บทที่ 65 การกลับมาของพี่จิ่ว (2)
Ink Stone_Romance
“พอแล้วละ ช่างมันเถิด” เหยียนหรูอวี้ดึงแขนเสื้อของคุณหนูหลี่
คุณหนูหลี่เอ่ยอย่างเย็นชา “ช่างมันอันใดเล่า? ท่านน่ะ ใจดีเกินไปแล้ว! ข้าไม่รู้ว่าม้าดีโดนคนขี่ คนดีโดนคนแกล้ง ท่านเป็นถึงบุตรีแห่งจวนแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ ยอมให้หญิงในหมู่บ้านวางอำนาจบาตรใหญ่กดขี่ท่าน หากใครรู้เข้า ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
เหยียนหรูอวี้เอ่ยเสียงเบา “หน้าของข้ามิได้สำคัญ พวกท่านไม่ต้องทำลายมิตรภาพเพียงเพราะข้าก็พอ”
“ผู้ใดจะมีมิตรภาพกับนาง!” คุณหนูหลี่มองอวี๋หวั่นอย่างเยือกเย็น “เจ้าจะยอมคุกเข่าด้วยตัวเอง หรือจะให้คุณหนูอย่างข้าคนนี้บีบให้เจ้าคุกเข่า?”
อวี๋หวั่นตอบรับสายตาของนาง “ข้าแนะนำว่าเจ้าควรทำตัวใจดีกับข้า”
“พอแล้ว อย่าทะเลาะกัน” เหยียนหรูอวี้ยังคงโน้มน้าว
ทว่าการโน้มน้าวไม่ได้ผล กลับเป็นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ ยิ่งทำให้ความโกรธของคุณหนูหลี่ลุกโชน
คุณหนูหลี่เกิดในครอบครัวทหาร นางเฝ้าดูพี่ชายฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก นางจึงได้เรียนรู้มาเล็กน้อย และมีฝีมืออยู่เหมือนกัน นางจับไหล่ของอวี๋หวั่นและใช้เท้ากระทุ้งด้านหลังเข่า หมายจะทำให้อวี๋หวั่นคุกเข่าลงกับพื้น ทว่าทันใดนั้นอวี๋หวั่นก็ยื่นมือมาจับข้อมือของนาง
ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหนูหลี่ก็โซซัดโซเซล้มลงกับพื้นเสียแล้ว
คุณหนูหลี่หกคะเมนต่อหน้าสาธารณะ ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความโกรธ!
เหยียนหรูอวี้ขมวดคิ้ว “แม่นางอวี๋ เจ้าทำไม่ถูกต้อง ไยเจ้าต้องลงไม้ลงมือกับคุณหนูหลี่?”
อวี๋หวั่นถามกลับ “ข้าไม่ควรทำอันใด แล้วยืนอยู่เฉยๆ รอให้ตนเองถูกทุบตีหรือ?”
คุณหนูหลี่มองไปยังเพื่อนของนางอย่างเย็นชา “เจ้าสองคนมัวทำอันใดอยู่? ไยไม่ช่วยข้าจัดการนาง!”
เมื่อคุณหนูหลี่ออกคำสั่ง คุณหนูหูกับคุณหนูจั่วก็เดินเข้าไปหมายจะจับกุมตัวอวี๋หวั่นไว้ ทว่าคุณหนูหลี่ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของอวี๋หวั่น แล้วพวกนางจะเป็นได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นกระดิกนิ้วเชิญชวน ทั้นใดนั้นทั้งสองก็ล้มคะมำลงทีละคน
เหยียนหรูอวี้ลอบบีบนิ้วตนเอง หากเป็นเช่นนี้คงไม่อาจจัดการนางได้ ไม่ได้เรื่องสักคน!
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าทำให้นางขุ่นเคือง” เหยียนหรูอวี้คุกเข่าลงพยุงคุณหนูหลี่ให้ลุกขึ้น
คุณหนูหลี่เค้นเสียงลอดไรฟัน “ข้าก็แค่ประมาทไปหน่อย จนตกหลุมพรางของนางเท่านั้นละ! นางจะเก่งไปได้อีกสักเท่าไร? สู้กับองครักษ์แห่งคฤหาสน์รองเจ้ากรมของพวกเราได้รึ?”
ดวงตาของเหยียนหรูอวี้เปล่งประกาย ใช่แล้ว นางจะลืมได้อย่างไรว่าคุณหนูหลี่ออกมาพร้อมกับองครักษ์?
คุณหนูหลี่ให้สาวใช้ไปตามองครักษ์ที่ประจำอยู่ ณ ร้านขายผ้ามาสิบกว่าคน เดิมทีพวกเขามาดูแลพวกนางท่องเที่ยวที่ทะเลสาบ ทว่าคุณหนูหลี่โกรธอวี๋หวั่นมากจนไม่อาจยั้บยั้งอารมณ์ จึงสั่งให้พวกเขาลงมือจัดการเธอ
คุณหนูหลี่ชี้ไปที่อวี๋หวั่นอย่างโหดเหี้ยม “ไปจับตัวเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงผู้นี้มาให้ข้า!”
“คุณหนู…” ผู้นำองครักษ์สีหน้ากระอักกระอ่วน หมัดของพวกเขาใช้เพื่อจัดการกับเหล่าร้าย มิใช่ใช้เพื่อรังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ
คุณหนูหลี่ชี้ที่ใบหน้าแดงบวมของนาง “ไม่เห็นรึว่านางทำร้ายข้าจนเป็นเช่นนี้ แล้วยังมีคุณหนูหูและคุณหนูจั่วอีกที่ถูกนางทำร้าย! ยังไม่รีบไปจับตัวนางมาให้ข้าอีก!”
เพียงแค่การทะเลาะวิวาทกันของเหล่าสตรี ผู้นำองครักษ์ไม่อยากจับนาง
คุณหนูหลี่โกรธจัด ดึงกระบี่ที่เอวของเขาออกมา “จะจับรึไม่? หากไม่จับข้าจะกลับไปรายงานท่านพ่อ ว่าเจ้ากับผู้หญิงคนนี้รวมหัวกันรังแกข้า!”
ผู้นำองครักษ์ปวดหัว วันธรรมดาคุณหนูไม่เคยทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
เหยียนหรูอวี้หลุบตาลง
คุณหนูหลี่เร่งรัดอีกครา องครักษ์ไม่มีทางเลือก จำต้องไปจับกุมตัวอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นอาจมีกำลังมาก แต่อีกฝ่ายหาใช่โจรกระจอก ทว่าเป็นองครักษ์ที่ถูกฝึกมาอย่างดี หากต่อสู้กันจริงๆ อวี๋หวั่นไม่มีทางเอาชนะได้ เวลานั้นมีรถม้าหรูหราสวยงามคันหนึ่งเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างพวกเขา
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นสารถีชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงใหญ่ ดูแข็งแรงกำยำ ดวงหน้าคมเข้มหล่อเหลา แม้จะเป็นคนขับรถ ทว่ากลับแผ่กลิ่นอายสูงส่งสง่างามที่เป็นเอกลักษณ์ ยิ่งกว่าคุณชายในครอบครัวสกุลขุนนางเสียอีก
“เอ่อ…” คุณหนูหลี่งงงวย
คนอื่นอาจจะจำเขาไม่ได้ ทว่าอวี๋หวั่นกับเหยียนหรูอวี้จำเขาได้ทันที
อิ่งสือซัน องครักษ์ส่วนตัวของเยี่ยนจิ่วเฉา
หลังจากอิ่งสือซันหยุดรถ ก็กระโดดลงมาและเหยียดแขนเรียวยาวออกไปเปิดผ้าม่านรถม้า
ด้านในรถม้า มีชายหนุ่มผู้สง่าผ่าเผยอย่างมิมีผู้ใดเทียบในชุดสีขาว ใบหน้างดงามราวกับหยกอยู่ หากอิ่งสือซันเป็นเอกบุรุษคณิกา ชายคนนี้ก็คงเป็นเทพบุตรแห่งน่านฟ้า ทันทีที่เขาปรากฏตัว ผู้คนต่างตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ
เหยียนหรูอวี้นำก้าวไปด้านหน้า “อวี้เอ๋อร์คารวะคุณชายเยี่ยน”
ทุกคนต่างตกใจ ว่าอย่างไรนะ? เขาก็คือคุณชายเยี่ยน?
ได้ยินว่าคุณชายผู้นี้นิสัยดุร้าย แต่เกิดมางามล่มเมืองถึงเพียงนี้ พวกนางคิดว่าข่าวลือนั่นเกินจริงไปเสียหน่อย ทว่าเมื่อได้เห็นแล้ว ก็รู้สึกเพียงว่าความงามของพวกนางมิได้สักหนึ่งหรือสองในสิบของเขาเลย
เยี่ยนจิ่วเฉามิได้สนใจเหยียนหรูอวี้ พลางเดินไปหาอวี๋หวั่นอย่างเงียบๆ
อวี๋หวั่นไม่ได้มองเขา
เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว
ดวงตาของคุณหนูหลี่กลิ้งกลอกไปมา “คุณชายเยี่ยน! ท่านต้องปกป้องพวกเรานะเจ้าคะ! นางรังแกคนอื่น ล่วงเกินคุณหนูเหยียนไม่พอ ยังทำร้ายข้ากับคุณหนูหูและคุณหนูจั่วอีก!”
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองคนทั้งสามคนเล็กน้อย “ลงมือไม่เบาเลยนะ…”
คุณหนูหลี่พยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม!
เยี่ยนจิ่วเฉาหันศีรษะและมองไปที่อวี๋หวั่น “เจ้าทำรึ?”
“ใช่”
“มือข้างใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามเสียงทุ้ม
คุณหนูหลี่ดีอกดีใจ หากได้ยินไม่ผิด นี่คงกำลังจะตัดมือนางใช่หรือไม่? รู้อยู่แล้วคนบ้านนอกต่ำต้อยเช่นนาง จะอยู่ในสายตาของคุณชายเยี่ยนได้อย่างไร!
“ข้างนี้!” อวี๋หวั่นยื่นมือขวาออกไปอย่างอารมณ์เสีย
เยี่ยนจิ่วเฉาจับมือที่ด้านสากจากตรากตรำทำงานมาหลายปี
“เจ็บหรือไม่?” เขาเอ่ยถาม
ทุกคนตกตะลึง กระทั่งอวี๋หวั่นก็ยังตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
หูของอวี๋หวั่นเริ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย เธอคิดจะถอนมือออก ทว่าเขากลับจับไว้แน่น
ทุกคนต่างอึ้งกับฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ไม่แปลกที่บุรุษจะโปรดปรานอิสตรี ทว่าการปกป้องเธอท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง คงมิใช่การโปรดปรานทั่วไป
เหล่าองครักษ์รู้สึกขอบคุณพี่ใหญ่ที่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนี้ไปเสียก่อน มิฉะนั้นหากนำศีรษะของพวกเขามารวมกัน ก็คงไม่พอสำหรับให้คุณชายเยี่ยนเพียงคนเดียวบั่น
ทว่าเหยียนหรูอวี้ก็ยังอยู่ตรงนี้ คุณชายเยี่ยนทำเช่นนี้ ไม่เป็นการตบหน้าเหยียนหรูอวี้หรอกหรือ?
สีหน้าของเหยียนหรูอวี้ในยามนี้ไม่อาจทนมองได้ ไม่มีช่วงเวลาใดที่น่าอับอายไปกว่านี้ ทุกคนเข้าใจว่านางเป็นคู่หมั้นของเยี่ยนจิ่วเฉา ทว่าเมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาปรากฏตัว ก็ไม่ได้แลสายตามองนางแม้แต่น้อย กลับรักหญิงในหมู่บ้านผู้นั้นสุดหัวใจ…
นางที่เป็นถึงบุตรีแห่งจวนแม่ทัพ ก็ยังไม่อาจเทียบหญิงบ้านนอกจากชนบทหรือ!
เมื่อสายตาของนางตกกระทบลงบนฝ่ามือทั้งสองที่จับกันแน่น ก็แทบคลั่งด้วยความหึงหวง
…
เยี่ยนจิ่วเฉาพาอวี๋หวั่นเข้าไปในรถม้า
อวี๋หวั่นดูแปลกไป ด้วยลักษณะนิสัยของเธอ เมื่อครู่เธอควรจะจับมือของเขาเพื่อกลั่นแกล้งเหยียนหรูอวี้ แต่กลับปล่อยพวกนางไปเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะเธอใจดี แต่เพราะเธอไม่มีอารมณ์เช่นนั้น
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจยาว “คุณชายผู้นี้ไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน จิตใจเจ้าไม่อยู่กับตัวเช่นนี้เลยรึ? มิใช่ว่าจดหมายที่ข้าเขียนหาเจ้าทุกวัน จะบรรเทาไข้ใจของเจ้าได้หรือ?”
อวี๋หวั่นหันมาด้วยความงงงวย “จดหมาย? จดหมายอันใด?”
“เจ้าไม่ได้รับหรือ?” คิ้วเรียวงามของเยี่ยนจิ่วเฉาขมวดแน่น “อิ่งสือซัน!”
อิ่งสือซันซึ่งกำลังขับรถกระแอมในลำคอ “จะโทษข้ามิได้ ข้าส่งไปทั้งหมดแล้ว ทว่าเหตุใดจึงไม่ได้รับ แม่นางอวี๋คงจะเข้าใจ”
จดหมายของสถานีส่งสารแบ่งออกเป็นสามประเภทคร่าวๆ ประเภทแรกคือจดหมายราชการ ประเภทถัดไปเป็นจดหมายส่วนบุคคล และประเภทสุดท้ายเป็นจดหมายด่วน ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนต่างใช้ได้ ทว่าเพื่อปกปิดสถานที่ที่พักในระหว่างการเดินทาง อิ่งสือซันจึงไม่อาจใช้ชื่อเยี่ยนจิ่วเฉา และเลือกส่งได้เพียงจดหมายส่วนบุคคลเท่านั้น จดหมายส่วนบุคคลจะถูกส่งไปชนบทเดือนละครั้ง และยิ่งในพื้นที่ยากจนอย่างหมู่บ้านเหลียนฮวา สามเดือนส่งหนึ่งครั้งก็ยังมิใช่เรื่องแปลก
ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน เขาใช้เวลาเขียนอยู่นาน กลับเขียนไปเสียเปล่า?!
อวี๋หวั่นเงียบลงอีกครั้ง นั่งเหม่อมองทิวทัศน์ข้างทางที่เปลี่ยนไปอย่างล่องลอย
ครั้งนี้เยี่ยนจิ่วเฉาสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวเธอได้ชัดเจน คล้ายกับเธอได้สูญเสียจิตวิญญาณและไม่อาจหาทางกลับมา เขาคิดว่าจะบอกเรื่องที่เหยียนหรูอวี้มิใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของเด็กทั้งสามเพื่อทำให้เธอดีใจดีหรือไม่ ทว่าเธออิจฉาเหยียนหรูอวี้ถึงเพียงนั้น เกรงว่าเธอจะมีปัญหากับเหยียนหรูอวี้อีก
เมื่อคิดไปคิดมา แม้หญิงที่เขานอนด้วยจะไม่ใช่เหยียนหรูอวี้ แต่ก็ไม่ใช่นางเช่นกัน จะมีความสุขได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นไม่ได้ถามเรื่องจดหมายอีก ตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเรื่องเด็กคนนั้นที่ไม่รู้ว่าเกิดมาหรือไม่
เธอไม่รู้ว่าต้องบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับเยี่ยนจิ่วเฉาหรือไม่
เสียงในหัวของเธอกำลังตีกัน เสียงหนึ่งบอกเธอว่าเยี่ยนจิ่วเฉามีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง อีกเสียงหนึ่งก็บอกเธอว่า หากเยี่ยนจิ่วเฉารู้ความจริง ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ
จริงสิ ชายใดจะเต็มใจยอมรับสตรีที่เคยอยู่ในหอนางโลมและมีบุตรมาแล้ว?
เยี่ยนจิ่วเฉาเคาะหน้าผากเธอ “สมองน้อยๆ ของเจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่รึ?”
อวี๋หวั่นหลุบตาลง “เยี่ยนจิ่วเฉา ท่านเคยคิดว่าที่ผ่านมาข้าเป็นคนเช่นไร และทำเรื่องอันใดมาบ้างหรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าต้องการจะบอกเรื่องที่เจ้าเคยมีคู่หมั้นมาก่อนหรือ?”
“ท่านรู้หรือ?” อวี๋หวั่นประหลาดใจ
“ยากเกินไปที่จะรู้หรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามกลับ
อวี๋หวั่นส่ายหัว หมู่บ้านมีขนาดใหญ่เพียงนั้น แม้เขาไม่ได้ถาม ก็คงได้ยินเรื่องนี้ไม่ยากนัก
“ก็เพียงแค่สัญญาแต่งงานหรือไม่?” เยี่ยนจิ่วเฉาเย้ยหยัน
อวี๋หวั่นเม้มริมฝีปาก “แล้วหาก…มิได้มีเพียงสัญญาแต่งงานเท่านั้นเล่า?”
“หรือว่าเจ้าเคยนอนกับเขา?!”
“แล้วหาก…แล้วหากเคยนอนจริงๆ เล่า?”
เยี่ยนจิ่วเฉาสะดุ้งขนพอง “อิ่งสือซัน! ไปจัดการคนแซ่จ้าวให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
อิ่งสือซันหยุดรถม้า และพุ่งออกไปด้วยความเร็วแสง!
“อิ่งสือซัน ท่าน…ท่านกลับมาก่อน” อวี๋หวั่นหยุดอิ่งสือซันไว้ พลันก้มหน้าลงและเอ่ยกับเยี่ยนจิ่วเฉา “ข้าไม่ได้นอนกับเขา”
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ยังมิทันพ่นสุดลมหายใจ อวี๋หวั่นก็เอ่ยโพล่งออกมาอีกครั้ง “แต่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว”
เยี่ยนจิ่วเฉา “???”
อวี๋หวั่นกล่าว “แล้ว…แล้วก็เคยมีลูก”
เยี่ยนจิ่วเฉา “!!!”
…………………………………………………….