โรแลนด์เคยได้ยินเรื่องของลูกพี่ลูกน้องของชัคมาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยเจอหน้ากัน โดยได้ยินมาว่าเขาอาศัยอยู่เมืองอื่นและไม่ได้ย้ายเข้ามาจนกระทั่งช่วงๆนี้
“สวัสดีเบทต้า” โรแลนด์ทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมถามว่า “นายรู้ได้ยังไงว่า นายมีจุดเกิดใกล้ ๆ ฉัน”
บางทีอาจเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้า ดังนั้นเบทต้าจึงมีรอยยิ้มที่อึดอัดเล็กน้อย “พอดีผมได้ยินเข้าตอนที่พี่คุยกับพี่ชัคเมื่อวานนี้ แล้วพอดีผมเกิดที่หมู่บ้านล็อคและชาวบ้านมักจะพูดถึงการไปค้าขายที่เมืองเรดเมาน์เทน”
“นายเข้าใจสิ่งที่พวกชาวบ้านพูดด้วยงั้นหรอ?” โรแลนด์ถามออกมา
เบทต้าพยักหน้าและพูดต่อ “ขุนนางผู้สูงศักดิ์ เป็นคลาสที่ผสมกันระหว่าง นักรบ และ พ่อมดสายเลือดมังกร โดยในคลาสนี้สามารถเลือกเวทย์ได้ 2 อย่างในตอนเริ่มต้น ผมเลยเลือก พ่นไฟ และก็ ความสามารถทางภาษา”
โรแลนตกใจไปครู่หนึ่ง “ขุนนางผู้สูงศักดิ์ ฟังดูเหมือนคลาสที่หายากเลย”
“ครับ มันเป็นอาชีพลับ” เบทต้ายิ้มและพูดว่า “เมื่อเพิ่มค่าสถานะทั้งหมดของตัวเองเป็น 7 แต้ม แต้มโบนัสที่ได้มาในตอนแรกก็เพียงพอแล้วสำหรับการที่จะเปลี่ยนอาชีพเป็น ขุนนางผู้สูงศักดิ์ คลาสนี้มีความสามารถพิเศษต่างๆและสกิลที่หลากหลาย ในฐานะมือใหม่แล้วแม้ว่าในภาพรวมของมันจะอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่คลาสที่แย่สำหรับมือใหม่อย่างผม ผมก็เลยเลือกคลาสนี้”
โรแลนด์ยิ้มและคิดว่าเจ้าลูกพี่ลูกน้องทั้งสองนี้นั้นค่อนข้างโชคดี
คนหนึ่งได้รับการเลื่อนขั้นเป็นเซนต์ซามูไร และอีกคนพบอาชีพลับอย่างง่ายดาย
พวกเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้นหลังจากคุยกันสักพัก โรแลนด์พบว่าเบทต้านั้นค่อนข้างรอบรู้เลยทีเดียว
เขาไม่เหมือนกับเด็กที่พึ่งจบมัธยม แต่เหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาได้รับการศึกษาที่ดี
หลังจากนั้น ลี่หลินก็เดินเข้ามา
เขาทุบโต๊ะด้วยความเศร้าโศกและตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน!”
โรแลนด์และชัคถอนหายใจออกมาพร้อมกัน พวกเขาหยิบโทรศัพท์สีดำรุ่นเดียวกันออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ลี่หลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเครื่องหนึ่งแล้วเขวี้ยงมันออกไป
โทรศัพท์กระแทกเข้ากับพื้นและแตกกระจาย
ลี่หลินคว้าโทรศัพท์อีกเครื่องและเขวี้ยงมันอีกครั้งหนึ่ง
โทรศัพท์เครื่องที่สองก็พังด้วยเช่นกัน
จากนั้นลี่หลินก็มองไปที่เบทต้าด้วยความโกรธ
เบทต้ามองไปยังโทรศัพท์สองเครื่องที่พังไปแล้วและมองไปยังลี่หลินด้วยความสับสน
ในตอนนั้นเอง ชัคเคาะโต๊ะและพูดอย่างสบายๆ ว่า “มอบโทรศัพท์ของนายไปให้เขา”
เบทต้ารู้สึกสับสนแต่เขาก็ทำตามคำสั่งของพี่ชาย เขาหยิบโทรศัพท์ที่ดูเก่าออกมา
เสียงแตกหักดังขึ้น….แล้วมันก็พังเหมือนสองเครื่องแรก
จากนั้นลี่หลินก็กระทืบโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่งพร้อมพ่นคำสาปแช่งออกมา “นางตัวดี! ฉันดีกับแกขนาดนี้! แกกล้านอกใจฉันไปนอนกับชายคนอื่นได้ยังไง? ฉันหน้าตาไม่ดีงั้นหรอ”
ลี่หลินเหลือบไปมองหน้าหล่อๆของชัคโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นเขาก็กระทืบโทรศัพท์พังๆนั้นด้วยความบ้าคลั่ง “แต่ฉันมีเงินนะเว้ย….แกจะชอบอะไรได้นอกจากเงินกัน”
เบทต้าตกใจเป็นอย่างมาก
ทว่าชัคและโรแลนด์กลับดูไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย และยังพูดคุยกันปกติด้วยเสียงเบาๆ
ในที่สุดความโกรธของลี่หลินก็ถูกระบายออกหลังจากที่เขากระทืบเท้าเป็นเวลาหลายสิบนาที เขาหยิบซิมการ์ดจากโทรศัพท์ที่พังแล้วขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
“หยวนหยวนหนีไปแล้วงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าลี่หลินนั่งลงแล้ว ชัคก็ถามออกมาในขณะที่เขากำลังกินแตงโม
หลินตอบอย่างโกรธๆว่า “ฉันไม่อยากคุยกับพวกผู้ชายหน้าตาดี ไปให้พ้นเลย”
ชัคส่ายหัวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันเกิดมาก็เป็นแบบนี้แล้ว ช่วยไม่ได้”
ลี่หลินรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากระเบิดอารมณ์เสร็จแล้ว เขาถอนหายใจและพูดว่า “ผู้หญิงทุกคนที่ฉันคบด้วย นอกใจฉันหมดเลย”
โรแลนด์พูดออกมาว่า “ทำไมนายถึงหาแฟนจากใน ไนต์คลับล่ะ ? โอกาสที่นายจะได้เจอกับผู้หญิงดีๆนั้นมีน้อยมาก ให้ฉันลองถามญาติฉันให้ไหมเผื่อจะได้คนที่จริงใจน่ะ”
หลี่หลินโบกมืออย่างแรง “ไม่! ผู้หญิงเหล่านั้นจริงจังเกินไป ฉันยังเด็กเกินไปที่จะแต่งงาน”
เบทต้านั่งฟังพวกเขาคุยกันแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่โทรศัพท์ของเขาต้องพบเจอเป็นอย่างมาก
แม้เขาจะมีเงินเก็บพอที่จะสามารถซื้อเครื่องใหม่ได้ แต่มันก็น่าหงุดหงิดอยู่ดีที่โทรศัพท์เขาพังเพราะเหตุผลไร้สาระ
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่กับตัวเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นและลี่หลินก็เดินไปเปิดมัน
จากนั้นเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องสามใบในมือ
เขามอบกล่องให้ทุกคน
เบทต้ารับกล่องมา และพบว่ามันคือโทรศัพท์รุ่นล่าสุด
ชัคนั้นใส่ซิมการ์ดลงในโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเขาอย่างรวดเร็ว เขายิ้มแล้วพูดว่า “รับไปเถอะ หมอนี่มันรวย แค่นี้ไม่กระทบขนหน้าแข้งหรอก”
เบทต้าหันไปมองอีกด้านและพบว่าโรแลนด์ก็กำลังใส่ซิมการ์ดอยู่เช่นกัน เขาจึงรู้สึกโล่งใจจากนั้นก็ฉีกกล่องออกมา
เขานั้นกำลังอยากได้โทรศัพท์ใหม่อยู่พอดี เขาใช้เครื่องเก่านั้นมานานกว่า 5 ปีแล้ว
ลี่หลินกินแตงโมอยู่เงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็หันไปพูดกับโรแลนด์ว่า “ฉันเห็นวิดีโอที่นายโพสต์ในเว็บบอร์ดแล้ว โคตรแรงเลย!”
โรแลนด์หัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันสามารถโจมตีแบบนั้นได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าศัตรูไม่ถูกฆ่า ก็จะเป็นฉันที่ตายเอง”
ลี่หลินกลอกตา “แค่นั้นก็เกินพอแล้ว นายไม่คิดหรอว่าการโจมตีแบบนั้นจะทำลายศัตรูทั้งหมดในการต่อสู้แบบกลุ่ม?”
“มันจะโดนพวกพ้องไปด้วยนะสิ” โรแลนด์กล่าวอย่างหมดหนทาง “เกมนี้มันสมจริงมากๆ ไม่มีระบบระบุเป้าหมายด้วยซ้ำ”
ลี่หลินตะลึงไปในทันที “ก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี งั้นฉันก็คงเป็นนักรบคลั่งต่อไปนั่นแหละ”
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางอย่างออกและพูดกับชัคว่า “ฉันจำได้ว่านายได้รับค่าจ้างในฐานะเซนต์ซามูไรใช่ไหม”
“ก็ใช่ 20 เหรียญทองต่อเดือน” ชัคกล่าว “เหรียญทองค่อนข้างมีค่ามากในเกมนี้”
ลี่หลินมองไปยังชัคอย่างอิจฉา “นายรู้ไหมว่าเหรียญทองในเว็บบอร์ดมีมูลค่าเท่าไหร่?”
“เท่าไหร่” ชัคดูไม่ได้สนใจนัก
“13 แกรนด์” (1 แกรนด์ราคาเท่ากับ 1000 เหรียญ)
โรแลนด์ที่กำลังดื่มน้ำแทบจะพ่นมันออกมา
ชัคก็ตะลึงไปเช่นกันและถามออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “นายพูดจริงเหรอเนี่ย?”
“แน่นอนที่สุด!” ลี่หลินถอนหายใจและกล่าวว่า “ปัญหาหลักคือเหรียญทองเหล่านี้ได้รับยากเกินไป ทำไมนายไม่ขายให้ฉันสัก 10 เหรียญล่ะ?”
ชัคส่ายหัวออกมา “พวกเราเปรียบเหมือนพี่น้องกันน่า ฉันรับเงินของนายไว้ไม่ได้หรอก มาที่เมืองที่มีโบสถ์แห่งแสงสิ แล้วฉันจะให้คนเอาเหรียญทองไปให้นาย”