บทที่ 135 โจมตี ร่วมมือกัน
ทั้งสี่คนเผชิญหน้ากัน หลานเยาเยาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาเป็นสีหน้าปกติ เมื่อได้พบกับสายตาที่ไม่สามารถอธิบายได้ของเย่แจ๋หยิ่ง นางจึงยิ้มกลับอย่างแห้งๆ
ช่วงเวลานั้น ไม่มีใครปริปากพูด
เซียวจิ่นหยูแอบชำเลืองมองไปที่หลานเยาเยาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อนสายตาไปมองที่เย่แจ๋หยิ่ง สายตาแสดงความครุ่นคิด
หลังความเงียบงันเพียงชั่วขณะ หลานจิ่นเอ๋อได้เริ่มบทสนทนา : “น้องหก เจ้าออกมาได้เช่นไร? ถึงได้อยู่กับเซียวซื่อจื่อ”
ได้ยินดังนั้น หลานเยาเยาหัวเราะออกมาเบาๆ โดยไม่ตอบคำถามและถามกลับไปว่า
“ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานที่เช่นเจ้ายังออกมาได้ ทำไมข้าจะออกมาไม่ได้?” เป็นน้ำเสียงที่เย้ยหยันและเสียดสีเป็นอย่างมาก
หลังสิ้นคำพูด!
“น้องหก ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น……”
หลานจิ่นเอ๋อหน้าแดงฉานขึ้นมาทันที นางส่งไปตาไปที่เย่แจ๋หยิ่งนิดหนึ่ง แววตาแสดงออกถึงความน้อยอกน้อยใจ
หากแต่ว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้มองมาที่นางเลยสักนิด สายตาเขาจับจ้องไปที่หลานเยาเยาตั้งแต่แรก และหยุดอยู่ที่นาง
เมื่อหมดหนทาง หลานจิ่นเอ๋อจึงเอ่ยปากด้วยความน้อยใจว่า :”ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านอ๋องเย่ ดังนั้นจึงออกจากจวนมาพร้อมท่านอ๋อง น้องหก เจ้าอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาดนะ พวกเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
ทว่า!
นางยิ่งพูดเช่นนี้ ยิ่งทำสายตาหลบๆซ่อนๆ เหมือนกับว่าไปทำอะไรผิดมา
เหอะๆ……
หลานจิ่นเอ๋อนั้นเหมือนกับจ้าวซื่อ เป็นคนที่เต็มไปด้วยอุบายเล่ห์เหลี่ยม น่าเสียดายนักที่ในสายตาของนางนั้นทั้งสองคนเป็นเหมือนเพียงตัวตลกเท่านั้น ไม่ควรค่าแก่ความเกรงกลัว
สิ่งที่ทำให้นางไม่พอใจจริงๆ ก็คือท่าทีของเย่แจ๋หยิ่งเท่านั้น!
“เรื่องระหว่างพวกท่านไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ข้าขอเตือนไว้หน่อย ว่าอย่าเอาความสนใจทั้งหมดมาไว้ที่ตัวข้า ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็ต้องชดใช้เอง”
พูดจบ ก็หันไปกัดกินของอร่อยที่อยู่ในมือ
“เซียวซื่อจื่อ ขอบคุณอาหารรสเลิศของท่าน อร่อยมาก”
หลังจากแสดงความขอบคุณเสร็จ นางก็หยิบเนื้อย่างอีกสองสามไม้ออกมาใส่ปาก กินไปเดินไป ขณะที่กำลังจะเดินผ่านเย่แจ๋หยิ่งไป ก็ถูกฉุดข้อมือเอาไว้
หลานเยาเยาหัวเราะออกมาเบาๆ มองดูมือใหญ่ๆที่จับข้อมือนางไว้ และสบตากับเย่แจ๋หยิ่ง
“ท่านอ๋องมีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
“ทำไมเจ้าถึงได้อยู่กับเขา?”
คำถามนี้ของเย่แจ๋หยิ่ง ทำให้หลานเยาเยารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฟังเรื่องตลกอยู่
เขาเองยังอยู่กลับผู้หญิงอีกคน ยังจะมีหน้ามาถามนางอีก ว่าทำไมจึงอยู่กลับผู้ชายอีกคน?
นางอ้าปากนิดนึง กำลังจะตอบกลับไป แต่ดันหันไปเห็นของชิ้นหนึ่งที่เตะตามาก จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง เป็นกระเป๋าเงินในนั้นจริงๆ ซึ่งเวลานี้อยู่ในมือของเย่แจ๋หยิ่ง
หลานเยาเยาคุ้นเคยกับกระเป๋าเงินใบนั้นดี ตอนกลางวันนางเห็นตอนอยู่ที่ลานของหลานจิ่นเอ๋อ บนกระเป๋าเงินปักคำว่าจิ่นไว้อย่างชัดเจน
นางไม่พูดในสิ่งที่คิดจะพูดในตอนแรก แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นคำว่า :
“กระเป๋าเงินสวยดี!”
พูดจบก็สะบัดมือเขาทิ้งไป และกำลังจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นกลับรู้สึกได้ถึงความอันตราย
ซึ่งความอันตรายนี้ก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ซิ่ว ซิ่ว ซิ่ว……”
อาวุธลับมากมาย
ดิ่งลงมาจากฟากฟ้า เป้าหมายก็คือหลานเยาเยา
เย่แจ๋หยิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย โอบไหล่นางไว้ด้วยความรวดเร็ว ดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง หลบหลีกอาวุธลับที่ยิงมาเกือบเข้าที่หัวใจของนาง
เหลือบมองดูอาวุธลับที่ไม่ได้พุ่งเข้าไปตรงบนบ้านข้างทาง แววตาของหลานเยาเยานอกจากจะแสดงออกความตกใจกลัวแล้ว ก็ไม่มีแววตาอื่นอีก
“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ตรงนี้ จะคุ้มครองเจ้าให้ปลอดภัย”
น้ำเสียงที่ฟังดูดึงดูดดังมาจากบนศีรษะ ทว่าหลานเยาเยาไม่ได้รับน้ำใจ แต่กลับผละตัวเองออกมาจากอ้อมอกเขา
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!”
ไม่ใช่ว่านางจะไร้ความสามารถในการหลบหลีอาวุธลับพวกนั้น พูดเหมือนกับว่านางต้องการการคุ้มครองอย่างนั้นแหละ
ในเวลานี้หลานเยาเยาไม่ได้มองดูแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง แต่หันไปดูเงาดำที่ปรากฏอยู่รอบด้าน
เดิมทีคิดว่าเป็นพวกนักฆ่าศพแห้งของยิงจวนที่ตามจองล้างจองผลาญมาตลอด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าทั้งหมดนี่จะเป็นคนชุดดำที่ปิดหน้าไว้
งั้นก็ยิ่งน่าสนุกขึ้นแล้ว!
คนพวกนั้นพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่คนของยิงจวน แล้วยังมีใครอีกที่คิดจะฆ่านาง?
จุดนี้ทำให้นางคิดไม่ตก
ถ้าเป็นพวกลูกคุณหนูไม่กี่บ้านนั้นที่โดนเขาจับความลับได้ เกรงว่าหลังความลับโดนเปิดเผย จะทำให้เสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงจ้างนักฆ่ามาลอบฆ่านาง
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่ความเป็นไปได้ต่ำมาก
จากมุมมองของคนภายนอก คิดจะทำร้ายนาง ก็หมายถึงคิดทำร้ายจวนอ๋องเย่ทั้งจวน พวกนางคงไม่โง่ขนาดคิดจะฆ่าตัวตาย ยิ่งไปกว่านั้นในมือนางยังเก็บความลับของพวกนางอยู่
สำหรับจวนแม่ทัพ……หากกล่าวถึงในตอนนี้ หากกล่าวถึงในตอนนี้นั้น พวกขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องฆ่านาง
ถึงแม้ว่า!
หลานจิ่นเอ๋อจะอยากอยู่กับอ๋องเย่ อย่างมากก็ทำได้แค่ลงมือทำอุบายนิดหน่อย เพื่อแยกนางและเย่แจ๋หยิ่งที่แทบจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อกันเลยออกจากกัน
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวซื่อน่าจะกำลังคิดวิธีว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้กล่องที่อยู่ในมือนางไป!
ถ้าเช่นนั้นคงเหลือแต่ฮองเฮาแล้ว!
ตอนนี้ฮองเฮาคิดอยากจะให้นางตาย หากมีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อย นางก็จะไปปล่อยไว้แน่
เดิมทีนึกว่าหลังจากหมดจากชุดอาวุธลับพวกนี้แล้ว ต่อไปจะต้องเป็นฉากการฆ่าฟันกัน แต่คิดไม่ถึงว่ายังคงเป็นชุดอาวุธลับพวกนี้อยู่
อีกทั้งอาวุธลับชุดนี้นั้นมีมากกว่าอาวุธลับชุดก่อนหน้านั้น เปรียบเหมือนสายฝนโปรยปราย พวยพุ่งโจมตีมายังพวกเขาทั้งสี่คน หากแต่ว่าเป้าหมายหลักยังคงอยู่ที่ตัวนาง
“อ้าย……”
หลานจิ่นเอ๋อกรีดร้องด้วยความตกใจ และไปหลบอยู่ด้านหลังของเย่แจ๋หยิ่งทันที มือกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น
ขณะที่การโจมตีเป็นไปอย่างดุเดือด เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือไปจับไหล่ของหลานเยาเยา ยังไม่ทันจะยื่นมือไปถึง หลานเยาเยาก็หลบไปอีกทางหนึ่ง
เขาคิดจะตามไป ปกป้องนาง แต่กลับพบว่ามีคนดึงเสื้อของเขาไว้
ในความลังเลเพียงแค่เสี้ยววินาที เซียวจิ่นหยูก็มาอยู่ตรงหน้าของหลานเยาเยาเพื่อคุ้มกันนาง
ยังไม่ทันที่จะได้คิดวิเคราะห์ อาวุธลับที่พุ่งมาจากฟ้าก็มาถึง
“ติงตังติงตัง” เสียงดังแว่วมา เหมือนกับว่าเป็นเสียงของการปลดอาวุธที่ซ่อนอยู่ เสียงนั้นดังติดต่อกับโดยไม่มีที่สิ้นสุด
เวลานี้บนท้องฟ้าเริ่มมีละอองฝนโปรยลงมา จากนั้นเม็ดฝนยิ่งตกยิ่งหนักขึ้น ทำให้ผู้คนและสรรพสิ่งทั้งหลายที่อยู่ด้านล่างเปียกปอน
“โคร่มคร่าม…..”
อาวุธลับหยุดไปพร้อมกับเสียงฟ้าที่คำรามดังสนั่น จากนั้นก็มีกลุ่มคนชำดำกลุ่มใหญ่ออกมาจากทุกทิศทุกทาง ดาบในมือของพวกเขาเหมือนชักออกมานานแล้ว ทั้งยังถูกน้ำฝนชะล้างจนเงาวับ รอคอยเพียงเลือดที่จะมาดับความกระหาย
หลานเยาเยาหยิบมีดต่อสู้ภาคสนามออกมา กำแน่นไว้ในมือ สายตาพุ่งเป้าไปที่คนชุดดำที่พุ่งเข้ามา
ร่างกายที่แข็งแรงว่องไวของนางหายวับเข้าไปในกลุ่มคนชุดดำ สายตาที่ดุดันของนางเล็งเป้าไปที่คนชุดดำคนไหน คนชุดดำผู้นั้นก็จะกลายเป็นวิญญาณด้วยคมมีดของนาง
เซียวจิ่นหยูที่คิดจะคุ้มกันนางในตอนแรกเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็ตาสว่างขึ้นมาทันใด
รู้มานานแล้วว่านางไม่ธรรมดา คิดไม่ถึง นางไม่เพียงแต่มีความคิดที่ไม่ธรรมดา แต่ฝีมือการต่อสู้ก็เหนือความคาดหมาย
สักครู่ เขาก็เข้าไปร่วมในการต่อสู้ คิดจะเข้าไป สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลานเยาเยา
แต่นึกไม่ถึงว่า เย่แจ๋หยิ่งจะไวกว่าเขาไปก้าวหนึ่ง และหลานจิ่นเอ๋อผู้อ่อนแอก็ถูกส่งมาอยู่ต่อหน้าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาอดที่จะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจไม่ได้
แต่เขาก็จำเป็นต้องคุ้มครองหลานจิ่นเอ๋อที่อยู่ด้านหลัง
หลังจากที่หลานเยาเยาพุ่งเป้าตัดคอคนชุดดำอย่างเด็ดเดี่ยวและคล่องแคล่วว่องไว สายตาเหลือไปเห็นคนชุดดำด้านขวามือที่พุ่งเข้ามาหานาง
ขณะกำลังจะขยับฝีเท้า มีมือใหญ่โผล่มาโอบที่บริเวณเอว พานางหมุนไปรอบๆหนึ่งรอบ โดยที่นางก็ไม่ลังเลที่จะโยนมีดต่อสู้ไปด้านหน้า เส้นทางที่มีดต่อสู้พุ่งผ่าน จะได้ยินเสียงร้องที่น่าสังเวชดังขึ้น