หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 382 เข้าเรือนหอ งานเลี้ยงสหายคนสนิท กลับไปเยี่ยมเยียนต้นตระกูล (3)

ตอนที่ 382 เข้าเรือนหอ งานเลี้ยงสหายคนสนิท กลับไปเยี่ยมเยียนต้นตระกูล (3)

และตอนนี้ ฮูหยินที่สวมเสื้อผ้าชั้นดีสีแดงทับทิมยืนอยู่ข้างกายแม่ทัพที่องอาจผึ่งผายไร้เทียมทาน แม่นางผู้นี้งดงามอย่างไม่มีใครเทียบเทียม และอ่อนโยนน่าดึงดูดใจคน คนเหล่านี้เคยไปออกรบกับเว่ยจาง ด้วยเหตุนี้ เหล่าบุรุษที่ได้รับบาดเจ็บหรือทหารที่เกษียณอายุจนต้องออกจากค่ายทหารถึงกับมองนางอย่างตะลึงงัน

หลังจากน้อมคำนับเสร็จ เว่ยจางไม่ได้มากความแม้แต่คำเดียว จึงสั่งการโดยตรง “วันข้างหน้า เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในจวน ฮูหยินล้วนเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมด”

ฉังเหมาเป็นผู้นำของคนทั้งหมดรีบลุกขึ้นน้อมคำนับพลางขานรับ “ขอรับ” จากนั้น ทุกคนต่างน้อมคำนับเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความเคารพ “บ่าวขอคารวะฮูหยินขอรับ”

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ แล้วยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”

“ขอบพระคุณฮูหยิน” ทุกคนต่างตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงแล้วลุกขึ้น

เหยาเยี่ยนอวี่หันกลับไปมองเฝิงหมัวมัวเพียงชั่วพริบตา แล้วพูดกับฉังเหมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นพ่อบ้านเอกของจวน เรื่องทุกอย่างในจวน เจ้าแค่คอยกังวลเกี่ยวกับงานข้างนอกก็พอแล้ว ส่วนเรื่องงานเรือน หากข้าไม่อยู่ เจ้าก็ไปปรึกษาหารือกับเฝิงหมัวมัวแล้วกัน”

ฉังเหมาตอบกลับ “ขอรับ”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ข้ารู้ว่าทุกคนล้วนเป็นคนที่ผ่านความเป็นความตายมาพร้อมแม่ทัพ มิตรภาพนี้ จะเอาความสัมพันธ์ของนายบ่าวมาเทียบเทียมไม่ได้ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดในจวนควรทำเช่นไร ข้าคงไม่มากความ แค่อยากทิ้งท้ายคำพูดสิบเอ็ดพยางค์ให้ทุกคน” สายตาของเหยาเยี่ยนอวี่กวาดสายตามองใบหน้าของทุกคน แล้วยิ้มอ่อนพลางพูดขึ้น “ครอบครัวรักใคร่ปรองดองทุกสิ่งเจริญรุ่งเรือง”

ทุกคนต่างค้อมตัวกล่าวว่า “ขอรับ บ่าวจะจดจำคำสอนของฮูหยินไว้ให้ดี”

“เอาละ ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ทุกคนไปทำงานของตนเองเถอะ ช่วงนี้พวกเจ้าลำบากแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมาจากใจจริง งานมงคลของตระกูลแม่ทัพเว่ยต้องยุ่งกว่าตระกูลอื่นเป็นสิบเท่าอยู่แล้ว

ถึงแม้ทางฝั่งเจิ้นกั๋วกงก็จัดวิวาห์ให้บุตรีของตนในวันนี้ จึงมาดื่มสุรามงคลด้วยตัวเองไม่ได้ ทว่าเฉิงอ๋องกลับให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะเป็นคนดำเนินพิธีสมรสด้วยตัวเอง

ไม่เพียงแต่เช่นนี้ ฮ่องเต้ที่เสด็จออกไปล่าสัตว์ที่ซีหย่วนก็ทรงสั่งให้องค์ชายหกมากล่าวคำอวยพร ทั้งยังส่งภาพวาดอักษรจีนที่ทรงพระอักษรโดยฮ่องเต้ ซึ่งเป็นภาพวาด ‘ฉินเส้อสอดประสาน’

เฉิงอ๋องและองค์ชายหกต่างเสด็จมาเยือน และคนที่เหนื่อยหน่ายที่สุดก็คือเหล่าพ่อบ้านในจวนแม่ทัพมิใช่หรือไร

ถึงแม้เมื่อวานเหยาเยี่ยนอวี่จะหลับสบายในเรือนหอ ทว่าก็รู้งานส่วนหน้าของจวนอย่างแจ่มแจ้งดุจนิ้วบนฝ่ามือ…นางมีบ่าวรับใช้ที่มีความสามารถ เฝิงโหย่วฉุนคือหนึ่งในบ่าวที่ติดตามนางออกเรือนมา ขอเพียงมีเขาอยู่ ก็เทียบได้กับกำลังและความสามารถของคนนับสิบคน

เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวว่าลำบากบ่าวทุกคนแล้ว จากนั้นก็ยังสั่งให้พ่อบ้านเอกฉังเหมาแจกอั่งเปาให้ทุกคนสองซอง

ทุกคนพลันค้อมตัวกล่าวคำขอบคุณ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงาน

ออกจากห้องโถง ก็มีพ่อบ้านคนหนึ่งเปรยกับคนที่อยู่ด้านข้าง “สมกับเป็นฮูหยินของพวกเราจริงๆ คำพูดและการทำงานคล้ายคลึงกับแม่ทัพยิ่งนัก ฮูหยินไม่มากความแม้แต่น้อย เป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ”

“เป็นเช่นนั้น! ข้าหวังว่าฮูหยินจะแต่งเข้าเรือนตั้งนานแล้ว ช่วงนี้แผลเก่าบนร่างของข้าปวดเป็นพิเศษ ครั้งนี้ข้าจะได้รับการรักษาเสียที”

“ไม่ใช่หรอกกระมัง ยังกล้าให้ฮูหยินรักษาอาการให้เจ้าอีกหรือ”

“จุ๊! ไม่ได้ยินหรือไรว่าสาวใช้เอกสองคนของฮูหยินก็เป็นยอดฝีมือเช่นกัน ได้ข่าวว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บตอนไปเขตตอนเหนือในครั้งนั้น สาวใช้สองคนนั้นเป็นคนรักษาเองแน่ะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนฮูหยินแล้ว ให้สาวใช้สองคนนั้นรักษาก็พอ”

“ก็ถูกของเจ้า อากาศก็เย็นลงแล้ว เมียของข้าไอรุนแรงอีกแล้ว หลายปีมานี้ ต่อให้กินยามากเพียงนั้นก็ยังไม่ดีขึ้น ครานี้คิดว่าคงมีวิธีรักษานางให้หายแล้ว”

“อืม อาการป่วยเล็กน้อยของเมียเจ้า เกรงว่ายังไม่พอให้แม่นางชุ่ยเวยรักษาด้วยซ้ำ เจ้าก็หาโอกาสคุยกับพ่อบ้านเอก รอให้แม่นางชุ่ยเวยมีเวลาว่างค่อยไปดูอาการให้เมียเจ้า”

“ถูกของเจ้าๆ”

ตอนมื้อเที่ยง สองสามีภรรยาเฮ่อซี ถังเซียวอี้ จ้าวต้าเฟิง และเก๋อไห่ พวกเขาทั้งห้าคนมาเยือน ทั้งเจ็ดคนนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันนั้นเป็นความรู้สึกที่ไม่เลว

เว่ยจางทำดีต่อเหล่าสหายเป็นอย่างมาก ดังนั้นตอนอยู่ด้วยเป็นการส่วนตัว ก็ไม่ต้องมากพิธีแต่อย่างไร ฮูหยินเฮ่อซีที่มีต้นตระกูลเป็นตระกูลหร่วน แม้จะเป็นตระกูลที่ไม่ได้ใหญ่มาก ทว่าก็ถือเป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม วาจาและท่าทีก็สง่างามเป็นอย่างยิ่ง ในสายตาของเหยาเยี่ยนอวี่ นางเป็นกุลสตรีที่สง่างามอย่างยิ่ง อีกอย่างยังรู้จักกับนางเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกห่างเหินแม้แต่น้อย

เว่ยจางนั่งบนที่นั่งหลัก เหยาเยี่ยนอวี่นั่งด้านซ้ายของเขา เฮ่อซีนั่งตำแหน่งแรกที่ค่อนข้างต่ำต้อย ถัดไปก็คือถังเซียวอี้ จ้าวต้าเฟิง และเก๋อไห่ นั่งตรงกันข้ามของเว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่

สกุลหร่วนนั่งข้างเหยาเยี่ยนอวี่ พอเห็นไข่มุกสีม่วงบนข้อมือของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงพูดยิ้มๆ ด้วยเสียงต่ำ “กำไลไข่มุกของฮูหยินงดงามยิ่งนัก”

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มด้วยเสียงเบา “อืม นี่เป็นกำไลไข่มุกที่ข้าโปรดปรานที่สุดแล้ว”

สกุลหร่วนจึงพูดขึ้นยิ้มๆ อีกครั้ง “ไขมุกม่วงที่เนื้อดีเช่นนี้ เพียงเม็ดสองเม็ดก็ถือเป็นของหายากแล้ว”

เว่ยจางได้ยินจึงหันไปมอง จึงรู้ว่านั่นเป็นไขมุกม่วงที่ตนให้นางในก่อนหน้านี้ ก่อนหน้าก็เห็นนางใส่ นึกไม่ถึงหลังจากแต่งงานกัน นางก็ยังไม่ถอดกำไลนี้ ทันใดนั้นภายในใจรู้สึกปลื้มปริ่มยิ่งนัก ทว่าเขาเพียงยิ้มจางๆ แล้วไม่พูดไม่จา

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เป็นของหายากจริงๆ” นานทีที่บุรุษผู้ที่ตนหมายปองจะให้ของขวัญ

เฮ่อซีอายุมากกว่าเว่ยจางสองปี จึงสุขุมและหนักแน่นกว่า ส่วนบุรุษอีกสามคนก็ไม่เหมือนกัน ถังเซียวอี้ผายมือไปด้านหลัง สาวใช้ชั้นล่างคนหนึ่งเดินหน้ามา พร้อมค้อมตัวเอ่ยถาม “คุณชายมีอะไรจะสั่งการหรือ”

“ไปยกสุราที่ข้าเอามาหน่อยเถอะ” รองแม่ทัพถังชี้ไปด้านหลังอย่างสง่าผ่าเผย

สาวใช้คนนั้นจึงไปยกสุราไหนั้นมาให้รองแม่ทัพตามคำสั่ง ถังเซียวอี้เปิดไหสุรา แล้วลุกขึ้นรินให้กับเว่ยจางก่อน

เฮ่อซีพลันเกลี้ยกล่อม “เมื่อคืนแม่ทัพดื่มไปไม่น้อยแล้ว เที่ยงนี้ก็ดื่มน้อยๆ หน่อยเถอะ”

“ข้ารู้แล้วน่ะ!” ถังเซียวอี้พูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “สุราอื่นก็ไม่ควรดื่มแล้ว ทว่าไหนี้ต้องดื่ม”

“เพราะเหตุใด” เฮ่อซีเอ่ยถาม”

“เพราะว่านี่เป็นสุราเต็กปี่ที่ข้าเก็บสะสมมานาน” ถังเซียวอี้ใช้สายตาอเจ้าเล่ห์กวาดมองเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วพูดยิ้มๆ “ตอนเช้าแม่ทัพตื่นสายเช่นนั้น ข้าเป็นห่วงสุขภาพของเขา!”

เหยาเยี่ยนอวี่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา ภายในใจกลับสบถหยาบถังเซียวอี้หนึ่งร้อยครั้ง ทั้งยังลอบสาบานในใจ รอให้เจ้าหมอนี่แต่งงาน นางจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาแน่นอน

ถังเซียวอี้ยกไหสุรารินให้เว่ยจางหนึ่งจอก พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ ถ้าดื่มหมดเมื่อใด ที่ข้ายังมีอีก วันนี้แค่ดื่มไหนี้หมดก็พอแล้ว”

เว่ยจางกวาดมองเขาด้วยความเย็นชาแล้วไม่เอ่ยคำพูดใด

เฮ่อซีพูดยิ้มๆ “เจ้าบอกให้พวกนางเอาเหยือกเหล้ามา” ฮูหยินยังอยู่แน่ะ!

“เอาเหยือกเหล้ามาทำอะไร” ถังเซียวอี้รินสุราให้เฮ้อซีหนึ่งจอกด้วยความใจกว้าง “พี่ใหญ่ดื่มให้เต็มที่เถอะ”

“สุรานี้ดีๆ!” จ้าวต้าเฟิงหัวเราะเสียงดัง “รินให้ข้าเต็มจอกเลย”

ถังเซียวอี้หันไปมองจ้าวต้าเฟิงด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่กระมัง เจ้าแน่ใจว่าเจ้าจะดื่มด้วยหรือ เจ้าดื่มไปคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“เหลวไหล!” จ้าวต้าเฟิงแย่งสุราไหนั้นไปทันที “เจ้าเห็นว่าข้าเหมือนเจ้าหรือไร…หืม ข้าจะเป็นอะไรไปได้ ก็แค่สุราจอกเดียวเท่านั้น” จ้าวต้าเฟิงเปลี่ยนน้ำเสียงเมื่อเห็นแม่ทัพทำนัยน์ตาเลือดเย็น ทั้งยังยิ้มแหยๆ

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้ยินและไม่เห็นสีหน้าของเขา แค่หันไปพูดคุยเล่นกับสกุลหร่วน แม่ทัพเว่ยมองฮูหยินตนเองเพียงชั่วพริบตา ภายในใจกำลังคิดว่าวันข้างหน้าจะไม่ให้สหายเหล่านี้ของเขามาที่นี่อีกเป็นอันขาด

“มา ท่านแม่ทัพ ข้าขอชนกับท่านเสียจอก” เฮ่อซีให้ความร่วมมือกับเหล่าสหายเป็นอย่างดี จึงยกจอกแสดงความยินดีกับเว่ยจาง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset