โรแลนด์นั้นเป็นนักเรียนระดับท็อปของโรงเรียน แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบอย่างดีเยี่ยม
เขาและพวกเพื่อนสมัยเด็กเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อมีกันหลายคนแน่นอนว่ามันจะมีปัญหาตามมามาก พวกเขาทั้งหกนั้นต่อยตีกับเด็กคนอื่นอยู่สองสามครั้งและกลายเป็นผู้คุมกฎของแถวบ้าน หลังจากพวกเขาโตขึ้นและเรียนที่โรงเรียนประถมพวกเขานั้นไร้คู่แข่ง และเมื่อพวกเขาขึ้นชั้นมัธยมต้นพวกเขาก็สู้กับพวกนักเลงอยู่สองสามครั้ง
และสำหรับตอนมัธยมปลาย…พวกเขานั้นทะเลาะวิวาทใหญ่โตอยู่ไม่กี่ครั้ง โดยนอกจากโรแลนด์และชัคแล้วนั้น อีกสี่คนที่เหลือล้วนแต่เป็นชื่อหลักๆที่ล้วนถูกจดลงสมุดบันทึกพฤติกรรม ทว่าในเทอมสุดท้ายของปีที่สามของพวกเขานั้น ทางโรงเรียนก็ยอมลบความผิดของพวกเขาออกทั้งหมด
โดยทั่วไปแล้วตราบใดที่ความผิดนั้นไม่รุนแรงเกินไปและหากนักเรียนเขียนจดหมายสำนึกผิดแล้ว โดยทั่วไปทางโรงเรียนจะไม่ปล่อยให้นักเรียนจบการศึกษาโดยมีประวัติพฤติกรรม
ตั้งแต่โรแลนด์ยังเด็กเขาเคยเข้าร่วมการต่อสู้มาหลายกลุ่มแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คนประเภทที่สามารถยับยั้งตัวเองได้สักเท่าไหร่นัก
ทว่าเมื่อเขาเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เริ่มที่จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าโรแลนด์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายหรือแม้กระทั่งตอนเป็นนักศึกษาปีหนึ่งหรือปีสองในวิทยาลัย หากมีใครกล้าพูดกับเขาอย่างหยิ่งผยองล่ะก็เขาจะไม่แม้แต่ยับยั้งตัวเองด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่พับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นและพุ่งเข้าไปอัดหน้าพวกมัน
ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่ได้ใจร้อนขนาดนั้นแล้ว หลังจากขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมการทำงาน เขาก็เริ่มอดทนกับสิ่งต่างๆได้มากขึ้น
“ประการแรกนี่เป็นสาขาย่อยไม่ใช่สำนักงานใหญ่ของพวกคุณ” โรแลนด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่เป็นสถานที่ห่างไกลที่แม้แต่กษัตริย์ยังไม่มีอำนาจเข้าแทรกแซง และสำนักงานใหญ่อย่างพวกคุณก็เช่นกัน”
เมื่อเขาพูดจบ ท่าทางของคนที่ยืนอยู่ด้านล่างก็กลายเป็นน่าเกลียดอย่างมาก
“ไอเจ้าสวะอัลโด้นั่น มันสอนเจ้านี่…”
นักเวทย์ฝึกหัดซึ่งถูกด่ากลับอย่างรุนแรงและชี้นิ้วมาที่โรแลนด์พร้อมตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
จากนั้นโรแลนด์โบกมือผ่านอากาศและมือสีฟ้าขนาดยักษ์ก็โผล่ขึ้นมาจากอากาศในทันที ในพริบตา หมอนั่นก็ถูกตบอัดเข้าไปในกำแพงก่อนจะล่วงลงมาและหมดสติไป
“ประธานอัลโดเป็นนักเวทย์อย่างเป็นทางการอย่างปฏิเสธไม่ได้และเป็นหนึ่งในระดับหัวกะทิ คุณที่เป็นเพียงนักเวทย์ฝึกหัดต่อว่าเขาโดยตรงว่าเป็นไอสวะชั้นต่ำไร้ค่า นั่นไม่เกินไปหน่อยหรอกเหรอ?”
แม้ว่าโรแลนด์ที่กำลังพูดอยู่นั้นหันหน้ามองไปทางนักเวทย์ที่หมดสติ พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าโรแลนด์นั้นพูดกับพวกเขาทุกคนโดยตรง
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ท่าทางของพวกที่อยู่ด้านล่างก็เปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดอีกครั้งหนึ่ง นักเวทย์ฝึกหัดบางคนมองไปที่เพื่อนของพวกเขาก่อนที่จะก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างไม่พอใจ พลังจิตของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นและกำลังจะเริ่มตอบโต้ ทว่าทันใดนั้นเองแขนเวทย์ขนาดยักษ์อีกอันก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ
แขนเวทย์ขนาดยักษ์ทั้งสองมีขนาดใหญ่มากจนดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถบีบพวกมันทั้งหมดให้อยู่ในเงื้อมมือได้
ทันใดนั้นพวกเขาก็ต่างไม่กล้าขยับตัว
ทันใดนั้นหนึ่งในนักเวทย์ผู้เยาว์ที่อยู่ข้างหน้าก็เริ่มยิ้มออกมา “คุณน่าจะเป็นมิสเตอร์โรแลนด์สินะ การใช้แขนเวทย์ของคุณนั้นสมบูรณ์แบบเหมือนดั่งที่คาดคิดไว้เลย เป็นเกรียติมากที่ได้พบคุณ”
หลังจากได้ยินชายคนนี้พูดท่าทางอยากสังหารของพวกเขาก็ถูกยับยั้งไว้ แต่ความเกลียดชังและความเหี้ยมโหดยังคงแสดงอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
โรแลนด์มองไปที่เขาและถามว่า “ฉันขอถามได้ไหมว่าคุณเป็นใคร”
ในขณะนี้โรแลนด์ยังคงยืนอยู่บนบันไดสูงและมองลงไปที่พวกเขา โดยให้ความรู้สึกที่เหนือกว่า
ในการเจรจาหรือการเผชิญหน้ากันคนที่อยู่สูงกว่ามักจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่า
ผู้เยาว์คนนี้สังเกตุถึงจุดนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งนั่นทำให้เขาอึดอัดใจจนต้องหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดด้วยท่าทางไม่พอใจว่า “ก้มมาลงมองพวกข้า นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการต้อนรับแขกงั้นหรือ?”
“แล้วการบุกเข้ามายังที่ของเจ้าบ้านนั่นเป็นสิ่งที่แขกควรทำอย่างงั้นเหรอ?” โรแลนด์หัวเราะออกมา “ให้ตายสิพวก ในเมื่อพวกนายแสดงทัศนคติแบบแขกที่น่ารังเกียจ นายยังหวังว่าฉันจะต้อนรับพวกนายดีๆอีกงั้นเหรอ”
พวกคนที่เหลือต่างทำหน้าตาบึ้งตึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
หากคนเหล่านี้อยู่ในเมืองหลวงหรือสำนักงานใหญ่พวกเขาก็จะสามารถที่ยับยั่งตัวของพวกเขาเองได้
อย่างไรก็ตามในเดลพอนซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นชนบทและเป็นเพียงสาขาย่อย ดังนั้นถ้าพวกเขาหยิ่งผยองล่ะจะเป็นไรไป?
นี่มันไม่เหมือนกับสาขาย่อยที่อื่นๆที่พวกเขาเคยไป ในแต่ละครั้งพวกเขามักจะได้รับการดูแลราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ
ทว่าตอนนี้พวกเขากับถูกหักหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขานั้นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้นั้นสาขาย่อยแห่งนี้คือหอคอยเวทย์ของอัลโด้ ชายผู้ถูกกระทำราวกับเป็นตัวตลกของสาขาใหญ่ ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่พวกเขานั้นรู้สึกว่าพวกเขาเหนือกว่าและสูงส่งกว่ามาก
ทว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าทันทีที่พวกเขามาถึงพวกเขาจะพบกับการด่าทออย่างรุนแรง
หลังจากที่โรแลนด์เดินไปถึงยังชั้นสอง พวกนักเวทย์ฝึกหัดที่ตามหลังสองผู้เยาว์ก็ท่าทางเต็มไปด้วยความน่าเกลียดและไม่สามารถอดกลั้นได้
“มิสเตอร์บาร์ด ทำไมท่านถึงปล่อยหมอนี่ไว้? หมอนี่ก็แค่รองประธานธรรมดาๆเท่านั้น”
“ใช่ครับท่านบาร์ดด้วยพวกของเราจำนวนมากขนาดนี้ พวกเราควรจะกลัวหมอนั่นหรือไงกันครับ?”
วัยรุ่นคนที่ชื่อบาร์ดเดาะลิ้นของเขา ร่องรอยความหงุดหงิดสามารถเห็นได้ชัดผ่านหน้าเขา “ใช่พวกเราควรจะกลัว เมื่อเขาได้ใช้แขนเวทย์นั่น พลังจิตที่กระจายออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักเวทย์อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วและฉันสัมผัสได้ว่าเขาเข้าใกล้ระดับหัวกะทิแล้วด้วยซ้ำ”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นขุนนางขมวดคิ้วและพูดว่า “อัลโด้ก็เป็นนักเวทย์ชั้นยอดเช่นกันพวกเรายังสามารถปฎิบัติต่อหมอนั่นราวกับสุนัขได้เลย ตอนนี้เขาไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าเราด้วยซ้ำ ไอ้สารเลวคนนี้เป็นเพียงแค่รองประธาน มันกล้าทำตัวแบบนี้กับพวกเราได้ยังไง”
“แต่เขากล้า…เขาจัดการหนึ่งในพวกเราไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากอัลโด้ไม่ได้โกหกละก็ หมอนี่เป็นคนที่สามารถเปลี่ยนเวทย์ระดับศูนย์ให้กลายเป็นเวทย์ระดับสองได้ เป็นธรรมดาที่เขาจะทำตัวหยิ่งผยอง” ในขณะนั้นบาร์ดชายผู้มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์จนสามารถตัดสินเขาได้ว่าน่าจะเป็นพวกไร้ประสบการณ์ก็ปรากฎประกายความฉลาดและเยือกเย็นมาจากทางดวงตาของเขา “พวกเราไม่รู้หรอกว่าใครหนุนหลังเจ้านี่อยู่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือพวกเราควรอดทนไปก่อน”
ผู้เยาว์อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆคิดไปสักพักก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
พวกนักเวทย์ฝึกหัดนั้นมีสีหน้าไม่พอใจนัก อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของบาร์ด
มีสองคนเดินเข้าไปพยุงนักเวทย์ฝึกหัดที่สลบไปเพราะเวทยมนตร์ จากนั้นบาร์ดก็มองไปรอบๆหอคอยเวทย์มนต์และพูดว่า “ข้าจะไปพูดคุยกับเขา ส่วนพวกเจ้าก็กระจายตัวกันไปค้นรอบๆหอคอยเวทย์ว่ามีใครอยู่อีกหรือไม่ และพยายามดึงพวกนั้นมาเป็นพวก บอกพวกมันไปว่าหากพวกมันให้ความร่วมมือสำนักงานใหญ่จะจดจำเรื่องคราวนี้ไว้”
ที่เหลือพยักหน้า พวกเขาโยนนักเวทย์ฝึกหัดที่สลบไว้ทางด้านข้างจากนั้นก็แยกย้ายกันไปทันที
ในขณะเดียวกันบาร์ดก็เดินขึ้นบันไดมา
ไม่มีใครอยู่ที่ชั้นสองไม่มีใครอยู่ที่ชั้นสามและไม่มีใครอยู่ที่ชั้นสี่…ในตอนนี้บาร์ดเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ และในชั้นที่ห้าในที่สุดเขาก็พบเข้ากับโรแลนด์ที่ยืนอยู่ตรงหัวบันได
หลังจากหายใจเข้าแล้วเขาก็มองไปรอบๆและพบว่านี่คือห้องทดลองเวทมนตร์
ไม่มีพนักงานต้อนรับไม่มีงานเลี้ยงไม่พูดถึงผู้หญิงสวย ๆ และการร้องเพลงและการเต้นรำเลย
บาร์ดรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ในฐานะขุนนางการที่ไม่มีงานเลี้ยงและผู้หญิงสวย ๆ เคียงข้าง เขารู้สึกว่าเขาสูญเสียความหมายในชีวิตไปครึ่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันไม่อนุญาตให้เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้
“คุณทำไมคุณถึงมารอข้าอยู่ที่นี่กัน?” บาร์ดถามพร้อมขมวดคิ้ว
ทว่าโรแลนด์กลับถามกลับด้วยความสับสนแทน “ไม่ใช่ว่าพวกนายมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเวทย์ที่พัฒนาแล้วของแขนเวทย์ที่ฉันเป็นคนสร้างหรอกเหรอ? เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ฉันต้องทดลองใช้ให้พวกนายได้เห็นก่อนสักสองสามครั้ง”
บาร์ดหายใจเข้าลึก ๆ “คุณไม่เข้าใจจริงๆหรือแค่แสร้งทำกันแน่? พวกเรารีบเร่งมาที่นี่จากเมืองหลวง ไม่เพียงแต่คุณจะไม่ต้อนรับพวกเราเท่านั้นทว่ายังไม่ยอมให้พวกเราพักแม้แต่น้อย นอกจากนั้นคุณยังทดสอบมันทันที คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? พยายามไล่เราออกไปให้เร็วขึ้น? เมื่อดูจากภาพลักษณ์ของคุณ คุณก็น่าจะเป็นชนชั้นสูงเช่นกันอย่างน้อยคุณก็ควรจะรู้มารยาทพื้นฐานสิ”
เมื่อได้ยินคำต่อว่าจากบาร์ด โรแลนด์ก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ยและพูดว่า “ฉันเชื่อในเรื่องที่ว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน ในเมื่อพวกนายทำกับฉันราวกับเป็นสุนัขดังนั้นในสายตาของฉันพวกนายก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน”
บาร์ดไม่เคยถูกต่อว่ารุนแรงขนาดนี้จากคนในวัยที่ใกล้เคียงกัน เขาสะดุ้งไปเล็กน้อย
ในเมืองหลวงแม้แต่ลูกหลานของขุนนางใหญ่ก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษในการรักษาภาพลักษณ์ของพวกเขาและหากพวกเขาต้องการทำร้ายใครสักคนอย่างแท้จริงมันก็จะอยู่ในเงามืด
สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่โหดร้ายและป่าเถื่อนอยู่ในชนบทอย่างแท้จริง
เมื่อเห็นว่าบาร์ดไม่ได้พูดอะไรโรแลนด์จึงพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันเลยไหม?”