หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 31 ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า

บทที่31 ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า

“แค่กแค่กแค่ก!”

ได้ยินคำพูดของฮัวหยู่อัน หลานเยาเยาก็ตกใจจนน้ำลายแทบสำลักออกมา นางโบกมือเอ่ยทันที

“ไม่ ไม่ ไม่ ใช้ตัวตอบแทนคุณวิธีนี้อย่าได้ใช้จะดีกว่า แค่ใช้วิธีหยาบกระด้างทั่วไปมาขอบคุณข้าก็พอแล้ว” นางต้องการเงินเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องการ!

“เจ้าดูถูกข้า?” ฮัวหยู่อันโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

ในบ้านเกิดของนาง ไม่มีใครดูดีไปกว่านางอีกแล้ว จำนวนคนที่ต้องการแต่งงานกับนางนั้นต่อให้นับยังนับไม่ถ้วน นางไม่รังเกียจเขา แต่เขากลับกล้า… หึ!

“ไม่นะ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน หากเจ้าฟังน้ำเสียงของข้าให้ดีๆแล้วเจ้าจะเข้าใจ”

เสียงของเธอนั้นไม่ได้ตั้งใจดัดแปลงให้เปลี่ยนไป จึงเป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่งที่จะได้ฟังออกว่าเป็นเสียงของผู้หญิง

“ไม่เป็นไร ต่อให้ท่านหน้าตาอัปลักษณ์ น้ำเสียงน่าเกลียด ข้าก็ไม่รังเกียจท่าน ท่านจะกังวลเรื่องอะไรกัน?”

เอ่อ! หน้าตาอัปลักษณ์?

น้ำเสียงน่าเกลียด? นี่มันสายตาแบบไหนกัน?

หลานเยาเยา อารมณ์เสียขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่มีอารมณ์ที่จะมาเอ่ยพูดจากับนางอีก อีกทั้งยังไม่อยากจะมานั่งอธิบายให้มากมายต่อไปอีกด้วย นางจึงเอ่ยออกมาโดยตรง

“เอาเถอะ เอาเถอะ ช่วยหนึ่งชีวิต ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เจ้าก็ถือซะว่าข้ากำลังทำความดีก็แล้วกัน!”

เดิมคิดว่าตนเอ่ยเช่นนี้แล้วเรื่องราวคงจะราบรื่นขึ้น แต่นึกไม่ถึงว่าฮัวหยู่อันยังคงดื้อรั้นอยู่เช่นเดิม

“ไม่ได้ อย่างไรท่านก็เห็นรูปร่างหน้าตาของข้าแล้ว ท่านจะต้องแต่งงานกับข้า ที่ท่านไม่ยินยอมนั่นเป็นเพราะท่านมีคนรักแล้วใช่หรือไม่?”

ดวงตาของหลานเยาเยาเปล่งประกายวาบขึ้นมา ข้ออ้างนี้ใช้ได้อย่างยิ่ง ขณะที่กำลังจะพยักหน้ารับ นางก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “บอกข้ามาว่านางเป็นใคร ข้าจะไปฆ่าเธอซะ แค่นี้เจ้าก็หมดเรื่องกังวลแล้ว”

“…”

หลานเยาเยาส่ายหัวทันที ดูเหมือนว่าที่นี่ไม่ควรจะอยู่นาน!

“ในเมื่อไม่มีคนรัก เช่นนั้นก็กลับไปแต่งงานกับข้าตอนนี้เสีย… “

แม่เจ้าโว้ย!

ฮัวหยู่อันนั้นดูแล้วอายุไม่ได้ห่างจากเธอไปสักเท่าไหร่ ยังเป็นช่วงดอกไม้แรกแย้มเท่านั้น ไม่ใช่หญิงชราอะไร เหตุใดจึงต้องรีบร้อนแต่งงานถึงเพียงนี้กัน?

“ปัง……”

เสียงดังมาจากฟากฟ้าทำลายการสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ลง ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งล้มลงมา ซ้ำยังล้มลงมาทางที่พวกนางกำลังอยู่พอดี

สมองของหลานเยาเยาแล่นอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยตะโกนเสียงดัง “ระวัง!”

หลังจากพูดจบ นางก็ผลักฮัวหยู่อันออก ก่อนจะพุ่งเข้าไปท่ามกลางม่านหมอกหนาทันทีในพริบตา

หลังจากวิ่งไปสักพัก นางค่อยหันหลังกลับไปฟังเสียงอย่างระมัดระวัง และพบว่าไม่มีเสียงรอยเท้าใดๆไล่ล่าตามนางมา นางจึงค่อยรู้สึกโล่งใจ

“ฮู้! ในที่สุดก็สลัดได้สักที”

โชคดีที่ตามไม่ทัน ไม่งั้นคงเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างยิ่งแน่ๆ

เมื่อหันกลับมามองกลุ่มม่านหมอกด้านหน้า สีหน้าท่าทางของหลานเยาเยาจึงค่อยแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

ม่านหมอกที่อยู่ด้านหน้านางนั้นบางเบาราวกับผ้าโปร่ง ทำให้สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นมาอีกนิด ซ้ำตะไคร่น้ำบนพื้นดูเหมือนจะมีรอยการถูกเหยียบย่ำ

มีคนผ่านมาที่นี่ และจากร่องรอยที่มีอยู่ ไม่ใช่ร่องรอยของสัตว์อย่างแน่นอน แต่เป็นมนุษย์อีกทั้งยังเป็นมนุษย์ผู้ชายด้วย

มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินมุ่งหน้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว…

ไม่รู้ว่าเดินไปเนิ่นนานแค่ไหน ต้นไม้รอบๆตัวนางเริ่มแปลกไปจากก่อนหน้า ต้นไม้ในที่แห่งนี้ล้วนเป็นต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน มีใบไม้เขียวแก่เต็มชอุ่ม

เมื่อมองแวบแรก มันให้ความรู้สึกที่ทั้งลึกลับและน่ากลัว

เห็นที นางคงจะเดินมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของป่าทึบแห่งนี้แล้ว ที่นี่ไม่มีม่านหมอกอีกต่อไป อากาศเงียบสงบ ไร้แม้กระทั่งเสียงรบกวนใดๆ ราวกับใบไม้มีความหนาแน่นจนแม้กระทั่งสายลมยังมิอาจพัดผ่าน

คิ้วของหลานเยาเยาขมวดเล็กน้อย และเดินก้าวเท้าเข้าไป

ยังเดินไม่ทันได้กี่ก้าว นางก็ได้ยินเสียง “กริ๊ก”ดังขึ้น ทันใดนั้นนางห่างจึงหยุดฝีเท้าลงทันที

จู่ๆดวงตาของนางก็หรี่ลงมา

“หวือ…”

“หวือ…”

อาวุธสองชนิดที่เปล่งประกายในความมืดพุ่งเข้ามาจากอากาศ และกำลังพุ่งมายังตรงหน้าของนาง ทันทีที่โดนมันนางก็จะจบชีวิตลงในทันใด

โชคดีที่นางตอบสนองอย่างรวดเร็วและหลบการโจมตีเอาชีวิตได้ทัน แต่ทันทีที่เท้าของนางเหยียบลงบนพื้น นางก็ได้ยินเสียงดัง “กริ๊ก”

น้องสาวเจ้าเถอะ!

เท้าเพิ่งจะถึงพื้นก็โดนกับดักเข้าอีกแล้ว

แต่คราวนี้ นางไม่เห็นอาวุธที่ซ่อนอยู่ จึงก้มลงศีรษะลงไปมองด้านล่าง ใบไม้ทั้งใหม่และเก่าบนพื้นจู่ๆก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที!

หลานเยาเยามองดู ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ดีขึ้นมาทันที ในพริบตานางจึงรีบพุ่งตัวเข้าหาสถานที่อื่นเพื่อปักหลัก

โชคดีที่ครั้งนี้นางไม่ได้ไปโดนกลไกเข้าอีกครั้ง!

นางหันกลับไปมองดูตำแหน่งที่ตนเองยืนอยู่เมื่อครู่ ก็พบว่ามีรากเหล็กแหลมคมอย่างยิ่งแทงทะลุพื้นดินขึ้นมามากมาย…

คราวนี้ นัยน์ตาของหลานเยาเยาจึงเข้มขึ้นมา

ตั้งแต่ได้เข้ามาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่านแห่งนี้ แม้ว่าม่านหมอกจะหายไป แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยอาวุธลับซ่อนอยู่ หากละเลยไปเพียงชั่ววินาที ก็จะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้อย่างแน่นอน

เห็นที นางจะต้องหาวิธีให้ได้!

หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาของนางก็สว่างขึ้นมา นางหมุนตัวกลับไปที่ด้านข้างของรากเหล็ก ก่อนจะดึงรากเหล็กอันแหลมคมออกมาทีละรากๆ นางกอดทั้งหมดเอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นจึงเหวี่ยงรากเหล็กออกไปข้างหน้า

เมื่อกระทบถูกกลไก ก็ค่อยโยนไปที่อื่น และหากไม่มีกลไกออกมาจึงค่อยกระโดดเข้าไป

ซ้ำในช่วงเดียวกัน นางก็หยิบอาวุธลับไปด้วยเท่าที่สามารถหยิบได้!

เพียงแต่!

นางไม่ได้สุ่มสี่สุ่มห้ามุ่งไปข้างหน้า แต่กลับก็โยนมันแค่ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้เท่านั้น

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที

หลานเยาเยามองย้อนกลับไปยังบริเวณที่เธอกำหนดขอบเขตเอาไว้ และเชื่อมต่อสถานที่ที่กลไกถูกเปิดออกเข้าด้วยกัน ใบหน้าของนางจึงเผยรอยยิ้มออกมา

ที่แท้ก็เป็นการจัดค่ายกลตามแบบ5ธาตุ8ข่วยนี่เอง!

เห็นทีจากนี้ไปคงง่ายขึ้นมาเยอะ

จากนั้น นางก็โยนสิ่งต่างๆมากมายในอ้อมแขนออกมา และกระโดดไปมาอย่างสบายๆ ขาทั้งสองข้างไม่เหยียบโดนกลไกอีกต่อไป

หลังจากผ่านค่ายกลมาได้ ดวงตาคู่นั้นก็เปล่งประกายสดใสขึ้นมา

สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของนางเป็นผืนหญ้าสีเขียวงดงามขนาดใหญ่ที่ ตรงกลางยังประดับประดาด้วยดอกไม้เล็กๆที่นางไม่รู้จักชื่อ!

เพิ่งจะเหยียบลงไปบนหญ้ากลิ่น จมูกของนางก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมสงบของหญ้าขึ้นมา….

หลานเยาเยายกมือขึ้นมาคลุมจมูกทันที

ที่นี่มองดูแล้วสวยงามราวกับภาพวาด แต่กลับเต็มไปด้วยสารประสาทหลอนที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น

ไม่มียาแก้พิษหลังจากดมเข้าไป ฤทธิ์อ่อนอาจทำให้เกิดภาพหลอนและไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้ ฤทธิ์แกร่งอาจทำให้กลายเป็นปีศาจคลุ้มคลั่ง ทำร้านตนเองจนตาย

นางรีบหยิบขวดยาที่มีกลิ่นแปลกๆออกมาจากระบบทันที และเทมันลงบนแถบผ้าสะอาดก่อนจะเอามาปิดจมูกของนางไว้

หากนางไม่ได้เข้ามาที่นี่ นางคงจะรู้สึกว่าม่านหมอกเหล่านั้นเป็นของจริงตามธรรมชาติ แต่หลังจากได้เข้ามาที่นี่แล้ว นางจึงรู้ว่าม่านหมอกเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่คนจงใจสร้างขึ้นมาเช่นกัน

เมื่อรวมกับอาวุธลับที่ซ่อนอยู่มากมาย อากาศพิษที่สามารถทำให้ผู้คนเป็นบ้า รวมถึงตำนานน่ากลัวพวกนั้น ก็พอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่ามีคนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาที่นี่

ดังนั้น······

ที่นี่จะต้องมีสมบัติแน่!

เมื่อนึกถึงสมบัติ ดวงตาของหลานเยาเยาก็สว่างไสวขึ้นมา

แต่จู่ๆ!

“ครืด… “

ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ที่หนักถูกเคลื่อนไหวเข้ามา ซ้ำยังอยู่ไม่ห่างจากนางอีกด้วย นางอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆตัว นอกจากต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นทุ่งหญ้า แม้กระทั่งหินสักก้อนยังไม่มีด้วยซ้ำ

เช่นนั้น อะไรที่กำลังถูกเคลื่อนย้ายกัน?

อย่างไรก็เสียงนี้ยังคงดำเนินไปไม่หยุด ซ้ำยังยาวนานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า ตรงกลางของทุ่งหญ้าอันราบเรียบ ก็มีช่องว่างเกิดขึ้น ซ้ำยังกว้างขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งทุ่งหญ้าเหล่านั้นหล่นลงไปในหลุมขนาดใหญ่เกือบเมตร

แย่แล้ว!

หลานเยาเยาดีดตัวกลับทันทีและซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้โบราณ

หลังจากนั้นไม่นาน

เสียงเคลื่อนที่ดัง “ครืดครืด” ก็หยุดนิ่งลง ผู้มีเงาอันคุ้นเคยเดินออกมาจากด้านใน…

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset