ตอนที่ 113 : ผลกระทบของคนมีชื่อเสียง
หลังจากโรแลนด์นั่งลง เขาก็มองไปยังพวกผู้ชายที่กําลังบ้าคลั่งอยู่โดยรอบเขา
บางทีมันอาจจะเหมือนกับสถานการณ์ในชีวิตจริงเมื่อพยายามไล่ตามเหล่าดาราก็ได้
หลังจากโรแลนด์นั่งลง ลี่หลินก็ @ เขาจากทางระบบของกิลด์อีกครั้ง
ลี่หลิน: ฉันเห็นนายกับเบทต้าในไลฟ์สตรีมด้วย แล้วคอมเม้นต์เหมือนจะระเบิดออกเลย เหมือนมีหลายคนนะที่รู้จักนาย”
เมื่อเห็นดังนั้นโรแลนด์ก็อดไม่ได้ที่จะเช็คไลฟ์สตรีม
จากนั้นเขาก็เห็นหลากหลายคอมเม้นต์
“นั่นมันท่านผู้ยิ่งใหญ่โรแลนด์ ทําไมเขาถึงมาดูฟ่านฟ่านของพวกเราเต้นแทนที่จะเก็บตัวเองอยู่กับเวทมนตร์กันละ?”
“เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเก็บตัวจะชอบนักแสดง!”
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาชอบเหล่าไวฟุในกระดาษหรอกเหรอ?”
“นายคิดว่าทําไมฟ่านฟ่านของพวกเราถึงมาที่เมืองเดลพอนกัน”
“ฉันคิดว่าพวกเธอนั้นต้องการที่จะมาขอซื้ออุปกรณ์เวทย์ของโรแลนด์ ที่เขาได้รับจากการสําเร็จภารกิจดันเจี้ยน ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นอุปกรณ์สีทอง แต่แค่ไม่รู้ว่ามันมีเอฟเฟคอย่างไรก็เท่านั้น”
“ทําไมมันถึงไม่เป็นฟ่านลิ่วยี่เดินทางเพื่อตามหารักกันละ…”
ทันทีที่เขาพูดมัน คอมเม้นต์ก็หยุดลงทันที จากนั้นก็มีคอมเม้นต์จํานวนมากโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ
“ไปตายซะ!”
ถึงแม้ว่าฟ่านลิ่วยี่จะทําความผิดที่ไม่น่ายอมรับได้ในชีวิตจริง แต่เธอก็ยังคงมีแฟนคลับอยู่เป็นจํานวนมาก
คนที่ส่งข้อความนี้ทําให้ทุกคนโกรธกันไปหมด
จากนั้นเขาก็ถูกแบนโดยผู้ดูแล
ฟ่านลิ่วนั้นเต้นทั้งๆที่ร่างของเธอเต็มไปด้วยเหงื่ออยู่ตรงโถงกลาง เพลงนั้นมาถึงตอนจบแล้ว
นักกวีผู้หล่อเหลายืนขึ้น ถือพิณของเขาเอาไว้ ร่างกายท่อนบนของเขาเอนไปด้านหลังจนเกือบจะคิดว่าเขานั้นต้องการหักกระดูกหลังของตัวเองทิ้ง
ในตอนนี้นั้นเพลงจบเรียบร้อยแล้ว
ฟ่านลิ่วยี่หมุนตัวและนั่งลงบนพื้นเพื่อเป็นการปิดท้ายการเต้น คนโดยรอบต่างหยุดตะโกนพร้อมล้มลงหมดสติ
เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถยืนอยู่ได้ ทว่าพวกเขานั้นก็ดูอ่อนแรงเช่นกัน
โรแลนด์ไม่จําเป็นต้องคิดด้วยซ้ํา มันมีคําชมที่น่าอึดอัดใจขึ้นมาอยู่ภายในไลฟ์สตรีม: “การเต้นของฟ่านฟ่านนั้นสวยงามเกินไปทําให้คนอื่นๆหมดสติ” หรือไม่ก็ “บางทีผู้ชมอาจจะรับไม่ได้ที่การแสดงเต้นจบลง ความเศร้าทําให้พวกเขาหมดสติ”
ทว่าเขานั้นก็ยอมรับจริงๆว่าการเต้นของฟ่านลิ่วยี่นั้นงดงามจริงๆ
“การเต้นที่ร้อนแรงนั้นทําให้ผู้คนหมดสติหลังจากได้เห็นมัน” ฟ่านลิ่วยี่พูดขึ้นขณะเดินเข้ามาหาโรแลนด์และเบทต้า เธอนั่งลงตรงหน้าของพวกเขาโดยไม่ขออนุญาติแต่อย่างใดและพูดต่อว่า “มีแค่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถทนฟังจนจบได้ มันจะช่วยเพิ่มความสามารถชั่วคราว ดังนั้นคุณ ไม่จําเป็นต้องกังวลกับพวกนั้นหรอก เดี๋ยวอีกไม่นานพวกเขาก็ตื่นเอง”
นักกวีเองก็เดินมาและนั่งลงบนเก้าอี้ที่เหลืออยู่
โรแลนด์มองไปทางฟ่านลิ่วยี่พร้อมยิ้มออกมา “ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานมากแล้ว”
“แค่นั้นเองเหรอ? คุณไม่ใช่แฟนคลับฉันนั้นเหรอ?” ฟ่านลิ่วยี่มองไปทางโรแลนด์ ดวงตาที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย “ฉันมาที่เดลพอนเพื่อมาหาคุณเลยนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น โรแลนด์ก็รู้สึกมึนไปทันที เขารู้ว่าป่านนี้คอมเม้นต์ในไลฟ์สตรีมตอนนี้คงระเบิดไปแล้ว
อะไรของจิ้งจอกนี่กันแน่?
ทว่าตอนนี้นั้นอีกฝ่ายกําลังไลฟ์สตรีมอยู่ โรแลนด์ก็ครุ่นคิดถึงคําพูดของตัวเองและพูดว่า “อย่าเล่นตลกกับผมเลย มิสฟ่าน คุณนั้นเป็นดาราดังและพวกเรานั้นเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น มุกตลกของคุณอาจจะนําพาปัญหาจํานวนมากมาให้พวกเราได้ ผมเดาได้เลยว่าต้องมีใครสักคนในไลฟ์สตรีมกําลังด่าพ่อผมอยู่”
ความคิดของโรแลนด์นั้นถูกต้อง มีคนจํานวนมากเริ่มก่นด่าเขาเรียบร้อยแล้ว
แฟนคลับนั้นล้วนแล้วแต่ไร้เหตุผล พวกเขานั้นไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างไอดอลของพวกเขาและใครสักคนที่เป็นเพศตรงข้าม แม้แต่มุกตลกก็ห้าม
แน่นอนว่าความผิดทั้งหลายนั้นไม่ใช่ของไอดอล แต่เป็นความผิดของอีกฝ่ายต่างหาก
“งั้นรอเดี๋ยวนะ” ฟ่านลิ่วยี่ จากนั้นเธอก็พูดออกไปว่า “ถึงเหล่าแฟนคลับและผู้ชมทุกคนนะคะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่ดูเหมือนว่าโรแลนด์นั้นไม่ต้องการจะไลฟ์สตรีม ความเป็นส่วนตัวของเขานั้นควรได้รับการปกป้องเอาไว้ ดังนั้นฉันขอหยุดไลฟ์สตรีมชั่วคราวนะ หากพวกเราคุยกันจบ เดี๋ยวฉันจะมาเปิดสตรีมต่อเอง แล้วก็ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมนะคะ ขอบคุณมากๆ”
เธอหันไปหาโรแลนด์และพูดต่อว่า “เรียบร้อยแล้ว ฉันหยุดมันเรียบร้อยแล้ว ต้องขอโทษด้วย”
เธอนั้นนิสัยดี แถมอารมณ์ของเธอก็ดีอยู่ตลอดเวลาสําหรับการเป็นดาราดัง
มันมีข่าวลือว่าเธอนั้นทั้งหยิ่งและอารมณ์เสียตลอดเวลา!
ดูเหมือนว่าเขานั้นไม่ควรจะเชื่อข่าวโคมลอย
ในตอนนี้เอง ภายในแชทกิลด์ลี่หลินก็สแปมข้อความหาเขาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาก็แสปมรูปภาพไลฟ์สตรีมมาในกลุ่ม: “ไลฟ์สตรีมนั้นถูกหยุด ฉันไม่เห็นฟ่านฟ่านเลย นายอัดวีดีโอในเกมให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
ลี่หลินนั้นเป็นแฟนคลับของฟ่านลิ่วยี่มาตลอด มันจึงไม่น่าแปลกใจที่เขามีท่าทีเช่นนี้
โรแลนด์นั้นตอบกลับในแชทไปว่า “เมื่อเธอไม่ไลฟ์สตรีม ฉันก็จะไม่อัดวีดีโอเธอ ไม่งั้นมันก็เหมือนเป็นการแย้งกับคําพูดของตัวเอง?”
เขานั้นละความสนใจออกจากกิลด์ โรแลนด์มองไปยังฟ่านลิ่วยี่และถามว่า “มิสฟ่าน คุณมาหาผมทําไมงั้นเหรอ?”
“ฉันต้องการจะซื้ออุปกรณ์เวทย์ของคุณ” ฟ่านลิ่วยี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อุปกรณ์สีทองชิ้นนั้น”
โรแลนด์คิดไว้แล้วเกี่ยวกับมันและพูดตอบไปว่า “ขอโทษด้วย ผมไม่ได้วางแผนว่าจะขายมัน”
สร้อยคอสงบใจนั้นมีประโยชน์กับโรแลนด์เป็นอย่างมาก เขานั้นยังไม่มีอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมระดับนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียมันไป
ผิวของฟ้านลิ่วยี่นั้นขาวเป็นอย่างมาก และเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็ค่อนข้างเปิดเผย เธอนั้นวางมือหนึ่งไว้บนโต๊ะและอีกมือหนึ่งจับไว้ที่แก้มของเธอ เธอดูทั้งน่ารักและงดงามเป็นอย่างมาก “หนึ่งล้านเหรียญ
โรแลนด์ผงะไปทันที่เขายิ้มอย่างขมขึ้นและพูดว่า “สมกับเป็นหญิงสาวที่มาจากตระกูลที่ร่ํารวย ราคาที่มอบให้นี้ใจกว้างจริงๆ”
ฟ่านลิวยี่หัวเราะออกมาเบาๆ เธองดงามจนไม่มีใครสามารถละสายตาออกจากเธอได้
ในความเป็นจริงเธอนั้นก็สวยมากๆอยู่แล้ว เธอนั้นยิ่งสวยมากกว่าเดิมขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ภายในเกม เธอนั้นราวกับจะใส่ค่าสถานะการเติบโตทั้งหมดไปกับค่าเสน่ห์
เขาสงสัยว่าบางทีเธออาจจะมีเสน่ห์ที่ไม่ธรรมดาเหมือนกับชค
โรแลนด์สูดลมหายใจเข้าลึก “ขอโทษด้วย แต่ผมนั้นไม่ตั้งใจจะขายมัน”
“ถ้างั้นสองล้านละ?” ฟ่านลิ่วยี่นั้นปฏิเสธที่จะยอมแพ้
โรแลนด์นั้นยังคงส่ายหัวอย่างต่อเนื่อง
ฟ่านลิ่วยี่ดูเหมือนจะเพิ่มราคาขึ้นอีกครั้ง ทว่าทันใดนั้นนักกวีก็โพล่งขึ้นมาว่า “โรแลนด์ อย่าโลภไปหน่อยเลย”
ทันทีที่เขาพูดออกมา อีกสามคนที่เหลือก็เงียบไปทันที
โดยเฉพาะเบทต้าผู้ชอบเรื่องซุบซิบที่เฝ้าดูเรื่องราวที่เปลี่ยนไปด้วยความสนใจ
โรแลนด์ขมวดคิ้วขณะมองไปที่นักกวี จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาฟ่านลิ่วยี่และถามว่า “ผู้จัดการของคุณงั้นเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาเป็นแค่เพื่อนที่ฉันพบระหว่างการเดินทางน่ะ เขานั้นนิสัยดีใช้ได้ เขานั้นนําทางฉันมาจนถึงเมืองเดลพอน”
เมื่อได้ยินคําชมของฟ่านลิ่วยี่นักกวีหนุ่มก็สั่นไปทั้งร่าง ใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง
อืม…ดูเหมือนเขาจะเป็นแฟนคลับเหมือนกันแหะ
โรแลนด์ถอนหายใจออกมาเบาๆ “มิสฟ่าน ผมนั้นไม่ได้วางแผนที่จะขายมันจริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะไม่เพิ่มราคาอีก ไม่อย่างนั้นผมคงไม่สามารถต้านทานอํานาจของเงินได้”
คนรวยนั้นต่างทําสิ่งต่างๆโดยไร้ความเกรงกลัว เพื่อความภาคภูมิใจของพวกเขา พวกเขานั้นมักจะทําสิ่งต่างๆเว่อร์ไปมาก จะเป็นยังไงหากฟ่านลิ่วยี่เพิ่มเงินไปเป็นสิบล้าน!?
โรแลนด์เชื่อว่าเขานั้นอาจจะยอมขายมัน
เมื่อฟ่านลิ่วยี่กลับไปพร้อมกับสร้อยคอ เธออาจจะรู้สึกเหมือนถูกโกง หลังจากนั้นอารมณ์ที่ไม่ต้องการจะยอมแพ้ของเธอก็จะหายไป
และถ้าหากเธอต้องการเงินคืนจากโรแลนด์ละก็ เขานั้นอาจจะปฏิเสธในการคืนเงิน
จากนั้นโรแลนด์ก็อาจจะถูกฟ้องโดยอ้างว่าเขานั้นฉ้อโกง ศาลนั้นก็อาจจะไม่ยกคําร้องและมีโอกาสสูงที่ศาลจะตัดสินว่ามันเป็นความผิดของโรแลนด์ในฐานฉ้อโกง โดยมันไม่คุ้มกับราคาของสร้อยเส้นนี้
โรแลนด์เคยเห็นเรื่องคล้ายๆกันนี้ผ่านทางหนังสือพิมพ์
ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดปากพูดตัดบทของฟ่านลิ่วยี่ขณะที่เธอกําลังพูดเพื่อเพิ่มราคาอีกครั้ง