ตอนที่ 323 อุปสรรคของการได้น้ำมันงู (1)
ตอนขากลับ เซียวหลินเห็นหันหมิงชั่นที่เรือนร่างห่อหุ้มเสื้อคลุมผ้าต่วนสีม่วง กำลังยืนเล่นกับนกฮว่าเหมยในกรง ซูหยิ่งที่อยู่ข้างๆ ถือจานใส่เมล็ดทานตะวันไว้
คุณหนูหันจับเมล็ดทานตะวันป้อนให้เจ้านกฮว่าเหมยด้วยความอดทน นกฮว่าเหมยกลับไม่ได้สนใจนาง แค่ร้องจิ๊บๆ ทว่ากลับไม่ยอมกิน ทำเอาคุณหนูหันถึงกับตำหนิมันด้วยรอยยิ้ม “เจ้านกโง่ แม้แต่อาหารเจ้ายังไม่ยอมกินอีก”
“เป็นนกที่โง่จริงๆ” เซียวหลินพูดขึ้นยิ้มๆ แม้แต่อาหารสตรีที่ข้าหมายปองป้อนให้เจ้ายังไม่เอา นกตัวนี้ไม่เพียงแต่โง่เขลา แถมยังซื่อบื้ออีกด้วย
หันหมิงชั่นหันไปมองเขา หางตาเคล้าด้วยเขินอาย ทว่ากลับยังฝืนน้อมคำนับเพื่อกลบความขวยเขิน “น้อมคำนับท่านโหว”
“อืม” เซียวหลินเห็นหญิงสาวที่หมายปองอยู่ตรงหน้า จึงรู้สึกพอใจยิ่งนัก
ช่วงนี้เขาอาศัยอยู่ที่เจียงหนาน ไม่มีเวลาใดที่ไม่เฝ้าคำนึงถึงนางเลย ทุกครั้งที่เจอเรื่องหรือของอะไรสนุกๆ เขาก็มักจะเก็บไว้ให้นาง
ภายหลังในจวนได้รับจดหมายว่าให้เขาไปสมรสกับบุตรีคนรองของเจิ้นกั๋วกง ตอนนั้นเขากลับรู้สึกดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน จากนั้นเขาก็รีบไปหาช่างทองเพื่อสอนเขาทำกำไลลายหนวดกุ้งหนึ่งคู่
ถึงแม้งานฝีมือของเขาจะแย่มาก ทั้งยังตีทองจนนิ้วบวม ผ่านไปตั้งนานแผลพวกนั้นก็ยังไม่หาย แต่ก็ยังทำให้เขามีความสุขมาก
หันหมิงชั่นมองบุรุษที่เดิมทีชอบแสดงสีหน้าลำพองใจกลับมองตนเองอย่างลุ่มหลงเช่นนี้ จึงอดรู้สึกขบขันและเอ็นดูเขามิได้ นางเลยเกลี้ยกล่อม “ท่านโหวดื่มสุรามา อย่ายืนตากลมที่นี่เลย รีบเข้าไปเถอะ”
“ได้” เซียวหลินตอบกลับ ทว่าฝีเท้ากลับไม่ขยับไปไหน ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้นต่อ “ข้ามีของมาฝากเจ้าด้วย ข้าสั่งให้คนส่งไปที่จวนตั้งแต่เช้าแล้ว”
หันหมิงชั่นออกจากจวนองค์หญิงใหญ่จึงไม่เห็นของพวกนั้น ทว่านางพยักหน้าและยิ้มจางๆ “ขอบคุณท่านมาก”
“กับข้าก็ต้องขอบคุณด้วยหรือ” เซียวหลินมองนางด้วยรอยยิ้มรื่นเริง ไม่อยากละสายตาไปจากนางเลย ทว่ากลับไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยอะไรกับนางดี ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องมากความอะไรกับนาง เพราะมันเป็นเรื่องที่เกินความจำเป็น
ในเรือนเล็กๆ แห่งนี้มีแสงแดดอันอบอุ่นสาดส่อง ซ้ำยังมีนางที่ยืนอยู่ตรงหน้า ข้างหูได้ยินเสียงนกร้องนุ่มนวล สาวใช้เอกยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านหลังอย่างเชื่อฟัง ภาพที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขานึกถึงคำว่า ‘วันคืนสงบงาม’ สี่พยางค์นี้
หันหมิงชั่นหันไปมองตรงประตูเพียงปราดเดียว สาวใช้ชั้นล่างกำลังเลิกม่านคอยเขาอยู่ คนในเรือนต่างอยู่อย่างสำรวม ไม่มีใครมองมาทางนี้ แสงแดดต้นเหมันต์ฤดูยังคงอบอุ่น ดอกเบญจมาศสองสามกระถางในสวนพยายามผลิบานอย่างงดงามในช่วงเวลาใกล้สิ้นฤดูของมัน
ทุกอย่างดูปกติ ทว่านางยังคงรู้สึกกระดากอาย จึงรีบพูดด้วยเสียงต่ำ “เช่นนั้นเจ้าก็รีบเข้าไปเถอะ”
“ได้” เซียวหลินพยักหน้า สุดท้ายก็สาวเท้าไปสองก้าว จากนั้นก็ชะงักฝีเท้าลง แล้วหันไปพูดขึ้นยิ้มๆ “ของที่ข้าให้เจ้า ด้านในหีบไม้แดงนั่น เป็นของที่ข้าทำเอง เจ้าอย่ารังเกียจเชียวล่ะ”
สุดท้ายคุณหนูหันก็อดหน้าแดงระเรื่อมิได้ นางถลึงตามองเขา แล้วหันหลังจากไป
ท่านเซียวโหวยิ้มอย่างพอใจ แล้วหันหลังกลับเข้าไปในเรือน
คืนนั้น คุณหนูหันกลับถึงจวน ก็สั่งให้คนยกหีบขนาดใหญ่ทั้งสองหีบที่เขาส่งมา ซูหยิ่งถามว่านั่นคืออะไร ผัวจื่อที่ยกของพวกนั้นเข้ามาตอบกลับ “คุณชายรองบอกว่ามีคนส่งของมาให้คุณหนูจากเจียงหนานเจ้าค่ะ” ขณะที่พูด ก็มอบกุญแจทองแดงสองดอกให้นาง
ซูหยิ่งจึงรีบรับไว้ทันที แล้วมองคนที่มาส่งหีบเดินจากไป
หันหมิงชั่นเดินเข้าไปมองหีบขนาดใหญ่สองหีบนั้น แล้วเอ่ยถามด้วยความขบขัน “ไม่รู้ว่าข้างในมีของอะไรกันแน่ กลับส่งหีบมาใหญ่เยี่ยงนี้”
ซูหยิ่งพูดยิ้มๆ “คุณหนูก็ลองเปิดดูสิเจ้าคะ” ขณะที่พูด นางก็จับกุญแจเดินไปไขหีบให้เปิดออก
“ไอ้หยา!” พอเห็นของในหีบ ซูหยิ่งก็อดยิ้มไม่ได้ “ท่านโหวช่างทุ่มเทยิ่งนัก”
ในหีบมีชุดชาไม้ไผ่ ชุดดื่มสุรา และยังมีผ้างานฝีมือทั่วไปที่ไม่ใช่ผ้าต่วนปักลายอันประณีต ทว่ากลับเป็นผ้าธรรมดาที่เรียบง่าย ด้านในยังมีพู่กันจีนขนาดเล็กใหญ่หลายสิบด้าม ด้ามจับแต่ละด้ามทำจากหยกที่สลักลายหลายแบบ แค่มองเพียงพริบตาก็รู้ว่าเป็นพู่กันของผู้เลื่องชื่อ
ซูหยิ่งรื้อกระดานหมากล้อมไม้ไผ่ กล่องไม้มีลูกหมากล้อมหยกสีเหลืองอำพันและสีนิล นางจึงเอากระดานนั่นมาสังเกตมองอย่างละเอียด “ไม่รู้ว่าต้องใช้ไม้ไผ่กว้างขนาดไหนถึงจะนำมาทำเป็นกระดานหมอกล้อมที่กว้างเช่นนี้ได้!”
หันหมิงชั่นมองของทั้งหีบก็หาหีบไม้แดงขนาดเล็กที่เขาบอกไม่เจอเสียที ด้วยเหตุนี้นางเลยชี้ไปอีกหีบ พร้อมทั้งสั่งการซูหยิ่ง “เปิดหีบนี้ด้วย”
ซูหยิ่งรีบวางกระดานหมอกล้อมลง แล้วเอากุญแจไปเปิดอีกหีบ
ในหีบนี้กลับมีตำราเยอะมาก หันหมิงชั่นสุ่มเปิดตำราเล่มใดเล่มหนึ่ง กลับเห็นเป็นตำราเกมกลยุทธ์นามธรรม
เขากลับรู้ว่าตนเองโปรดปรานในสิ่งนี้! หันหมิงชั่นพลิกอ่านด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วเพิ่งสังเกตเห็นว่าเป็นตำราเกมกลยุทธ์นามธรรมที่ตนตามหามานาน ดังนั้นนางจึงยิ่งพึงพอใจกว่าเดิม
สุดท้ายซูหยิ่งก็เจอหีบไม้แดงเสียที นางจึงรีบเอาออกมายื่นให้หันหมิงชั่น “คุณหนูเจ้าคะ ใช่สิ่งนี้หรือไม่”
หันหมิงชั่นวางตำราเกมกลยุทธ์นามธรรมลง แล้วรับหีบนั่นมา พร้อมพูดขึ้นยิ้มๆ “น่าจะใช่” ขณะที่พูด นางกดกลอนประดับมุกออกและฝาหีบก็เด้งขึ้นทันที
ซูหยิ่งดูของที่อยู่ด้านใน จึงปลื้มปิติทันที “นี่มันอะไรเนี่ย! กำไลทองหรือเปล่า งานฝีมือนี้…” งานหยาบเกินไปไหม ทำให้ทองคำดูไร้ค่าไปทันที ใครมันว่างจนถึงขั้นที่เอาทองคำไปทำงานฝีมือที่แย่ได้ถึงปานนี้
หันหมิงชั่นมองกำไลคู่นั้นอย่างละเอียดแล้วอดยิ้มไม่ได้ จากนั้นก็มองซูหยิ่งที่กำลังปิดปากหัวเราะเพียงปราดเดียว แล้วตวาดขึ้น “ยังจะหัวเราะอีก! รีบจัดของพวกนี้ให้เข้าที่เข้าทางเสีย ยุ่งจะตายแล้ว!”
วันนั้น ซูอวี้เหิงออกจากจวนของเหยาเยี่ยนอวี่ ก็พาลูกหมาป่าที่อายุราวๆ ห้าหกเดือนกลับไปด้วย
เหตุเกิดจากซูอวี้เหิงที่พร่ำบ่นกับเหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่นว่าเสือดาวที่องค์หญิงต้าจั่งเลี้ยงป่วยหนัก หลังจากที่องค์หญิงต้าจั่งสิ้นไป ทั้งวันก็เอาแต่ทำหน้าหมองเศร้า ไม่ยอมกินอะไร แม้แต่น้ำยังกินน้อยมาก ภายหลังมันก็ตายตามองค์หญิงต้าจั่งไป
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นนางเสียใจยิ่งนัก จึงสั่งให้ชุ่ยเวยไปจับหมาป่าตัวน้อยที่ถังเซียวอี้จับมาจากเจียงหนานให้นางแล้วบอกว่า “ข้าไม่ค่อยมีความอดทนที่จะเลี้ยงมันเสียเท่าใด มันอยู่กับข้าก็ทรมานเสียเปล่า แล้วยังต้องอดมื้อกินมื้อ มิเช่นนั้นเจ้าเอามันกลับไปเป็นเพื่อนเจ้าเถอะ มันจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น”
ลูกหมาป่าตัวนี้มีขนขาวโพลน แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่พันธุ์ธรรมดา ซูอวี้เหิงเห็นแล้วโปรดปรานมาก ตอนนั้นจึงอุ้มมันไม่ปล่อย ตลอดทางกลับบ้านก็อุ้มเจ้าหมาป่าน้อยเข้าไปในรถม้า แล้วคอยป้อนเนื้อให้มันกิน ยังใช้นิ้วนวดตรงซอกคอให้มัน พร้อมพึมพำขึ้น “เซียนหลี่ เซียนหลี ต่อไปเจ้าก็เป็นของข้าแล้ว!”
ลูกหมาป่ายังเด็ก เนื้อที่ป้อนเข้าปาก ต่อให้เคี้ยวอย่างไรก็กลืนไม่ลง สุดท้ายนางก็ทนดูไม่ไหว จึงให้มันคายออกมาบนมือ ซูอวี้เหิงโยนเศษเนื้อทิ้งลงในกระโถน จากนั้นก็เอาผ้ามาเช็ดมือ แล้วเปรยขึ้น “กลับไปจะให้โรงครัวต้มนมวัวให้เจ้ากินละกัน”