ตอนที่ 400 คำสอนประจำตระกูลมู่
“ดีจริงๆ ในที่สุดก็พบซือซือแล้ว สวรรค์เห็นใจ ทำให้ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้า” มู่หยางตื่นเต้นมาก หลังจากสืบหามาหลายปี สุดท้ายก็ได้ข่าว
“ดีจริงๆ”
หลิ่วเหวินฉือซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มอย่างดีใจ นางเป็นคนอ่อนหวานกตัญญู รู้ว่าน้องสาวคนเล็กของครอบครัวเป็นปมในใจของแม่สามี เวลานี้พบแล้ว นางเองก็ดีใจมาก
มู่อวิ๋นชางกับมู่หย่งไม่ได้ตื่นเต้นอย่างนี้ โดยเฉพาะมู่อวิ๋นชาง สีหน้าของเขากลับเคร่งขรึม การพบลูกสาวเป็นเรื่องดี แต่ลูกสาวอย่างซูจิ่วซือไม่ใช่เรื่องดีแน่
เขาสังหรณ์ใจ ซูจิ่วซือจะมาเปลี่ยนแปลงตระกูลมู่
“อวิ๋นชาง เจ้าไม่ดีใจหรอกหรือ” พอเห็นว่ามู่อวิ๋นชางสีหน้าไม่ปกติ ฮูหยินมู่ก็หยุดยิ้ม ถามขึ้น
“ฮูหยิน ข้าดีใจที่พบลูกสาว แต่นางไม่ใช่คนธรรมดา นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทเป็นคนพานางมาอยู่ที่คฤหาสน์นี้”
มู่อวิ๋นชางรู้ว่าฮูหยินมู่เข้าใจความหมายของเขา
มู่หย่งพูดเสริมมู่อวิ๋นชาง “ท่านแม่หลายปีมานี้ตระกูลมู่ของเราวางตัวเป็นกลางมาตลอด ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในราชตระกูล หากแม่นางซูเข้ามาในตระกูลมู่ พวกเราจะเป็นศัตรูกับซิ่นอ๋องอย่างเปิดเผย”
ฮูหยินมู่ยังไม่ทันพูด มู่หยางก็ผุดลุกขึ้น เขารู้สึกตื่นเต้น “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร
พวกเราผ่านความลำบากมากมายกว่าจะเจอน้องสาว ท่านยังนึกถึงฐานะของนางไม่ยอมรับนาง เป็นศัตรูกับซิ่นอ๋องแล้วจะเป็นอย่างไร ตระกูลมู่ของเรากลัวซิ่นอ๋องด้วยหรือ
หลายปีมานี้ซิ่นอ๋องวางอำนาจบาตรใหญ่ ถ้าปล่อยให้ซิ่นอ๋องครองบัลลังก์จริงๆ ตระกูลมู่จะอยู่อย่างสงบหรือ
ท่านพ่อกับพี่ใหญ่เป็นขุนนางในราชสำนัก ย่อมรับรู้ความโหดร้ายของซิ่นอ๋อง ในฐานะเป็นขุนนาง ท่านพ่อคิดแต่จะเอาตัวรอดเท่านั้นหรือ บรรพชนตระกูลมู่ของเราอยากให้เป็นอย่างนี้หรือ”
มู่หยางไม่พอใจซิ่นอ๋องมานานแล้ว แม้เขาไม่ได้รับราชการ แต่ก็รู้ดี ถ้าซิ่นอ๋องเป็นฮ่องเต้ แคว้นเจียงคงลุกเป็นไฟ
หลังจากฟู่เฉินหรงกลับแคว้นเจียง มู่หยางก็เสนอให้มู่อวิ๋นชางสนับสนุนฟู่เฉินหรงมาตลอด เขาเคยพบฟู่เฉินหรงครั้งสองครั้ง รู้สึกว่าฟู่เฉินหรงน่าจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี แต่มู่อวิ๋นชางปฏิเสธ
คำสอนประจำตระกูลมู่คือไม่เข้าร่วมการต่อสู้ภายในราชตระกูล นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตระกูลมู่รุ่งเรืองมาตลอดไม่เคยตกต่ำ ทั่วทั้งตระกูลยึดถือคำสอนนี้ มู่หยางจึงจนใจ
เวลานี้พอได้ยินมู่อวิ๋นชางกับมู่หย่งคำนึงถึงซิ่นอ๋องจนไม่อยากรับซูจิ่วซือ เขาจึงโกรธจัด เขาไม่เข้าใจจริงๆ ในฐานะเป็นขุนนาง ควรจะปกป้องแผ่นดิน บิดาไม่ได้ทำเช่นนี้ แต่กลับคำนึงถึงซิ่นอ๋องจนไม่กล้ารับลูกสาว
เวลานี้ เขารู้สึกผิดหวังกับบิดาและพี่ชายมาก ตระกูลมู่ควรเป็นขุนนางที่จงรักภักดี แต่ตอนนี้เป็นอย่างไรไปแล้ว
“น้องรอง ซูจิ่วซือปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้เป็นเรื่องที่น่าสงสัย อาจจะเป็นการวางแผนอย่างแยบยล” มู่หย่งก็ค่อนข้างใจเย็น เขาเป็นขุนนางในราชสำนัก ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจอย่างมู่หยาง
“พี่ใหญ่ ข้าไม่รู้สึกว่าซูจิ่วซือมีปัญหาอะไร ท่านแม่ก็เห็นปานของนางแล้ว จี้หยกที่ติดตัวนางก็เป็นจี้หยกของซือซือ อายุก็ใกล้เคียงกัน
ว่าไปแล้ว ท่านพ่อกับท่านพี่คำนึงถึงซิ่นอ๋องไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้รับราชการ ไม่เข้าใจท่าน ข้ารู้สึกอึดอัดใจ กิจการของตระกูลยิ่งใหญ่แล้วเป็นอย่างไร กลับกลัวซิ่นอ๋อง ถ้าท่านไม่รับนาง ข้ายอมรับ ถึงฟ้าจะถล่มทลาย ข้าไม่ยอมกีดกันน้องสาวให้อยู่ภายนอก”
มู่หยางรู้สึกผิดต่อมู่ซือซืออย่างรุนแรงอยู่แล้ว พอได้ข่าวน้องสาว ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะรับน้องสาว
ตอนที่ 401 รับลูกสาวแน่
“ข้าคิดอย่างเดียวกับหยางเอ๋อร์ร์ ข้ารับลูกสาวแน่
อวิ๋นชาง ข้าไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้ซือซือเป็นใคร นางเป็นลูกสาวข้า ข้าต้องรับนางกลับบ้าน เด็กคนนี้ผ่านความทุกข์ทรมานมามากเหลือเกิน วันหลังข้าจะชดเชยให้ เจ้าไม่ยอมรับนางเข้ามาในตระกูลมู่ ข้ากับหยางเอ๋อร์ร์จะซื้อคฤหาสถ์อยู่ข้างนอกกับนาง”
ฮูหยินมู่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นางตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะรับลูกสาวคนนี้
หลายปีที่ผ่านมานางฝันร้ายมาตลอด รู้สึกว่าสุขภาพของตนอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทันทีที่เห็นซูจิ่วซือนางก็ชอบมาก รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม นางเชื่อว่าเป็นลูกสาวของนาง
พอเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะตึงเครียด หลิ่วเหวินฉือจึงรีบพูดไกล่เกลี่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องนี้ค่อยๆ ปรึกษากัน อย่าให้เรื่องนี้มาทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว”
มู่อวิ๋นชางเข้าใจฮูหยินมู่ดี รู้ว่าคราวนี้ฮูหยินมู่เอาจริงแน่ และตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วแล้วว่าจะรับซูจิ่วซือ ถ้าเขาปฏิเสธ คงทำให้ฮูหยินมู่ตรอมใจตาย นางอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว
“ฮูหยิน ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ได้เจอลูกสาวข้าดีใจมาก”
มู่อวิ๋นชางเองก็คิดถึงมู่ซือซือ เพียงแต่เขารู้สึกว่าช่างบังเอิญประจวบเหมาะเหลือเกิน เขานึกสงสัยในตัวซูจิ่วซือ รู้สึกสังหรณ์ใจว่านางไม่ใช่ลูกสาวของเขา
“แล้วทำไมไม่รับ หรือว่าท่านพี่ไม่เชื่อคำพูดของข้า อวิ๋นชาง ข้าเพียงแต่อยากอยู่กับลูกสาว เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว จะให้ข้านอนตายตาไม่หลับหรือ”
ฮูหยินมู่พูดพลางไอเบาๆ ความจริงนางไม่ได้ป่วยอะไรมาก ล้วนแต่เป็นอาการทางใจ แม้กินยาก็ไม่ได้ผลนัก ใบหน้าของนางไม่มีสีเลือดมาตลอด
พอได้ยินฮูหยินมู่ไอ หลิ่วเหวินฉือก็รีบเข้าไปประคองฮูหยินมู่ ถามอย่างห่วงใย “ท่านแม่ ไม่เป็นไรใช่ไหม!”
มู่อวิ๋นชางไม่อาจฝืนทำร้ายจิตใจฮูหยินมู่ต่อไปได้ เขารีบรับปากทันที “ได้ พรุ่งนี้พวกเรารับนางมา ฮูหยิน อย่าโกรธเลย หมอบอกไว้แล้ว ต้องทำใจให้สงบ”
มู่หย่งมีความเห็นตรงกับมู่อวิ๋นชาง พอเห็นฮูหยินมู่ตื่นเต้นอย่างนี้ เขาก็ไม่พูดไม่จา ร่างกายของมารดาไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดผิดหวังอีก
“อวิ๋นชาง นางเป็นซือซือของเราจริงๆ”
ฮูหยินมู่จับข้อมือของมู่อวิ๋นชางไว้ ราวกลับกลัวว่ามู่อวิ๋นชางจะไม่ยอมรับ มองหน้ามู่อวิ๋นชางอย่างร้อนใจ
มู่อวิ๋นชางไม่กล้าทำให้ฮูหยินมู่เสียใจ เขาพยักหน้า “นางเป็นซือซือของเรา”
พอถึงตอนนี้ฮูหยินมู่จึงโล่งอก “ข้าให้ป้าซ่งไปทำความสะอาดเรือนหวนคะนึง วันหลังให้ซือซืออยู่ที่นี่ ข้าจะไปละ”
“ท่านแม่ ข้าไปด้วย”
หลิ่วเหวินฉือเป็นห่วงฮูหยินมู่ จึงรีบพูดขึ้น
“ข้าก็ไปด้วย ตั้งแต่เล็กน้องสาวชอบดอกไม้ที่สุด ข้าจะให้คนยกดอกไม้มาไว้ที่เรือนหวนคะนึงมากหน่อย”
มู่หยางก็ตื่นเต้น พอนึกถึงว่าน้องสาวที่พลัดหายไปหลายปีจะกลับมา เขาแทบจะทำความสะอาดห้องทันที อยากเก็บกวาดเรือนหวนคะนึงด้วยตัวเอง จึงจะทำให้ความรู้สึกผิดของเขาลดลง
ฮูหยินมู่พยักหน้า ทั้งสามออกไปด้วยกัน
มู่อวิ๋นชางเอนหลังพิงพนัก ไอเบาๆ “เคราะห์กรรมหนีไม่พ้น มู่หย่ง เจ้าก็ผิดหวังในตัวพ่อใช่หรือไม่”
“ข้าเข้าใจท่านพ่อ ท่านพ่ออย่าเอาคำพูดของน้องรองมาใส่ใจเลย น้องรองยังเด็กไม่เข้าใจโลก เป็นคนวู่วาม คิดไม่รอบคอบ เขาเผลอทำซือซือหาย หลายปีมานี้ เขายังนึกถึงเรื่องนี้อยู่”
มู่หย่งเป็นคนสุขุม เขามีความเห็นตรงกับมู่อวิ๋นชางมาตลอด จึงเข้าใจความคิดของมู่อวิ๋นชางดี