คนในหมู่บ้านต่างตกตะลึง
“อวี๋เซ่าชิงอยู่ที่ใด?” องค์หญิงแห่งซยงหนูเอ่ยถามป้าจางที่กำลังซักผ้าอยู่ริมบ่อน้ำโบราณด้วยสำเนียงภาษาถิ่นของจงหยวน
ป้าจางชี้ไปทางบ้านเก่าของสกุลอวี๋ด้วยความงุนงง
“ย่ะ!” องค์หญิงแห่งซยงหนูควบม้าไป
บรรดาสะใภ้แม่บ้านต่างมารวมตัวกัน
“ผู้ใดกันละนั่น?”
“คงเป็นสตรีจากเมืองหลวงกระมัง?”
“ยังขี่ม้าเป็นด้วยรึนี่?”
“นางมาหาเจ้าสาม ทั้งสองที่ความสัมพันธ์เช่นไรกัน?”

องค์หญิงแห่งซยงหนูไม่ได้ยินการสนทนาของชาวบ้าน นางควบม้าไปจนถึงบ้านเก่าของสกุลอวี๋ นางลงจากหลังม้า แล้วโยนบังเหียนให้อวี๋ซงที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวและวิ่งออกมาดู
อวี๋ซงมองบังเหียนที่พันอยู่รอบคอของเขา “…”
วันนี้เป็นวันพักผ่อน ครอบครัวสกุลอวี๋ไม่จำเป็นต้องรีบไปทำงาน และนั่งทานอาหารกลางวันในห้องอย่างเรียบร้อย ยามได้ยินเสียงเกือกม้า ทุกคนก็เดาว่าอู๋ซันกลับมาแล้ว ทว่ากลับเป็นสตรีผู้งดงามที่เข้ามา
หญิงสาวมิได้แต่งกายแบบจงหยวน นางเดินบนรองเท้าหุ้มข้อที่ทำจากหนัง สวมหมวกผ้าสักหลาดและชุดสีแดงสดใสดุจเปลวไฟ
อวี๋เซ่าชิงและอวี๋หวั่นจำนางได้
ใบหน้าของอวี๋เซ่าชิงมืดลง อวี๋หวั่นดวงตาแฝงด้วยรอยิ้ม มองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านมาทำอันใดที่บ้านข้าหรือ?”
คนสกุลอวี๋ถึงกับผงะ อาหวั่นรู้จักกับนางได้อย่างไร?
องค์หญิงแห่งซยงหนูไม่ตอบอวี๋หวั่น พลางชี้แส้ในมือไปที่อวี๋เซ่าชิง “เจ้าออกมา ข้าต้องการจะสายเกินแก้กับเจ้า!”
“พรูด—” คนสกุลอวี๋พร้อมใจกันพ่นข้าว!
พวกเขาฟังไม่ผิด สตรีตัวเล็กๆ ที่อายุเท่าอาหวั่นผู้นี้ ประโยคแรกเมื่อนางมาที่ประตู คืออยากทำอะไรอะไรกับเจ้าสาม?
นี่คือสตรีในบ้านเมืองจริงหรือ? มีสตรีที่ใดกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้กัน?
ไม่สิ พวกเขาควรจะสงสัย สตรีผู้นี้คือใคร? เหตุใดจึงมาชอบพอเจ้าสามของพวกเขา?
ทุกคนมองไปยังอวี๋เซ่าชิงและนางเจียง!
ศัตรูหัวใจมาหาถึงหน้าประตู ผู้ที่เสียใจที่สุดคงจะเป็นนางเจียงแล้วกระมัง
“อาซู ข้ากับนางหามีอันใดเกี่ยวข้องกัน” อวี๋เซ่าชิงกังวลว่าภรรยาของเขาจะเข้าใจผิด
“ยามนี้ไม่มีอันใดเกี่ยวข้อง ยามหน้าประเดี๋ยวก็มีแล้ว!” องค์หญิงแห่งซยงหนูกล่าวโดยไม่อาย พูดจบ ก็มองไปยังสตรีที่อยู่ข้างๆ อวี๋เซ่าชิง อวี๋เซ่าชิงรีบร้อนอธิบายให้นางฟัง นางต้องเป็นภรรยาของอวี๋เซ่าชิงเป็นแน่ เดิมทีคิดว่าเป็นสตรีบ้านนอกที่ทั้งชราและน่าเกลียด ทว่ายามได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย องค์หญิงแห่งซยงหนูก็ถึงกับตกตะลึง
จะมีสตรีที่งดงามเช่นนี้ได้อย่างไร? งดงามราวกับเทพธิดาในภาพวาด!
บุตรสาวก็โตถึงเพียงนี้แล้ว นางก็ควรเป็นสตรีที่อายุเกินครึ่งแล้วมิใช่หรือ?
อวี๋เซ่าชิงกันภรรยาของเขาไว้ด้านหลัง พลางเอ่ยกับองค์หญิงแห่งซยงหนู “องค์หญิง ขอเชิญท่านออกไปเดี๋ยวนี้ และอย่ามารบกวนชีวิตของข้ากับครอบครัว คำพูดเมื่อครู่ ข้าจะถือว่าข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
คนสกุลอวี๋ต่างก็ตกใจ สตรีผู้นี้เป็นถึงองค์หญิงหรือ? องค์หญิงในปัจจุบันล้วนมีกิริยาเสื่อมเสียเช่นนี้หมดแล้วรึ ทั้งที่เห็นสตรีแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ยังเดินก้าวเท้าย่างรุกบุกเข้าถึงห้องนอนกลางวันแสกๆ…
องค์หญิงแห่งซยงหนูเอ่ยด้วยท่าทางหยิ่งสโย “หากเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นนั้นข้าก็จะเอ่ยอีกครา!”
วงจรความคิดขององค์หญิงผู้นี้ดูไม่เหมือนกับคนปกติเลย อวี๋หวั่นมองไปที่นางพลางเอ่ย “ท่านพ่อของข้าไม่ชอบพอท่านและไม่ต้องการแต่งงานกับท่าน ท่านไม่เข้าใจหรือ?”
คนสกุลอวี๋สูดหายใจด้วยความใจหาย อาหวั่น นางเป็นถึงองค์หญิง เจ้าควรจะสุภาพกว่านี้สิ!
“ผู้ใดบอกว่าพ่อเจ้าไม่ชอบข้า” องค์หญิงแห่งซยงหนูโต้กลับ
“องค์หญิง ข้ามีภรรยาเพียงผู้เดียวในหัวใจ ข้าจะไม่แต่งงานกับสตรีใดนอกจากภรรยาของข้า โปรดตัดใจเสียเถิด” กล่าวตามตรงอวี๋เซ่าชิงก็สับสนอยู่ไม่น้อย จะทราบได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายชื่นชอบตนจริงจังเช่นนี้? ชัดเจนว่าอายุอานามของเขา มากพอจะเป็นบิดาของนาง
บิดาขององค์หญิงแห่งซยงหนูอายุห้าสิบ ดังนั้นในใจของนาง อวี๋เซ่าชิงยังนับว่าเด็กมาก “ข้าไม่สน! วันนี้เจ้าต้องแต่งงานกับข้า! ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับองค์ชายแห่งต้าโจวของพวกเจ้า!”
อวี๋หวั่นชะงัก “ท่านกำลังพยายามหนีการแต่งงาน หรือท่านต้องการแต่งงานกับพ่อข้าจริงๆ กันแน่?”
“ต่างกันเยี่ยงไรเล่า?” องค์หญิงแห่งซยงหนูฮึดฮัด
อวี๋หวั่นเอ่ย “แตกต่างยิ่ง หากท่านต้องการหนีการแต่งงาน ข้าจะช่วยท่านหาทาง ทว่าหากท่านต้องการแต่งงานกับท่านพ่อข้า ข้าจะช่วยท่านพ่อข้าหาทาง”
องค์หญิงแห่งซยงหนูครุ่นคิดอย่างจริงจัง “เช่นนั้นเจ้าควรช่วยบิดาเจ้าหาทาง”
อวี๋หวั่น “…”
องค์หญิงผู้นี้หากมิได้ชนกำแพงก็คงไม่ยอมหันหัวกลับกระมัง ไม่รู้ว่าสมองหมูของนางคิดได้อย่างไรว่าจะบังคับให้ครอบครัวของเธอแต่งงานด้วย?
นางไม่รู้หรือว่าพ่อของเธอมีคดีใดติดตัว ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หากมีความสัมพันธ์กับซยงหนูแล้วโจวไหวกลับมา บางทีอาจไม่สามารถกำจัดความคับข้องใจของเขาได้
เมื่อถึงยามนั้น การแอบอ้างผลงานทางทหารคงกลายเป็นเรื่องเล็ก หากเทียบกับการร่วมมือกับศัตรูเพื่อทรยศ
“องค์หญิง”
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังคิดวิเคราะห์ความสัมพันธ์อันน่ากลัว นางเจียงที่อยู่ข้างๆ เริ่มเอ่ยปาก
องค์หญิงแห่งซยงหนูมองไปที่นางเจียงและเอ่ยถามด้วยความอิจฉา “มีอันใด?”
นางเจียงใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ไอสองครั้งเยี่ยงคนป่วย “พวกเราในจงหยวนเจรจาด้วยเหตุผล หากท่านต้องการแต่งงานกับสามีของข้า ได้เลยเพคะ ทว่าข้ามีบางอย่างจะเอ่ยกับท่านเพียงลำพัง หากท่านฟังแล้ว ยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิม ข้าก็ยินดีจะรับท่านเข้ามา”
นางหมายถึงมีสามีร่วมกันงั้นหรือ? สายาตาขององค์หญิงแห่งซยงหนูกวาดไปมาบนร่างกายของนางเจียง หากมีสามีร่วมกับสตรีนางนี้ ดูเหมือนว่าตนไม่ได้เสียประโยชน์
“อาซู!” อวี๋เซ่าชิงไม่เห็นด้วย องค์หญิงแห่งซยงหนูอารมณ์ร้อนและรู้จักศิลปะการต่อสู้ หากอาซูทำให้นางโกรธ ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายยิ่ง
“ท่านแม่!” อวี๋หวั่นก็ยังไม่เห็นด้วย
“น้องสะใภ้ เจ้าอย่าหลงกล ให้เจ้าสามแก้ปัญหาเถิด” ป้าใหญ่ก็กลัวว่านางเจียงที่กำลังเจ็บป่วยจะถูกองค์หญิงผู้ใช้อำนาจและโหดร้ายรังแก
นางเจียงเอ่ยเยี่ยงหญิงงามที่มีร่างกายอ่อนแอ “อย่ากังวลเลย ข้าจะคุยกับองค์หญิงเป็นอย่างดี”
……………………………………………………..

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset