หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 58.2 เด็กน้อยหลงใหลแม่ (2)

บทที่ 58 เด็กน้อยหลงใหลแม่ (2)
โดย
Ink Stone_Romance

 

พวกเขาไม่เคยขึ้นภูเขา มันเต็มไปด้วยสิ่งแปลกตา เมื่อพวกเขาเห็นดอกไม้และต้นไม้อยู่ริมทาง ก็เด็ดมาให้อวี๋หวั่นดู อวี๋หวั่นก็บอกพวกเขาว่า นี่คือหญ้าหางหมา นี่คือหญ้าป้างโถว นี่คือดอกจื่อฮวาตี้ติง นี่คือหญ้าเชอเฉียน…
สิ่งที่เด็กทั้งสามเก็บมาเยอะที่สุดเป็นหญ้าใบเลื่อย มันคือวัชพืชสีเขียวอ่อน ใบเป็นแฉกคล้ายร่ม หรือที่เรียกว่าต้นหมูมรณะ ต้นอ่อนของมันนำมาปรุงอาหารได้ แต่ว่ากันว่าหากหมูกินเข้าไปก็จะไม่สบาย จึงเป็นที่มาของชื่อนี้
ไม่รู้ว่าเพราะสนใจชื่อนี้หรือไม่ เด็กๆ ถึงเก็บมันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เมื่อเก็บมาก็ให้อวี๋หวั่นพูด
อวี๋หวั่นก็ตะโกนชื่อ ‘หมูมรณะ’ มาตลอดทาง
ไม่นานคนทั้งสี่ก็มาถึงที่ที่มีพริกป่าขึ้น พริกป่าชนิดนี้แตกต่างจากพริกใดๆ ที่อวี๋หวั่นเคยกินที่โลกก่อน รูปร่างคล้ายกับพริกชี้ฟ้าในความทรงจำ ทรงยาวและแหลม แต่ไม่ใช่สีแดง ตอนแรกอวี๋หวั่นคิดว่าเพราะมันยังไม่สุก แต่หลังจากสังเกตดูสักพัก ก็พบว่ามันเป็นสีเขียวอยู่ตลอดไม่ว่านานแค่ไหน แต่รสชาติกลับร้อนแรงเสียยิ่งกว่าพริกชี้ฟ้า
เมื่อเด็กจ้ำม่ำเห็นว่าเธอเด็ดมา ก็เอื้อมมือไปเด็ดบ้าง
อวี๋หวั่นรีบหยุดพวกเขา “นี่เป็นพริก มันเผ็ดร้อนมาก อย่าเด็ดนะ”
เด็กทั้งสามเข้าใจและไม่เด็ดมันอย่างเชื่อฟัง นั่งยองๆ เล่นกับดอกไม้อยู่บนพื้น
ท่ามกลางหมู่ดอกไม้ป่า จู่ๆ กบตัวเล็กๆ ขนาดเท่าเล็บมือก็กระโดดออกมา ทั้งสามไม่เคยเห็นสิ่งที่กระโดดได้มาก่อน พวกเขาตกใจหันหน้าวิ่งหนี และซุกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋หวั่น!
ตอนแรกอวี๋หวั่นคิดว่ามีงู แต่เมื่อเดินไปดู ก็ถึงกับยิ้มจนร่างกายแทบยืนไม่ตรง
มันคือกบที่เพิ่งพัฒนามาจากลูกอ๊อด ตัวเล็กเท่ากับเมล็ดถั่วปากอ้า ไม่คิดว่าจะทำให้เด็กน้อยทั้งสามกลัวถึงเพียงนี้
ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน สังหารผู้คนเป็นผักปลาในโลกก่อน ยามนี้ถูกกบตัวน้อยๆ ทำให้หวาดกลัว จนต้องซุกซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋หวั่น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน พวกเขาก็ยังไม่ยอมออกมา
อวี๋หวั่นเลิกเก็บพริกป่าชั่วคราว พาพวกเขาไปเก็บผลโทงเทงที่อยู่ใกล้ๆ ยามนี้ผลโทงเทงสุกแล้ว กระทั่งมีบางส่วนตกลงไปในโคลนและเน่าเสีย อวี๋หวั่นรู้สึกเสียดายมาก
อวี๋หวั่นหยิบผลโทงเทงสามลูกที่ทั้งใหญ่และแดงป้อนเด็กน้อยทั้งสาม พวกเขาเคยถูกให้กินเปรี้ยวมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงมีท่าทีต่อต้านขัดขืนเล็กน้อย แต่เพราะอวี๋หวั่นป้อน พวกเขาจึงใช้ความกล้าและกินมัน และแล้วก็พบว่า รสชาติช่างแตกต่างกับครั้งที่แล้ว มันหวานฉ่ำ อร่อยเกินบรรยาย!
เด็กน้อยต่างร้องฮืมๆ ด้วยความตื่นเต้น
อวี๋หวั่นเก็บอีกสองสามเม็ดให้พวกเขา เด็กๆ จึงจดจำและเรียนรู้ เริ่มลงมือเก็บมันด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นว่าพวกเขาลืมเรื่องของกบน้อยไปแล้ว อวี๋หวั่นก็ยิ้มออกมา พร้อมกับเดินไปด้านข้างเพื่อเก็บพริกป่าต่อ เมื่ออวี๋หวั่นเก็บพริกป่าเสร็จ ย่ามใบเล็กๆ ของพวกเขาก็หนักอึ้งไปหมด
อวี๋หวั่นสังเกตเห็นว่า นอกจากผลสองสามผลที่เธอป้อนในตอนแรก พวกเขาก็ไม่ได้กินผลที่ตนเองเก็บมาเลย
หรือพวกเขาแค่เก็บเพื่อความสนุก?
เมื่อกลับไปที่สวนหลังบ้าน อวี๋หวั่นก็หยิบกะละมังใส่น้ำสามใบให้พวกเขาล้างผลไม้ เดิมทีคิดว่าจะใส่รวมกันล้างในกะละมังเดียว ทว่าพวกเขาก็ยืนยันที่จะล้างผลไม้ของตัวเองด้วยตัวเอง และไม่ต้องการให้ผสมกับผลไม้ของคนอื่น
หลังจากล้างเสร็จ พวกเขาทั้งสามก็ยื่นผลโทงเทงมาตรงหน้าอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นถึงกับผงะ ที่แท้ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากกิน แต่ว่าอดทนเพื่อเก็บไว้ให้เธอกิน?
หัวใจของอวี๋หวั่นพลันรู้สึกอบอุ่นจนร้อนรุ่ม “ข้ากินแค่ลูกเดียวพอแล้ว”
เด็กจ้ำม่ำจึงวางผลไม้ป่าในมือกลับลงไปในกะละมัง และพลิกไปมา พวกเขาแต่ละคนหยิบผลที่ใหญ่ที่สุดป้อนใส่ปากอวี๋หวั่น
ซั่งกวนเยี่ยนที่ไม่รู้ว่ามาเมื่อไร “ข้าก็อยากกินเหมือนกัน”
เด็กน้อยทั้งสามพลิกไปพลิกมาในกะละมัง พวกเขาแต่ละคนหยิบผลที่เล็กที่สุดยื่นให้ซั่งกวนเยี่ยน
ซั่งกวนเยี่ยน “…”

ซั่งกวนเยี่ยนกินเต้าหู้เหม็นจนอิ่มแปล้ นางลูบท้องกลมๆ ของนางแล้วเอ่ยว่า “ข้าเอาเต้าหู้เหม็นทั้งสองแบบ อย่างละสองโถ ซิ่งจู๋ จ่ายเงิน!”
สาวรับใช้ก้มหน้าจ่ายเงิน
อวี๋หวั่นกล่าว “มิเป็นไรหรอก ของเหล่านี้ข้ามอบให้ท่าน”
ที่วังหลวง นางช่วยสะสางปัญหาที่ใหญ่เพียงนั้น แม้ว่าจะทำเพราะเยี่ยนจิ่วเฉาขอร้องนาง อวี๋หวั่นก็ไม่อาจไม่รับน้ำใจนางได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเยี่ยนจิ่วเฉา
“เช่นนั้นคงไม่ได้ ข้าซั่งกวนเยี่ยน ไม่เคยกินอาหารของผู้อื่น!”
“นี่จะเหมือนกันได้อย่างไร? ครั้งที่แล้วข้ายังไม่ได้ตอบแทนพระชายา หากพระชายาไม่รับ ข้าคงรู้สึกเสียใจ”
หนึ่งคนอยากให้ หนึ่งคนไม่ยอมรับ ทั้งสองเถียงกันเนิ่นนาน สาวรับใช้ถือกระเป๋าเงิน จะให้ก็ไม่ได้ จะไม่ให้ก็ไม่ได้
เด็กทั้งสามเดินเข้ามา เขย่งเท้าคว้ากระเป๋าเงินของนาง แล้วยัดมันใส่มือของอวี๋หวั่น
ซั่งกวนเยี่ยนที่ถูกทำร้ายอีกครั้ง “…”
จะไม่เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว!

เมื่อเห็นว่าเวลาตกเย็นแล้ว ซั่งกวนเยี่ยนก็ควรออกเดินทางกลับเมืองเช่นกัน แม้ว่าด้วยฐานะของนาง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการปิดประตูเมือง แต่วันนี้นางแอบมาออกจากบ้านโดยไม่มีองครักษ์คุ้มกัน การเดินตอนกลางคืนจึงอาจไม่ปลอดภัย
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม กลุ่มเมฆดำทะมึนรวมตัวอยู่เหนือศีรษะ ราวกับว่าจะมีฝนตกหนักลงมาได้ทุกเมื่อ
จากหมู่บ้านเหลียนฮวาไปถึงเมืองหลวง จะบอกว่าไกลก็ไม่ไกล แต่จะบอกว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ หากออกเดินทางในยามนี้ ก็มีโอกาสที่จะถูกพายุฝน และกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก
“พระชายา ไม่เช่นนั้นคืนนี้ท่านพักอยู่ที่นี่ก่อนเถิด”
สาวรับใช้เอ่ยฮึดฮัด “เอ่ยเสียดูดี เจ้าจะให้ฮูหยินของเราพักอยู่ ฮูหยินจะพักอยู่ที่ใดเล่า?! อยู่ที่บ้านของเจ้าหรือ? ทรุดโทรมเพียงนี้! ช่างไม่เป็นธรรมกับฮูหยินของเรายิ่งนัก!”
แอด!
สิบห้านาทีต่อมา อวี๋หวั่นก็แง้มประตูด้านหลังของบ้านที่อยู่ติดกัน

พายุฝนใกล้เข้ามา ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันกลับไปยังบ้านของตน พวกเขาภาวนาให้พายุฝนไม่ตกหนักจนเกินไป พวกเขาต้านทานกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้ว ไม่อาจต้านทานภัยธรรมชาติอื่นๆ ได้อีก
คนที่ตื่นเต้นมีเพียง ‘บ้านของสกุลจ้าว’
ในบ้านหลังใหญ่ของสกุลจ้าว คนสี่คนนั่งล้อมโต๊ะ ด้านนอกบ้านเริ่มมีเสียงฟ้าแลบฟ้าร้อง ในดวงตาของคนทั้งสี่ไม่อาจปิดบังประกายความตื่นเต้นยินดี
มีเพียงเสียงฟ้าร้องที่ช่วยปกปิดเสียงการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ดีขึ้น คืนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือ
อาเว่ยอาสาตัว “อาม่า ให้ข้าไป! ข้าสัญญาว่าจะจับนางมาให้ได้!”
ชายชราส่ายหัว “การจับนางไม่ใช่เรื่องง่าย มิเช่นนั้นนางจะหนีจากการแต่งงาน ภายใต้สายตาของเหล่ายอดฝีมือมากมายได้อย่างไร”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกัน!” อาเว่ยเอ่ย
ชายชราส่ายหัวอีกครั้ง “เช่นนั้นจะแหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเจ้าอาจเอาชนะนางได้แต่อาจจับนางไม่ได้ หากนางไม่ยอมสู้กับเจ้าแล้ววิ่งหนีไปเล่า?”
หญิงผู้นั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
คนทั้งสามนิ่งเงียบ
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวอาเว่ย “อาม่า ใช้สิ่งนี้!”
ชายชรามองไปที่อาเว่ย
อาเว่ยลุกขึ้น หยิบกล่องหยกแข็งโปร่งแสงจากกระเป๋าเดินทางของตน ด้านในมีวัตถุหนึ่งที่ขนาดเท่ากับยุงหนึ่งตัว
ตาของชายชรามีประกายวาบผ่าน “นี่มัน…ไป่กู่หวัง?”
อาเว่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว! มันคือไป่กู่หวัง! ข้าจะนำสัตว์พิษไปใส่นาง เมื่อนางโดนสัตว์พิษแล้วก็จะไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือของเราไปได้!”
ไป่กู่หวังคือการนำสัตว์พิษกว่าร้อยชนิดมาอยู่ด้วยกัน ไม่ให้อาหารพวกมันเป็นเวลาสี่สิบเก้าวัน พวกมันจะทำได้เพียงกินเนื้อศัตรูไปเรื่อยๆ ตัวสุดท้ายที่รอดชีวิตมาได้ก็คือไป่กู่หวัง
กู่หวังชนิดนี้ กระทั่งกษัตริย์ของพวกเขาก็ยังไม่กล้าดูถูกลิ้มลอง นางเป็นเพียงเจ้าสาวที่หนีการแต่งงาน ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวสักนิด!
ชายชราคิดว่ามันเป็นไปได้ “ไปเถิด ระวังตัวด้วยละ”
วิชาตัวเบาของอาเว่ยยอดเยี่ยม เขาเข้าไปในบ้านสกุลอวี๋โดยไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ ในตอนกลางวันเขาคอยสังเกตดูอวี๋หวั่น ทำให้รู้ว่าเธออาศัยอยู่ในห้องทางทิศตะวันตกนี้ เขาจึงเข้าไปในห้อง
บนเตียงนุ่มๆ อวี๋หวั่นกับเถี่ยตั้นน้อยกำลังนอนหลับสนิท
อาเว่ยสวมถุงมือไหมสีเงิน เปิดกล่องหยก และท่องคาถาด้วยเสียงกระซิบต่อไป่กู่หวังอย่างเคารพบูชา “ไปเถิด ราชันร้อยสัตว์พิษผู้ยิ่งใหญ่!”
ไป่กู่หวังไม่ขยับ
อ้าว?
อาเว่ยกะพริบตาและท่องคาถาอย่างเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “ไปเถิด ราชันร้อยสัตว์พิษผู้ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์!”
ไป่กู่หวังยังคงไม่ขยับ
“ไปเถิด ราชันร้อยสัตว์พิษผู้ยิ่งใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์และหาญกล้า!”
“ไปเถิด ราชันร้อยสัตว์พิษผู้ยิ่งใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์ หาญกล้าและไร้พ่าย!”
“ไป…ไปสิแม่งเอ๊ย!” อาเว่ยหมดความอดทน คว้าหนอนพิษในกล่องโยนใส่ตัวอวี๋หวั่น!
…………………………………………………….

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset