ยอมรับมัน?
มันเป็นคําพูดที่เรียบง่าย ทว่าโรแลนด์นั้นรู้ดีว่าอัลโด้ต้องพยายามมากขนาดไหนเพื่อให้เขาสั่งความคิดของตัวเองให้ยอมรับมันให้ได้
วิเวียนถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินลงบันไดไป
โรแลนด์ดื่มไวน์ผลไม้และปล่อยให้ความคิดของเขาผ่านไปก่อนครู่หนึ่ง เขาคิดเกี่ยวกับอัลโด้ และเกี่ยวกับจอห์นและเกี่ยวกับแบบจําลองเวทย์ จากนั้นทุกอย่างก็ตีกันไปหมด
จากนั้นเขาก็วางแก้วไวน์ลง ปิดเปลือกตาของตัวเองลงเพื่อพักครู่หนึ่ง และเพื่อกําจัดความคิดที่สะเปะสะปะออกจากหัวของเขา และจากนั้นเขาก็ไปศึกษาเวทย์หุ่นเชิดต่อ
เขานั้นได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับจุดเวทย์ที่ซ่อนอยู่ในเวทย์ความสามารถทางภาษาเวทย์อื่นๆนั้นบางทีอาจจะมีจุดเวทย์ซ่อนอยู่ก็เป็นไปได้
มันมีจุดเวทย์ไม่มากนักในเวทย์ระดับศูนย์ ดังนั้นมันง่ายที่จะหาข้อมูล หลังจากสี่ชั่วโมงผ่านไปกับการทดลองและการคาดการณ์ โรแลนด์ก็ค้นพบสิ่งที่น่าตกใจนั่นก็คือไม่มีจุดเวทย์ลับซ่อนอยู่ในเวทย์ระดับศูนย์
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทุกเวทย์ที่จะซับซ้อนเหมือนกับเวทย์ความสามารถทางภาษา
มันง่ายอย่างมาก เพราะมีจุดเวทย์อยู่เพียงไม่กี่จุด โรแลนด์รู้สึกว่าเขาสามารถสร้างตัวตนของหุ่นเชิดได้สองถึงสามแบบ
อาทิเช่น เขาอาจจะทําให้หุ่นเชิดตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและมีแขนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้เขาแบกอุปกรณ์ต่างๆได้
หรืออาจจะใส่เวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นเชิดเวทย์สามารถแยกแยะมิตรและศัตรูได้…เดี๋ยวก่อนนะ!
ในเมื่อเวทย์หุ่นเชิดนั้นไม่มีจุดเวทย์ลับ มันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะเพิ่มเข้าไปเองสักหนึ่งหรือสองจุด?
เมื่อความคิดผุดออกมาเป็นต้นอ่อน มันก็โตกลายเป็นพืชอย่างรวดเร็วภายในหัวของโรแลนด์
ทําไม NPC ของเกมสามารถสร้างเวทย์ของตัวเองได้ และฉันนั้นสามารถทําได้แค่ลอกเลียนของคนอื่นงั้นเหรอ?
ฉันไม่สามารถสร้างเวทย์ของฉันเองได้งั้นเหรอ?
หลังจากตื่นเต้นไปครู่หนึ่ง โรแลนด์ก็กลายเป็นท้อแท้ภายในทันที
เพียงแค่ความคิดอย่างเดียวมันไม่สามารถทําได้ แรงกระตุ้นนั้นสําคัญอย่างมากที่จะเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นความจึง และรวมถึงความรู้พื้นฐานด้วย
แบบจําลองเวทย์ถูกสร้างขึ้นมายังไง?
แล้วการผสานกันระหว่างจุดเวทย์ล่ะ?
แล้วจะกําหนดความหมายและหน้าที่ของจุดเวทย์แต่ละจุดยังไง?
นี่เป็นสามปัญหาหลักที่รบกวนโรแลนด์อยู่ ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเมื่อทําการทดลอง
ดูเหมือนว่าเขาจะมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก
อย่างน้อย เขานั้นต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าธรรมชาติขององค์ประกอบเวทย์นั้นเป็นยังไง และธรรมชาติของพลังจิตนั้นเป็นยังไง และกฏที่เหมือนกันของทั้งสองอย่างนั้นคืออะไร
โรแลนด์นั้นคิดว่าเขานั้นต้องรู้ถึงสามสิ่งนี้ให้ได้ก่อน ก่อนที่เขาจะไปพูดถึงการสร้างแบบจําลองเวทย์จากความว่างเปล่า
มันมีหนังสืออยู่มากมายภายในห้องสมุด ทว่าไม่มีเลยแม้แต่เล่มเดียวที่กล่าวถึงหัวข้อที่เขาต้องการ
สิ่งใหญ่นั้นมักจะเป็นเกี่ยวกับวิธีการใช้พลังจิต และมีอยู่บ้างเล็กน้อยที่เกี่ยวกับวิธีการฝึกเวทย์ระดับสูง
นอกเหนือจากนั้นมันก็จะเป็นชีววิทยาของนักเวทย์ ชีววิทยาของนักรบ และอื่นๆ และยังมีแบบจําลองเวทย์อยู่อีกมาก ทว่าโรแลนด์นั้นไม่ได้รีบร้อนที่จะเรียนพวกมัน การเรียนรู้เวทย์นั้นมันไร้ซึ่งจุดจบ เมื่อชํานาญอย่างหนึ่ง จากนั้นก็ต้องสร้างรูปแบบเวทย์ที่พัฒนาแล้วอีกหลายอย่าง วิธีการที่เขาใช้อยู่นี้น่าจะได้ผลมากกว่า
ไม่มีหนังสือเล่มไหนภายในห้องสมุดที่กล่าวถึงธรรมชาติของพลังเวทย์
หรือเป็นเพราะหอคอยเวทย์นอกเมืองหลวงจะไม่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้? หรือทั้งโลกล้วนล้มเหลวในการสร้างทฤษฎีพื้นฐานของเวทมนตร์?
อย่างแรกน่าจะเป็นไปได้ไม่เหมือนกับอย่างที่สอง
ต่อให้มนุษย์ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเอลฟ์ละ?
เผ่าพันธ์นั้นกล่าวได้ว่ามีความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนตร์สูงที่สุดและมีชีวิตที่ยืนยาว พวกเขานั้นจะมีทฤษฎีเกี่ยวกับเวทมนตร์อยู่หรือเปล่า?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่โรแลนด์กําลังครุ่นคิดไปเรื่อย
แสงจันทร์ส่องลงมาจากมุมหน้าต่าง และกลายเป็นครึ่งวงกลมอยู่บนพื้น เมืองทั้งเมืองล้วนเงียบลง ตอนนี้มันดึกมากแล้ว
โรแลนด์ตระหนักขึ้นมาได้ว่าเขามีนัด
ทว่าโดยไม่คาดคิดเมื่อเขาลงมายังชั้นสองเขาก็ชนเข้ากับวิเวียน
ท่าทางงัวเงียปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอนั้นถือแก้วน้ําไว้ในมือ ราวกับว่าเธอนั้นกระหายและต้องการน้ํา
เมื่อเธอพบเข้ากับโรแลนด์ร่องรอยที่ดูงัวเงียของเธอก็หายไปทันที ทั้งตกใจและยินดีเป็นอย่างมาก เธอถามว่า “รองประธาน…ดึกขนาดนี้แล้วท่านจะไปไหนเหรอคะ?”
“ออกไปเดินเล่นนิดหน่อยน่ะ!” โรแลนด์ยิ้มและพูดต่อว่า “เธอควรนอนให้เร็วนะ อย่า อยู่ดึกเกินไปล่ะ การนอนดึกนั้นเป็นศัตรูของผู้หญิง”
เขาก็เดินลงบันไดไป
เมื่อมองร่างของโรแลนด์หายไปยังชั้นล่างสุดของบันได วิเวียนก็เสียใจเล็กน้อย ทว่าจากนั้นเธอก็จ้องมองไปยังที่ห่างออกไปด้วยสายตาเบิกกว้าง รองประธานนั้นยังหนุ่มและแข็งแรง มีสิ่งไหนล่ะที่เขาจะทําเมื่อออกไปยังกลางดึก?
ด้วยความคิดเหล่านั้น วิเวียนก็ไม่พอใจและอยากจะกัดผ้าเช็ดหน้าตัวเองเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็สามารถทํามันได้เช่นกัน ทําไมท่านรองถึงไม่มาหาเธอกัน? นี่เธอไม่มีเสน่ห์อย่างงั้นเหรอ?
ในเมืองเดลพอนนั้นมีเคอร์ฟิวอยู่ ทว่ามันก็มีผลแค่กับสามัญชนเท่านั้น
ขุนนางและเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่สนใจในกฎนี้
ทว่าโรแลนด์นั้นไม่สามารถใช้สิทธิพิเศษนี้ได้ในตอนนี้ เขานั้นหยิบเสื้อผ้าธรรมดาออกมาจากกระเป๋ามิติและใส่มันในที่ลับตาคน จากนั้นเขาก็พยายามหาถนนที่มืดมิดและถูกซ่อนอยู่ ไปยังพื้นที่ของเหล่าคนรวย และไปยังคฤหาสน์หลังเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากนั้นก็ปืนเข้าไป
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นนักเวทย์ ความแข็งแกร่งของการเป็นผู้เชี่ยวชาญก็ทําให้เขานั้นสามารถมีความยืดหยุ่นทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมได้ และเขานั้นก็เป็นบุตรทองคําซึ่งมีค่าเฉลี่ยการเติบโตที่สูงกว่า
นักเวทย์นั้นมีรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนแอและแข็งแกร่งในด้านจิตวิญญาณมากกว่านักรบ ทว่าเมื่อเทียบกับคนธรรมดาแล้วนั้นพวกเขานั้นแกร่งกว่ามาก
คฤหาสน์เล็กๆนี้เงียบเป็นอย่างมาก ไร้ซึ่งผู้เฝ้าประตูทางเข้า ไม่มีคนรับใช้ ดูเหมือนมันจะถูกเตรียมไว้แล้ว
มีห้องเล็กๆภายในชั้นสองที่มีแสงเทียนสว่างออกมา
โรแลนด์เหยียบลงบนพื้นหญ้าที่ราบเรียบบนสวนจากนั้นเขาก็มาถึงยังประตูคฤหาสน์
เขาผลักมันออกไปอย่างสุภาพ..ประตูนั้นไม่ได้ปิด
เมื่อเขาเข้าไปยังคฤหาสน์ เขาพบว่ามันแตกต่างจากภาพในหัวของเขาเป็นอย่างมาก มันดูหรูหราที่ภายนอก ทว่าด้านในนั้นมันมีฟอนิเจอร์ไม่มากนัก และห้องนั่งเล่นที่ดูว่างเปล่า มีเพียงแค่โต๊ะและเก้าอี้ไม่กี่ตัวเท่านั้น
ห้องที่มีแสงนั้นอยู่บนชั้นสอง
โรแลนด์พบบันไดขึ้นไปสู่ชั้นสอง ประตูห้องนั้นถูกแง้มไว้อยู่ และมีแสงจากเทียนไขลอดออกมาจากรอยแยกนั้น หลงเหลือเป็นแสงสีส้มอยู่บนพื้น
โรแลนด์เดินไปทางนั้น พร้อมผลักประตูออกไปอย่างสุภาพ
ภายในมีชายหนุ่มที่ดูกังวลนั่งอยู่แถวบริเวณประตูที่ถูกเปิดออก ทว่าเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อพบกับโรแลนด์
หลังจากเข้ามาภายในห้อง โรแลนด์ก็ปิดประตู
ชายหนุ่มเป่าเทียนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
ภายในห้องนั้นมืดสนิท ทว่ามันก็ยังคงมีแสงจันทร์ส่องลงมา มันไม่ได้ดูเป็นแสงสลัวๆ มันดูเงียบสงบเป็นอย่างมาก
โรแลนด์นั่งลงบนโต๊ะพร้อมถามว่า “เอ็ดเวิร์ด นายบอกให้ฉันมาที่นี่เมื่อตอนเย็นเพื่อจะ บอกอะไรฉันใช่ไหม?”
“พี่ชายคนโตของข้านั้นเป็นชายที่ตกต่ํา” เอ็ดเวิร์ดกล่าวอย่างจริงจังพร้อมจ้องมองไปยังทางโรแลนด์
มีความเศร้าโศกที่ลึกล้ําซ่อนอยู่ภายในดวงตาของเขา
โรแลนด์นั้นได้ใช้เวลาระหว่างวันหาข้อมูลมาบ้างแล้ว
ขุนนางหนุ่มที่ถูกทําให้ตกต่ํานั่นชื่อว่า โรแลนด์ เอ็ดเวิร์ด ชื่อเดียวกันกับโรแลนด์
เมื่อโรแลนด์รู้เรื่องนี้ ในที่สุดเขาก็เท่าใจว่าทําไมขุนนางที่ยืนดูอยู่ถึงได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พวกเขานั้นไม่ได้หัวเราะเยาะให้กับโรแลนด์ที่ตายไปแล้ว พวกเขานั้นหัวเราะให้กับโรแลนด์ที่ยังมีชีวิตอยู่
และคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั้นเลือกคนที่ชื่อโรแลนด์ก็เพื่อที่จะทําลายเขา จุดประสงค์ของเรื่องนี้มันชัดเจนแล้ว
ฉันนั้นอยู่ที่นั่น ทว่าฉันนั้นก็ยังเป็นคนที่ทําให้โรแลนด์ตาย
นั่นหมายความว่า เหล่าขุนนางนั้นเป็นตัวตนที่บิดเบี้ยวที่มีเอกลักษณ์ เห็นได้ชัดว่าเกรงกลัว ทว่ากลับต่อต้านและหยิ่งยโส ถูกหลอกหลอนด้วยความภาคภูมิใจของตัวเอง ทั้งน่าเบื่อและบิดเบี้ยวในตัวมันเอง
โรแลนด์นั้นอยากจะหัวเราะให้ฟันหลุด